ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 169 ระบบข่ายพลังจื่อ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 169 ระบบข่ายพลังจื่อ

บรรยากาศภายในเมืองปู๋เชวี่ยแตกต่างไปจากเดิมอีกครั้ง เพราะหอการค้าตระกูลฉินได้สร้างความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่เป็นที่ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง สื่อต่างๆ ที่หอการค้าตระกูลฉินจ่ายเงินเพื่อเชิญมาได้ทยอยเดินทางมาถึง

เพื่อจะรักษาความสงบและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ ทางผู้พิทักษ์เมืองจำต้องส่งคนเข้ามาคอยตรวจตราและเฝ้าระวังอีกครั้ง

สำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินนั้นมีความรู้สึกเหมือนเปลี่ยนโฉมใหม่อย่างไรอย่างนั้น

ภายในห้องประชุม สื่อจากที่ต่างๆ มารวมตัวกัน

หลัวคังอันที่เป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินนั่งอยู่ในแถวหน้า สวมชุดสูทนั่งอย่างสง่างาม ใบหน้าแย้มยิ้มเล็กน้อย

อันที่จริงก่อนที่จะเข้ามาในงานก็ได้มีสื่อจำนวนไม่น้อยเข้ามาพูดคุยทักทายเขาแล้ว ด้วยคิดที่จะขอนัดสัมภาษณ์เขา

เนื่องเพราะตำแหน่งของเขาในเวลานี้ ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรตามใจชอบได้อีก จึงทยอยปัดเรื่องต่างๆ ไปให้หอการค้าตระกูลฉิน ให้สื่อต่างๆ ไปหาเจ้าหน้าที่ของหอการค้าตระกูลฉินที่ดูแลเรื่องนี้เพื่อทำการนัดหมายล่วงหน้า ส่วนหอการค้าตระกูลฉินจะให้โอกาสสื่อเหล่านั้นได้สัมภาษณ์เขาหรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องเป็นกังวล เพราะในเวลานี้เรื่องบางเรื่องที่มีความเกี่ยวพันกับภายนอก เขาจำเป็นต้องได้รับการเห็นชอบจากหอการค้าตระกูลฉินก่อนถึงจะสามารถทำได้

งานแบบนี้ ปู๋เชวี่ยวีดีโอที่เป็นเจ้าถิ่นย่อมต้องมาร่วมงานอย่างแน่นอน จูลี่เองก็มาแล้ว

สายตาของจูลี่มองเห็นหลัวคังอัน จึงรีบเดินเข้าไปหาทันที จับมือทักทายกับหลัวคังอัน “คุณหลัว ยินดีด้วยนะคะที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน”

หลัวคังอันตอบรับตามมารยาท “ขอบคุณครับๆ”

สายตาสังเกตเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าที่เดินตามอยู่ด้านหลังจูลี่ พบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองตัวเองอยู่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองตัวเองดูคล้ายแปลกๆ จึงอดเหลือบมองดูอยู่หลายทีไม่ได้

จูลี่รีบกล่าวแนะนำทันทีว่า “คนนี้คือจิ้นเซียวค่ะ เป็นผู้ช่วยที่ฉันจ้างมาใหม่ ต่อไปคงต้องรบกวนรองประธานหลัวช่วยชี้แนะด้วยค่ะ”

“ต้องรบกวนเช่นกันครับๆ” หลัวคังอันจับมือทักทายจิ้นเซียวเล็กน้อย ตัวเขาในวันนี้ดูมีหน้ามีตาอย่างมาก

จูลี่ฉวยโอกาสนี้ถามไปว่า “ทำไมไม่เห็นหลินยวนล่ะคะ?”

หลัวคังอันไม่ได้คิดอะไรมาก ตอบกลับไปว่า “ไม่รู้สิครับ คุณมีธุระจะคุยกับเขาหรือครับ?”

จูลี่รีบบอกปัด “ไม่มีค่ะๆ แค่ปกติเห็นพวกคุณอยู่ด้วยกัน จู่ๆ พอไม่เห็นก็เลยรู้สึกไม่ค่อยชิน”

เมื่อพิธีกรก้าวขึ้นไปบนเวทีพร้อมขอให้ทุกคนนั่งประจำที่แล้ว งานแถลงข่าวก็นับว่าเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ จูลี่จึงได้แต่ต้องขอตัวออกไปก่อน

หลังภายในงานอยู่ในความเงียบ พิธีกรก็เริ่มเอ่ยเปิดงานอย่างกระตือรือร้น จากนั้นเชิญเจ้าของงานในวันนี้ขึ้นมาบนเวที

ภายใต้กล้องของสื่อต่างๆ ที่จับจ้องไปบนเวที ฉินอี๋ที่แต่งตัวสง่างามเดิมขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ด้วยตัวเอง

นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยนัก ที่ผ่านมาเธอจะไม่ปรากฏตัวขึ้นในงานแบบนี้ด้วยตัวเอง

…..

