ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 199 เรื่องดีๆ มาหาถึงที่

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 199 เรื่องดีๆ มาหาถึงที่

ต่างกันยังไง? เซี่ยงเต๋อเฉิงย่อมต้องรู้ แต่สิ่งที่เขาอยากรู้มากกว่าคืออีกฝ่ายอยากจะพูดอะไร

เหยียนฝูกล่าว “จอมยุทธ์ บางเรื่องทำได้ บางเรื่องทำไม่ได้ พวกเราไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินพวกนั้น ที่พวกเรายินดีทำเพื่อเงินรางวัลของหอการค้าตระกูลพานนั้น มันมิได้เป็นเพราะเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเพราะได้ช่วยเหลือคนด้วย คนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะทำครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้ หากเรายอมแพ้ อย่างนั้นพานหลิงเยวี่ยก็คงจะหมดหวังจริงๆ แล้ว”

ริมฝีปากของเซี่ยงเต๋อเฉิงขยับเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ใจจริงเขาอยากจะบอกว่าตอนแรกที่เรารับงานนี้ก็เพราะเห็นว่าได้เงินรางวัลเยอะไม่ใช่เหรอ? บอกว่าถ้าได้เงินรางวัลก้อนนี้มาแล้ว ชั่วชีวิตนี้เราจะได้ไม่ต้องออกไปเสี่ยงอีกไม่ใช่เหรอ?

เหยียนฝูกล่าว “การช่วยพานหลิงเยวี่ยเป็นทั้งการแสวงหาชื่อเสียง แล้วก็เป็นการแสวงหาเงินทอง ด้วยความมั่งคั่งของตระกูลพานแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าในมือพานหลิงเยวี่ยจะไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ขอเพียงเราสามารถช่วยพานหลิงเยวี่ยออกมาได้ ถึงแม้หอการค้าตระกูลพานจะล้มละลายไปแล้ว แต่เป็นไปได้หรือที่พานหลิงเยวี่ยจะไม่ให้ค่าเหนื่อยพวกเราเลย?”

เซี่ยงเต๋อเฉิงลังเล เอ่ยว่า “พี่ ที่พี่พูดมามันก็มีเหตุผล แต่ว่า… พี่ ตอนนี้หอการค้าตระกูลพานล้มละลายไปแล้ว แล้วคนที่จับพานหลิงเยวี่ยไปยังจำเป็นต้องเก็บเธอเอาไว้อีกเหรอ? พวกเขาจะฆ่าพานหลิงเยวี่ยปิดปากหรือเปล่า?”

เหยียนฝูตอบว่า “ถ้าเธอตายไปแล้วจริงๆ ถึงตอนนั้นเราค่อยยอมแพ้ก็ยังไม่สาย แต่การยอมแพ้กลางคันมันไม่ใช่วิถีของพวกเรา หากอยากจะประสบความสำเร็จ เราก็ต้องมีความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้”

เซี่ยงเต๋อเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “อย่างนั้นเราจะเอายังไงต่อดีพี่?”

เหยียนฝูกล่าว “เราเริ่มต้นได้ดีแล้ว ตอนนี้เราสนิทกับคุณลู่คนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานเราจะสามารถสร้างความสัมพันธ์กับโรงอีหลิวได้ เมื่อถึงเวลานั้นเราค่อยหาโอกาสลงมือก็ยังไม่สาย ไป ไปเปิดร้าน”

“ได้พี่” เซี่ยงเต๋อเฉิงรับคำ หมุนตัวเดินลงไปข้างล่าง

เมื่อเขาออกไป ไหล่ของเหยียนฝูก็ดูห่อเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัด เขาถอนใจออกมา ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆเช่นกัน

……

ภาพภายในฉากแสงเงียบลง หลินยวนถามว่า “แค่นี้เหรอ?”

“แค่นี้เพคะ” ลู่หงเยียนพยักหน้า เดินไปปิดฉากแสง

หลินยวนถาม “สองคนนั้นพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน?” เขาไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่

ลู่หงเยียนหันกลับมาอมยิ้ม กล่าวว่า “ความคิดนับว่ามานะบากบั่นทีเดียวเพคะ”

หลินยวนถาม “เธอคิดว่าพวกเขาพูดความจริง?”

ลู่หงเยียนถามกลับ “ท่านอ๋องคิดว่าพวกเขาโกหกหรือเพคะ?”

หลินยวนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร บอกตามตรง ตัวเขารู้สึกไม่เข้าใจอย่างมาก แต่ถ้าบอกว่านี่เป็นเรื่องโกหก อย่างนั้นทักษะการแสดงของพวกเขามันก็แย่เกินไปหน่อยแล้ว มีใครเสแสร้งกันแบบนี้บ้าง? เหตุผลเหลวไหลที่เต็มไปด้วยช่องโหว่อะไรก็ไม่รู้ แล้วก็ยังมีตรรกะบ้าบออะไรนั่นอีก ไม่เหมือนกำลังหลอกคนอื่นเลย เหมือนกำลังหลอกตัวเองอยู่มากกว่า

ลู่หงเยียนถามอีกครั้งว่า “ท่านอ๋องยังจำได้หรือเปล่าเพคะว่าพวกเขาเริ่มจับตาดูพระองค์ตั้งแต่เมื่อไร?”

หลินยวนเข้าใจความหมายของเธอ จึงนึกย้อนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พวกเขาปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่พานหลิงเยวี่ยหายตัวไป แล้วก็มีข่าวว่าหอการค้าตระกูลพานจะให้เงินรางวัลจริงๆ ด้วย… สองคนนี้อดทนกันจริงๆ แต่ถ้ามีความอดทนแบบนี้ ไปทำอะไรอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ”

ลู่หงเยียนอมยิ้มขึ้นมา “พวกเขาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอเพคะ จอมยุทธ์ รู้ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ”

หลินยวนถาม “ตัวประหลาดสองคนนี้มาจากไหน พวกเขาชื่ออะไร?”

ลู่หงเยียนตอบ “ไม่ทราบเพคะ ชื่อที่พวกเขาใช้อยู่ตอนนี้จะต้องเป็นชื่อปลอมอย่างแน่นอน ถ้าหากพวกเขาเป็นจอมยุทธ์พเนจรจริงๆ อย่างนั้นพวกเขาก็น่าจะเคยสาบานแขวนชื่อเอาไว้ที่เมืองหมอกเพคะ ขอเพียงเอารูปถ่ายของพวกเขาไปสอบถามที่นั่นดู ไม่นานก็น่าจะรู้ผลเพคะ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร จะลองตรวจสอบดูไหมเพคะ?”

หลินยวนส่งเสียงอืม นับว่าเห็นด้วย

ในเวลานี้เอง ทั้งคู่หันหน้าไปทางลานบ้าน เหมือนจะได้ยินเสียงผู้หญิงที่ฟังดูร่าเริงดังลอยมาจากในลานบ้าน

“นี่มันเวลากินข้าว ที่ร้านกำลังยุ่งนี่นา ทำไมเธอถึงมาตอนนี้ได้?” หลินยวนเอ่ยพึมพำ เห็นได้ชัดว่าฟังออกว่าเป็นเสียงใคร

ลู่หงเยียนถามทันที “ใครเหรอเพคะ?”

หลินยวนว่า “กวนเหอเหนียง เถ้าแก่เนี้ยร้านเหล้า ‘ละมุนลิ้น’ ที่อยู่ตรงทางแยก เมื่อก่อนลุงเฉินจะไปกินไปดื่มที่ร้านของเธอบ้างเป็นครั้งคราว ตอนเด็กๆ ฉันเคยทำงานที่ร้านเธอ นิสัยนับว่าไม่เลว เธอเป็นแม่หม้าย เมื่อก่อนมีคนพยายามจับคู่เธอกับลุงเฉิน แต่ลุงเฉินไม่สนใจ เลยไม่ได้คบกัน”

ลู่หงเยียนร้องโอ้ เปิดประตูออกไปด้วยท่าทีรู้สึกสนใจ เห็นได้ชัดว่าอยากเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร

หลินยวนก็ตามออกไปข้างนอกเช่นกัน

เมื่อเดินออกมา ทั้งสองคนก็เห็นจางเลี่ยเฉินกำลังเดินกลับเข้ามาจากตรงประตูหน้าพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังพูดคุยหัวเราะกัน

ผู้หญิงรูปร่างหน้าตาถือว่าพอใช้ได้ แต่งกายดูดี เวลาเดินยังชอบโยกย้ายส่ายสะโพก เพียงแต่ดูค่อนข้างมีอายุแล้ว น้ำเสียงเวลาที่พูดก็ฟังดูร่าเริง

