ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 184 สถานที่ที่วุ่นวาย

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 184 สถานที่ที่วุ่นวาย

หลินยวนกล่าวอีกว่า “เรื่องที่ให้แอบสืบหลัวคังอัน เธอลองไปสืบเพิ่มตามที่เห็นสมควรได้เลย มีอยู่เรื่องหนึ่งที่สามารถมั่นใจได้แล้ว เขาเป็นศิษย์สายตรงของหลงซืออวี่จริงๆ”

ลู่หงเยียนประหลาดใจ “เป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่จริงๆ เหรอเนี่ย? คิดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะรู้จักอยู่เงียบๆ เป็นกับเขาด้วย”

“นิสัยชอบทำตัวเด่นของเขา เรื่องไหนที่สามารถอวดได้ เขาก็ไม่มีทางเก็บเอาไว้แน่ แต่เรื่องนี้เขาเองก็จนปัญญาเหมือนกัน หลงซืออวี่มีความแค้นอยู่กับเนี่ยหงที่เป็นชายาของจักรพรรดิเทียนอู่…” หลินยวนบอกเล่าเรื่องที่หลัวคังอันเล่าให้ฟังออกมาคร่าวๆ

ลู่หงเยียนฟังจบก็ตกตะลึงไปครู่ใหญ่ สุดท้ายกล่าวพึมพำออกมาว่า “คิดไม่ถึงว่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังแบบนี้ด้วย เนี่ยหงคนนี้นี่ก็ใจกล้าจริงๆ เป็นถึงชายาของจักรพรรดิเทียนอู่ แต่กลับยอมทำลายแม้กระทั่งชื่อเสียงของตัวเองเพื่อแก้แค้น”

“เมื่อก่อนหลัวคังอันมักจะพูดบ่อยๆ ว่าผู้หญิงล้วนแต่เลวเหมือนกัน เธอคิดว่ายังไง?” หลินยวนพลันถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ลู่หงเยียนกรอกตาใส่ “พูดแบบนี้ได้ยังไง สงสัยเจ้านี่จะถูกผู้หญิงทำร้ายมาเยอะหรือเปล่าเพคะ?”

หลินยวนเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยวาจาที่แฝงความนัยลึกซึ้งเอาไว้ว่า “ฉันเชื่อใจเธอมาตลอดนะ”

ลู่หงเยียนฟังออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น ใบหน้าดูกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย “ท่านอ๋องคิดมากไปแล้วเพคะ สิ่งที่หม่อมฉันนึกเสียใจก็คือตอนยังเป็นเด็กไม่รู้เรื่องอะไร นึกเสียใจที่เดินมาบนทางเส้นนี้ แต่เมื่อเดินบนทางเส้นนี้แล้ว หม่อมฉันก็ไม่มีสิทธิ์เอาแต่ใจเหมือนอย่างเนี่ยหงอีก นี่เป็นเรื่องที่หม่อมฉันยินดีทำเอง ไม่มีทางทำให้ท่านอ๋องลำบากใจเพคะ”

……

ฝนตกลงมาแล้ว ข่ายพลังค้ำนภาที่ปกคลุมเมืองปู๋เชวี่ยได้แสดงความน่าอัศจรรย์ของมันออกมา สายฝนทะลุผ่านข่ายพลังลงมาอย่างรวดเร็ว สาดกระจายไปทั่วทุกที่

ยังมีคนที่เดินอ้อยอิ่งอยู่ท่ามกลางสายคน บ้างก็เดินเล่น บ้างก็เป็นเพราะงาน แต่คนส่วนใหญ่ยังคงหลบฝนอยู่ในบ้านของตน

เหิงเทาที่ค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงเดินมาที่ริมหน้าต่าง ผลักหน้าต่างออกไป มองดูสายฝนที่หลั่งรินลงมาท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ยื่นมือออกไปสัมผัสสายฝน สูดดมอากาศที่สดชื่น ก่อนจะถอนใจออกมาเบาๆ

ถึงแม้โทรศัพท์สายนี้จะไม่ได้บอกชัดเจนว่าเป็นเรื่องอะไร แต่มันก็ทำให้เขาตระหนักได้แล้วว่าเรื่องที่เจ้าเมืองลั่วเทียนเหอเป็นกังวลกำลังจะปรากฏขึ้นมาแล้ว เกรงว่าเมืองปู๋เชวี่ยคงจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริงๆ แล้ว

….

บนหน้าผามีถ้ำที่ถูกเจาะขึ้นมาใหม่แห่งหนึ่ง เว่ยผิงกงที่นั่งอยู่ตรงปากถ้ำกอดสุราเลิศรสพลางกรอกใส่ปากเป็นระยะ บางครั้งบางคราวก็มองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้ม ฝนตกลงมาหลายวันแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย

ด้านหลังเขามีนายพลกลุ่มหนึ่งกำลังหารือเรื่องการจัดวางกำลังป้องกันในอนาคต เว่ยผิงกงไม่สนใจจะไม่เข้าร่วมด้วย เพราะว่าน่าเบื่อ เดี๋ยวพอทุกคนหารือกันเสร็จเรียบร้อยค่อยเอามาให้เขาดูก็พอ

บนพื้นที่ที่กว้างใหญ่ทางเบื้องหน้าหน้าผา คนจำนวนมากกำลังเร่งทำงานท่ามกลางสายฝน แล้วก็มีผู้บำเพ็ญเพียรที่กำลังขี่สัตว์ขนาดใหญ่เพื่อจัดระเบียบพื้นที่ก่อสร้างด้วย

ถึงฝนจะตกลงมาก็หยุดทำงานไม่ได้ หอการค้าที่เซ็นสัญญากับหอการค้าตระกูลฉินไปแล้วต้องเร่งทำงานให้เสร็จทันเวลา ถ้าไม่อาจทำงานให้เสร็จเรียบร้อยอย่างมีคุณภาพและทันเวลา พวกเขาก็จะไม่ได้รับเงินส่วนที่เหลือ

หอการค้าตระกูลฉินที่ตอนนี้มีเงินทุนมากพอมีการจ้างงานคนเป็นจำนวนมาก มีเงินแล้วก็จัดการอะไรๆ ได้ง่าย การก่อสร้างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว

……

ณ ปู๋เชวี่ยวิดีโอ จูลี่ที่ทำงานไปได้ครึ่งทางวางปากกาลง กางแขนทั้งสองข้างออก ขยับแข้งขยับขาเล็กน้อย

เธอมองดูสายฝนที่ตกไม่หยุดมาเป็นเวลาหลายวันทางด้านนอกหน้าต่าง ยื่นมือไปหยิบถ้วยชามา พอยกขึ้นจรดริมฝีปากแล้วถึงได้รู้ว่าภายในถ้วยชาว่างเปล่า เมื่อหันมองซ้ายมองขวาถึงได้พบว่าจิ้นเซียวไม่อยู่

ตอนที่จิ้นเซียวอยู่ ถ้วยชาของเธอไม่เคยว่างลงเลย

การที่จู่ๆ จิ้นเซียวที่คอยตามเธอต้อยๆ มาหายตัวไปเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไร หลายวันมานี้เธอเคยชินกับการมีอยู่ของจิ้นเซียวแล้วจริงๆ หรือพูดอีกอย่างคือเคยชินกับการปรนนิบัติรับใช้ของจิ้นเซียว อีกฝ่ายดูแลเธอจนเธอรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก อีกนิดเดียวก็เกือบจะซักกางเกงในให้เธอแล้ว

โดยเฉพาะหลังจากที่ทั้งสองคนกอดกันโดยไม่ตั้งใจ ความรู้สึกของเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย อย่างน้อยก็ทำให้ความรู้สึกไม่เคยชินของการที่ชายหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพังของเธอกับจิ้นเซียวจางลงไป

อีกทั้งลั่วเทียนเหอยังเคยเอ่ยปากถามเธอในเรื่องนี้ด้วย สอบถามประวัติความเป็นมาของจิ้นเซียว ถามเธอว่าอยู่กับจิ้นเซียวมันเหมาะสมเหรอ? เพราะชายหญิงนั้นไม่เหมือนกัน

เธอเองก็ตอบอย่างอึกๆ อักๆ บอกว่าจิ้นเซียวเป็นคนซื่อและไม่มีพิษมีภัย ไม่มีทางทำอะไร

ลั่วเทียนเหอกลับหัวเราะฮ่าๆ ออกมา บอกว่าถ้าเธอชอบก็ดี เพราะถึงอย่างไรอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว อายุเท่านี้แล้ว การหาแฟนสักคนมันก็เป็นเรื่องปกติ

แต่ลับหลังแล้วลั่วเทียนเหอไม่ได้บอกเธอเรื่องที่เขาไปสืบประวัติของจิ้นเซียวมา อย่างน้อยประวัติของจิ้นเซียวก็ขาวสะอาด ยังสืบไม่พบปัญหาอะไร

ตอนนั้นจูลี่ฟังลั่วเทียนเหอพูดจนหน้าแดง แล้วก็ทำให้ภายในใจเธอเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา

ที่ผ่านมาเธอทุ่มเทอยู่กับการทำงานมาโดยตลอด จนละเลยเรื่องบางเรื่องไป ตอนนี้จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาในชีวิตของเธอ ภายในใจเองก็เกิดความรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาจริงๆ ในตอนที่มองดูจิ้นเซียวอีกครั้ง ภายในใจก็เกิดความรู้สึกที่ไม่สะดวกจะพูดให้ใครฟังเพิ่มขึ้นมา

มีคนมาปรากฏตัวขึ้นในหัวใจที่ว่างเปล่าของเธอพอดี เข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติและปุบปับจนเธอตั้งตัวไม่ทัน บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาก็เป็นได้

ทุกคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง หลินยวนก็เช่นกัน จางเลี่ยเฉินก็เช่นกัน ฉินอี๋ก็เช่นกัน ตระกูลกวนก็เช่นกัน ตัวเธอเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน สรรพสิ่งบนโลกล้วนแต่มีหน้าตาและนิสัยที่แตกต่างกันไป ดำรงอยู่ด้วยวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป

เมื่อเห็นว่าข้างกายไม่มีใคร จูลี่จึงลุกขึ้น เดินออกไปจากห้องทำงานของตัวเองแล้วกวาดมองไปรอบๆ ยังคงไม่เห็นเงาของจิ้นเซียว เธอจึงเดินออกไปข้างนอก สอบถามคนที่ทำงานอยู่ในบริเวณนั้นว่า “เห็นจิ้นเซียวหรือเปล่า?”

คนคนนั้นคิดเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ก่อนหน้านี้เหมือนจะเห็นเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าค่ะ ยังไม่กลับมาเหรอคะ?”

จูลี่ตบไหล่เธอเบาๆ ให้เธอทำงานของเธอต่อไป ส่วนตัวเองหมุนตัวเดินขึ้นไปชั้นบน ขึ้นไปยังดาดฟ้า

เมื่อมาถึงทางออกของดาดฟ้าที่อยู่ชั้นบน ด้านนอกมีฝนตกพรำๆ เดิมเธอไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ แต่เธอก็ยังชะโงกหน้าออกไปดูเล็กน้อย ผลปรากฏว่ามองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเงาร่างหนึ่ง

เป็นแผ่นหลังของจิ้นเซียว ยืนอยู่เพียงลำพังตรงราวกั้น ปล่อยให้ลมฝนพัดผ่านร่างกาย ไม่รู้กำลังทำอะไรอยู่

“จิ้นเซียว! จิ้นเซียว…”

จูลี่ยืนหลบฝนอยู่ตรงประตูทางออกพลางส่งเสียงตะโกน

จิ้นเซียวเหลียวหน้ากลับมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริงๆ จูลี่ก็กวักมือเรียกเขา

จิ้นเซียวหมุนตัวแล้วเดินเข้ามา เดินมาตรงหน้าประตู เอ่ยถามว่า “มีอะไรเหรอครับ?”

“มีอะไรเหรอ?” จูลี่ยื่นมือไปจับแขนของเขา ดึงเขาเข้ามาด้านใน ชี้ไปที่ตัวเขาที่ตากฝนจนเปียกชุ่ม “นายถามว่ามีอะไร? นายเป็นอะไรของนาย อยู่ดีๆ ไปยืนตากฝนทำไม?”

เวลานี้จิ้นเซียวคล้ายจะนึกขึ้นมาได้ จึงมองดูบนร่างของตัวเองเช่นกัน เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ช่วงนี้สมองไม่ค่อยแล่นน่ะ เลยอยากทำให้ตัวสดชื่นกระปรี้กระเปร่าหน่อย”

จูลี่ทำหน้าเย้ยหยันเล็กน้อย “นายเคยกระปรี้กระเปร่าด้วยเหรอ? แล้วทำแบบนี้จะสบายได้เหรอ? รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป”

“ไม่เป็นไร” ปากจิ้วเซียวบอกว่าไม่เป็นไร ความจริงแล้วเขาก็ไม่เป็นไรจริงๆ ร่างกายขยับเล็กน้อย บนร่างพลันมีไอน้ำลอยฟุ้งขึ้นมา สะบัดมือทีหนึ่ง ไอน้ำค่อยๆ ม้วนวนแล้วลอยออกไป หายไปในสายฝนที่ตกลงมาพรำๆ ร่างของเขาพลันแห้งทันที

“….” จูลี่ตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพึมพำว่า “เป็นผู้บำเพ็ญเพียรแล้วคิดว่าแน่เหรอ?” แต่ว่าน้ำเสียงฟังดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เธอลองถามออกไปว่า “มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า หรือว่าที่สถานีมีคนทำให้นายไม่พอใจ?”

จิ้นเซียวส่ายศีรษะ ครั้งนี้ไม่ได้หลบสายตาของเธอ หากแต่จ้องมองดวงตาทั้งสองของเธออย่างตั้งใจ “จูลี่ เรื่องที่กล้องวงจรปิดหายไปจะต้องมีปัญหาอะไรอยู่แน่ ผมคิดว่าเมืองปู๋เชวี่ยไม่ปลอดภัยแล้ว ไปจากที่นี่เถอะ เราออกไปจากที่นี่ด้วยกัน”

จูลี่ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ไม่ไป!”

บนใบหน้าของจิ้นเซียวเผยให้เห็นถึงความรู้สึกจนปัญญา “ไปเถอะ ไปจากที่นี่ ผมเป็นห่วงจริงๆ นะ”

จูลี่ถลึงตาใส่เขา “มีอะไรต้องกลัว? ถ้าพวกนั้นกล้ามา ฉันก็อยากเห็นนักว่าพวกนั้นเป็นใคร นายเองก็เคยบอกไม่ใช่เหรอว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลอย่างมาก ถ้าพวกนั้นคิดจะลงมือเล่นงานฉันจริงๆ ล่ะก็ กระทั่งเพื่อนฉันที่อยู่ที่เมืองหลวงก็ยังถูกฆ่าไปคนแล้วคนเล่า แล้วนายคิดว่าฉันออกไปจากที่นี่แล้วจะปลอดภัยอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไปตลอดชีวิต?”

คำพูดนี้มีเหตุผลอยู่ไม่น้อย จิ้นเซียวอึกอักคล้ายอยากพูดอะไร

“ฉันไม่ไป! ถ้านายกลัวล่ะก็ อย่างนั้นนายก็ไปเถอะ นายยังเป็นผู้ชายหรือเปล่า ฉันเกลียดผู้ชายขี้ขลาดแบบนายที่สุด!” จูลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลน ก่อนจะหมุนตัวเดินลงบันไดไป

“จูลี่” จิ้นเซียวตะโกนเรียก แต่ก็ไม่อาจรั้งตัวจูลี่เอาไว้ได้ แต่เขาก็ตะโกนเรียกเพียงแค่ครั้งเดียว เรื่องบางเรื่องเขาไม่รู้ว่าควรจะอธิบายกับอีกฝ่ายอย่างไรจริงๆ

เมื่อครู่นี้มีคนติดต่อเขามา บอกกับเขาว่ามีคนต้องการโจมตีหอการค้าตระกูลฉิน อีกทั้งยังยินดีจ่ายค่าจ้างหนึ่งหมื่นล้านมุก

หากเป็นเมื่อก่อน บางทีเขาอาจจะลองคิดอยู่ แต่ตอนนี้เขามีสิ่งที่เป็นห่วงอยู่ ประกอบกับเหตุผลอื่นๆ บางอย่าง เขาจึงปฏิเสธไป

ถึงแม้จะปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ยังกังวลว่าจะมีคนอื่นมารับงานนี้ ถ้าหากคนกลุ่มอื่นมาก่อความวุ่นวายขึ้นที่นี่ เขากังวลว่าสถานการณ์ทางด้านนี้จะสูญเสียการควบคุม แล้วก็จะมีอันตรายมาถึงคนที่เขาอยากปกป้อง ถ้าเกิดเรื่องราวเลยเถิดจนทำให้เขาจำเป็นต้องลงมือ นั่นอาจจะทำให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยได้

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากแต่เป็นเรื่องที่มีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก เขาอยากจะหลบหลีกวิกฤตที่อาจจะมาเยือนครั้งนี้ อยากจะพาจูลี่ออกไปจากสถานที่ที่วุ่นวายแห่งนี้ แต่จูลี่ไม่ยอมไป เขายังจะพูดอะไรได้? จะให้ไปบอกจูลี่ว่าเมืองปู๋เชวี่ยกำลังจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ? แล้วพอถึงตอนนั้นเขาจะอธิบายอย่างไร?

เขาเคยคิดที่จะฝืนลักพาตัวจูลี่ไป แต่ถ้าตัวจูลี่ไม่เต็มใจไปกับเขาล่ะก็ การที่จู่ๆ จูลี่ก็หายตัวไปมันจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากขึ้นมาได้ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างจูลี่กับลั่วเทียนเหอ เมืองปู๋เชวี่ยจะต้องไล่ตามเบาะแสของจูลี่อย่างแน่นอน แล้วคนที่จะถูกสงสัยเป็นคนแรกก็คือเขา จะให้จูลี่ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันไปตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ?

……

รุ่งเช้าเวลาเข้างาน หลินยวนเพิ่งจะจอดรถในที่จอดรถเสร็จเรียบร้อย หลังเดินออกมาได้ไม่ไกล เขาก็ต้องยืนหลบอยู่ข้างทาง

รถขบวนหนึ่งแล่นเข้ามา ขบวนรถของประธานฉินมาถึงแล้ว คนที่เดินไปเดินมาพากันยืนหลบอยู่ข้างทางเพื่อเปิดทางให้

รถสีเงินสามคันที่อยู่ในขบวนมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกัน ทำให้คนแยกไม่ออกว่าฉินอี๋นั่งอยู่ในรถคันไหนกันแน่ นี่มิใช่เพราะว่าฉินอี๋อยากจะโอ้อวด หากแต่เป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย

ฉินอี๋ที่นั่งอยู่ในรถหันมองออกไป ก่อนจะมองเห็นหลินยวนที่ยืนอยู่ริมทางเดินในลานจอดรถ คิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาเล็กน้อย

ช่วงนี้เธออยากจะไปเที่ยวเล่นที่โรงอีหลิว แต่จนปัญหาที่ช่วงนี้เธอยุ่งเป็นอย่างมาก จึงไม่มีเวลาที่จะไปจริงๆ อย่างเช่นวันนี้เธอก็ยังมีเรื่องที่สำคัญอย่างมากต้องไปจัดการ

กระทั่งชบวนรถแล่นผ่านไปแล้ว คนที่ยืนหลบอยู่ข้างทางถึงจะกลับมาเดินไปมากันตามปกติอีกครั้ง

หลินยวนโทรศัพท์ไปหาหลัวคังอัน หลังมั่นใจว่าหลัวคังอันอยู่ที่ห้องทำงานแล้ว เขาถึงจะตรงไปหาหลัวคังอันที่ห้องทำงาน

ทันทีที่มาถึง เขาก็เห็นหลัวคังอันกำลังเที่ยวค้นหาตามที่ต่างๆ ภายในห้องทำงาน หลินยวนนั่งรอเขาอยู่ด้านหนึ่ง

ผ่านไปไม่นาน หลัวคังอันยกมุมปากขึ้น ในมือถือกล้องวงจรปิดอันหนึ่งเดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าหลินยวน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรว่า “นายเป็นคนติดเหรอ?”

หลินยวนพยักหน้าเล็กน้อย เขาเป็นคนติด แต่เขาก็ไม่ใช่คนติดเช่นกัน เขาให้คนอื่นมาติดให้ ให้คนที่เคยเข้ามาติดกล้องวงจรปิดในห้องทำงานของเขาคนนั้นเป็นคนมาติดให้

หลัวคังอันหมดคำพูด โมโหแต่พูดอะไรไม่ออก เดิมทีเขานึกว่าหลินยวนแค่พูดไปอย่างนั้น นึกว่าแค่เตือนเขาเท่านั้น ทว่านับตั้งแต่ที่เจอกล้องวงจรปิดตัวแรก เขาถึงได้เข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น ยามนี้ยิ่งรู้ซึ้งกว่าเดิมว่าความรู้สึกของการที่มีคนมาติดกล้องวงจรปิดในห้องทำงานทุกสองสามวันนั้นมันน่าหงุดหงิดแค่ไหน

ไม่ว่าใครก็คงไม่ชอบให้เรื่องส่วนตัวของตัวเองถูกคนอื่นจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เขาถูกบีบคั้นจนใกล้จะกลายเป็นบ้าแล้ว กลายเป็นว่าทุกวันนี้ต้องมานั่งหากล้องวงจรปิดในห้องทำงานทุกวันตอนเข้างาน ทันทีที่เข้ามาในห้องทำงานก็ต้องคอยระแวง เวลาจะทิ้งตัวลงนั่งก็ต้องตรวจสอบดูรอบข้างก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“แกไปประชุมเถอะ ฉันจะรอแก” หลินยวนเอ่ย

หลัวคังอันหมดคำพูด หลินยวนรอเขาอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ

….

กระทั่งหลัวคังอันผลักประตูเข้ามาอีกครั้ง ทันทีที่ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ หลินยวนเอ่ยถามว่า “มีเรื่องอะไรใหม่ๆ ไหม?”

หลัวคังอันหยิบซิการ์ออกมา แต่สุดท้ายก็วางเอาไว้ด้านข้าง หลังได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลานาน เพื่อที่จะทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วแล้ว นิสัยที่ชอบสูบซิการ์ก็ใกล้จะถูกเขาเลิกไปด้วย เขาถอนใจแล้วกล่าวว่า “มีแขกมากลุ่มหนึ่ง ท่านประธานส่งคำเชิญไป ดึงเอาคู่ค้าของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวมาได้ไม่น้อย บอกว่าต้องการจะคุยเรื่องความร่วมมือกับพวกเขา จุ๊ๆ นี่คิดจะบีบหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวให้ตายเลยนะเนี่ย!”

……………………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน