ตอนที่ 160 เจอความลับ
สำหรับจูลี่แล้ว ภาพนี้ช่างน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง แต่ภายในใจกลับเสียดายที่เนื้อหานี้ไม่สามารถออกอากาศสู่สาธารณะได้ ถ้านำไปออกอากาศได้ล่ะก็ จะต้องทำให้ผู้ชมรับรู้ได้ถึงความยากลำบากในการประมูลครั้งนี้ของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินได้อย่างแน่นอน
นอกจากการฟาดฟันสังหารแมงมุมสวรรค์แล้ว ทันใดนั้นพลันมีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น
จู่ๆ ก็มีประกายเยียบเย็นทะลวงผ่านร่างแมงมุมสวรรค์ตัวหนึ่งออกมา สะบั้นลงมาอย่างเกรี้ยวกราด
หลัวคังอันรีบเหวี่ยงทวนออกไปป้องกันด้วยแขนข้างเดียว ส่วนแขนอีกข้างก็คล้ายจะใช้งานอะไรไม่ได้แล้ว
ตู้ม! ทวนที่ป้องกันประกายเยียบเย็นเอาไว้ถูกกระแทกกลับมา กระแทกเข้าใส่หน้าอกของหลัวคังอันเอง “พรูด” หลัวคังอันกระอักเลือดออกมา ล้มลงไปทันที
จูลี่อกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างมาก แต่ทันใดนั้นภาพก็หยุดลงอย่างกะทันหัน จู่ๆ ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความมืด ในฉากแสงไม่มีภาพและเสียงใดๆ
จูลี่หันกลับไปถามด้วยความมึนงง “เกิดอะไรขึ้น?”
จิ้นเซียวเอ่ย “น่าจะถ่ายได้ถึงแค่ตรงนี้ กล้องวงจรปิดอาจจะได้รับความเสียหายในช่วงนี้ ภาพเหตุการณ์หลังจากนี้ถ่ายเอาไว้ไม่ได้”
“……” จูลี่พูดไม่ออก หันกลับไปมองฉากแสงที่มืดสนิท ภาพที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้น หายไปแบบนี้อย่างนั้นหรือ? เธอยังอยากดูต่อไปอีก
จิ้นเซียวถามว่า “นี่คือการประมูลเทพมหาวิญญาณที่สู้กันอย่างดุเดือดครั้งที่แล้วน่ะเหรอ?”
จูลี่ส่งเสียงอืม จู่ๆ คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเล่นวิดีโอซ้ำอีกครั้ง ย้อนกลับไปตอนที่หลัวคังอันโดนโจมตีจนล้มลง
ภาพในช่วงนี้เรียกได้ว่าถูกเธอฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากดูมาหลายครั้ง เธอก็คล้ายจะมั่นใจขึ้นมา เอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “หลังจากที่หลัวคังอันที่ถูกโจมตีจนล้มลง เห็นๆ อยู่ว่าไม่มีการสั่นสะเทือนใดๆ เลย แล้วจู่ๆ กล้องวงจรปิดจะเสียได้ยังไง? ก่อนหน้านี้กระแทกแรงกว่านี้ยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย ทำไมจู่ๆ ก็ถูกทำลายไปล่ะ?”
จิ้นเซียวมองดูเธอที่กำลังมองดูฉากแสงอย่างตั้งอกตั้งใจ เอ่ยถามว่า “ใครบอกให้คุณไปติดกล้องวงจรปิดอันนี้เหรอ?”
จูลี่ยังคงตั้งใจดูวิดีโออยู่ ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “อาชีพอย่างพวกเรา ถ้าต้องรอให้คนอื่นมาบอกว่าจะต้องทำอะไรก็ไม่มีทางได้ภาพเหตุการณ์สำคัญหรอก เรื่องที่คนอื่นๆ ต่างรู้กันหมดแล้วมันไม่ได้มีค่าอะไร เราต้องขวนขวายคิดหาวิธีเอาเอง”
จิ้นเซียวนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะบอกเธอว่า “คุณจูลี่ คุณไม่ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดอันนี้ นี่มันไม่ดีสําหรับคุณ”
“ฉันควรจะทำอะไรไม่จำเป็นต้องให้คุณมาสอนฉัน” จู่ๆ จูลี่พลันลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไป ไม่รู้ว่าวิ่งออกไปทำไม จิ้นเซียวหันกลับไปมอง
ไม่นานจูลี่ก็กลับมาอีกครั้ง ขนเอาเครื่องฉายฉากแสงอีกชุดหนึ่งเข้ามา หลังจากที่ฉากแสงฉายออกมา เธอก็เลื่อนวิดีโอไปจนถึงตอนที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินตกลงไปในภูเขาแล้วก็ถูกแมงมุมสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่ เธอเห็นภาพที่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าอื่นๆ จำนวนหนึ่งพุ่งลงไปในฝูงแมงมุมสวรรค์เหล่านั้น
เมื่อเห็นภาพนี้ เธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที เทพมหาวิญญาณเหล่านี้น่าจะเป็นคนที่โจมตีเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเมื่อครู่นี้
เธอกลับมาฉายภาพที่หลัวคังอันถูกโจมตีจนล้มลงจากเครื่องฉายแสงของจิ้นเซียวอีกครั้ง ครั้งนี้เธอลดความเร็วของวิดีโอลงแล้วฉายภาพอย่างช้าๆ ในที่สุดก็เห็นชัดแล้วว่าใครเป็นคนโจมตีเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน เป็นเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉวี่!
เมื่อหันกลับไปดูภาพจากเครื่องฉายของตัวเองอีกครั้ง เธอก็เห็นภาพเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินพุ่งออกมาจากฝูงแมงมุมสวรรค์ จากนั้นถูกเทพมหาวิญญาณกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้
บางครั้งก็เร่งความเร็วของวิดีโอ ภาพที่ไม่อยากดูก็จะเร่งความเร็วข้ามไป จนข้ามมาถึงตอนที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินและเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉวี่สู้กันอีกครั้ง
การต่อสู้รวดเร็วเกินไป จูลี่ค่อยๆ ลดความเร็วลงอีกครั้ง ดูทุกความเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กัน มองดูเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉวี่ถูกเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินแทงทวนทะลุหน้าอก
ภาพแล้วภาพเล่าที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้สีหน้าของจูลี่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างเห็นได้ชัด ปากเอ่ยพึมพำว่า “ก่อนหน้านี้เป็นหอการค้าตระกูลฉินที่ดูอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าหอการค้าตระกูลฉวี่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นหอการค้าตระกูลฉวี่ที่ดูอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าหอการค้าตระกูลฉิน ทำไมฉันรู้สึกว่าในนี้มันมีอะไรแปลกๆ?”
สายตาของจิ้นเซียววูบไหวเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินน่าจะแสร้งทำเป็นอ่อนแอ”
จูลี่ “ฉันรู้ว่าแสร้งทำเป็นอ่อนแอ แต่หลัวคังอันถูกหอการค้าตระกูลฉวี่โจมตีจนกระอักเลือด ถูกโจมตีจนล้มลงไป ถ้าจะแสดงความอ่อนแอแค่แสดงให้คนที่อยู่ด้านนอกเห็น อยู่ด้านในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอแบบนี้ด้วยเหรอ? แสร้งทำเป็นอ่อนแอให้ใครดู?”
เธอยื่นมือออกไป ฉายภาพที่หลัวคังอันถูกโจมตีจนล้มลงอีกครั้ง กระทั่งภาพมืดลงและขาดหายไป เธอก็ไม่รู้คิดถึงอะไรขึ้นมา จู่ๆ หันกลับไปถามว่า “ตอนที่รับงานตอนแรกคุณเคยบอกใช่ไหมว่าความเสียหายที่เกิดจากแรงปะทะปกติของหินผลึกที่อยู่ด้านในจะไม่เป็นระเบียบ?”
จิ้นเซียวผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างนิ่งเฉยว่า “ผมเคยพูดเหรอ?”
จูลี่เอียงศีรษะครุ่นคิด “เหมือนคุณจะเคยพูดนะ ฉันจำได้ลางๆ แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก หากว่ากันจากที่คุณบอกมา หากเอาลักษณะการแตกที่แตกอย่างละเอียดก่อนหน้านี้ของหินผลึกอันนี้มาเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในวิดีโอนี้ มันก็ดูไม่ค่อยปกติหรือเปล่า?”
จิ้นเซียวถาม “งานของปู๋เชวี่ยวิดีโอต้องตามสืบเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
จูลี่เอ่ยดูถูกว่า “พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก”
จิ้นเซียวนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “เรื่องที่คุณติดตั้งกล้องวงจรปิดนี่ มีคนรู้กี่คน?”
จูลี่เอ่ย “เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?”
จิ้นเซียวเกาศีรษะเล็กน้อย กระทั่งเธอจ้องไปที่วิดีโออีกครั้ง เขาก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “เรื่องที่ผมมาซ่อมหินผลึกให้คุณ นอกจากเหล่าโม่แล้วก็ยังมีใครรู้เรื่องนี้อีก?”
จูลี่ที่ตรวจดูภาพในวิดีโออย่างละเอียดตอบส่งๆ ไปว่า “หัวหน้าเหิงเทาเคยถามว่าคุณมาอยู่ที่นี่กับฉันทำไม”
จิ้นเซียวขมวดคิ้วขึ้นมา
จู่ๆ จูลี่พลันตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงหันกลับมาถามว่า “คุณถามเรื่องนี้ทำไม?”
ครั้งนี้จิ้นเซียวไม่ได้หลบตาเธอ หากแต่จ้องมองตรงๆ แล้วบอกเธออย่างจริงจังว่า “คุณจูลี่ ผมอยากเตือนคุณว่าเรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องรู้คําตอบก็ได้ อย่าสืบต่อไปเลยครับ ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดอันตรายกับคุณได้ ที่ผมพูดเพราะผมหวังดีกับคุณนะ”
“อันตรายอย่างนั้นเหรอ?” จู่ๆ จูลี่พลันกอดอก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เผยใบหน้ายิ้มเยาะออกมา “อาชีพอย่างพวกฉัน ถ้าหากจะต้องสืบเรื่องที่ไม่อาจให้ใครรู้ได้ของคนอื่น อย่างนั้นมันก็ต้องมีอันตรายอยู่แล้ว ซึ่งมันก็มีอันตรายจริงๆ นั่นแหละ การประมูลครั้งนี้มีคนตายไปไม่น้อยแล้ว แม้แต่เพื่อนสนิทของฉันที่เมืองหลวงก็ยังถูกคนฆ่าตายเพราะเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้”
เธอกัดฟันกรอดขึ้นมาเล็กน้อยในขณะที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ แอบแค้นอยู่ภายในใจ ขอแค่มีโอกาส เธอจะต้องลากคอไอ้พวกฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นออกมาให้ได้ จะต้องจับคนชั่วพวกนั้นมาลงโทษให้ได้!
จิ้นเซียวขมวดคิ้ว “ทําไมจะต้องเสี่ยงสืบเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองด้วยล่ะ?”
“คุณชักจะยุ่งเกินไปแล้วนะ” จูลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ปิดเครื่องฉายฉากแสงทั้งสองเครื่อง ดึงเอาหินผลึกที่เสียบอยู่ในอุปกรณ์ของอีกฝ่ายออกมาแล้วเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หมุนเก้าอี้ไปทางจิ้นเซียว กอดอกแล้วเอ่ยว่า “เอาล่ะ งานของคุณเสร็จแล้ว ว่ามา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่? แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนนะ ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะมาหลอกกันง่ายๆ ฉันไม่ให้คุณขาดทุนแน่นอน แต่คุณจะมาเรียกค่าใช้จ่ายสูงเกินไปไม่ได้เหมือนกัน!”
จิ้นเซียวยกมือขึ้นเกาศีรษะ เอ่ยเสียงอ่อนว่า “ไม่คิดเงิน” สายตาหลบหลีกสายตาของอีกฝ่ายอีกครั้ง คล้ายเขินอายเล็กน้อย
จูลี่นึกว่าตัวเองฟังผิด เบิกตาโตเอ่ยว่า “อะไรนะ?”
จิ้นเซียวคล้ายรวบรวมความกล้าขึ้นมา หันมาเผชิญหน้าแล้วเอ่ยว่า “ไม่คิดเงิน”
จูลี่ประหลาดใจ “หมายความว่ายังไง? ฉันบอกแล้วว่าไม่เอาเปรียบคุณ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่คุณรีบๆ พูดมา”
จิ้นเซียวลังเลอยู่พักหนึ่ง “ผมอยากหางานที่จริงจังและมั่นคง ปู๋เชวี่ยวิดีโอของพวกคุณยังต้องการคนไหม?”