กวนเหอเหนียงเองก็มองเห็นหลินยวนและลู่หงเยียนเช่นกัน จึงร้องอุทานออกมาทันที “เสี่ยวหลินจึ ในที่สุดก็ได้เจอเธอสักที”

ทั้งสองฝ่ายเดินเข้ามาหากัน หลินยวนพยักหน้าพร้อมเอ่ยทักทาย “เถ้าแก่เนี้ย”

กวนเหอเหนียงจุ๊ปาก กวาดตามองสำรวจหลินยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า “เสี่ยวหลินจึ ฉันได้ยินเรื่องเธอมา ตอนนี้หน้าที่การงานไม่เลวแล้วนี่นา กลายเป็นนักเรียนของหลิงซาน แล้วยังเป็นผู้ช่วยของรองประธานหอการค้าตระกูลฉินอีก ฉันได้ยินว่าเธอกลับมาพักหนึ่งแล้ว แต่ไม่เคยมาเยี่ยมฉันเลย พวกเพื่อนบ้านแถวนั้นพากันซุบซิบ บอกว่าตอนนี้เธอประสบความสำเร็จแล้ว ขี้เกียจจะมาสนใจพวกเราแล้ว” ขณะที่พูด ดวงตาทั้งสองข้างของเธอกลับสำรวจดูลู่หงเยียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ถูกต้อง หลังจากกลับมาที่เมืองปู๋เชวี่ย หลินยวนก็ไม่ได้ไปเยี่ยมทุกคนเลย เหตุผลก็เป็นเพราะไม่รู้จะไปคุยอะไร เขาไม่อยากจะไปเจอกับความเกรงอกเกรงใจปลอมๆ ที่ไม่จบไม่สิ้นเหล่านั้น จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “พอดีผมยุ่งน่ะครับ ไม่มีเวลา”

กวนเหอเหนียงดึงแขนเสื้อของหลินยวน พยักพเยิดหน้าไปทางลู่หงเยียน “สวยเหมือนเทพธิดาเลย ใครเหรอ จะไม่แนะนำหน่อยเหรอ?”

จางเลี่ยเฉินแค่นหัวเราะออกมา “ยังจะทำเป็นถามอีก เรื่องทั้งถนนนี่มีอะไรที่เธอไม่รู้บ้าง? ไม่ต้องมาทำเป็นหาเรื่องคุยเลย”

กวนเหอเหนียงถลึงตามาที่เขา “นี่ ตาจางขี้เหนียว ฉันถามนิดถามหน่อยไม่ได้เหรอไง?”

ลู่หงเยียนยิ้มพลางคารวะ “ลู่หงเยียนคารวะเถ้าแก่เนี้ยค่ะ”

“ไอหยา ดูสิว่าเธอมีมารยาทแค่ไหน ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ!” กวนเหอเหนียงรีบเดินเข้าไปประคอง คล้องแขนลู่หงเยียน อย่างคุ้นเคย “หนูหน้าตาดีขนาดนี้ แค่ดูก็รู้ว่าต้องเป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่แน่ ได้ยินว่ามาเมืองหลวง มาชอบพอเสี่ยวหลินจึแบบนี้ก็นับว่าเป็นบุญของเสี่ยวหลินจึแล้ว ร้านเหล้า ‘ละมุนลิ้น’ ตรงทางแยกนั้นของฉันเอง เอาไว้ว่างๆ ก็มานั่งได้นะ….” พูดอะไรยืดยาวไม่จบไม่สิ้น

จางเลี่ยเฉินได้แต่ส่ายหน้า เดินกลับไปตรงข้างเตาที่ต้มโจ๊กอยู่แล้วนั่งลง หลินยวนเองก็รู้ว่าเมื่อกวนเหอเหนียงได้เปิดปากแล้วก็ยากจะหยุดได้ แล้วก็ไม่สะดวกจะเร่งเร้าอะไร จึงเดินไปนั่งลงข้างเตาด้วยเช่นกัน

ลู่หงเยียนกลับยิ้มอย่างอดทน พูดคุยเป็นเพื่อนเธอ

หลังจากพูดคุยอยู่พักหนึ่ง กวนเหอเหนียงถึงจะคล้องแขนลู่หงเยียนเดินเข้ามา ลู่หงเยียนเองก็รู้งาน รีบดึงเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างเข้ามา

เมื่อกวนเหอเหนียงนั่งลง เธอก็ทำจมูกฟุดฟิด สูดดมกลิ่นหอมพลางมองไปยังโจ๊กที่อยู่ในหม้อ “ตาจางขี้เหนียว ฉันมาที่นี่ทั้งที จะไม่เชิญฉันกินหน่อยเหรอ?”

