ตอนที่ 168 รองประธานหลัว
เซียงหลัวเซ่อค่อนข้างลำบากใจ ตอนนี้เขามาดูแลทางหอการค้าตระกูลพานด้วยตัวเอง แล้วก็เห็นหอการค้าตระกูลพานกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายต่อหน้าต่อหน้า ไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้เลย จึงพยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน ถึงทำให้ฉินอี๋ยอมเปลี่ยนวันเซ็นสัญญาได้
หลังวางโทรศัพท์ลง ฉินอี๋เอ่ยพึมพำเบาๆ ว่า “ดูเหมือนเซียงหลัวเซ่อกับกงหู่จ้าวจะยังไม่รู้ว่าสองคนนั้นออกจากคุกไปแล้ว โจวหม่านเชากับพานชิ่งเก็บรักษาความลับได้ดีทีเดียว ดูเหมือนตอนนี้จะมีหลายฝ่ายที่รู้แล้ว ทุกคนต่างกำลังปิดสองตระกูลนั้นอยู่ น่าสนุก”
เธอเองก็แค่รับปากไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดที่จะเซ็นสัญญาอะไรในวันนี้เลย เธอรู้อยู่แล้วว่ากงหู่จ้าวกับเซียงหลัวเซ่อถูกเรื่องวุ่นวายพัวพันเอาไว้จึงมาที่นี่ไม่ได้
หรือต่อให้สองคนนั้นมาที่นี่จริงๆ เธอก็มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอยู่ดี เพราะโจวหม่านเชากับพานชิ่งกลับไปแล้ว!
ไป๋หลิงหลงพยายามกลั้นขำพร้อมส่ายศีรษะ คล้ายค่อนข้างเห็นใจเซียงหลัวเซ่อกับกงหู่จ้าว
อันที่จริงเรื่องบางเรื่องมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถึงจะมีสถานะสูงส่งแค่ไหน แต่ถ้าคนที่อยู่เบื้องล่างพากันปิดบังคุณเอาไว้ คุณมันเป็นแค่คนโง่เท่านั้น!
ฉินอี๋เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง “เรื่องของพวกเขาปล่อยไปก่อน จัดการเรื่องของพวกเราก่อน สิ่งที่ควรจะเตรียมก็เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว ขาดแค่เปิดตัวเท่านั้น! แจ้งสื่อที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเราจะจัดงานแถลงข่าว ป่าวประกาศไปทั่วทั้งดินแดนเซียนว่าหอการค้าตระกูลฉินได้เข้าสู่อุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณของกองทัพอย่างเป็นทางการแล้ว!”
หลังจากนั้นเธอก็เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าอีกครั้ง ทำการประชุมเรื่องบุคลากร เพื่อจะหารือในขั้นตอนสุดท้ายเรื่องการปรับโครงสร้างบุคลากรหลังจากที่หอการค้าตระกูลฉินเปลี่ยนรูปแบบอุตสาหกรรม
หลังผู้บริหารระดับสูงได้ข้อสรุปเรื่องการแต่งตั้งบุคลากรทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ตอนบ่ายก็มีการเรียกประชุมเพื่อทำการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
คนที่ได้รับแจ้งบางส่วนทยอยเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมที่สำนักงานใหญ่ของหอการค้า ในนั้นรวมไปถึงหลัวคังอันด้วย
คนที่มาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้มีทั้งคนที่ยินดีและมีคนที่กลุ้มใจ ยินดีเพราะถูกมอบหมายให้รับตำแหน่งสำคัญ กลุ้มใจเพราะถูกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยพอใจ แล้วก็มีบางคนที่ถูกมอบหมายให้รับตำแหน่งใหม่แล้วรู้สึกกดดันอย่างมาก
การแต่งตั้งตำแหน่งของหลัวคังอันถูกประกาศออกมาเป็นลำดับสุดท้าย เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน!
ถือว่าเป็นรองประธานคนที่สามของหอการค้าตระกูลฉิน รองประธานสองคนก่อนหน้านี้ล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ที่บุกน้ำลุยไฟอยู่ข้างกายฉินเต้าเปียน
ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังสนั่น หลัวคังอันมีใบหน้ายิ้มแย้ม ยืนขึ้นด้วยความรู้สึกยินดี โค้งกายให้กับทุกคนไม่หยุด
หลายๆ คนที่ได้รับแจ้งให้มาเข้าร่วมการประชุมแต่งตั้งก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เลย คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีรองประธานโผล่ออกมา!
แต่มันก็ไม่ได้ถือว่าน่าแปลกใจอะไรนัก เพราะว่าที่หอการค้าตระกูลฉินสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบอุตสาหกรรมได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ หลัวคังอันนับว่าเป็นตัวแปรสำคัญในสนามประมูล เรียกได้ว่าเขาคือผู้ที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของหอการค้าตระกูลฉิน เป็นผู้ที่สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงแก่ทั้งหอการค้าตระกูลฉิน!
ในการประชุมหารือเรื่องการปรับตำแหน่งบุคลากรก่อนหน้านี้ ความจริงมีคนที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่จะแต่งตั้งหลัวคังอันเป็นรองประธานหอการค้าเช่นเดียวกัน โดยยกเรื่องความสัมพันธ์ของหลัวคังอันกับเสวี่ยหลานออกมาพูด บอกว่าการแต่งตั้งให้เขาเป็นรองประธานหอการค้าคงจะไม่เหมาะหรือเปล่า?
แต่โชคดีที่การแต่งตั้งนี้ได้รับการเห็นชอบจากฉินเต้าเปียน
ฉินเต้าเปียนยังคงมีอิทธิพลอยู่ในหอการค้าตระกูลฉินอยู่ ภายในหอการค้าตระกูลฉินยังมีคนเก่าคนแก่ของฉินเต้าเปียนอยู่ไม่น้อย หรือพูดอีกอย่างคือในแง่หนึ่งแล้วเขาสามารถคานอำนาจกับฉินอี๋ได้ จะเข้าใจว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ฉินอี๋ขาดสติแล้วทำอะไรเหลวไหลก็ว่าได้ นี่เป็นเรื่องของความชื่นชอบ การตัดสินใจ รูปแบบการทำงานและนิสัยส่วนตัวที่ต่างกัน และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมฉินอี๋จึงมักจะแอบทำเรื่องบางเรื่องลับหลังพ่อของเธอ
ฉินอี๋เห็นด้วย ฉินเต้าเปียนที่เป็นท่านประธานใหญ่ที่เกษียณออกจากตำแหน่งไปแล้วผู้นี้ก็เห็นด้วย ต่อให้ภายในหอการค้าตระกูลฉินจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็ไม่เป็นปัญหา การเลื่อนตำแหน่งของหลัวคังอันได้รับการอนุมัติอย่างราบรื่น!
เพียงแต่หลายๆ คนยังไม่รู้ว่ารองประธานหอการค้าผู้นี้รับผิดชอบในเรื่องอะไร ความจริงในช่วงเวลานี้ หลัวคังอันที่นั่งในตำแหน่งรองประธานนี้ยังไม่มีหน้าที่ความรับผิดชอบอะไร ถ้าพูดให้ฟังดูแย่หน่อยก็คือเป็นแค่สัญลักษณ์ของหอการค้าที่ไม่มีอำนาจที่แท้จริงอะไรเท่านั้น
ช่วยไม่ได้ นี่เป็นคำสัญญาที่ฉินอี๋รับปากเขาเอาไว้ แล้วก็ไม่รู้ว่าความสามารถในด้านการบริหารของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ไหนเลยจะมอบงานและอำนาจที่แท้จริงไปให้เขาทำอะไรเหลวไหลได้ ต่อให้เธอตอบตกลง มันก็เป็นไปได้ยากที่ผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าจะยอมอนุมัติได้ ทุกคนมีเหตุผลมากมายที่จะขัดขวางหลัวคังอันไม่ให้ไปแบ่งอำนาจที่อยู่ในมือพวกเขา ดังนั้นการที่ให้เขาเป็นรองประธานหอการค้าแต่ในนามจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถยอมรับได้
จ่ายเงินเลี้ยงคนไม่มีความสามารถเอาไว้ นี่นับว่าดีต่อหลัวคังอันมากแล้ว
การแต่งตั้งตำแหน่งเสร็จเรียบร้อย รายชื่อคนที่ถูกแต่งตั้งถูกส่งไปยังแผนกต่างๆ ภายในหอการค้าตระกูลฉินในทันที หลังผ่านการประชุมภายในแผนกแล้ว นั่นก็นับว่าได้ทำการประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว!
“ผู้จัดการ ผู้จัดการ ยินดีด้วยค่ะ! ยินดีด้วยค่ะ!”
หญิงสาวคนหนึ่งถือเอารายชื่อผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในพื้นที่ทำงานของแผนกข้อมูล ร้องตะโกนเสียงดัง
ทุกคนที่กำลังทำงานอยู่ บ้างก็เงยหน้าขึ้นมา บ้างก็หันหน้ามองไป จูเก่อม่านที่กำลังก้มดูลูกน้องคนหนึ่งทำงานเงยหน้าขึ้นมาอย่างงุนงงเช่นกัน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาส่งเสียงดังโวยวายอะไรในเวลาทำงาน ทำเอาเธอขมวดคิ้วขึ้นมา
ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้อย่างไรอย่างนั้น จึงจงใจป่าวประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “หลัวคังอัน คุณหลัว ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานหอการค้าค่ะ! หลัวคังอัน คุณหลัว ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานหอการค้า…”
“ห๊า….” เสียงอุทานตกใจดังขึ้นมา พนักงานที่อยู่ในพื้นที่ทำงานพากันลุกขึ้นยืนกันเกือบหมด ต่างค่อนข้างตกใจ!
จูเก่อม่านเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน
“ผู้จัดการลองดูสิคะ นี่คือประกาศแต่งตั้งที่หอการค้าเพิ่งจะส่งให้แต่ละแผนก!” หญิงสาววิ่งมาตรงหน้าเธอ ยื่นหนังสือเวียนให้เธอดูด้วยความตื่นเต้น
จูเก่อม่านเองก็รีบรับไปไว้ในมือ ก่อนจะเห็นว่าด้านบนสุดของหนังสือเวียนคือประกาศแต่งตั้งของหลัวคังอัน เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินอย่างที่อีกฝ่ายว่ามาจริงๆ!
เธอแอบกัดริมฝีปากเล็กน้อย ความรู้สึกยินดีบนใบหน้ายากจะปกปิดเอาไว้ได้ แล้วก็แอบรู้สึกโมโหเล็กน้อยด้วย ตาบ้านี่ วันนี้มีการแต่งตั้งที่สำคัญขนาดนี้ทำไมถึงไม่บอกกันก่อนนะ จะทำเซอร์ไพรส์ให้ได้เลยใช่ไหม!
แต่ความเป็นจริง ตัวหลัวคังอันเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองจะถูกแต่งตั้งให้เป็นรองประธานหอการค้า
สรุปแล้วคือเป็นเพราะว่าชื่อเสียงของหลัวคังอันไม่ค่อยดีสักเท่าไร ฉินอี๋กลัวว่าจะทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาได้ กลัวว่าเดี๋ยวเรื่องดีจะกลายเป็นเรื่องแย่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่เปิดเผยอะไรออกไปล่วงหน้า เพราะอย่างไรเสียการแต่งตั้งตำแหน่งของหลัวคังอันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านบุคลากรในส่วนอื่นๆ อยู่แล้ว ดังนั้นจึงประกาศออกมาในตอนสุดท้ายทีเดียวเลย
“ขอฉันดูหน่อย ขอฉันดูหน่อย…”
พนักงานส่วนใหญ่ในแผนกข้อมูลล้วนเป็นผู้หญิงที่ทำงานละเอียด ในเวลานี้ต่างส่งเสียงเอะอะวิ่งกรูเข้ามา พากันแย่งหนังสือเวียนฉบับนั้น
หลังจากนั้นก็เรียกได้ว่ามีเสียงอุทาน ‘ว้าวๆ’ ดังขึ้นมาไม่หยุด เป็นรองประธานหอการค้าเลยนะ เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจรองลงมาจากประธานหอการค้าตระกลฉินเท่านั้น!
ยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่เรื่องสวัสดิการกับเงินเดือน นั่นมันก็เป็นเงินเท่าไรแล้ว!
เสียงที่ทุกคนกล่าวแสดงความยินดีกับจูเก่อม่านเรียกได้ว่าดังขึ้นไม่ขาดสาย จูเก่อม่านเอ่ยถ่อมตัวด้วยสีหน้ายินดีว่า “ยังไม่รู้เลยว่าจริงหรือเปล่า เดี๋ยวเอาไว้แน่ใจแล้วค่อยว่ากันนะ”
ความจริงภายในใจเธอรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริง เพราะหลัวคังอันเคยบอกเรื่องนี้กับเธอก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่วันนี้ปุบปับก็ประกาศเรื่องนี้ออกมาเลย
แต่ธรรมชาติของผู้หญิงเป็นอย่างไรก็คงจะรู้กันดี แม้นหลายๆ คนปากจะเอ่ยแสดงความยินดี แต่ภายในใจกลับรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นอย่างมาก อิจฉาริษยาในชะตาชีวิตของจูเก่อม่าน แอบคร่ำครวญอยู่ในใจ ทุกคนต่างเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ดูอีกฝ่ายสิว่าโชคดีแค่ไหน!
ได้ผู้ชายดีๆ ยังไม่ทันได้แต่งงานก็ได้เลื่อนตำแหน่งสามขั้นแล้วก็ได้ขึ้นเงินเดือนอีก หลายๆ คนพยายามมาทั้งชีวิตก็ยังทำไม่ได้เลย พอจะนึกภาพออกเลยว่าอีกฝ่ายใช้ชีวิตอยู่กับหลัวคังอัน เช่นนั้นก็ย่อมต้องได้อาศัยบารมีของรองประธานหอการค้าไปด้วย
แล้วก็มีคนลอบบ่นอยู่ในใจ ก็อีกฝ่ายทนได้นี่นา เรื่องของหลัวคังอันกับเสวี่ยหลานใหญ่โตขนาดนั้นก็ยังทนได้ ทำเหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น อะไรที่เธอควรได้ก็ย่อมต้องได้
สำหรับผู้หญิงในแผนกข้อมูลแล้ว จูเก่อม่านในเวลานี้นั้นน่าอิจฉาเป็นอย่างมาก ในสายตาของแต่ละคน จะมากจะน้อยก็ล้วนแต่มีประกายความอิจฉาปรากฏออกมาให้เห็น
“โอ้โห ดูสนุกกันทีเดียวนะเนี่ย!” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา
คนที่อยู่ในจุดสูงสุดของแผนกข้อมูล ผู้อำนวยการที่ดูแลแผนกข้อมูลมาแล้ว
ทันทีที่เห็นอีกฝ่าย สีหน้าของจูเก่อม่านก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบดุทุกคนว่ามัวทำอะไรกัน ให้รีบกลับไปนั่งทำงานของตัวเองต่อ ส่วนตัวเธอก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับอีกฝ่าย
หลังทักทายกันตามมารยาทเล็กน้อย ผู้อำนวยการก็หัวเราะพลางเอ่ยว่า “ผู้จัดการจูเก่อ ยินดีด้วยนะครับ…” กล่าวคำพูดแสดงน้ำใจเล็กน้อย
พูดทำนองว่าอันที่จริงแผนกของพวกเราก็ไม่ได้ว่างเหมือนอย่างที่คนอื่นๆ คิด บอกจูเก่อม่านว่าถ้ามีโอกาสก็ให้เชิญรองประธานหลัวมาเดินเล่นที่แผนกของเรา ความหมายที่แฝงอยู่ในวาจาก็คือหวังว่าต่อไปหลัวคังอันจะช่วยพูดถึงแผนกข้อมูลให้ผู้บริหารระดับสูงฟัง เพื่อที่ทางแผนกจะได้มีทรัพยากรและสวัสดิการเพิ่มขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าพนักงานที่ในเวลานี้ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานพากันส่งสายตาให้กัน ในใจนึกว่าอย่าทำเป็นเล่นไป ต่อไปเมื่อมีรองประธานหลัวกับผู้จัดการจูเก่ออยู่ อนาคตของทุกคนหลังจากนี้จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ คนในหลายๆ แผนกต่างคิดว่าพวกเธอว่างงานไม่ต้องทำอะไร หรือไม่ก็คิดว่าพวกเธอไม่ได้มีอำนาจอะไร พอเกิดปัญหาทำนองว่าข้อมูลถูกส่งมาช้า พวกเธอก็มักจะโดนด่าอย่างสาดเสียเทเสีย ตอนนี้เมื่อมีรองประธานหลัวมาคอยหนุนหลัง คิดว่าแผนกต่างๆ คงจะเกรงใจขึ้นมาบ้าง คงไม่มีทางปฏิบัติต่อพวกเธออย่างเลวร้ายเหมือนอย่างเมื่อก่อนอีก
หลังจูเก่อม่านตอบรับทางผู้อำนวยการตามมารยาทเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่า “ผู้จัดการ เลี้ยงข้าว!”
คนอื่นๆ พากันตะโกนเสริมขึ้นมาทันที “เลี้ยงข้าว! เลี้ยงข้าว! เลี้ยงข้าว!….”
จูเก่อม่านยิ้มเจื่อนปฏิเสธ สรุปแล้วคือไม่ตอบตกลง
เพราะเธอเพิ่งจะทำงานอยู่ที่หอการค้าตระกูลฉินได้ไม่กี่ปี เธอไหนเลยจะสะดวกทำเรื่องเลี้ยงข้าวคนในแผนกอย่างเอิกเกริกได้ แล้วอีกอย่าง เธอก็แค่อยู่ด้วยกันกับหลัวคังอัน เป็นแค่แฟนของหลัวคังอัน ไม่ใช่ภรรยาของหลัวคังอันเสียหน่อย
ท่ามกลางสีหน้าที่ดูผิดหวัง จูเก่อม่านหลบเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง ปิดประตู หยิบเอาโทรศัพท์มาโทรหาหลัวคังอัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “นี่ฉันเอง ได้ยินว่าคุณได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานเหรอ?”
หลัวคังอันหัวเราะออกมา เขาเพิ่งจัดการธุระตามขั้นตอนบางอย่างเสร็จ กำลังอารมณ์ดี อยากจะโอ้อวดเสียหน่อย แต่เมื่อฉุกคิดดูอีกที เขาก็กระแอมออกมาเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “อืม เพื่อจะได้รับแต่งตั้งเมื่อบ่ายนี้เอง”
จูเก่อม่านต่อว่าเล็กน้อย “ทำไมถึงไม่บอกก่อนล่วงหน้าล่ะ เพื่อนร่วมงานในแผนกแตกตื่นกันใหญ่เลย ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยเนี่ย เกือบจะต้องขายหน้าเลยรู้ไหม”
หลัวคังอันกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ซื่อบื้อจริงๆ เลย เรื่องแค่นี้เอง มีอะไรต้องอวดล่ะ ก่อนหน้านี้ก็เคยบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ ถึงกับต้องโทรมาถามเลยเหรอ?”
จูเก่อม่านออดอ้อน “โทรมาถามหน่อยไม่ได้เหรอไง?”
หลัวคังอันกล่าว “ทำไม ตอนเย็นจะตกรางวัลให้ฉันเหรอ?”
จูเก่อม่านพูดเสียงหวาน “อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันทำให้กิน”
หลัวคังอันว่า “อยากกินเธอ เธอก็รู้นี่”
จูเก่อม่านส่งเสียงชู่ว “ไปเลยไป ทะลึ่ง” แต่จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เดี๋ยวตอนเย็นรอเลิกงานพร้อมฉัน”
หลัวคังอันกล่าว “ตกลง”
หลังทั้งสองวางสาย จูเก่อม่านก็มีสีหน้ายินดี หลังรู้ว่าหลัวคังอันได้เป็นรองประธานหอการค้าจริงอย่างที่เขาพูดแล้ว เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าหลัวคังอันเป็นแพะรับปากแทนหลินยวนในเรื่องของเสวี่ยหลาน
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าไม่คุ้มที่หลัวคังอันไปทำแบบนี้ แต่เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว เธอพบว่าตัวเองอาจจะคิดอะไรตื้นเขินไปจริงๆ การตัดสินใจของหลัวคังอันต่างหากที่ถูกต้อง
ตอนนี้เธอถึงได้รู้สึกว่ารสชาติของการถูกคนอื่นอิจฉามันดีอย่างนี้นี่เอง!
เมื่อจัดการอะไรๆ เสร็จเรียบร้อย หลัวคังอันที่วางสายลงก็เริ่มเดินอาดๆ ออกไป ตรงไปยังห้องพักผ่อนของหลินยวน
ระหว่างทางที่ไปเขายังจงใจเดินอ้อมอีกเล็กน้อย เพื่อดื่มด่ำกับการถูกผู้คนเรียกขานว่า ‘รองประธานหลัว!”
เคาะประตูแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของหลินยวน ตรงไปนั่งลงที่โซฟา จุดซิการ์ขึ้นมามวนหนึ่ง “มีคำสั่งแต่งตั้งเป็นรองประธานมาแล้ว เพิ่งจะได้รับอนุมัติเมื่อกี้นี้ ฉินอี๋ไม่ได้ผิดคำพูด”
หลินยวนร้องอ้อ ถ้าอีกฝ่ายไม่บอกเขาก็ยังไม่รู้ จึงเอ่ยถามว่า “แกรับผิดชอบด้านไหน?”
นี่ต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่เขาสนใจ เพื่อเตรียมดูว่าจะให้หลัวคังอันแทรกซึมเข้าไปในงานของหอการค้าตระกูลฉินจากทางไหนดี เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของเขา
“เอ่อ…” หลัวคังอันผงะไปเล็กน้อย “ยังไม่ประกาศออกมาเลย”
หลินยวนกล่าว “เรื่องลานบำเพ็ญเพียร แกได้ไปคุยกับฉินอี๋หรือยัง?”
“….” หลัวคังอันหมดคำพูด พบว่าตัวเองไม่ควรมาเลย พบว่าคนผู้นี้จงใจทำลายความสุขชัดๆ
…………………………………………………