จูลี่มึนงง “คุณอยากมาทำงานในปู๋เชวี่ยวิดีโอเหรอ?”
จิ้นเซียว “ผมเป็นผู้ช่วยให้คุณได้ ผมเป็นผู้บำเพ็ญเพียร งานยกของอะไรพวกนั้นผมทำได้หมด ถ้าคุณเจออันตรายผมก็ช่วยป้องกันคุณได้ ผมไม่ใช่แค่ซ่อมสิ่งนี้เป็นอย่างเดียวเท่านั้น พวกของที่ใช้ในการออกอากาศอย่างอื่นผมก็สามารถซ่อมได้เหมือนกัน” คล้ายว่าเพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นผู้บำเพ็ญเพียร เขาจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นออกไป แก้วชาบนโต๊ะใบหนึ่งลอยเข้ามาอยู่ในมือของเขา สายตาที่มองไปทางจูลี่แฝงไว้ด้วยความคาดหวังเล็กน้อย
จูลี่ยกมือขึ้นมาจับคางตัวเอง จากนั้นยืนขึ้น เอามือไพล่หลัง เดินกลับไปกลับมาพร้อมจ้องมองเขา
จิ้นเซียวถูกเธอมองจนรู้สึกอึดอัด
จู่ๆ จูลี่พลันหยุดฝีเท้าแล้วโน้มตัวลงมา จ้องมองเขาแล้วเอ่ยถามว่า “คุณบอกว่าคุณซ่อมอย่างอื่นเป็นด้วยเหรอ?”
จิ้นเซียวพยักหน้าหงึกๆ “ของที่เกี่ยวกับพวกวิดีโอ ผมน่าจะซ่อมได้หมด”
จูลี่ยืดตัวตรง ปลายลิ้นสีแดงสดเลียริมฝีปาก คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว ฝีมือของอีกฝ่ายเธอเองก็ได้เห็นกับตาไปแล้ว การที่ในสถานีมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถซ่อมนั่นซ่อมนี่ได้แบบนี้อยู่สักคนไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ซ้ำยังมีประโยชน์เสียอีก หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว จู่ๆ เธอพลันยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ได้ อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้!” กล่าวพลางยื่นมือออกไป ทำท่าเหมือนบรรลุข้อตกลงร่วมกัน
จิ้นเซียวรีบลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปจับมือของเธอไว้ สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของมือของจูลี่
จูลี่จับมือเขาแน่น “พรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่ปู๋เชวี่ยวิดีโอกับฉัน!”
จิ้นเซียวพยักหน้า “ครับ”
หลังจากปล่อยมือ จูลี่ก็ชี้ไปที่อุปกรณ์ของเขาอีกครั้ง “ขอฉันยืมของของคุณหน่อยได้ไหม”
“เอ่อ…”จิ้นเซียวหันกลับไปมองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ได้สิ”
จูลี่รีบยกของออกไปทันที เมื่อก้าวออกจากประตู เธอถึงได้พบว่าตัวเองดูวิดีโอเหล่านี้จนไม่รู้ตัวว่าฟ้าข้างนอกมืดแล้ว
เธอมีความกระตือรือร้นในการทำงานที่เต็มที่อยู่เสมอ ก็เหมือนกับใบหน้าของเธอที่มักจะเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา นี่คือเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
หลังหอบของกลับมาที่ห้องของตัวเองเธอก็มิได้หยุดพัก หากแต่หยิบของกินง่ายๆ มากินประทังความหิว ก่อนจะปิดประตูแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องที่เจอมาวันนี้
ช่วงกลางดึก จูลี่เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องของตัวเองคล้ายดวงวิญญาณ ฉากแสงทั้งสองยังคงส่องสว่าง
ในสมองของเธอกำลังหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ชุดหนึ่ง เริ่มจากภาพเหตุการณ์ที่เธอได้พบหลัวคังอันและหลินยวนเป็นครั้งแรก ทั้งความเยือกเย็นของหลินยวน ทั้งความขี้ขลาดตาขาวของหลัวคังอันที่กอดต้นขาของเธอเอาไว้เพราะกลัวตาย รวมถึงเหตุการณ์ที่ตนเองได้พบปะคนทั้งสองในภายหลัง สัญชาตญาณของเธอบอกเธอว่าในตัวหลินยวนจะต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ
จนกระทั่งเธอค้นพบโดยบังเอิญว่าเทพธิดาอาเหิงอาจจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับหลินยวน นั่นยิ่งทำให้เธอมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมากยิ่งขึ้น
คําพูดเหลวไหลที่หลัวคังอันพูดในตอนประมูล เรียกได้ว่าสอดคล้องกับพฤติกรรมในเวลาปกติของเขาทุกอย่าง เช่นนั้นการที่จู่ๆ ภายหลังกลับกลายเป็นเหมือนวีรบุรุษผู้กล้ามันหมายความว่าอย่างไร?
เห็นๆ อยู่ว่าถูกเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉวี่โจมตีจนล้มลงไป ถูกโจมตีจนกระอักเลือดออกมาแล้ว หลบอยู่ในตัวเทพมหาวิญญาณแล้วยังจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นอ่อนแอแบบนั้นอีกหรือ?
การวิเคราะห์ข้อสงสัยในหัวสมองของเธอมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ เธอพลันกำหมัดแล้วพูดกับตัวเองว่า “ภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินยังมีอีกคนหนึ่ง…เป็นเขาต่างหาก! คนที่เอาชนะเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลอื่นๆ ได้ก็คือเขา หลัวคังอันเป็นแค่หมากที่ใช้ปิดบังอำพรางเท่านั้น คนที่เรียนอยู่ที่หลิงซานสามร้อยปีแล้วยังเรียนไม่จบต่างหากถึงจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ที่แท้จริง! กระทั่งโอกาสที่จะมีชื่อเสียงไปทั่วหล้าเช่นนี้ก็ยังไม่เอา แม้แต่โอกาสที่จะได้รับทั้งชื่อเสียงเงินทองก็ไม่เอา เช่นนั้นเขาต้องการอะไร? เขาปิดบังอะไรเอาไว้กันแน่?”
สีหน้าของจูลี่มีความตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เธอรู้ว่าสัญชาตญาณของเธอนั้นถูกต้อง ตัวเองได้ค้นพบความลับสำคัญที่ควรค่าแก่การขุดคุ้ยอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย เวลานี้เรียกได้ว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ไม่รู้ว่าจิ้นเซียวปรากฏตัวขึ้นในห้องนั่งเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่งอยู่คนเดียวบนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่มืดสลัว เงยหน้าขึ้นไปมองแสงสว่างที่ส่องออกมาจากฉากแสงภายในห้องชั้นบนเป็นครั้งคราว
……
ฉินอี๋ทำงานจนดึกดื่นถึงจะกลับมาบ้าน หลังอาบน้ำเสร็จเธอก็มานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อจัดการตัวเอง
ไป๋หลิงหลงเข้ามาบอกราตรีสวัสดิ์ ขณะกำลังเตรียมจะกลับไปพักผ่อน จู่ๆ ฉินอี๋พลันเอ่ยขึ้นมาว่า “หลัวคังอันกับหลินยวนน่าจะพักผ่อนพอแล้ว แจ้งให้พวกเขากลับมาทำงานวันพรุ่งนี้”
ไป๋หลิงหลงมึนงง “มีแผนอะไรเหรอ?”
ฉินอี๋ “ไม่ได้มีแผนอะไร ถ้ามีเวลาไปอยู่กับผู้หญิง สู้กลับมาทำงานยังจะดีกว่า”
ถึงวันนี้เธอยุ่งซะจนไม่มีเวลาไปก่อกวนที่โรงอีหลิว แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะลืมเรื่องนี้
ไป๋หลิงหลงรู้สึกยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันที เธอเข้าใจแล้ว ที่แท้เธอคนนี้ไม่อยากให้หลินยวนกับลู่หงเยียนมีเวลาอยู่ด้วยกัน การใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้ช่างเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล แล้วก็ไม่มีการปิดบังอำพรางแม้แต่นิดเดียว
…………………………………………………………