จางเลี่ยเฉินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงรำคาญทันที “ใครจะไปรู้ว่าเธอจะมา? อีกอย่าง เธอก็เปิดร้านเหล้าอยู่ ยังจะมีหน้ามากินฟรีที่บ้านฉันอีกเหรอ?”

“เฮ้ พูดถึงเรื่องกินฟรีนี่ หงเยียน ฉันมีเรื่องตาแก่ขี้เหนียวนี่จะเล่าให้ฟัง” กวนเหอเหนียงรีบหันไปหาลู่หงเยียนทันที ริมฝีปากขยับขึ้นลงไม่หยุด “เมื่อก่อนเนี่ยนะ ตาแก่ขี้เหนียวคนนี้ชอบมากินอะไรที่ร้านของฉันแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน บอกว่าลงบัญชีไว้ก่อน สิ้นปีค่อยมาคิดทีเดียว ตอนนั้นฉันก็คิดว่าเป็นเพื่อนบ้านอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน โรงอีหลิวก็หนีไปไหนไม่ได้ ก็เลยรับปากเขาไป ใครจะคิดว่าพอถึงตอนที่คิดบัญชีตอนสิ้นปี เขามาเดิมพันกับฉัน ฉันหลงกลเขา แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อพนันกับเขาไปแล้วฉันก็ยอมรับความพ่ายแพ้ เงินค่าอาหารตลอดทั้งปีก็เลยเอามาเป็นเงินเดิมพันแทน จากนั้นเขายังคิด จะมากินแล้วลงบัญชีอีก แต่ฉันไม่ยอม เธอลองทายสิว่าเขาทำยังไง พอจะให้เขาจ่ายเงิน เขาก็เลยไม่มาเลย”

ลู่หงเยียนหัวเราะพลางเอ่ยว่า “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอคะ?”

จางเลี่ยเฉินพึมพำ “นอกจากเรื่องไร้สาระพวกนั้นแล้วไม่มีอะไรดีๆ จะพูดเหรอไง? พูดมากจริงๆ”

กวนเหอเหนียงรีบหันไปถามหลินยวน “เสี่ยวหลินจึ เธอลองว่ามาสิ เขาใช่คนแบบนี้หรือเปล่า?”

หลินยวนยิ้มเล็กน้อยพลางตอบว่า “ลุงเฉินแกค่อนข้างประหยัดน่ะครับ”

จางเลี่ยเฉินตะโกนกลับไปทางกวนเหอเหนียงทันที “ได้ยินหรือยัง? เขาเรียกว่าประหยัดต่างหากล่ะ!”

กวนเหอเหนียงตีแขนหลินยวนเบา “แล้วค่าจ้างที่เขาติดเธออยู่ เขาคืนเธอหรือยัง?”

จางเลี่ยเฉินเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ถึงเวลากินข้าวแล้ว ร้านเธอก็ยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ มาที่นี่ทำไม?”

กวนเหอเหนียงตอบว่า “วันนี้หยุด ปล่องควันมันเสีย ควันกระจายเข้าไปในร้านจนลูกค้าบ่น กำลังให้คนมาซ่อมอยู่ วันนี้เลยปิดร้านวันนึง”

จางเลี่ยเฉิน “ปิดร้านก็เลยมาที่บ้านฉันเนี่ยนะ จะต้องมีอะไรแน่ๆ”

กวนเหอเหนียงถลึงตาใส่เขา “เอ๊ะ ดูพูดเข้าสิ” แต่จากนั้นเธอก็หัวเราะคิกคักออกมา “แต่จะว่าไป ตาจางขี้เหนียว ฉันมีข่าวดีมาบอกแกล่ะ”

จางเลี่ยเฉินเหล่มองเธอ “ข่าวดี? เธอเนี่ยนะจะมีข่าวดีมาบอกฉัน?”

กวนเหอเหนียงเองก็ไม่หลีกเลี่ยง ดึงเก้าอี้ที่อยู่ใต้ก้นไปนั่งข้างๆ จางเลี่ยเฉิน “ฉันหาผู้หญิงมาใช้ชีวิตอยู่กับแกสักคนเอาไหม?”

จางเลี่ยเฉินปฏิเสธทันที “ไม่เอา!”

กวนเหอเหนียงยกเท้าเตะเขาเบา ๆ “ฉันพูดจริงนะ ไม่ได้ล้อเล่น ญาติห่างๆ ของฉันจะมาอยู่กับฉัน สามีของเธอตายไปนานแล้ว ตอนนี้ตัวคนเดียวไม่มีที่พึ่ง หน้าตาก็ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ที่สำคัญที่สุดคือใจเย็นพูดง่าย ผู้หญิงส่วนใหญ่รับนิสัยแกไม่ได้หรอก แต่ฉันว่าเธอรับนิสัยแกได้แน่”

หลินยวนกับลู่หงเยียนสบตากัน

จางเลี่ยเฉินตอบว่า “ถ้ามีผู้หญิงดีๆ เธอจะนึกถึงฉันอย่างนั้นเหรอ? ไม่เอา!”

กวนเหอเหนียงกล่าวว่า “จะขอบคุณกันสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง? นี่ฉันพูดจริงๆ นะ เธอเคยแต่งงานมาแล้ว จะแต่งอีกก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ อายุเองก็ไม่ใช่น้อยๆ คนที่มีฐานะดีหน่อยก็ไม่เอาเธอ ส่วนไอคนที่ฐานะไม่ดี ฉันก็ไม่อยากให้เธอต้องไปใช้ชีวิตลำบากอยู่ในถ้ำเล็กๆ อยากน้อยก็อยากจะให้เธอมีชีวิตที่ดีหน่อย ถึงแม้แกจะขี้เหนียวไปบ้าง แต่อย่างน้อยความเป็นอยู่ก็ไม่ได้แย่อะไร โรงอีหลิวนี่ก็ใหญ่โต ยิ่งไปกว่านั้นยังมีห้องเยอะด้วย ห้องว่างๆ ก็ไม่มีคนอยู่ มีคนมาอยู่กับแกเพิ่มอีกคนหนึ่ง แล้วยังช่วยแกปัดกวาดเช็ดถูได้ นี่ไม่ดีเหรอไง?”

จางเลี่ยเฉินยังคงยืนกราน “ไม่เอา!”

กวนเหอเนียงถลึงตาใส่ แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ หลินยวนก็พูดแทรกขึ้นว่า “ลุงเฉิน อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิ ลองเจอเธอก่อนแล้วค่อยว่ากันดีไหม?”

กวนเหอเหนียงแสดงออกว่าเห็นด้วยกับคำพูดของเขา “แกดูสิ เสี่ยวหลินจึยังคิดเป็นเลย”

ลู่หงเยียนเองก็เกลี้ยกล่อมว่า “ลุงเฉิน ฉันกับหลินจึอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนลุงไปตลอดชีวิตไม่ได้นะคะ ถ้าได้เจอคนที่เหมาะสมจริงๆ อย่างนั้นก็เป็นเรื่องดี ลองดูก่อนก็ได้นะคะ”

“ใช่!” กวนเหอเหนียงปรบมือ “ตาจางขี้เหนียว เอาอย่างนี้แล้วกัน น้องของฉันฉันย่อมต้องดูแลเธออยู่แล้ว ปกติฉันจะให้เธอมาช่วยงานที่ร้านเหล้าของฉัน แล้วก็จะจ่ายเงินเดือนให้เธอ ในร้านเหล้าเองก็มีข้าวให้กิน เธอกินข้าวที่ร้านเหล้าได้ แกจะได้ไม่ต้องจ่ายอะไรมาก อีกอย่าง เธอเป็นคนใจเย็นพูดง่าย ถ้าแกเอ่ยปาก เธอจะต้องยอมเอาเงินเดือนให้แกเป็นคนจัดการแน่ ในบ้านมีคนช่วยแกหาเงินเพิ่ม แล้วก็ยังมีคนช่วยแกเก็บกวาด เรื่องดีๆ แบบนี้ไม่ได้จะเจอกันง่ายๆ นะ

จางเลี่ยเฉินมองดูท่าทีของหลินยวนและลู่หงเยียน เห็นทั้งสองคนดูมีความคาดหวังเล็กน้อย จึงเงียบไปทันที คล้ายจะรู้สึกหวั่นไหวกับคำพูดของกวนเหอเหนียงแล้ว กล่าวตะกุกตะกักว่า “ถ้าหน้าตาเธอพอใช้ได้จริง เธอจะมาชอบฉันเหรอ?”

………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน