ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 185 ล้อมโจมตี

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 185 ล้อมโจมตี

เรื่องที่เผิงซีกับสวีเฉียนหอบเอาเงินหนีไปได้ทำให้หอการค้าใหญ่ทั้งสองขาดแคลนเงินทุนอย่างรุนแรง เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร แล้วตอนนี้หอการค้าตระกูลฉินยังมาลงมือเช่นนี้อีก กระทั่งหลัวคังอันที่ไม่รู้เรื่องธุรกิจก็ยังมองออกว่าฉินอี๋กำลังตั้งใจซ้ำเติมหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานอยู่

หลินยวนนิ่งเงียบไป รับรู้ได้เช่นกันว่าฉินอี๋กำลังบีบให้หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานจนตรอก

ความจริงการทำแบบนี้นับเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพียงแต่คนที่ลงมือคือฉินอี๋ การที่เธอลงมืออย่างโหดร้ายเช่นนี้ทำให้หลินยวนเกิดความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้

…..

ในเวลานี้ฉินอี๋กำลังอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง กำลังพบปะกับนักธุรกิจที่เชิญมากลุ่มหนึ่ง

หนานชีหรูอันที่สวมชุดสีขาวก็มาด้วยเช่นกัน นั่งฟังอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องประชุมเหมือนคนที่ไม่เกี่ยวข้อง

เป็นฉินอี๋ที่เชิญเขามานั่งฟังการประชุมด้วย เพราะว่าหลังจากนี้เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากทางตระกูลหนานชีอีกครั้ง ต้องให้ตระกูลหนานชีเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจนและยอมลงมือช่วยเหลืออย่างเต็มใจ

ครั้งนี้เธอต้องการดึงเอาคนมาเป็นพันธมิตรตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะล้อมโจมตีและบดขยี้หอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวอย่างเด็ดขาด

เธอต้องการฉวยโอกาสนี้บีบให้ตระกูลกงหู่และตระกูลเซียงหลัวยอมเปิดทาง ต้องการเล่นงานหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวให้พังพินาศอย่างราบคาบ เพื่อกำจัดศัตรูในแคว้นเซียนคุนกว่างที่อาจจะกลายเป็นปัญหาภายหลังนี้ทิ้งไป!

นับแต่นี้เป็นต้นไป เธอจะทำให้หอการค้าตระกูลฉินกลายเป็นหอการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวในแคว้นเซียนคุนกว่าง!

เพื่อการนี้แล้ว ช่วงนี้เธอจึงวุ่นวายอยู่กับการวางแผนเรื่องนี้ เวลาส่วนใหญ่ล้วนแต่ทุ่มให้กับเรื่องนี้

ส่วนเรื่องอุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณที่มีความสำคัญมากกว่า ความคืบหน้าหลักๆ ในเรื่องนั้นได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้เธอได้ทุ่มเทกำลังและเวลาจัดการเรื่องนั้นไปแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เธอได้จัดลำดับความสำคัญของปัญหาเอาไว้ล่วงหน้าและเร่งจัดการปัญหาที่สำคัญก่อน เวลานี้โครงร่างทั้งหมดได้ถูกวางขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย เธอเพียงแค่ต้องเจียดเวลาไปคอยติดตามเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องลงไปจัดการด้วยตัวเอง สามารถส่งคนไปจัดการแทนได้

ภายในห้องประชุมในเวลานี้ บรรยากาศมีความคึกคักอย่างกระอักกระอ่วน

หลังทุกคนได้พบปะพูดคุยและนั่งลงแล้ว ฉินอี๋ก็เข้าสู่ประเด็นหลักเช่นเดียวกัน “ที่ทุกท่านให้เกียรติมาเยือนในวันนี้ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างมาก ทุกท่านต่างก็เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบในการสร้างข่ายพลังภายในของเทพมหาวิญญาณ เวลานี้หอการค้าตระกูลฉินได้เปลี่ยนมาดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับข่ายพลังภายในเทพมหาวิญญาณอย่างเป็นทางการแล้ว คิดว่าทุกท่านคงจะทราบดี วันนี้ฉันจึงเชิญทุกท่านมาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือ!”

“เวลานี้เรื่องบางเรื่องเองก็ไม่ใช่ความลับอะไร หอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวเป็นคู่แข่งของหอการค้าตระกูลฉิน และมีหลายๆ คนที่อยู่ในที่นี้ที่เดิมทีเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบให้แก่หอการค้าทั้งสองแห่งนั้น หากใครอยากจะช่วยหอการค้าทั้งสองแห่งนั้นเล่นงานหอการค้าตระกูลฉิน อย่างนั้นก็คงจะไม่สามารถคุยเรื่องความร่วมมือกันต่อไปได้ จะร่วมมือกับหอการค้าตระกูลฉิน หรือว่าจะร่วมมือกับหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจว ทุกท่านสามารถตัดสินใจเองได้ ฉันขอยืนยันว่าจะไม่บังคับฝืนใจทุกท่าน เราพูดคุยกันแต่ในเรื่องของธุรกิจเท่านั้น อีกทั้งราคาที่หอการค้าตระกูลฉินจะให้ทุกท่านก็ไม่มีทางต่ำกว่าหอการค้าทั้งสองแห่งนั้นอย่างแน่นอน…”

ประธานหอการค้าต่างๆ ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ความจริงพวกเขาต่างทราบดีว่าหอการค้าตระกูลฉินต้องการจะเล่นงานหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจว

คนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจนี้ มีหรือที่จะไม่รู้เรื่องอะไร? ทุกคนต่างทราบถึงเรื่องความแค้นของหอการค้าทั้งสามแห่งนี้ดี ตอนนี้หอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดที่อยู่ในมือ เงินค่าสินค้าที่ค้างชำระกับทางผู้จัดหาวัตถุดิบหลายๆ รายล้วนไม่สามารถชำระได้ทันเวลา โจวหม่านเชาและพานชิ่งได้ใช้ความสัมพันธ์แต่เก่าก่อนเกลี้ยกล่อมผู้จัดหาวัตถุดิบบางส่วนเอาไว้ ส่วนผู้จัดหาวัตถุดิบบางส่วน ทางโจวหม่านเชาและพานชิ่งได้ใช้ทรัพย์สินบางส่วนไปจำนองเอาไว้

หากไม่มีหอการค้าตระกูลฉิน ผู้จัดหาวัตถุดิบส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อมั่นในความสามารถที่จะหาเงินของหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานอยู่ เชื่อว่าหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานจะสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ไม่ยากเย็นอะไร

แต่ตอนนี้เมื่อมีหอการค้าตระกูลฉินอยู่ สถานการณ์จึงแตกต่างออกไป เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของหอการค้าตระกูลฉิน หอการค้าทั้งสองแห่งจะสามารถอยู่รอดต่อไปได้หรือเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้ ไม่มีใครยินดีนั่งมองดูผลประโยชน์ของตัวเองได้รับความเสียหายไปโดยไม่ทำอะไร ทุกคนต่างหาเงินมาอย่างยากลำบาก หากหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานยังอยากจะทำเหมือนเมื่อก่อน ที่เอาสินค้าไปก่อนแล้วค่อยจ่ายเงิน ทุกคนต่างก็เกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วว่าพวกเขาจะมีปัญญาจ่ายเงินค่าสินค้าหรือไม่

แล้วตอนนี้หอการค้าตระกูลฉินยังมาทำแบบนี้อีก แสดงออกว่าตัวเองมีเงินเยอะกว่าหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพาน ใช้เรื่องที่สามารถรับซื้อวัตถุดิบได้มากกว่า ใช้เรื่องที่สามารถมอบผลประโยชน์ให้แก่ทุกคนได้มากกว่ามาเป็นหมากในการบีบให้ทุกคนทำการตัดสินใจ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเล่นงานหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพาน

นี่ทำให้ทุกคนรู้สึกลำบากใจ เพราะในแง่หนึ่งแล้วพวกเขาก็ร่วมมือกับหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานมาเป็นเวลาหลายปีจนเกิดเป็นมิตรภาพขึ้นมาแล้ว

และตอนนี้ก็เห็นได้ว่ายังมีคนที่ได้รับเชิญบางคนไม่ได้เดินทางมาเข้าร่วมการประชุม คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนที่ทำการค้ากับหอการค้าตระกูลพานและหอการค้าตระกูลโจวมาเป็นเวลานาน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคำนึงถึงความสัมพันธ์ที่มีกับหอการค้าทั้งสองแห่งนั้น

คนที่ไม่มาก็ปล่อยไป แต่คนที่มากลับจำเป็นต้องไตร่ตรอง หากล่วงเกินหอการค้าตระกูลฉินเพราะมิตรภาพล่ะก็ นั่นก็เท่ากับเป็นการทิ้งโอกาสที่จะร่วมมือกับหอการค้าตระกูลฉินไป เท่ากับละทิ้งผลประโยชน์ก้อนใหญ่ไป

เมื่อดูจากแนวโน้มในตอนนี้แล้ว ถ้าหากหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานถูกหอการค้าตระกูลฉินเล่นงานจนล้มละลาย แล้วเมื่อถึงตอนนั้นพวกเขายังล่วงเกินหอการค้าตระกูลฉินอีก นั่นเท่ากับว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะไม่ได้อะไรสักอย่าง

ก็เหมือนอย่างที่ฉินอี๋ว่ามา หากว่ากันแต่ในด้านธุรกิจ ฝั่งไหนให้ผลประโยชน์มากกว่าและมีความมั่นคงมากกว่า ก็คล้ายว่าจะเลือกได้ไม่ยากอะไร

แต่ในเวลานี้ไม่มีใครแสดงท่าทีอะไรออกมา ทว่าภายในใจทุกคนกลับลอบรู้สึกทอดถอนใจแทนหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจว หอการค้าตระกูลฉินถูกหอการค้าทั้งสองแห่งรังแกมาเป็นเวลานานหลายปี ถูกบีบจนต้องขายหินแร่วิญญาณในราคาต่ำๆ เพื่อความอยู่รอด ถ้าหากไม่มีเหมืองเป็นของตัวเอง หากไม่มีของที่ขุดออกมาแล้วขายออกไปได้ หากว่าหอการค้าตระกูลฉินทำธุรกิจอื่น หอการค้าตระกูลฉินไหนเลยจะทนต่อการข่มเหงแบบนั้นได้ เวลานี้หอการค้าตระกูลฉินฉวยโอกาสตอนที่ตัวเองได้เปรียบทำการโจมตีกลับ ต้องการจะบีบให้หอการค้าทั้งสองแห่งจนตรอก!

ภายในห้องประชุม มีเพียงฉินอี๋ที่นั่งอยู่ในที่นั่งประธานด้วยสีหน้าเยือกเย็น ท่าทางดูน่าเกรงขาม

ถูกต้อง เธอต้องการจะบีบหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานให้จนตรอกจริงๆ ตอนแรกเธอเองก็ไม่คิดที่จะบีบหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานจนถึงขนาดนี้ แต่เวลานี้เรื่องราวมันได้ดำเนินมาถึงขั้นที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งแล้ว เธอจึงได้แต่ต้องลงมือให้เด็ดขาด ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีทางรอด!

ใบหน้าของหนานชีหรูอันที่นั่งฟังอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องประชุมมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย เขามองดูใบหน้าด้านข้างของฉินอี๋ที่กำลังดำเนินการประชุมอยู่ จากนั้นมองดูท่าทีของคนอื่นๆ มุมปากมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเป็นพักๆ สายตาเองก็หันกลับมามองดูฉินอี๋อยู่เป็นระยะ ความรู้สึกชื่นชมที่อยู่ในแววตาปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน

ยิ่งได้ใกล้ชิด เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยอดเยี่ยมที่ผู้หญิงทั่วไปไม่มีจากตัวผู้หญิงคนนี้!

เมื่อเห็นทุกคนไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมามากนัก ฉินอี๋เองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นประกาศให้การประชุมจบลงแต่เพียงเท่านี้ ก่อนจะบอกกับทุกคนว่ากลางวันนี้เธอขอเป็นเจ้ามือจัดเลี้ยงต้อนรับให้กับทุกคน ขอให้ทุกคนเห็นแก่หน้าเธอ มาร่วมงานเลี้ยงด้วย

ก็แค่กินข้าวเท่านั้น ไม่ได้มีอะไร โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องทำการชั่งน้ำหนักแบบนี้ เรื่องเล็กน้อยที่ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอะไรเช่นนี้พวกเขาย่อมต้องให้เกียรติฉินอี๋อยู่แล้ว

ทุกคนพากันรับปากพอเป็นพิธี ขอบคุณในคำเชิญของเธอ

ฉินอี๋เองก็ไม่ได้แสดงความเกรงอกเกรงใจอะไรมากนัก ไม่ได้แสดงท่าทีโอนอ่อนจนเกินไป ลุกขึ้นกล่าวลาทุกคนแล้วเดินออกไป

หนานชีหรูอันเองก็ลุกตามออกไปเช่นกัน

ฉินอี๋ที่สวมรองเท้าส้นสูงก้าวอาดๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว ทันที่ออกมาจากห้องประชุมก็เอ่ยถามว่า “ประธานหลินกับประธานจินมาหรือยัง?”

ไป๋หลิงหลงที่เร่งฝีเท้าตามอยู่ด้านหลังเอ่ยว่า “มาถึงแล้วค่ะ ตอนนี้พาประธานทั้งสองคนไปที่ห้องทำงานของท่านประธานตามที่สั่งเรียบร้อย กำลังรอท่านประธานอยู่ค่ะ”

ฉินอี๋เร่งฝีเท้าขึ้นมาอีกครั้ง เห็นได้ว่าแขกที่เธอกำลังจะไปพบนั้นค่อนข้างมีความสำคัญ

เมื่อมาถึงห้องทำงาน ฉินอี๋ก็เห็นผู้ชายสองคนที่แต่งตัวภูมิฐานกำลังนั่งหัวเราะพูดคุยกันอยู่บนโซฟา

เมื่อเห็นเธอเข้ามา ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็รีบลุกขึ้นยืนทันที ฉินอี๋ก้าวอาดๆ เข้าไปตรงหน้าแล้วยื่นมือออกไป ยิ้มพลางกล่าวว่า “ประธานหลิน ประธานจิน รู้สึกชื่นชมทั้งสองท่านมานานแล้ว วันนี้ได้พบกันเป็นครั้งแรก ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ!”

ผู้ชายทั้งสองคนยิ้มพลางสบตากัน หลังจากจับมือกับฉินอี๋แล้ว ประธานจินก็กล่าวว่า “ประธานฉินอายุยังน้อย แต่ประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ ต้องฝากเนื้อฝากตัวเช่นเดียวกันครับ”

ประธานหลินชี้ไปยังกล่องของขวัญกล่องหนึ่งในบรรดากล่องของขวัญสองกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ “ประธานฉิน พบหน้ากันเป็นครั้งแรก นั่นเป็นน้ำใจเล็กน้อย ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าครับ”

ประธานจินเองก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “หวังว่าประธานฉินจะไม่รังเกียจครับ”

ทั้งสองคนเอาของขวัญมาด้วย ฉินอี๋ย่อมต้องแสดงความเกรงใจ หันหน้ากลับไปส่งสายตาให้ไป๋หลิงหลง ไป๋หลิงหลงพยักหน้าอย่างรู้งาน อีกเดี๋ยวเธอต้องเตรียมของขวัญให้ประธานทั้งสองคน

หลังจากนั้นฉินอี๋ก็แนะนำหนานชีหรูอันให้ประธานทั้งสองคน

“ผมเป็นคนนอกครับ พวกคุณทำงานของพวกคุณไปได้เลยครับ ไม่ต้องสนใจผม” หลังจากหนานชีหรูอันจับมือทักทายกับทั้งสองคนตามมารยาทเรียบร้อยก็เดินไปนั่งลงทางด้านหนึ่งของห้องอย่างสบายใจ

ฉินอี๋เองก็เชิญแขกคนสำคัญทั้งสองคนนั่งลง “เมื่อครู่ไปพบแขกมา ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ปล่อยให้ทั้งสองท่านต้องคอยนาน”

ทั้งสองคนยิ้มพลางสบตากันอีกครั้ง ประธานจินยิ้มอย่างเข้าใจพลางกล่าวว่า “ทราบแล้วครับ ได้ยินว่าประธานฉินเรียกผู้จัดหาวัตถุดิบของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวมาเจรจา นี่เป็นเรื่องดี พวกเราไม่ควรไปรบกวน รอได้ครับ”

ประธานหลินเองก็ยิ้มพลางพยักหน้า “พวกเราไม่รีบครับ”

เมื่อเห็นทั้งสองคนต่างทราบแก่ใจดี ฉินอี๋เองก็ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน เอ่ยถามตรงๆ ว่า “หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวรับผิดชอบเรื่องการส่งมอบข่ายพลังให้กับทางสภาเซียน หากพวกเขาไม่สามารถส่งมอบข่ายพลังให้กับทางสภาเซียนได้ เกรงว่าทางสภาเซียนคงจะต้องกล่าวโทษคนที่เกี่ยวข้องว่าทำอะไรไม่รู้เรื่องแน่นอน จะมากจะน้อยก็คงจะต้องมีปัญหาตามมา ฉินอี๋จึงอยากจะขอคำตอบที่ชัดเจนจากทั้งสองท่าน ว่าถ้าหากหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานไม่สามารถส่งมอบข่ายพลังได้ หอการค้าตระกูลหลินกับหอการค้าตระกูลจินจะสามารถรับช่วงต่องานของหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานได้หรือไม่ ทั้งสองท่านจะขออาสารับผิดชอบหน้าที่นี้กับทางสภาเซียนได้หรือไม่?”

จากที่เห็นในตอนนี้ ธุรกิจของหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานมีความทับซ้อนกัน ต่างก็เป็นหอการค้าที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับข่ายพลังที่ใช้ในการต่อต้านการโจมตีของเทพมหาวิญญาณ ก็เหมือนอย่างหอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าตระกูลอูและหอการค้าตระกูลเผย พูดอีกอย่างก็คือตระกูลเหล่านี้กำลังแบ่งผลประโยชน์ก้อนเดียวกันอยู่

ฉินอี๋ต้องการจะล้มหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจว นี่ย่อมต้องทำให้เกิดปัญหาหนึ่งตามมา นั่นคือหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวจะไม่สามารถส่งมอบข่ายพลังให้กับทางสภาเซียนได้ ถ้าเกิดสภาเซียนถามหาความรับผิดชอบ นั่นจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากขึ้นมาได้ พวกคุณจงใจสร้างปัญหาจนส่งผลกระทบต่อสภาเซียน แบบนี้จะไม่ถามหาความรับผิดชอบได้หรือ? อีกทั้งยังจะเป็นการบีบให้ตระกูลเซียงหลัวกับตระกูลกงหู่ดิ้นรนสู้ตายด้วย

หากเธอต้องการทำให้ทางสภาเซียนไม่เข้ามาแทรกแซง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ทางสภาเซียนมอบโอกาสให้หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง เช่นนั้นเธอก็จำเป็นต้องให้หอการค้าตระกูลหลินกับหอการค้าตระกูลจินเข้ามารับหน้าที่ที่หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวทิ้งเอาไว้ แบบนี้ตระกูลเซียงหลัวและตระกูลกงหู่ก็จะมีทางถอย จากนั้นก็จะยอมล่าถอยไปเอง

ขอเพียงเป็นการแข่งขันกันทางธุรกิจทั่วๆ ไป ขอเพียงไม่ส่งผลกระทบต่อสภาเซียน สภาเซียนก็ไม่มีทางเข้ามาแทรกแซง

แล้วก็ยังมีเรื่องที่สำคัญอย่างมากอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือในดินแดนเซียนมีผู้จัดหาวัตถุดิบสำหรับการสร้างข่ายพลังอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ได้มีแค่ผู้จัดหาวัตถุดิบที่เธอเชิญมาในวันนี้เท่านั้น แม้นเธอจะดึงตัวผู้จัดหาวัตถุดิบในวันนี้มาได้ แต่หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานก็อาจจะไปหาผู้จัดหาวัตถุดิบรายอื่นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังหอการค้าทั้งสองยังมีตระกูลกงหู่กับตระกูลเซียงหลัวคอยช่วยเจรจาให้อีก

ดังนั้นเธอจึงต้องดึงเอาหอการค้าตระกูลหลินกับหอการค้าตระกูลจินมาช่วยกันสร้างความกดดันให้กับผู้จัดหาวัตถุดิบเหล่านั้น ทำให้ผู้จัดหาวัตถุดิบจำนวนมากต้องทำการตัดสินใจเลือก ต้องการดึงเอาตระกูลที่อยู่เบื้องหลังอีกหลายตระกูลมาเข้าร่วมกับเธอ รวมไปถึงตระกูลหนานชีของเธอทางนี้ด้วย จากนั้นสร้างแรงกดดันออกไปพร้อมกัน บีบให้ตระกูลเซียงหลัวกับตระกูลกงหู่จำต้องปล่อยมือจากหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพาน

เธอต้องการจะร่วมมือกับกลุ่มอำนาจต่างๆ เพื่อบีบให้ตระกูลกงหู่และตระกูลเซียงหลัวไม่กล้าให้เงินสนับสนุนแก่หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวโดยง่าย เธอต้องการทำให้ทั้งสองตระกูลกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่เลือดไหลไม่หยุด เพราะถ้าเกิดมันส่งผลกระทบไปถึงที่ห่วงโซ่เงินทุนของทั้งตระกูลแล้วล่ะก็ นั่นอาจจะทำให้ตระกูลต้องเจอกับการล้อมโจมตีจากด้านอื่นๆ ได้

สรุปแล้วก็คือเธอต้องการจะบีบตระกูลใหญ่สองตระกูลนั้นให้เกิดความลังเลไม่แน่ใจ และรีบตัดสินใจวางมือจากเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่อที่จะได้ไม่เกิดเรื่องอะไรที่เหนือความคาดหมายขึ้นมาอีก

ประธานจินได้ฟังก็เอ่ยรับรองอย่างหนักแน่นทันที “เรื่องนี้ไม่มีปัญหาครับ พวกเราไม่กลัวงานเยอะ กลัวแต่งานน้อย ประธานฉินวางใจได้เลยครับ”

ประธานหลินเองก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ขอเพียงหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานยืนต่อไปไม่ไหว พวกผมสองคนก็จะเสนอตัวกับทางสภาเซียนทันที เพื่อเร่งให้ทางสภาเซียนทำการยกเลิกสัญญากับหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพาน ขอเพียงสภาเซียนไม่มาถามหาความรับผิดชอบ ตระกูลเซียงหลัวกับตระกูลกงหู่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะดึงดันทำเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสียเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ทางประธานฉินสามารถจัดการได้เต็มที่เลยครับ ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวลเลย”

เมื่อมองเห็นผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า คำพูดที่เอ่ยออกมาก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่มีการอ้ำอึ้งใดๆ

หอการค้าตระกูลฉินช่วยพวกเขากำจัดคู่แข่ง จะให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้น เรื่องดีๆ แบบนี้จะไปหาได้จากที่ไหน พวกเขาย่อมต้องตอบรับอย่างยินดี ไม่อย่างนั้นมีหรือที่พวกเขาจะรีบมาที่นี่ทันทีที่ฉินอี๋เรียกพวกเขา

ฉินอี๋ยิ้มกว้าง “ตอนกลางวันฉันจะจัดงานเลี้ยงประธานหอการค้าเหล่านั้น ถ้าหากจะให้ประธานทั้งสองท่านมาร่วมงานด้วยกัน จะได้สร้างความมั่นใจให้กับทุกคน ไม่ทราบว่าสะดวกหรือเปล่าคะ?”

ประธานจินหัวเราะฮ่าๆ “ประธานฉินให้เกียรติเช่นนี้ มีหรือจะกล้าปฏิเสธครับ?”

ประธานหลินเองก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง!”

……………………………………………….

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน