ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 194 แบ่งเงิน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 194 แบ่งเงิน

ลู่หงเยียนว่า “เหิงเทาบอกว่าลั่วเทียนเหอว่ามาเช่นนี้เพคะ ส่วนจะมีกี่คนหรือว่าเป็นใคร ลั่วเทียนเหอบอกว่าไม่ทราบ แล้วก็ไม่รู้ว่ามีการปิดบังหรือไม่เพคะ”

หลินยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงขรึมว่า “ไม่รู้ว่าหลัวคังอันรู้หรือเปล่า แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาปิดบังอะไรไว้หรือเปล่า”

สำหรับเรื่องนี้ ลู่หงเยียนก็ไม่รู้เช่นกัน

….

วันต่อมา หลินยวนไปหาหลัวคังอันที่ห้องทำงานของเขาอีกครั้ง ทันทีที่เจอหน้าอีกฝ่ายก็ถามว่า “นอกจากแกแล้ว หลงซืออวี่ยังมีลูกศิษย์คนอื่นอีกหรือเปล่า?” ในขณะที่พูดก็คอยสังเกตดูปฏิกิริยาของหลัวคังอันไปด้วย

หลัวคังอันที่นั่งเอียงๆ งุนงงขึ้นมา ถามกลับว่า “อาจารย์ยังมีศิษย์คนอื่นหรือเหรอ?”

หลินยวนว่า “เขาอยู่ที่นั่นตั้งแต่ก่อตั้งหลิงซาน หลงซืออวี่อยู่ที่หลิงซานมานานขนาดนั้น หรือแกจะบอกว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรับศิษย์มาก่อน แล้วก็รับแกเป็นศิษย์เพียงคนเดียวในตอนสุดท้าย?”

หลัวคังอันเหมือนจะถูกคำพูดนี้เตือนให้นึกถึงบางสิ่งขึ้นมา เขาคล้ายกำลังครุ่นคิด ขณะที่ครุ่นคิดก็ตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ฉันไม่เคยได้ยินอาจารย์พูดถึงมาก่อนจริงๆ เวลาในการมาเจอกันเป็นการส่วนตัวแต่ละครั้งก็มีจำกัด ฉันเองก็ไม่เคยถาม นายกำลังบอกว่าฉันยังมีศิษย์พี่อยู่อีกเหรอ ใครเหรอ?”

หลินยวนดูท่าทางของเขาแล้วไม่เหมือนว่ากำลังโกหกอยู่ จึงตอบว่า “เรื่องนี้แกน่าจะรู้ดีกว่าฉันหรือเปล่า ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”

หลัวคังอันยังคงมีทีท่าครุ่นคิดอยู่ “มีเหรอ? ฉันไม่รู้จริงๆ”

หลินยวนถามว่า “หลังจากที่หลงซืออวี่เกิดเรื่องแล้ว ไม่เคยมีคนที่เกี่ยวข้องกับเขาติดต่อแกมาบ้างเหรอ?”

หลัวคังอันคิดอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ไม่มี! น่าจะไม่มี ถ้ามีฉันต้องจำได้แน่นอน”

หลินยวนกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ เอาไว้ว่างๆ แกลองค่อยๆ นึกดูว่าหลงซืออวี่เคยพูดถึงคนอื่นก่อนที่เขาจะตายหรือเปล่า”

หลัวคังอันพยักหน้าช้าๆ แต่ความจริงแล้วเขากำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ ปากเอ่ยพึมพำว่า “ถ้ามีคนอื่นอีก หรือว่าก่อนที่อาจารย์จะถูกตัดสินประหารชีวิต นอกจากฉันแล้ว คนอื่นก็ไม่มีใครออกมาพูดอะไรเหมือนกัน”

หลินยวนมองออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้ เจ้านี่เหมือนจะพบเรื่องที่ใช้ปลอบใจตัวเองแล้ว

เมื่อถามไม่ได้คำตอบ หลินยวนจึงปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน เอ่ยว่า “ติดต่อจูลี่ต่อไป”

หลัวคังอันตื่นตัวขึ้นมาทันที เอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “น้องหลิน จากประสบการณ์ในช่วงเวลาหลายปีมานี้ของฉัน ฉันรับรองได้เลยว่าเรื่องจูลี่ไม่มีหวังแล้ว ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันกับจูลี่มันไม่มีหวังจริงๆ ถ้าฉันยังขืนหน้าด้านไล่ตามจีบเธออีก ฉันกลัวว่าเรื่องราวมันจะแย่เอาได้นะ”

หลินยวนว่า “ฉันหมายความว่าให้ติดต่อกับเธอต่อไป นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องตามจีบเธอแล้ว แค่ติดต่อกับทางจูลี่เอาไว้ก็พอ คุยเรื่องงาน ไม่ต้องคุยเรื่องความรัก!”

“เอ่อ…” หลัวคังอันตกตะลึง ยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ? เขานึกว่าจะต้องเสียเวลาเถียงสักหน่อย จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า “ทำไมเหรอ?”

หลินยวนว่า “ทำตามที่ฉันบอกก็พอ เดี๋ยวแกก็รู้เอง”

ดวงตาของหลัวคังอันฉายแววสงสัย เขาไม่รู้ว่าหลินยวนคิดจะทำอะไรกันแน่ จับต้นชนปลายอะไรไม่ได้เลย

……

เกิดคดีฆาตกรรมภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง แขกคนหนึ่งไม่รู้ว่าไปทำให้ใครไม่พอใจ จึงถูกฆ่าตายอยู่ภายในห้องพักของโรงแรม

โรงแรมได้แจ้งความไปแล้ว โรงแรมถูกล้อมโดยผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่ง ด้านนอกมีคนยืนมุงดูจำนวนไม่น้อย คุนหลานเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มายืนมุงดูด้วย

ตัวเขาในเวลานี้ใช้ชื่อปลอมชื่ออื่น ปลอมตัวเป็นเจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่งที่เพิ่งเปิดใหม่เยื้องๆ กับโรงแรม

ตรงประตูทางเข้าโรงแรมมีผู้พิทักษ์เมืองเข้าๆ ออกๆ ผู้พิทักษ์เมืองสองคนก้มศีรษะเล็กน้อยขณะที่เดินออกมาจากด้านในโรงแรม เมื่อออกมาจากแนวกั้นของผู้พิทักษ์เมืองแล้ว ผู้พิทักษ์เมืองที่ตัวเล็กผอมได้ดึงข้อมือของผู้พิทักษ์เมืองที่ตัวค่อนข้างสูงใหญ่เล็กน้อย ผู้พิทักษ์เมืองตัวสูงใหญ่สะบัดมือ ก่อนจะเร่งเดินตามกันออกไป

คุนหลานสังเกตเห็นความผิดปกติของผู้พิทักษ์เมืองทั้งสองคน จึงรีบถอยออกมาจากที่เกิดเหตุอย่างเงียบๆ เดินตามทิศทางที่ทั้งสองคนเดินออกไป เห็นผู้พิทักษ์เมืองทั้งสองคนมุดเข้าไปในรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ในละแวกใกล้เคียงแล้วขับรถออกไป เขาเองก็รีบไปที่หน้าร้านของตัวเอง ขึ้นไปในรถของตัวเองแล้วขับตามพวกเขาออกไป

นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของเขา ความรับผิดชอบของเขาในตอนนี้คือเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของผู้พิทักษ์เมืองในพื้นที่นี้ จากนั้นรายงานกลับไป

เขาขับรถตามอยู่ห่างๆ อย่างระมัดระวัง พบว่าจู่ๆ รถของผู้พิทักษ์เมืองทั้งสองก็หักเลี้ยวเข้าไปในพื้นที่รกร้าง เขาไม่ได้ตามไป หากแต่ขับต่อไป หลังขับไปได้ระยะหนึ่งและมั่นใจว่าไม่ถูกพบเห็น เขาจึงหักเลี้ยวลงไปจากถนนใหญ่อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ขับรถเข้าไปซ่อนในพงหญ้า รีบเปิดประตูรถแล้วลงจากรถ มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ผู้พิทักษ์เมืองทั้งสองหายไปอย่างเงียบๆ

เขาพอจะทราบทิศทางคร่าวๆ แต่ไม่รู้ว่าสองคนนั้นหายไปไหนแล้ว แล้วก็ไม่สะดวกจะบินขึ้นไปตรวจสอบจากมุมสูงได้ ด้วยกลัวจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงได้แต่ต้องมองหารอยล้อรถที่ขับไปในพงหญ้า จากนั้นตามรอยล้อรถไป ไม่นานเขาก็พบตำแหน่งของรถที่จอดอยู่อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ

เขาเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง เมื่อเข้าไปใกล้ถึงได้พบว่าผู้พิทักษ์เมืองสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ในรถ กำลังเถียงกันว่าควรจะแบ่งเท่าๆ กันอะไรทำนองนั้น

เขาฉวยโอกาสตอนที่ทั้งสองคนไม่ทันสังเกตเพราะกำลังทะเลาะกันอยู่ ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ อาศัยกิ่งไม้และใบไม้อำพราง สังเกตการณ์จากมุมสูง

ไม่นานนัก ผู้พิทักษ์เมืองทั้งสองก็ลงจากรถ ผู้พิทักษ์เมืองที่ตัวเล็กผอมไล่ตามผู้พิทักษ์เมืองที่ตัวสูงใหญ่ ดึงเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย จู่ๆ พลันชักกระบี่ออกมา พาดไปที่คอของผู้พิทักษ์เมืองที่ตัวสูงใหญ่

ผู้พิทักษ์เมืองตัวสูงใหญ่ไม่กล้าขยับเขยื้อน เอ่ยว่า “ฉันกับแกเข้าๆ ออกๆ ด้วยกัน ถ้าแกฆ่าฉัน แกก็จะหนีไม่รอดอยู่ดี”

ผู้พิทักษ์เมืองตัวเล็กผอมกล่าวว่า “ทำไมแบกรับความเสี่ยงด้วยกัน แต่กลับให้ฉันแค่สามส่วน? ทำฉันโกรธแล้ว ไม่ว่าใครก็อย่าหวังจะได้อยู่อย่างเป็นสุขเลย!”

ผู้พิทักษ์เมืองตัวสูงใหญ่ยิ้มกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เฮ้ย แค่ล้อเล่นน่ะ ในเมื่อแบกรับความเสี่ยงด้วยกัน ผลประโยชน์ก็ย่อมต้องแบ่งเท่าๆ อยู่แล้ว” กล่าวจบก็หยิบธนบัตรปึกหนึ่งออกมานับ คุนหลานมองดูจากด้านบน สังเกตเห็นว่าเป็นธนบัตรมูลค่าหนึ่งหมื่นมุกทั้งหมด กระทั่งนับเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงได้พบว่ามีธนบัตรอยู่หนึ่งร้อยใบ

พูดอีกอย่างคืออีกฝ่ายมีเงินอยู่หนึ่งล้านมุก! คุนหลานคิดถึงสถานที่ที่ผู้พิทักษ์เมืองสองคนนี้ออกมา พวกเขาออกมาจากโรงแรมที่เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น เขาลอบรู้สึกตกใจ หรือคดีฆาตกรรมจะเกี่ยวข้องกับสองคนนี้ หรือว่าพวกเขาจะแอบขโมยเงินมาจากสถานที่เกิดเหตุ?

ได้ไปคนละห้าสิบใบ หลังแบ่งเสร็จเรียบร้อย ผู้พิทักษ์เมืองร่างเล็กผอมที่ได้รับธนบัตรมาครึ่งหนึ่งถึงจะเก็บกระบี่กลับมา

ผู้พิทักษ์เมืองตัวสูงใหญ่ลูบคลำคอของตัวเอง เอ่ยว่า “เป็นพี่น้องกันมาตั้งหลายปี เพื่อเงินแค่นี้ถึงกับชักกระบี่ใส่กัน มันคุ้มแล้วเหรอ?”

ผู้พิทักษ์เมืองร่างเล็กผอมแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา “ห้าแสนไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ หากนายมีปัญญาก็ไปหาทางทำเงินก้อนใหญ่สิ!”

ผู้พิทักษ์เมืองร่างสูงใหญ่ตอบว่า “นายจะไปรู้อะไร ลู่ทางทำเงินน่ะมี กลัวแต่นายจะไม่กล้าทำมากกว่า”

ผู้พิทักษ์เมืองร่างเล็กผอมเอ่ยถามด้วยความสนใจทันที “ทำอะไร? นายไม่บอก แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่กล้าทำ?”

ผู้พิทักษ์เมืองตัวสูงใหญ่กล่าวว่า “หลัวคังอัน รองประธานคนปัจจุบันของหอการค้าตระกูลฉิน นายกล้าจัดการเขาหรือเปล่า?”

ผู้พิทักษ์เมืองร่างเล็กผอมลังเลเล็กน้อย “เขาเพิ่งกลายเป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉิน อาศัยเงินเดือนเพียงนิดหน่อยของเขา จะไปมีเงินได้เท่าไหร่กันเชียว?”

“อืม…” ผู้พิทักษ์เมืองร่างสูงใหญ่ส่ายศีรษะ “แต่ฉันว่าหลัวคังอันคนนั้นน่าจะไม่ธรรมดา ในมือเขาอาจมีเงินมากกว่านี่นายคิดเอาไว้ก็ได้”

ผู้พิทักษ์เมืองร่างเล็กผอมลองถามว่า “หรือว่าหลังชนะการประมูล หอการค้าตระกูลฉินจะให้เงินรางวัลเขาก้อนโต?”

ผู้พิทักษ์เมืองร่างสูงใหญ่ตอบว่า “นายนี่มันมองเห็นแต่เงินจริงๆ ฉันจะบอกนายให้นะ ครั้งหนึ่งตอนอยู่ในค่ายพิทักษ์เทพ ฉันบังเอิญเห็นฉินอี๋ เจออู๋จื่อและหลัวคังอันสามคนกำลังสุมหัวพูดคุยอะไรกันอยู่ ท่าทางดูลับๆ ล่อๆ แต่คุยเรื่องอะไรกันฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่กล้าเข้าไปใกล้ แต่ฉันเห็นเจออู๋จื่อหยิบเอาแหวนสารพัดนึกวงหนึ่งให้หลัวคังอัน สีหน้าของทั้งสามคนดูคร่ำเคร่งจริงจังเป็นอย่างมาก กระทั่งทั้งสามคนกลับออกมา ตอนที่เดินผ่านตรงที่ที่ฉันซ่อนตัวอยู่ ฉันได้ยินฉินอี๋สั่งกำชับหลัวคังอันอย่างจริงจัง พูดทำนองว่านี่เป็นหลักประกันสุดท้ายของหอการค้าตระกูลฉิน คนนอกไม่มีใครคิดถึงคุณ คุณต้องซ่อนมันไว้ให้ดี!”

ผู้พิทักษ์เมืองร่างเล็กผอมพยายามถาม “อะไรอยู่ในแหวนสารพัดนึก?”

ผู้พิทักษ์เมืองร่างสูงใหญ่ตอบว่า “ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร? แต่มันก็พอจะเดาได้ไม่ยาก ของที่เป็นหลักประกันสุดท้ายของหอการค้าตระกูลฉินได้ มันจะไม่มีค่าได้ยังไง? ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าเราได้มันมา มันจะต้องมีมูลค่ามหาศาลแน่นอน นายกล้าไปเอามาไหมล่ะ?”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้พิทักษ์เมืองร่างเล็กผอมก็ส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ช่างเถอะ ข้างกายหลัวคังอันคนนั้นมีคนคอยคุ้มกันอยู่ไม่น้อย ต่อให้พวกเราอยากลงมือกับเขาก็ไม่มีโอกาสหรอก”

“เห็นไหมล่ะ พอบอกแล้วนายก็ไม่กล้า” ผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างสูงใหญ่หัวเราะเบาๆ จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “แต่ฉันขอเตือนนายเอาไว้ก่อนนะ ห้ามเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟัง ฉินอี๋คนนั้นไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งด้วยได้ ถ้าเธอรู้ว่าฉันแอบฟังความลับของเธอ ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเก็บฉันยังไง”

“วางใจได้ เปิดเผยจุดอ่อนของนายไปแล้วฉันจะได้ประโยชน์อะไร” ผู้พิทักษ์ร่างเล็กผอมแค่นเสียงเหอะ กวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นตีแขนของผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างสูงใหญ่เบาๆ “ไปกันเถอะ เราต้องรีบกลับไป ถ้าหายหน้าไปนานๆ มันจะไม่ดี”

จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นรถ ขับออกไปจากพุ่มไม้แล้วเลี้ยวออกไป

คุนหลานที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ครุ่นคิด หลังมั่นใจว่าสองคนนั้นออกไปไกลแล้ว เขาถึงจะลงมาจากต้นไม้อย่างเงียบๆ

….

บนรถ ผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างคนขับพลันหัวเราะขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “เป็นยังไง บอกแล้วว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เชื่อผมหรือยังล่ะ ผมแสดงได้ไม่เลวใช่ไหมล่ะ ตอนเข้าออกหน่วยผู้พิทักษ์เมืองก็ไม่แสดงพิรุธเลย คุ้มกับเงินที่คุณจ่ายใช่ไหมล่ะ?”

เสียงของผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างเล็กผอมเปลี่ยนเป็นเสียงผู้หญิงที่ฟังดูอ่อนโยน เหลือบมองดูกระจกมองหลังเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มพลางตอบว่า “ไม่เลว”

ผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างสูงใหญ่ชี้ไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ส่งผมที่ช่วงถนนข้างหน้าก็ได้”

“ได้!” ผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างเล็กผอมจ้องมองข้างหน้า จากนั้นมองดูกระจกมองหลังอีกครั้ง จู่ๆ พลันปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัย ตะครุบไปที่ลำคอของผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างสูงใหญ่แล้วฉีกกระชาก

พรืด! ผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างสูงใหญ่ทำอะไรไม่ถูก ลำคอถูกฉีกกระชากจนเป็นบาดแผลเหวอะหวะ โลหิตสดๆ สาดกระจายออกมา กระทั่งเสียงร้องโหยหวนก็ไม่ทันได้เปล่งออกมา นั่งเอามือกุมลำคอพลางชักกระตุกอยู่บนที่นั่ง ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลง ปากพะงาบๆ ไม่หยุด

ผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างเล็กผอมโยนเศษเนื้อและหลอดลมชิ้นหนึ่งที่อยู่ในมือทิ้งไป หมุนพวงมาลัยหักเลี้ยว รถพุ่งเข้าไปในพุ่มหญ้าข้างทาง

หลังรถหยุดลงก็ลงจากรถ ผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างเล็กผอมลากร่างไร้ชีวิตของผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างสูงใหญ่ออกมา ถอดเอาแหวนสารพัดนึกของอีกฝ่ายออกมา พร้อมทั้งฉีกเกราะผู้พิทักษ์เมืองที่อยู่บนร่างของอีกฝ่ายออกมาเก็บเอาไว้ จากนั้นซัดฝ่ามือออกไปทีหนึ่ง ร่างของอีกฝ่ายระเบิดออกเป็นหมอกโลหิต ฟุ้งกระจายไปตามสายลม

ผู้พิทักษ์เมืองรูปร่างเล็กผอมออกไปจากบริเวณนั้น เดินไปพลางถอดชุดเกราะผู้พิทักษ์เมืองไปพลาง ก่อนจะเก็บไว้ในแหวนสารพัดนึก จู่ๆ ระหว่างที่ก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ก็เขย่าแขนทีหนึ่ง เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างระเบิดกลายเป็นฝุ่นควันคละคลุ้ง ในตอนที่เดินออกมาจากกลุ่มควันก็ได้กลายเป็นหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง เป็นลู่หงเยียนที่ผมเผ้าแผ่กระจายและปลิวไสว หายตัวไปในทุ่งอันรกร้างอย่างเงียบๆ

….

รถจอดอยู่ด้านนอกร้านขายเสื้อผ้า ลู่หงเยียนเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นเดินเข้าไปในร้าน

เมื่อเซียงเต๋อเฉิงที่เดินกลับไปกลับมาอยู่ในร้านมองเห็นเข้า เขาก็รีบเข้ามาทักทายเธอทันที “โอ้ คุณลู่มาแล้วเหรอครับ วันนี้เพิ่งมีเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่เข้ามาพอดีเลยครับ ได้ยินว่าเป็นคอลเล็กชันที่ได้รับความนิยมที่สุดบนโลกมนุษย์ในตอนนี้เลยครับ คุณลู่น่าจะเคยได้ยินใช่ไหมครับว่าโลกมนุษย์นั้นเปิดกว้าง มีเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบไม่ซ้ำกัน ไม่เหมือนดินแดนเซียนที่มีคนแก่อยู่เยอะแยะมากมาย ความคิดเลยยังค่อนข้างโบราณ”

อีกฝ่ายนับว่าเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่เยื้องๆ แล้วก็ยังเป็นลูกค้าประจำ อีกทั้งพวกเขายังมีเจตนาอื่นอยู่ ดังนั้นเหยียนฝูและเซียงเต๋อเฉิงจึงเรียกได้ว่าทักทายอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้นและเป็นกันเอง

“โอ้ อย่างนั้นฉันคงต้องขอดูหน่อยแล้วค่ะ” ลู่หงเยียนตามเขาไปที่ราวแขวนเสื้อผ้าแถวหนึ่ง หยิบเอาเสื้อผ้าที่แขวนอยู่มาตรวจสอบดู

เธอเป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก เธอทำเหมือนเดิม เลือกเสื้อผ้าทีเดียวหลายชุด ก่อนจะหิ้วไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

เซี่ยงเต๋อเฉิงและเหยียนฝูที่เดินไปตรงหน้าเคาน์เตอร์สบตากัน พวกเขาทราบดี ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ผู้หญิงคนนี้เอาเสื้อผ้าเข้าไปกองใหญ่ กว่าจะลองเสร็จเรียบร้อยคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่

………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน