บทที่ 1231 : การตายของหนิงเยี่ย (4)
หนิงหยวนตัวสั่นเขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป จากความประหลาดใจในตอนแรก เป็นความสิ้นหวัง ยามนี้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ไร้ซึ่งสีเลือด
”ข้าบอกท่านแล้วว่าการที่ท่านทำเช่นนี้จะเป็นการฆ่าท่านอาหนิง !” การแสดงออกของหนิงเยี่ยเต็มไปด้วยความโกรธ นางจ้องหนิงหยวนเขม็ง พลางกัดฟัน ร้องตะโกนด้วยความโมโห
หนิงหยวนดูเหมือนจะไม่ได้ยินนางเขาหันไปจ้องมองไป๋หนิงด้วยสายตาว่างเปล่า มีความรู้สึกผิดปรากฏในดวงตาของเขา ใบหน้าของเขาสั่นเทา ทั้งไม่อาจเอ่ยกล่าวถ้อยคำใดออกมาได้อีก
บางทีตอนที่เขาทรยศไป๋หนิง เขาก็ไม่เคยคิดว่าคนของเทวาคารจะผิดสัญญา
ทว่าตอนนี้…ต่อให้เขาเสียใจสักเท่าไร ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว …
“ท่านแม่ข้ามีบางอย่างอยากจะบอกท่าน … ”
ไป๋หยานไม่สนใจปรมาจารย์หลิง นางเอนกายเข้าไปหาไป๋หนิงพร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปาก
”กระไรรึ?”
ไป๋หนิงผงะพลางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ท่านตาท่านลุง ท่านพ่อ และท่านย่าของข้า ทุกคนต่างกำลังรอท่านกลับบ้าน นอกจากนี้ท่านย่าของข้าก็ไม่ได้สมคบคิดที่จะทำร้ายท่าน หากแต่เป็นสตรีที่หลงใหลในตัวท่านพ่อของข้าเป็นคนทำ เช่นนั้นข้าจึงหวังว่าท่านจะให้อภัยพวกเขา”
“และ… ท่านแม่ ข้ารักท่านมาก … ”
ไป๋หนิงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจชั่วขณะนั้นรอยยิ้มที่สดใสก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
รอยยิ้มของนางงดงามงดงามยิ่งกว่าดอกกุหลาบเบ่งบานน่าทึ่ง
ฟ้าว!
ทันใดนั้นเองไม่รู้ว่าไป๋หยานดึงดาบยาวออกมาจากที่ใด ขณะที่ดาบยาวกวาดลงมาก็เกิดเสียงดังโครมคราม พื้นดินพลันแตกแยก
สายลมกระโชกพัดผ่านร่างของไป๋หนิงกระทั่งนางถูกบังคับให้ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว นางมองพื้นดินที่แยกจากกันด้วยความประหลาดใจ และด้วยความเร็วที่เกินกว่าจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ชั่วขณะนี้ไป๋หยานก็ไปยืนอยู่บนพื้นดินฝั่งตรงข้ามนางแล้ว
”หลงหยันพาท่านแม่หนีไป !”
ทันทีที่หลงหยันกลับมารู้สึกตัวเขาก็ได้ยินคำสั่งของไป๋หยาน เขารีบยกมือขึ้นคว้าแขนของไป๋หนิงลากนางออกไปทางด้านหลัง
”ข้าไม่ไปลูกสาวของข้ายังอยู่ที่นั่น นั่นคือลูกสาวของข้า !”
ความวิตกกังวลปรากฏชัดบนใบหน้าของไป๋หนิงทว่าหลงหยันแข็งแกร่งมาก มากเสียจนแขนของนางดูเหมือนจะถูกจับด้วยคีมเหล็กไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของเขาได้
”เจ้าปล่อยข้านะหากไม่ปล่อยข้า อย่าโทษที่ข้ารุนแรงกับเจ้า !”
ครั้นเห็นหลงหยันลากนางไปไกลขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของไป๋หนิงก็แทบจะหยุดเต้น ฝ่ามือของนางถูกห่อหุ้มด้วยพลังอันเปี่ยมอานุภาพ พลังนั้นปะทะลงบนหน้าอกของหลงหยัน
หน้าอกของหลงหยันเกิดอาการเจ็บมีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา ใบหน้าของเขาซีดเซียว ทว่าเขายังคงจับแขนของไป๋หนิงไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“แน่นอนความแข็งแกร่งของเจ้าแข็งแกร่งกว่าหนิงหยวน หากแต่ … แม้ว่าข้าจะไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้า ทว่าร่างกายของข้าก็เทียบได้กับระดับปรมาจารย์ ไม่ว่าเจ้าจะโจมตีข้าเช่นไร ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้า นี่คือสิ่งที่ข้าให้สัญญาไว้กับนาง !”
ปัง!
ชั่วขณะนั้นร่างของไป๋หนิงก็แผ่กระจายแรงพลังออกมาภายใต้แรงปะทะของสายลมที่รุนแรง ทำให้มือของหลงหยันคลายออกเล็กน้อย ไป๋หนิงอาศัยประโยชน์จากช่องโหว่นี้ รีบผละออกจากเขาทันที นางรีบเร่งกลับไปยังสถานที่ที่ซึ่งไป๋หยานอยู่
หลงหยันตกใจเขารีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างกอดรัดต้นขาทั้งสองข้างของไป๋หนิงอย่างแรง เหนี่ยวรั้งร่างของนางที่กำลังจะพุ่งไปข้างหน้าไว้อย่างแน่นหนา
ไป๋หนิงโจมตีอีกครั้งอย่างรวดเร็วราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ หากแต่ครั้งนี้แม้ว่าหมัดของไป๋หนิงจะอัดใส่ร่างของเขา แม้ว่าเขาจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด ทว่าเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ
นี่คือสิ่งที่เขาให้สัญญาไว้กับนาง!
เมื่อให้สัญญาไว้แล้วเขาก็ต้องทำให้สำเร็จ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจปล่อยไป๋หนิงไปอีก !
บทที่ 1232 : การตายของหนิงเยี่ย (5)
”ออกไปนะเจ้าออกไป !” น้ำตาของไป๋หนิงไหลรินออกมาจากนัยน์ตาของนาง ใบหน้าที่งดงามของนางซีดเซียว เสียงของนางเศร้ามาก ราวกับปีศาจกำลังร้องไห้คร่ำครวญ “นั่นคือลูกสาวของข้า ลูกสาวคนเดียวของข้า…”
ข้าจำได้หมดแล้วข้าจำได้หมดแล้ว ! นางคือคนที่ข้าเสียใจที่สุดทุกครั้งที่นึกถึง ข้าล้มเหลวในการปกป้องนาง ข้าไม่ได้เลี้ยงดูนาง แล้วข้าจะปล่อยให้นางรับเรื่องร้ายนี้เพียงลำพังได้อย่างไร ?”
…
เหนือหุบเขาฝั่งตรงข้ามแววตาของหนิงหยวนเครียดขึ้ง ชั่วขณะนั้นนัยน์ตาที่ตกตะลึงของเขาก็มองไปที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตา พลันร่างของเขาก็สั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ
เหตุใด… เหตุใด นางจึงฟื้นความทรงจำได้ด้วยตนเอง เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ณขณะนี้…
ในที่สุดปรมาจารย์หลิงก็หมดความอดทน เขายกมือขึ้นพลันแสงดาบอันแหลมคมก็พุ่งแหวกอากาศไปยังฝั่งตรงข้ามพุ่งเข้าหาไป๋หนิง …
ภายใต้กลิ่นอายของดาบนี้อากาศดูเหมือนจะถูกฉีกออกด้วยแรงกดดันอย่างหนัก ราวกับว่าเวลาจะหยุดลง …
”ท่านแม่!”
ไป๋หยานตกใจนางไล่ตามแสงดาบอย่างรวดเร็ว หากแต่ไม่ว่านางจะเร็วเพียงใด นางก็ไม่สามารถเอาชนะแสงดาบนี้ได้ เช่นนั้นก่อนที่นางจะทันคว้าแสงดาบ แสงดาบก็ผ่านรอยแยกของพื้นดินไปแล้ว และเข้าใกล้ไป๋หนิงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าของหลงหยันซีดลงเช่นกันยามนี้ร่างของเขาตอบสนองเร็วกว่าสมอง เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพยายามหยุดแสงดาบนั่น …
อย่างไรก็ตามร่างหนึ่งกลับรวดเร็วยิ่งกว่า ร่างนั้นพุ่งเข้าหาร่างของไป๋หนิง ชั่วขณะนี้ แสงดาบก็แทงทะลุร่างของนาง สภาพของนางไม่ต่างกับเศษผ้าขาดวิ่น ที่ค่อย ๆ ร่วงลงสู่พื้น
ไป๋หนิงหรี่ตาลงทันใดนัยน์ตาของนางเคลื่อนไปตามร่างนั้น
อากาศดูเหมือนจะแข็งตัวแม้แต่เสียงลมพัดยอดหญ้าก็หายไป ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจของพวกเขา …
ตูม!
ร่างของหนิงเยี่ยร่วงลงสู่พื้นอย่างแรงกระแทกเข้าไปในพุ่มไม้ เปลือกตาของนางลืมขึ้นอย่างยากลำบาก ใบหน้าของนางซีดเซียว ขณะมองไป๋หนิง ยามนี้ท่าทางของนางอ่อนแรง มุมปากของนางยิ้มเศร้า
ไป๋หนิงรู้สึกราวหัวใจถูกบีบอย่างรุนแรงกระทั่งนางแทบจะหายใจไม่ออกด้วยความเจ็บปวด
”เยี่ย… เยี่ยเอ๋อ เหตุใดเจ้า …? ”
”ท่าน… ท่านอาหนิง” น้ำเสียงของหนิงเยี่ยอ่อนแรงมาก มากจนนางต้องหยุดหายใจทุกครั้งที่กล่าวออกมาหนึ่งคำ “ข้าเสียใจ … ข้าขอโทษ … ข้ารักท่านจริง ๆ”
แม้ไป๋หนิงจะมิได้ครอบครองสัตว์อสูรเทพนางก็ยังคงต้องการเป็นบุตรสาวของไป๋หนิง
ทว่า…
ในชีวิตนี้ข้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว
ไป๋หยานหยุดอยู่ที่บริเวณรอยแยกบนพื้นนางมองหนิงเยี่ยที่ตกลงไปในพุ่มไม้ พลันความรู้สึกซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
ก่อนหน้านี้นางคิดเสมอว่าจุดประสงค์ยิ่งใหญ่ที่สุดของหนิงเยี่ยคือสัตว์อสูรเทพระดับปรมาจารย์นั่น ทว่าแท้จริงแล้วความรักที่หนิงเยี่ยมีต่อไป๋หนิงก็มากด้วยเช่นกัน …
ความรู้สึกนี้ไม่ต่างจากที่นางเคยรู้สึก เมื่อต้องสูญเสียมารดา ช่างสะเทือนใจนัก
”ท่านแม่”
หลังจากนั้นไม่นานไป๋หยานก็รู้สึกตัว นางหยิบขวดยาออกมา ก่อนจะโยนให้ไป๋หนิง “ให้ยานี้แก่นาง”
”อืม”
และด้วยคำพูดของไป๋หยานไป๋หนิงก็รีบคว้าจับฟางเส้นสุดท้าย นางหยิบเม็ดยาที่อยู่บนพื้นทันที จากนั้นก็รีบไปหาหนิงเยี่ยบิดฝาขวดแล้วยัดยาเข้าไปในปากของหนิงเยี่ย
หนิงเยี่ยส่ายหน้าพลางหลับตาช้า ๆ ไม่ยอมกินยา
เมื่อรับรู้ได้ว่าหนิงเยี่ยกำลังจะตายใบหน้าของไป๋หนิงพลันซีดลง น้ำเสียงของนางสั่นเครือ
บทที่ 1233 : การตายของหนิงเยี่ย (6)
“เยี่ยเอ๋ออาหนิงชอบเด็กที่เชื่อฟัง และประพฤติดีมากที่สุด เจ้าสำนึกผิดแล้ว หาก … หากเจ้าหายดี อาหนิงยินดีเป็นแม่ให้เจ้า และจะดูแลเจ้าไปตลอดชีวิต ดีหรือไม่ ?”
ถ้อยคำเหล่านี้ของไป๋หนิงทำให้หนิงเยี่ยลืมตาขึ้น ปรากฏแสงสว่างวาบในดวงตาของนาง นางมองไป๋หนิงด้วยแววตาเปี่ยมสุข
ท่านอาหนิงยอมเป็นแม่ของนางแล้ว? นับจากนี้นางก็ไม่ใช่เด็กกำพร้าไม่มีแม่อีกต่อไป ?
ถ้อยคำดังกล่าวจุดประกายความหวังในการมีชีวิตของหนิงเยี่ยนางรีบอ้าปากหยิบยาเข้าปาก
อย่างไรก็ตาม…
หลังจากกินยานี้แล้วเลือดของหนิงเยี่ยกลับไม่หยุดไหลหากแต่กลับยิ่งไหลแรงขึ้น กระทั่งบริเวณโดยรอบนางชโลมไปด้วยเลือด
สีหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนไปเล็กน้อย”หัวใจของนางแตกสลาย ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป”
แม้ว่าไป๋หยานจะเป็นหมอปรุงยาทว่าด้วยความแข็งแกร่งในยามนี้ของนาง นางก็ยังไม่สามารถปลุกชีพมนุษย์ได้ เช่นนั้นอาการบาดเจ็บของหนิงเยี่ยจึงไม่สามารถรักษาให้หายได้ แม้จะใช้ยาอาวุวัฒนะไปแล้วก็ตามที …
ฝ่ามือของไป๋หนิงสั่นสะท้าน”ไม่ ไม่ หากยาเม็ดเดียวช่วยไม่ได้ ก็กินยาทั้งหมดเลย มันต้องช่วยคืนชีวิตของเจ้าได้อย่างแน่นอน”
หนิงเยี่ยมองมือที่สั่นเทาของไป๋หนิงพลางส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “ท่านอาหนิง … นี่คือชะตากรรมของข้า ที่สุดข้าก็สามารถได้รับการอภัยจากท่านแล้ว … แค่นี้ข้าก็พอใจ ไหนจะเรื่องที่ท่านสัญญาว่าจะเป็นแม่ของข้าอีกล่ะ”
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วนางไม่เสียใจเลย
หนิงเยี่ยหันไปมองไป๋หยานที่อยู่อีกด้านหนึ่งของรอยแยกริมฝีปากของนางเผยอขึ้นเล็กน้อย นางอยากจะกล่าวบางอย่าง หากแต่ความอ่อนแอทำให้เปลือกตาของนางหนักขึ้นและหนักขึ้นเรื่อย ๆ
กระทั่งหนิงเยี่ยหลับตาลงดวงตาภายใต้เปลือกตาของนางก็ยังคงมองตรงไปยังสถานที่ที่ซึ่งไป๋หยานยืนอยู่
แม้ว่านางจะไม่ได้กล่าวประโยคสุดท้ายหากแต่ไป๋หยานก็เข้าใจประโยคสุดท้ายที่นางต้องการจะพูดผ่านการขยับปากของนาง
“ช่วย… ท่านอาหนิง !”
…
ไป๋หยานกำหมัดแน่นความโกรธพลันพลุ่งพล่านออกมาจากอก นางบ่ายหน้าไปอีกทาง ใบหน้าของนางไม่แสดงออกใด ๆ นางจ้องมองชายชราในชุดคลุมสีเทาด้วยแววตาน่ากลัว
หลังจากนั้นนางก็กวาดตามองผ่านชายชราไปจ้องเขม็งอยู่ที่หนิงหยวน
”นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการสินะ?”
หนิงหยวนกำลังจ้องมองหนิงเยี่ยซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่จากนั้นเสียงของไป๋หยานก็ดังเข้ามาในหูของเขา ทำให้เขารู้สึกตัว เขากัดฟันพูด “หนิงเอ๋อดูแล นางอย่างดีมานานหลายปีแล้ว การตายเพื่อหนิงเอ๋อ เป็นเรื่องสมควรแล้ว”
ไป๋หยานหลับตาลงช้าๆ …
หลังจากนั้นไม่นานนางก็ลืมตาขึ้น หมัดที่กำแน่นของนางพลันคลายออก ฝ่ามือของนางวางอยู่บนด้ามดาบ
”หลงหยันพาท่านแม่ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า !”
หลงหยันก้าวไปข้างหน้าทันทีเขาคว้าร่างของไป๋หนิง และรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ไป๋หนิงที่ยังคงอยู่ในความเศร้าโศกทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของไป๋หยาน นัยน์ตาของนางก็สว่างใสขึ้น มันเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
”ไม่…ข้าไปไม่ได้ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะอยู่กับลูกสาวของข้า !”
ไม่รู้ว่าไป๋หนิงเอาพลังมาจากที่ใดนางกระแทกหลงหยันลงกับพื้นเสียงดังโครม
หลงหยันกระอักเลือดเขาลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
เหตุใดเขาจึงต้องโชคร้ายถึงเพียงนี้ นับแต่เขาได้พบแม่ลูกคู่นี้ ต่อให้เขาไม่ตายด้วยน้ำมือของปรมาจารย์หลิง ทว่าก็คงถูกไป๋หนิงทำร้ายจนตาย !
”ฮ่าฮ่า ฮ่า !”
ปรมาจารย์หลิงหัวเราะเยาะเขากวาดตาไปมองไป๋หยานอย่างดูถูกเหยียดหยาม
”ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปพกพาความมั่นใจมาจากที่ใด ถึงได้คิดว่าจะสามารถปล่อยให้นางหนีไปได้ โดยอาศัยความแข็งแกร่งจากระดับเทพขั้นต้นของเจ้าเท่านี้ ?
บทที่ 1234 : การตายของหนิงเยี่ย (7)
ไป๋หยานหัวเราะเยาะ”ใช่ ด้วยความแข็งแกร่งระดับเทพขั้นต้นของข้านี่แหละ”
มือของนางลูบดาบยาวในมือปรากฏแสงเย็นวาบในดวงตาของนาง
”ดาบล่าเทวดาข้ารู้ว่าในตัวเจ้ามีวิญญาณสิงสถิต และข้าก็รู้ด้วยว่าเจ้าได้ตื่นขึ้นแล้ว”
นับแต่วันนั้นวันที่ดาบล่าเทวดาดูดซับพลังที่ประตูสำริดนั่นต่อหน้าต่อตา นางก็รู้ว่า ดาบล่าเทวดา มิใช่ดาบธรรมดา ทว่ามีวิญญาณแฝงอยู่ในดาบ
และป้านชิงเฉิงก็เคยบอกนางว่าหลายปีแล้วที่ไม่มีผู้ใดยกดาบล่าเทวดานี่ขึ้นได้ อีกทั้งมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้ดาบล่าเทวดานี้ได้ หากเป็นสัตว์อสูรปรารถนาที่จะยกดาบเล่มนี้ สัตว์อสูรนั่นก็จะถูกดาบโจมตีจนตาย
เช่นนั้นในดาบล่าเทวดาเล่มนี้ ย่อมจะต้องมีวิญญาณครอบงำอยู่
หลังจากดูดซับพลังในวันนั้นแล้วดาบล่าเทวดาก็เข้าสู่ห้วงนิทราไม่เคยตื่นขึ้นมาอีกเลย ไป๋หยานเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก
ทว่าตอนนี้สิ่งเดียวที่สามารถช่วยนางได้ก็คือดาบล่าเทวดานี่
ดาบล่าเทวดายังคงไม่เคลื่อนไหวมันนอนนิ่งเงียบในมือของไป๋หยาน …
”ข้าเป็นผู้ค้นพบเจ้าในเมื่อเจ้าเป็นดาบ หน้าที่ของเจ้าก็คือฆ่าคน ! แต่หาก … เจ้าไม่ช่วยข้า ข้าก็จะทำลายเจ้าเอง และจะส่งเจ้าไปลงนรกเป็นเพื่อนข้าด้วย !”
ฟิ้ว!
ถ้อยคำของไป๋หยานสามารถกระตุ้นดาบล่าเทวดาได้มันลอยขึ้นพร้อมกับเสียงหึ่ง ๆ เสียงนั้นราวกับจะประท้วงถ้อยคำข่มขู่ของไป๋หยาน
ปรมาจารย์หลิงมองดาบล่าเทวดาด้วยความประหลาดใจพลันความโลภก็เปล่งประกายในดวงตาของเขา “ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมีอาวุธเช่นนี้อยู่ในมือ ช่างน่าเสียดาย … ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า แม้จะมีอาวุธนี้ ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”
ไป๋หยานไม่ได้กล่าวคำใดนางยกมือขึ้นเหวี่ยงดาบล่าเทวดาปักลงสู่พื้นดินที่แยกออกเมื่อครู่
ชั่วขณะนี้ดาบล่าเทวดาก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งมาก กำแพงนี้สกัดกั้นผืนดินออกเป็นสองส่วน …
“ข้าไม่ได้ต้องการที่จะใช้ดาบล่าเทวดาจัดการกับเจ้าข้าเพียงต้องการใช้หยุดแม่ของข้า น่าเสียดายที่ข้ายังแข็งแกร่งไม่พอ จึงส่งผลให้ดาบล่าเทวดาสามารถต่อสู้ได้เฉพาะพวกที่มีระดับต่ำกว่าปรมาจารย์ หากแต่ไม่อาจต่อสู้กับผู้ที่มีฝีมือระดับปรมาจารย์ขึ้นไป หาไม่มันก็คงเพียงพอที่จะใช้เพื่อการหลบหนี… ”
ไป๋หยานถอนหายใจอย่างเสียใจเล็กๆ หากพลังของนางแข็งแกร่งมากกว่านี้ ดาบล่าเทวดาก็เพียงพอที่จะหยุดยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ได้ ทว่าเป็นเพราะนางไม่แข็งแกร่งพอ นางจึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของไป๋หนิงเท่านั้น
ปรมาจารย์หลิงหรี่ตาลงเล็กน้อยแสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเขา “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะสังหารเจ้าก่อน จากนั้นก็ค่อยไปจัดการกับแม่ของเจ้า… ”
…
เวลาเดียวกันนี้อีกด้านหนึ่ง กำปั้นของไป๋หนิงก็ฟาดลงบนดาบล่าเทวดา หากแต่ดาบล่าเทวดาก็ยังคงไม่เคลื่อนไหวใด ๆ มันขวางทางนางไว้อย่างแน่นหนา
หยาดเหงื่อเย็นไหลหยดลงมาจากหน้าผากของไป๋หนิงนางกัดริมฝีปากจนซีดขาว นางลุกขึ้นพยายามจะเหาะผ่านดาบ แต่ครั้นนางกำลังจะเหาะขึ้นไป ก็ปรากฏแรงกดดันจากอากาศว่างเปล่า ทำให้ร่างของนางร่วงลงบนพื้นทันที
“อย่าพยายามเลยข้ารู้ถึงความแข็งแกร่งของดาบเล่มนี้ดีที่สุด ไม่ว่าจะมีพลังป้องกันแน่นหนาเพียงใด มันก็ตัดได้ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีพลังมากเพียงใด ก็ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของมันได้ และตอนนี้มันจดจำแล้วว่าไป๋หยานเป็นนายของมัน แม้ว่าพละกำลังของมันจะจำกัด ทว่าด้วยแรงพลังที่มันมี ก็ไม่เป็นปัญหาที่จะปราบปรามเจ้า”
ถ้อยคำของหลงหยันทำให้ใบหน้าของไป๋หนิงซีดลงนางกำหมัดแน่นกระทั่งเป็นสีชมพู จากนั้นก็ชกหมัดออกไปพร้อมเสียงดังสนั่น ทว่าดาบก็ยังไม่สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด
”ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าพูดเจ้าปล่อยข้าไปได้หรือไม่ ? ข้าติดค้างหยานเอ๋อมาก ข้าไม่อาจปล่อยให้นางต้องเผชิญกับอันตรายเช่นนี้แต่เพียงลำพังได้ แม้ว่าจะต้องตายข้าก็พร้อมที่จะตายกับนาง !”
บทที่ 1235 : การตายของหนิงเยี่ย (8)
“ได้โปรด … ปล่อยข้าไป … ”
ท้ายสุดเสียงของไป๋หนิงก็เปลี่ยนเป็นอ้อนวอนร่างของนางค่อย ๆ ทรุดลงนอนกับพื้น ฝ่ามือของนางกดดาบล่าเทวดาแน่น น้ำตาไหลอาบใบหน้าของนาง สีหน้าของนางซีดด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง
ชั่วขณะนั้นเอง…
กระแสลมแรงก็พัดมาจากด้านหลังไป๋หนิงหันกลับไปมอง ร่างเล็ก ๆ พลันร่อนลงมาจากความว่างเปล่า ร่างนั้นลงมาด้านหน้านาง
“ท่านยายท่านแม่อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ ?”
ใบหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินเย็นชานัยน์ตาของเขามีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้ ทำให้หัวใจของไป๋หนิงสั่นสะท้านขึ้นมาทันใด
นางไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน…
แต่ครั้นต้องเผชิญหน้ากับนัยน์ตาที่ทรงอำนาจของไป๋เสี่ยวเฉินที่สุดไป๋หนิงก็พยักหน้า “ใช่”
ไป๋เสี่ยวเฉินเหลียวมองดาบล่าเทวดาเล็กน้อยพลันกำปั้นเล็ก ๆ ของเขาก็ค่อย ๆ ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีแดง …
เปลวเพลิงนี้ก่อให้เกิดอุณหภูมิที่ร้อนแรงราวกับอุกกาบาตแม้ของที่แข็งที่สุดก็ยังสามารถหลอมละลายได้
ปัง!
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินซัดหมัดของเขาออกไปดาบล่าเทวดาก็รับรู้ได้ถึงบางอย่าง มันหวาดกลัวจนแทบสิ้นชีวิต พร้อมเสียงกรีดร้องลั่น พลันดาบขนาดใหญ่ยักษ์ก็หดขนาดลงทันทีด้วยความรวดเร็วที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนจะหลบหนีเข้าไปในรอยแยก
ทันทีที่ดาบศักดิ์สิทธิ์หายไปไป๋เสี่ยวเฉินก็ได้เห็นภาพตรงหน้า
สตรีในอาภรณ์สีแดงถูกแรงกระแทกร่วงลงมาจากอากาศว่างเปล่านางตกลงมาต่อหน้าต่อตาไป๋เสี่ยวเฉิน
ในสายตาของเขาทิวทัศน์ทั้งหมดหายสิ้นเหลือเพียงร่างที่ร่วงหล่นลงมาราวกับเศษผ้านั่น …
”หยานเอ๋อ!”
ไป๋หนิงกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้นนางมองไป๋หยานที่ร่วงตกลงมา ยามนี้นางไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไป นางรีบวิ่งเข้าไปโอบกอดร่างที่แหลกสลายของบุตรสาวแน่น
”หยานเอ๋ออย่าทำให้แม่ตกใจ ในที่สุดแม่ก็จำทุกอย่างได้แล้ว ในที่สุดเราแม่ลูกก็จะได้อยู่ร่วมกันแล้ว แม่จะอยู่ได้อย่างไร หากเจ้าทิ้งแม่ไป”
หลงหยันยังคงยืนอยู่ที่เดิมสมองของเขาว่างเปล่า เขาเอ่ยกล่าวด้วยความงุนงง “โดนไปหนักถึงเพียงนั้น ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้วล่ะมั้ง ?”
นี่แม่ข้ากำลังจะตายงั้นรึ?
แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินเครียดขึ้งอย่างฉับพลันหูของเขาไม่ได้ยินเสียงรอบข้างทั้งหลายทั้งมวลอีก … เหลือเพียงเสียงเต้นของหัวใจที่ระรัว
หม่ามี้ตาย…?
หม่ามี้… ถูกฆ่าตาย…?
บูม!
ชั่วขณะนั้นร่างของไป๋เสี่ยวเฉินก็ถูกปกคลุมไปด้วยกระแสลมแรง
ภายใต้กระแสลมแรงนี้ความแข็งแกร่งของเขาพลันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว …
หลงหยันลืมตาขึ้นด้วยความหวาดกลัวเขาจ้องมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่ยืนอยู่ท่ามกลางกระแสลมแรงนั้น พลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
นี่… มันเกิดอะไรขึ้น ?
เหตุใดจู่ๆ เจ้าหนูน้อยคนนี้ถึงเปลี่ยนแปลงไปได้เพียงนี้ ? ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่ากลิ่นอาย หรือแววตาของเขาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ราวกับไม่ใช่คนเดิม
…
ไป๋เสี่ยวเฉินหันกลับมามองอย่างช้าๆ นัยน์ตาอีกข้างของเขาเป็นสีแดงเลือด ม่านตาของเขาทั้งหมดเป็นสีแดงเย็นยะเยือกน่ากลัว แลดูกระหายเลือดและโหดร้าย
”เจ้า… ” ปรมาจารย์หลิงมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าเขากำลังเห็นสัตว์ประหลาด
เหตุใด?
เหตุใดกลิ่นอายของเด็กคนนี้ถึงทำให้เขาตัวสั่นเหมือนกับว่าเขากำลังเห็นคนที่ก้าวออกมาจากขุมนรกพร้อมด้วยกลิ่นอายน่าสยดสยองทั่วร่าง
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่พูดไม่จาร่างเล็ก ๆ กระโจนเข้าไปยืนเบื้องหน้าปรมาจารย์หลิง เขาโบกฝ่ามือขึ้นซัดกระแสลมหนาวบังคับให้ปรมาจารย์หลิงเซ ก่อนจะอัดใส่ร่างของปรมาจารย์หลิง ส่งผลให้ปรมาจารย์หลิงถึงกับต้องก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
หลงหยันเริ่มตกตะลึงพรึงเพริดเจ้าตัวเล็กนี่สามารถต่อสู้กับปรมาจารย์หลิงได้จริง ๆ กระนั้นหรือ ?
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1231-1235
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์
นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้
ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย
มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก
ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก
แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…
จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”