ความจริงหลินยวนเองก็แอบเข้ามาในห้องประชุมอย่างเงียบๆ แล้วเช่นกัน ภายในงานไม่ได้เตรียมที่นั่งเอาไว้ให้เขา แต่เขาก็ยังอาศัยบัตรพนักงานชั้นสวรรค์เข้ามาในงานได้ ไม่มีที่นั่งก็ได้แต่ต้องยืนหลบอยู่ในมุมอย่างเงียบๆ เขาเองก็ไม่อยากจะปรากฏตัวอยู่ในกล้องเช่นเดียวกัน ยืนหลบมุมอยู่ตรงนี้ดีจะตาย

ที่เขาเข้ามาก็เพราะอยากดูว่าหอการค้าตระกูลฉินจัดงานใหญ่โตเช่นนี้ด้วยคิดจะทำอะไรกันแน่ เพื่อที่ตัวเองจะได้วางแผนขั้นต่อไปได้

เมื่อเห็นฉินอี๋ที่ยืนงามสง่าอยู่บนเวทีกำลังกล่าวสุนทรพจน์อย่างสุขุมเยือกเย็น อาศัยเพียงบุคลิกท่าทางนี้ก็แตกต่างจากเมื่อในอดีตอย่างมากแล้ว สายตาของหลินยวนที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอดจ้องมองดูทุกความเคลื่อนไหวของฉินอี๋ไม่ได้ นึกเปรียบเทียบฉินอี๋ในเวลานี้กับฉินอี๋เมื่อในอดีตโดยไม่รู้ตัว ฉินอี๋ในเวลานี้ไม่ใช่หญิงสาวที่คุยกับผู้ชายแปลกหน้าเพียงสองสามคำก็หน้าแดงคนนั้นแล้ว

…..

จูลี่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร สายตายังคงกวาดมองไปรอบๆ เรื่องการถ่ายภาพถ่ายวิดีโอเช่นนี้มีลูกน้องทำให้ พวกวิธีการทำงานเป็นทีมเธอได้สอนลูกน้องจนทำเป็นกันหมดแล้ว ยามนี้จึงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไร

เธอยังหาตัวคนที่เธออยากเจอไม่พบ สายตาวกกลับไปยังฉินอี๋ที่ดูงามสง่าอยู่บนเวที ทันใดนั้นสายตาพลันสาดประกาย ภายในหัวพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ คิดถึงนิสัยของหลินยวนขึ้นมา คนผู้นั้นไม่ชอบยืนอยู่ในที่สว่าง

เมื่อสงสัยว่าวิธีการค้นหาของตัวเองมีความผิดพลาด เธอถึงเหลียวหน้ากลับไปทันที สายตาเริ่มค้นหาตามหลืบมุมที่อยู่รอบๆ

สุดท้ายสายตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา เธอหาเจอแล้ว เจอหลินยวนอยู่ตรงมุมด้านหลังสุด อยู่ค่อนข้างห่างจากที่นี่ ประกอบกับมุมที่หลินยวนยืนอยู่ หากไม่สังเกตให้ดีก็ยากจะมองออกได้ว่าเป็นเขา

หลังนั่งนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งเธอก็ลุกขึ้นยืน โค้งตัวให้คนที่อยู่ข้างๆ เพื่อเป็นการขอโทษ เดินออกมาจากที่นั่ง

จิ้นเซียวที่สังเกตเห็นเธอลุกออกจากที่นั่งก็ลุกขึ้นตามออกไปทันที

เมื่อได้เจอคนคุ้นหน้า สายตาของหลินยวนวูบไหว มองเห็นจูลี่ที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม

จากตำแหน่งที่เขายืนอยู่ อีกทั้งมุมที่เขายืนอยู่ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้เดินผ่านมาทางนี้โดยบังเอิญ หากแต่จงใจเดินเข้ามาหาเขา ความคิดพินิจพิเคราะห์อย่างลึกซึ้งปรากฏขึ้นในสายตาของหลินยวนเพียงวูบหนึ่งแล้วหายไป

“คุณหลิน หลายวันนี้ไม่เจอกันเลยนะคะ” จูลี่เดินยิ้มเข้ามาจับมือ

เธอรู้ว่าหลินยวนพักอยู่ที่ไหน กระทั่งเคยคิดจะไปหาเขาถึงที่ด้วย แต่จะมากจะน้อยเธอก็ยังมีความระมัดระวังอยู่ กลัวว่าการทำอะไรกระโตกกระตากแบบนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้

แต่ความระมัดระวังของเธอก็เป็นเพียงแค่ความระมัดระวังของคนธรรมดา เมื่อเทียบกับคนบางคนแล้ว ความระมัดระวังของเธอไม่ได้มีค่าให้พูดถึงเลย

หลินยวนเหลือบมองดูจิ้นเซียวที่เดินตามอยู่ด้านหลังเธอ ค่อยๆ ยื่นมือออกไปเช่นกัน จับมือเธอเพียงเล็กน้อยแล้วปล่อยออก คล้ายแมลงปอที่ใช้ก้นแตะผิวน้ำอย่างไรอย่างนั้น

จูลี่ที่ยิ้มแย้มสดใสกลับไม่ได้ใส่ใจอะไร หมุนตัวไปยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ หลินยวนเช่นกัน สายตาจับจ้องไปบนเวที เอ่ยชื่นชมว่า “ฉันเคยเจอผู้หญิงมาไม่น้อย แต่ต้องยอมรับเลยว่าผู้หญิงที่ทั้งสวยและมีความสามารถเหมือนอย่างประธานฉินนั้นหาได้ยากจริงๆ”

หางตาของหลินยวนเหลือบมองดูผู้หญิงที่พยายามหาเรื่องมาพูดคุยคนนี้เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร

เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร จูลี่จึงเหลียวหน้ากลับมา ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ทำไมถึงไม่ไปหาที่นั่งล่ะคะ มายืนหลบมุมอยู่ตรงนี้ทำไม?”

หลินยวนตอบตรงๆ “ไม่วุ่นวาย”

“ก็จริง” จูลี่พยักหน้าเห็นด้วย ยังคงพูดต่อว่า “ได้ยินว่าคุณหลัวได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานหอการค้าแล้ว”

หลินยวนกล่าว “นี่ไม่ใช่ความลับอะไร”

จูลี่กล่าว “ทำความดีความชอบให้กับหอการค้าตระกูลฉินขนาดนี้ ตกรางวัลขนาดนี้ก็ไม่แปลกอะไร คุณหลัวได้เป็นรองประธานแล้ว คุณเป็นผู้ช่วยคุณหลัว ดูแล้วรางวัลก็คงจะไม่ใช่น้อยๆ ใช่ไหมคะ?”

หลินยวนกล่าว “มีเงินรางวัล”

จูลี่ประหลาดใจ “แค่เงินรางวัลนิดหน่อยหรือคะ? ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งให้คุณหรือคะ?”

หลินยวน “น้ำขึ้นเรือย่อมลอยสูง”

“….” จูลี่ถูกคำพูดนี้ตอกกลับจนพูดไม่ออก อีกฝ่ายพูดถูก กลายเป็นผู้ช่วยของรองประธาน นั่นก็ย่อมต้องถือว่าได้เลื่อนตำแหน่งไปด้วย แต่เธอก็ยังอดหยั่งเชิงไปไม่ได้ว่า “คุณหลัวได้เป็นรองประธาน คุณไม่อิจฉาหรือคะ?”

ทันทีที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา จิ้นเซียวที่อยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

หลินยวนไม่ได้ตอบอะไร สายตาคล้ายถูกความเคลื่อนไหวบนเวทีดึงดูดเอาไว้

บนเวทีมีเรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างมากปรากฏขึ้นมาจริงๆ หอการค้าตระกูลฉินได้เผยไพ่ตายที่เก็บซ่อนมาโดยตลอดออกมาแล้ว : เจออู๋จื่อ!

ฉินอี๋เชิญเจออู๋จื่อขึ้นมาบนเวทีด้วยตัวเอง ป่าวประกาศต่อทุกๆ คนว่าเขาเป็นผู้ควบคุมหลักในการสร้างข่ายพลังของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน

เรื่องนี้เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทุกๆ คนที่อยู่ภายในห้องประชุมอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจออู๋จื่อจะยังมีชีวิตอยู่!

รองประธานคนที่สี่ของหอการค้าตระกูลฉินได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ฉินอี๋ได้ประกาศแต่งตั้งให้เจออู๋จื่อเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินต่อหน้าทุกคน โดยรับผิดชอบในเรื่องการสร้างข่ายพลังของเทพมหาวิญญาณ

ขณะเดียวกันก็ป่าวประกาศต่อทั้งดินแดนเซียนว่าข่ายพลังของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินจะใช้ชื่อว่า ‘ชุดข่ายพลังจื่อ’ ตามชื่อเจออู๋จื่อ!

สื่อต่างๆ ที่อยู่ภายในห้องประชุมต่างตื่นเต้นขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าเจออู๋จื่อที่ตายไปแล้วจะยังมีชีวิตอยู่ คิดไม่ถึงว่าจะเข้ามาอยู่ในหอการค้าตระกูลฉิน!

กล้องของสื่อพากันจับภาพไปที่เจออู๋จื่อที่ยืนภาคภูมิใจอยู่บนเวที

ที่ผ่านมา หลายคนต่างสงสัยว่าเหตุใดหอการค้าตระกูลฉินที่ไม่เคยข้องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณถึงได้เข้าร่วมการประมูลและเอาชนะมาได้ในครั้งเดียว

ตอนนี้ ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว!

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย กระทั่งหลินยวนที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเองก็ยังรู้สึกตกใจไม่น้อย ในอดีตตอนที่เจออู๋จื่อผู้นี้มีชื่อเสียง เขาเองก็เคยคิดจะชิงข้อมูลมาจากคนผู้นี้เหมือนกัน แต่ผลสุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว กลับไปมือเปล่า เจออู๋จื่อถูกคนฆ่าตายไปแล้ว ยังจะชิงอะไรได้อีก

แต่ใครจะไปคิดถึงว่าเจออู๋จื่อจะแกล้งตาย กระทั่งเขาก็ยังไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าเจออู๋จื่อจะถูกหอการค้าตระกูลฉินดึงมาอยู่ด้วย

เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าหอการค้าตระกูลฉินทำเรื่องนี้สำเร็จได้อย่างไร ทำไมถึงชิงตัวคนผู้นี้มาจากยอดฝีมือที่แข็งแกร่งจำนวนมากขนาดนั้นโดยไม่มีใครรู้ตัวได้!

“คุณหลิน ขอตัวก่อนนะคะ” จูลี่รีบกล่าวลา ก้าวอาดๆ ไปยังกลุ่มพนักงานของตัวเอง จู่ๆ ในงานแถลงข่าวก็มีเรื่องที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา กระทั่งเธอก็ทนไม่ไหว รีบวิ่งกลับไปสั่งการด้วยตัวเอง กลัวว่าพนักงานของตัวเองจะพลาดอะไรไป

สายตาของหลินยวนในเวลานี้ถึงได้ละจากเวที จ้องมองแผ่นหลังของเธอที่เดินห่างออกไป แววตาเย็นชา

….

งานแถลงข่าวของหอการค้าตระกูลฉินจบลงไปได้ไม่นาน งานแถลงข่าวที่น่าตกตะลึงนี้ก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วทั้งดินแดนเซียน

จนกระทั่งในเวลานี้ ในที่สุดหอการค้าตระกูลฉินที่ดูลับๆ ล่อๆ ก็กระชากผ้าคลุมออก ประกาศกร้าวต่อทั่วทั้งดินแดนเซียนว่าตัวเองจะเข้าสู่อุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณของกองทัพ!

เรียกได้ว่ายามที่อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่พอลงมือกลับสร้างความตื่นตะลึงได้เป็นอย่างมาก สภาเซียนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ส่งคนมาสอบถามรายละเอียดอีกครั้ง

ฉินอี๋ฉวยโอกาสนี้ทำการเจรจารอบที่สองกับทางสภาเซียนอีกครั้ง ยังคงเสนอเงื่อนไขเดียวกับที่เคยเสนอให้สภาเซียนก่อนหน้านี้ โดยขอให้ทางสภาเซียนส่งกองทัพมาทำการปกป้องคุ้มครองการผลิตของหอการค้าตระกูลฉินเป็นการเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีมาสร้างปัญหาวุ่นวาย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกทางสภาเซียนปฏิเสธไป

แต่เหตุผลที่เสนอเพิ่มไปในครั้งนี้คือเจออู๋จื่อเคยถูกลอบสังหารมาแล้วครั้งหนึ่ง!

การกระทำของฉินอี๋ในครั้งนี้มีความนัยลึกซึ้งแฝงอยู่หลายอย่าง เมื่อมีกองทัพของสภาเซียนคอยปกป้อง หอการค้าตระกูลฉินก็จะประหยัดต้นทุนไปได้จำนวนมาก แล้วก็ยังป้องกันความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งด้วย

เพราะครั้งนี้หอการค้าตระกูลฉินแย่งเอาเนื้อชิ้นใหญ่มาจากปากคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นหอการค้าตระกูลฉินยังได้กินเนื้อชิ้นนี้เพียงคนเดียวด้วย ล่วงเกินกลุ่มอำนาจไปไม่น้อย หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานเป็นแค่เพียงภัยคุกคามที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น ไกลออกไปยังมีหอการค้าตระกูลเผย หอการค้าตระกูลฉวี่กับหอการค้าตระกูลอู มีหรือที่พวกเขาจะนั่งมองดูหอการค้าตระกูลฉินชิงเอาผลประโยชน์ก้อนนี้ไปโดยไม่ทำอะไรได้?

แต่ถ้าดึงเอากองทัพมาเข้าร่วมด้วยล่ะก็ ถ้าดึงเอากองทัพมาร่วมรับผิดชอบด้วยกันล่ะก็ เช่นนั้นมันก็จะแตกต่างกันอย่างมาก ผลประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

แต่แน่นอน นี่ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ต้องมาว่ากันในภายหลัง

……

หลินยวนที่เลิกงานกลับมาถึงโรงอีหลิว ส่งสายตาให้ลู่หงเยียนที่กำลังคุยเล่นอยู่กับจางเลี่ยเฉิน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง

ลู่หงเยียนหาข้ออ้างปลีกตัวออกมา จากนั้นตามเข้าไปในห้อง หลังปิดประตูแล้วก็เดินเข้าไปหาหลินยวนที่กำลังรออย่างเงียบๆ เอ่ยถามว่า “มีอะไรหรือเพคะ?”

หลินยวนกล่าว “จูลี่คนนั้นอาจจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่ควรรู้เข้าแล้ว วันนี้ฉันเจอเธอ เธอเหมือนจะพยายามใช้คำพูดมาหยั่งเชิงดูท่าทีของฉัน”

ลู่หงเยียนกล่าว “อาจจะมีปัญหาจริงอย่างที่ว่าเพคะ หม่อมฉันกำลังรอพระองค์กลับมาเพื่อคุยเรื่องนี้พอดีเพคะ จิ้นเซียวที่เป็นผู้ช่วยคนใหม่คนนั้น หม่อมฉันได้ไปสืบตัวตนเขามาจากทางเมืองหลวงแล้วเพคะ ตอนอยู่ที่เมืองหลวงจิ้นเซียวไม่ค่อยไปมาหาสู่กับคนอื่นเท่าไร มักจะไปไหนมาไหนคนเดียว คนที่มาหาเขาบ่อยๆ ก็เป็นพวกคนของสถานีออกอากาศ จิ้นเซียวคนนี้เชี่ยวชาญทักษะอยู่ทักษะหนึ่ง เขาถนัดเรื่องซ่อมแซมหินผลึกเก็บภาพและเสียงที่เสียหายเพคะ”

นับตั้งแต่ที่หลินยวนสงสัยในตัวจูลี่และให้เธอสืบดูว่าหลังจากนั้นมีอะไรผิดปกติหรือไม่ เธอก็ไม่พบความผิดปกติอะไร แต่กลับพบว่าข้างกายจูลี่มีผู้ช่วยที่ชื่อจิ้นเซียวเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง เธอย่อมต้องทำการสืบประวัติของจิ้นเซียวคนนี้

หลินยวนหันขวับมาทันที ถามยืนยันอีกครั้งด้วยความตกตะลึงและสงสัยว่า “ถนัดเรื่องซ่อมหินผลึกที่พังเสียหาย?”

ลู่หงเยียนพยักหน้า “ใช่เพคะ ทางสถานีออกอากาศที่เมืองหลวงเคยมีคนเห็นฝีมือของเขา หินผลึกเก็บภาพและเสียงที่เสียหายจนไม่เหลือสภาพเดิมก็ยังถูกเขาซ่อมกลับมาเหมือนเดิมได้ ดังนั้นเวลาที่มีปัญหาเรื่องนี้จึงมักจะไปหาเขา หม่อมฉันเองก็ไม่รู้ว่ากล้องวงจรปิดที่พระองค์บอกว่าพระองค์ทำลายไปแล้วมันเสียหายถึงขนาดไหนกัน หม่อมฉันกำลังรอพระองค์กลับมาเพื่อจะถามเรื่องนี้ ตอนที่พระองค์ลงมือได้ถูกถ่ายเอาไว้ไหมเพคะ?”

………………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท