ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 178 ลูกเหนือกว่าพ่อ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 178 ลูกเหนือกว่าพ่อ

เสียงคร่ำครวญที่เจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวของโจวหม่านฟางทำให้คนฟังรู้สึกหนังหัวชาหนึบ เธอจะมาหาเขา แต่เขารีบแจ้งให้คนควบคุมตัวเธอเอาไว้ทันที ไม่ให้โจวหม่านฟางมาก่อเรื่องวุ่นวายที่หอการค้า ปัญหาภายในครอบครัวบางอย่างไม่จำเป็นต้องมานั่งทะเลาะกันที่นี่

เขาเข้าใจว่าพี่สาวรู้สึกอย่างไร เธอคิดว่าเขาใช้ประโยชน์จากตระกูลเจ้า ใช้ประโยชน์จากพ่อลูกตระกูลเจ้า แต่เขากลับไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ทำไมทรัพย์สมบัติของตระกูลโจวต้องให้หลานนอกด้วย?

เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ท่าทีของโจวหม่านฟางไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเขาอีกแล้ว

แต่เรื่องนี้ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าความแค้นของเผิงซียังไม่สลายหายไป หลังรู้ว่าเขากลับมา อีกฝ่ายจึงไปบอกความจริงกับโจวหม่านฟาง จงใจที่จะแก้แค้นเขา

เผลอๆ เผิงซีอาจจะคิดใช้ประโยชน์จากวิดีโอมาก่อความวุ่นวายก็เป็นได้ แต่ด้วยอิทธิพลที่เขามีอยู่ เรื่องแค่นี้ไม่อาจสั่นคลอนเขาได้ หากไม่มีพยานที่แน่นหนาพอ เขาสามารถบอกว่าเป็นเพราะหานชิงเอ๋อร์ถูกทรมานจนต้องรับสารภาพก็ได้

เป็นเพราะกฎเกณฑ์ของดินแดนเซียน คิดว่าไม่มีใครแอบเลี้ยงลูกอย่างลับๆ เหรอ?

เขานึกภาพออกเลยว่าหากไม่เป็นเพราะเผิงซีกลัวว่าถ้าเก็บคนเอาไว้แล้วจะเป็นการเหลือทางถอยให้กับตระกูลกงหู่ หากไม่เป็นเพราะกลัวว่าจะถูกแทนที่ และต้องการทำลายความคิดนี้ของตระกูลกงหู่ไป บางทีเผิงซีอาจจะเก็บหานชิงเอ๋อร์กับเมิ่งซู่มาเล่นงานเขาก็เป็นได้

หลานนอกทรยศตัวเอง น้องสาวก็หนีตามไป ลูกสาวของตัวเองตายแล้ว ลูกชายก็ตายแล้ว ตอนนี้พี่สาวยังเคียดแค้นเขาจนอยากจะฆ่าเขาทิ้งอีก

การตายของหานชิงเอ๋อร์และเมิ่งซู่ทำให้เขาเจ็บปวดจนหัวใจแทบแหลกสลาย ในตอนที่รู้ความจริงเขาเกือบหมดสภาพจนไม่อยากจะทำอะไรอีก เขาไม่เข้าใจ เผิงซีรู้ความลับนั้นได้อย่างไร?

เขาทำอย่างเงียบๆ และระมัดระวังเป็นที่สุด ปัญหาอะไรที่ควรเก็บกวาดก็เก็บกวาดไปหมดแล้ว ไม่มีทางที่ความลับจะเล็ดรอดออกมาได้ เพราเขารู้ว่าถ้าเกิดความลับนี้เปิดเผยออกมาก่อนถึงเวลา มันจะเกิดอะไรขึ้น นอกจากตัวเขากับหานชิงเอ๋อร์แล้ว น่าจะไม่มีบุคคลที่สามที่รู้เรื่องนี้แล้วถึงจะถูก เพื่อความปลอดภัยแล้ว กระทั่งตัวเมิ่งซู่เองก็ยังไม่รู้เลย แล้วทำไมเผิงซีถึงรู้ได้?

ครอบครัวที่ก่อนหน้านี้ห้อมล้อมอยู่ข้างกายเขา ยามนี้เหลือตัวเขาแค่เพียงลำพัง โจวหม่านเชาที่ยืนอยู่หน้ากระจกค่อยๆ หลับตาลง ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกอ้างว้างและโดดเดี่ยว เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

แต่เวลาที่เหลือให้เขาโศกเศร้ามีอยู่ไม่มาก เขายังต้องก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก

เขาไม่มีทางปล่อยเผิงซีไป เผิงซีเองก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป ต่างฝ่ายต่างไม่มีวันอยู่อย่างเป็นสุขหากอีกฝ่ายยังไม่ตาย ยากที่จะสลายความแค้นนี้ไปได้ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากอีกแล้ว

ส่วนหอการค้าตระกูลฉินที่เป็นตัวต้นเหตุ ตอนนี้หอการค้าตระกูลโจวเสียหายอย่างหนัก ตระกูลกงหู่ไม่ยอมให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือ หอการค้าตระกูลโจวจึงได้แต่ต้องคิดหาทางช่วยเหลือตัวเอง หาทางที่จะก้าวข้ามอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ น้ำใจจากคนอื่นคงอยู่แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ยากจะคงอยู่ตลอดไป หากยังคงไม่เห็นเงินไปเรื่อยๆ ช้าเร็วจะต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน ปัญหานี้จำเป็นต้องแก้ไข ไหนเลยจะยังมีกำลังและเวลาไปเล่นงานหอการค้าตระกูลฉินได้ แค่หอการค้าตระกูลฉินไม่มาสร้างความวุ่นวายเพิ่มให้เขาก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

หอการค้าตระกูลโจวจำเป็นต้องฟื้นฟูความเสียหาย หอการค้าตระกูลฉินไม่ใช่คนธรรมดา หากไม่มีกำลังที่แข็งแกร่งมากพอก็ไม่มีวันที่จะล้างแค้นได้

ตระกูลกงหู่อยากจะล้างแค้นหอการค้าตระกูลฉิน แต่กลับไม่ยอมให้หอการค้าตระกูลโจวยืมเงิน ไม่รู้จริงๆ ว่าคิดอะไรอยู่ โจวหม่านเชาอยากจะไปตะโกนใส่หน้าตระกูลกงหู่จริงๆ

…..

หลังจากนั้นอีกสองสามวัน โจวหม่านเชาและพานชิ่งก็ได้ข่าวว่าตระกูลหนานชีลงทุนกับทางหอการค้าตระกูลฉินเป็นเงินหนึ่งหมื่นล้านมุก ไม่ได้มีเค้าลางบอกเหตุใดๆ แม้แต่น้อย จู่ๆ ก็ใช้เงินทุนจำนวนมากขนาดนี้ แต่ภายในตระกูลหนานชีกลับไม่ได้มีการถกเถียงหารือใดๆ กันแม้แต่น้อย นึกจะให้ก็ให้เลย นี่ล้อเล่นอะไรกันอยู่? ในฐานะที่เป็นตระกูลใหญ่ที่มีกฎเกณฑ์และกฎระเบียบ ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะทำแบบนี้ได้ โจวหม่านเชาและพานชิ่งโมโหจนอยากจะกระอักเลือด

หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานเพิ่งจะเสียเงินทุนก้อนใหญ่ไป หลังจากนั้นหอการค้าตระกูลฉินก็ได้รับเงินทุนก้อนใหญ่ทันที เพียงแค่คิดก็พอจะเดาได้ว่าเงินนั่นมาจากไหน หอการค้าตระกูลฉินเฉือนเอาเนื้อของพวกเขาไป สูบเอาเลือดของพวกเขาไปทำให้หอการค้าตระกูลฉินแข็งแกร่ง ส่วนพวกเขาสองคนกลับตกอยู่ในสภาพที่ยากลำบาก โจวหม่านเชากับพานชิ่งโกรธเกรี้ยวเพียงใด เพียงแค่คิดดูก็พอจะรู้ได้ ต่อให้หาตัวเผิงซีกับสวีเฉียนพบก็ไม่มีทางเอาเงินก้อนนั้นกลับมาได้แล้ว!

แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแอบโมโหอย่างเงียบๆ ในมือไม่มีหลักฐานอะไร แล้วจะไปบอกได้อย่างไรว่าเงินที่ตระกูลหนานชีให้หอการค้าตระกูลฉินไปเป็นเงินของพวกเขา? น่าขันสิ้นดี หรือตระกูลหนานชีไม่มีปัญญาควักเงินหนึ่งหมื่นล้านมุก? ทั้งๆ ที่รู้ว่าเงินตัวเองถูกขโมยไป แต่กลับไม่สามารถป่าวประกาศออกไปได้ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงมาฟ้องพวกเขากลับว่าสร้างข่าวลืออย่างแน่นอน!

แม้นจะถูกเล่นงานอย่างหนักจนพูดอะไรไม่ออก แต่ในแง่หนึ่งแล้วทั้งสองคนก็จำเป็นต้องยอมรับในความสามารถจับเสือมือเปล่าของฉินอี๋

ผู้หญิงคนนั้นเล่นงานหอการค้าทั้งสองแห่งจนตกอยู่สภาพเช่นนี้โดยที่แทบจะไม่ต้องเปลืองแรงอะไรเลย

เงินที่หลายๆ คนใช้เวลาสิบชาติก็หามาไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นกลับหามาได้อย่างง่ายดาย

ว่ากันว่าสนามการค้าคือสนามรบ เมื่อพบเจอคู่ต่อสู้แบบนี้เข้า พวกเขาจะไม่นับถือก็ไม่ได้ พวกเขาจำต้องนับถือ จำต้องก้มหน้ายอมรับและศึกษาอีกฝ่ายอย่างจริงจังถึงจะมีโอกาสพลิกกลับมาชนะได้ ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่ต้องพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

……

ช่วงเวลากลางดึก

ไป๋หลิงหลงที่นอนหลับพักผ่อนไปแล้วถูกปลุกขึ้นมา ถูกไป๋ซานเป้าพาตัวมาตรงหน้าฉินเต้าเปียนกับหลิ่วจวินจวิน

“ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น อยู่ข้างนอกแค่แสดงพอเป็นพิธี กลับมาบ้านแล้วไม่ต้องเกรงใจ” หลิ่วจวินจวินยิ้มหวาน เดินเข้าไปดึงแขนไป๋หลิงหลงให้นั่งลง นั่งลงตรงข้ามฉินเต้าเปียน

หลิ่วจวินจวินยื่นชาส่งให้ด้วยตัวเอง ทำเอาไป๋หลิงหลงต้องรีบลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

ฉินเต้าเปียนเองก็ยิ้มพร้อมยื่นมือออกมาโบกเล็กน้อย สื่อว่าให้นั่งลงพูด ไม่ต้องเกรงใจ แล้วก็โบกมือไปทางไป๋ซานเป้า “เหล่าไป๋ ไม่มีคนนอก นั่งลงเถอะ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมคอยดูให้” ไป๋ซานเป้ากล่าวอย่างเกรงใจ คอยเหลียวมองออกไปด้านนอกประตูเป็นระยะ

กระทั่งไป๋หลิงหลงจิบชาไปคำหนึ่งอย่างไม่อาจปฏิเสธได้แล้ว หลิ่วจวินจวินถึงได้ยิ้มพร้อมเอ่ยถามว่า “ลูกอี๋หลับไปแล้วเหรอ?”

ไป๋หลิงหลงพยักหน้า “หลับไปแล้วค่ะ” สายตาวูบไหวเล็กน้อย บ่นพึมพำอยู่ในใจ ก็เป็นเพราะเสี่ยวอี๋หลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ พวกคุณถึงได้กล้าเรียกฉันออกมา?

“อะแฮ่มๆ” ไป๋ซานเป้ากระแอมเล็กน้อย เอ่ยเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนว่า “หลิงหลง นายท่านกับคุณผู้หญิงมีเรื่องอยากจะถามแกหน่อย แต่ก็ไม่ได้ฝืนใจนะ ยังคงเป็นกฎเดิมที่นายท่านกับคุณหนูเคยตั้งเอาไว้ เรื่องที่พูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด ถ้าพูดได้แกก็อย่าปิดบัง”

ไป๋หลิงหลงมองดูท่าทีของทุกคน ความจริงเธอคาดเดาได้แล้วว่าฉินเต้าเปียนอยากจะถามอะไร เรื่องบางเรื่องมันใหญ่โตเป็นอย่างมาก เกรงว่าต่อให้อยากจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นก็คงเป็นไปได้ยาก

ฉินเต้าเปียนยิ้มพร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หลิงหลง ได้ยินว่าตระกูลหนานชีเอาเงินมาลงทุนกับหอการค้าตระกูลฉินหนึ่งหมื่นล้านมุกเหรอ?”

ใช่จริงๆ ด้วย ไป๋หลิงหลงรู้ว่าเขาจะถามเรื่องนี้ จึงเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ใช่ค่ะ เงินเข้ามาในบัญชีของหอการค้าแล้ว ตอนนี้หอการค้ากำลังจะเปลี่ยนรูปแบบอุตสาหกรรม ยังขาดเงินอยู่อีกมาก จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ค่ะ”

ฉินเต้าเปียนกับหลิ่วจวินจวินสบตากัน ทั้งสองคนย่อมต้องรู้ว่าหอการค้าตระกูลฉินต้องการเงินก้อนนี้ แล้วก็ย่อมต้องรู้ว่าเงินจำนวนมหาศาลก้อนนี้เข้ามาในบัญชีแล้ว เพราะภายในหอการค้าตระกูลฉินมีคนเก่าคนแก่ของพวกเขาอยู่ไม่น้อย เงินทุนจำนวนมหาศาลขนาดนี้มาอยู่ในบัญชี เป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ก็เป็นเพราะภายในหอการค้าตระกูลฉินมีคนของพวกเขาอยู่ การที่จู่ๆ ก็มีเงินจำนวนมหาศาลแบบนี้เข้ามาในบัญชี แต่พวกเขากลับไม่รู้เรื่องนี้ก่อนล่วงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ตามหลักแล้วต่อให้คิดจะยืมเงินจากตระกูลหนานชี ภายในหอการค้าก็ต้องทำการเตรียมตัวเพื่อยืมเงินและรับเงิน ดังนั้นการที่จู่ๆ ก็มีเงินจำนวนมหาศาลแบบนี้เข้ามา นี่มันไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไร

หลังจากรู้ข่าว ฉินเต้าเปียนก็รีบโทรศัพท์ไปหาผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ภายในหอการค้า ถามว่าเกิดอะไรขึ้น? ผลปรากฏว่าพวกเขาล้วนแต่ไม่รู้เรื่องอะไร นี่ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าก่อนที่เงินจำนวนมหาศาลก้อนนี้จะเข้ามาในบัญชี ผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เงินทุนจำนวนมหาศาลขนาดนี้โอนไปโอนมา แต่คนที่อยู่ภายในหอการค้ากลับแทบจะไม่รู้เรื่องกันเลย นี่มันออกจะแปลกประหลาดไปเสียหน่อย

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะให้ฉินเต้าเปียนอดใจไม่ถามได้อย่างไร? เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาว เนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน เขาจึงไม่กล้าถามอะไร กระทั่งลูกสาวหลับไปแล้ว เขาถึงจะไปเรียกไป๋หลิงหลงมาสอบถาม

เขาทราบดี หากจะมีคนที่สองนอกเหนือจากลูกสาวที่รู้ว่าในหอการค้ามีความลับอะไร คนคนนั้นก็ต้องเป็นไป๋หลิงหลงอย่างแน่นอน

ฉินเต้าเปียนลองหยั่งเชิงว่า “ไปยืมตระกูลหนานชีมาเหรอ?”

ไป๋หลิงหลงครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มเจื่อนเล็กน้อยพร้อมเอ่ยว่า “ก็ไม่ได้เรียกว่ายืมค่ะ นี่เป็นเงินของหอการค้าตระกูลฉินค่ะ”

เงินของหอการค้าตระกูลฉิน? นี่เล่นตลกอะไร? ถ้าในบัญชีและนอกบัญชีของหอการค้าตระกูลฉินมีเงินทุนจำนวนมหาศาลขนาดนี้ จะเป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่รู้เรื่อง?

เขาคิดมากทันที เอ่ยเสียงคร่ำเคร่งว่า “เสี่ยวอี๋กับตระกูลหนานชีมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกันเหรอ ถึงเอาเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาได้?”

“….” ไป๋หลิงหลงพูดไม่ออก รู้ว่าเขาคิดมากไปแล้ว ท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ ที่จับจ้องมา เธอเอ่ยเนิบๆ ว่า “ไม่ได้ทำการแลกเปลี่ยนอะไรค่ะ เป็นเงินของหอการค้าตระกูลฉินจริงๆ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเป็นเงินของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจว เพียงแต่เงินนี้ผ่านมือตระกูลหนานชีก่อน พวกเขาเองก็ได้เงินไปเหมือนกันค่ะ…”

ตามกฎภายในบ้านแล้ว เวลานี้นับว่าเรื่องราวได้ผ่านไปแล้ว แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไรฉินเต้าเปียนเช่นกัน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเธอยังไม่พูดมันก็ไม่เหมาะสมจริงๆ เพราะคนผู้นี้เป็นคนสร้างหอการค้าตระกูลฉินขึ้นมากับมือ เขายังมีสิทธิ์มีเสียงอยู่ภายในหอการค้าตระกูลฉินอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้เรื่องราวบางเรื่อง เรื่องใหญ่ขนาดนี้หากเขายังไม่รู้เรื่อง เขาก็ยากจะสบายใจได้เช่นกัน เธอจึงบอกเล่าแผนการที่ฉินอี๋เอาเงินก้อนนี้มาทันที

ระหว่างที่เล่าไป ฉินเต้าเปียน หลิ่วจวินจวินและไป๋ซานเป้าต่างฟังจนตกตะลึงตาค้างไปตามๆ กัน

ที่แท้วันที่ฉินอี๋ให้ไป๋หลิงหลงติดต่อเซียงหลัวเซ่อและกงหู่จ้าว แล้วก็ไปพบสวีเฉียน ตอนนั้นแธอก็ได้เริ่มเปิดฉากโจมตีหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวอย่างเงียบๆ แล้ว วิธีการและจังหวะการโจมตีที่ต่อเนื่องเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีเข้าจุดตายของศัตรูอย่างแท้จริง เล่นงานจนคู่ต่อสู้ไม่สามารถตอบโต้ได้

ทั้งสามคนได้รู้แล้วว่าฉินอี๋คอยบัญชาการอยู่ภายในเมืองปู๋เชวี่ย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้ทรัพยากรอะไรของหอการค้าตระกูลฉินเลย แต่กลับสามารถเล่นงานหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานจนปั่นป่วนวุ่นวาย มิน่าทางนี้ถึงไม่รู้เลยว่าในหอการค้าตระกูลฉินมีความเคลื่อนไหวอะไรทั้งๆ ที่คอยจับตาดูอย่างใกล้ชิดแล้ว ที่แท้ก็เป็นการตัดสินแพ้ชนะจากระยะไกลพันลี้!

ไม่เพียงแต่จะเล่นงานศัตรูจนเสียหายอย่างหนัก แต่ยังเอาเงินทุนจำนวนมหาศาลมาจากอีกฝ่ายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับหอการค้าตระกูลฉินด้วย แผนการนี้เรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก

คว้าโอกาสไว้ได้อย่างแม่นยำ ลงมือเด็ดขาด โจมตีดุดัน เล่นงานหอการค้าใหญ่ทั้งสองที่แข็งแกร่งกว่าหอการค้าตระกูลฉินและคอยรังแกหอการค้าตระกูลฉินมาเป็นเวลาหลายปี คิดไม่ถึงว่านึกจะลงมือก็ลงมือ เปิดฉากโจมตีโดยไม่มีความลังเลใดๆ แม้แต่น้อย ความสามารถและความกล้านี้นับว่าเหนือกว่าฉินเต้าเปียน เรียกได้ว่าลูกเหนือกว่าพ่อจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าหากไม่เป็นเพราะมีอิทธิพลของตระกูลกงหู่กับตระกูลเซียงหลัวคอยหนุนหลังอยู่ เผลอๆ การโจมตีของฉินอี๋ครั้งนี้อาจจะทำให้หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานพังพินาศจนไม่อาจฟื้นกลับขึ้นมาได้อีกก็เป็นได้

เมื่อบอกเล่าเรื่องเหล่านี้จบ ไป๋หลิงหลงก็มองดูท่าทีของทุกคน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร เธอจึงอดลองถามไม่ได้ว่า “ท่านประธานใหญ่ คุณผู้หญิง เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ยังมีอะไรอีกไหมคะ?”

“เอ่อ อ้อ!” หลิ่วจวินจวินที่ตกตะลึงจนเหม่อลอยไปเล็กน้อยได้สติกลับมา เอ่ยเตือนฉินเต้าเปียนว่า “น่าจะไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม?”

ฉินเต้าเปียนเองก็ได้สติกลับมา พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ดึกแล้ว พรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำงานอีก ช่วงนี้ในหอการค้าก็มีอะไรให้จัดการอีกเยอะ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

ไป๋หลิงหลงลุกขึ้นยืน ค้อมกายเล็กน้อยเพื่อขอตัวลา

หลิ่วจวินขวินลุกขึ้น ยิ้มพลางกล่าวว่า “หลิงหลง เดี๋ยวฉันไปส่งนะ”

“ไม่ต้องค่ะๆ” ไป๋หลิงหลงมีท่าทีตกใจ รีบโบกมือปฏิเสธ อีกฝ่ายเกรงใจเกินไปแล้ว เธอรับไม่ไหว ยืนกรานปฏิเสธ

“คุณผู้หญิง เธอไม่ใช่เด็กแล้วครับ ให้เธอกลับไปเองก็ได้ครับ” ไป๋ซานเป้าเองก็ช่วยพูดอยู่ด้านข้าง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลิ่วจวินจวินจึงได้แต่ต้องล้มเลิกความตั้งใจ ตะโกนไล่ตามหลังไป๋หลิงหลงที่เดินออกจากประตูไป “หลิงหลง รีบพักผ่อนนะ”

“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงที่อยู่ด้านนอกรับคำ ก่อนจะเดินหายไป

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ ไป๋ซานเป้าสังเกตดูเล็กน้อย เอ่ยถามว่า” นายท่าน คุณผู้หญิง ยังมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ?”

ฉินเต้าเปียนถอนใจ “ไม่มีอะไรแล้ว นายเองก็กลับไปพักผ่อนเถอะ”

ไป๋ซานเป้าเองก็บอกให้พวกเขารีบพักผ่อน ก่อนจะขอตัวออกไป

เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว หลิ่วจวินจวินก็นั่งลงข้างๆ ฉินเต้าเปียน จุ๊ปากพลางกล่าวว่า “แผนการของลูกอี๋นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

แต่ฉินเต้าเปียนกลับไม่พูดอะไร เขาพยายามมาครึ่งค่อนชีวิตถึงจะสร้างความมั่งคั่งของหอการค้าตระกูลฉินขึ้นมาได้ แต่ผลปรากฏว่าลูกสาวของเขาเพียงพลิกฝ่ามือก็สามารถหาเงินมาได้เกือบครึ่งหนึ่งของเขา โจมตีเพียงครั้งเดียวก็เอาชนะความพยายามเป็นเวลาหลายร้อยปีของเขาได้ ภายในใจจึงรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไร!

……………………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน