ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 201 ปราดเปรื่องจริงๆ ด้วย

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 201 ปราดเปรื่องจริงๆ ด้วย

หลินยวนเลิกงานกลับมา ลู่หงเยียนเดินเข้าไปต้อนรับตามปกติ

หลินยวนเห็นในโรงอีกหลิวมีคนเพิ่มมาคนหนึ่ง เธอกำลังล้างผักอยู่ เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะเข้าครัวทำกับข้าว ส่วนจางเลี่ยเฉินไม่รู้ไปไหน

ในตอนที่เขาจอดรถ ลู่หงเยียนกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “นั่นเธอเพคะ”

หลินยวนกระซิบถาม “ลุงเฉินล่ะ?”

ลู่หงเยียนว่า “อาจจะเขินเพคะ อยู่แต่ไม่ร้านไม่ค่อยออกมาเลยเพคะ”

หลินยวนรู้สึกขบขัน เอียงศีรษะส่งสัญญาณเล็กน้อย ลู่หงเยียนจึงพาเขาเข้าไปทักทายอวี๋สุ่ยชิง จากนั้นเอ่ยแนะนำทั้งสองฝ่ายเล็กน้อย

อวี๋สุ่ยชิงยังคงดูเขินอายอยู่ หลินยวนเองก็พูดคุยตามมารยาทเล็กน้อย จากนั้นกลับเข้าห้องของตัวเองไป

กระทั่งลู่หงเยียนตามเข้ามาในห้อง เขาก็รีบสั่งกำชับทันที “ต่อไปเวลากินอะไรเธอต้องระวังให้มากขึ้นหน่อย”

ลู่หงเยียนกล่าว “วางใจได้เพคะ หม่อมฉันจะทดสอบก่อนเพคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวหม่อมฉันออกไปช่วยเธอก่อนนะคะ ลุงเฉินไม่ยอมโผล่หน้ามา เธอเพิ่งจะมาอยู่ จะให้เธอทำงานเหมือนคนใช้ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร”

หลินยวนส่งเสียงอืม ลู่หงเยียนถึงจะเดินออกไป

เมื่อถึงเวลาอาหาร จางเลี่ยเฉินบอกว่ายังไม่หิว ยังไม่อยากกินอะไรทำนองนั้น แต่สุดท้ายก็ถูกลู่หงเยียนลากเข้ามา ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกินข้าวกัน กินกันอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร ลู่หงเยียนกับหลินยวนพยายามจะชวนคุย แต่ก็ยังเรียกความครึกครื้นขึ้นมาไม่ได้ บรรยากาศค่อนข้างแปลกประหลาด

หลังกินข้าวเสร็จ อวี๋สุ่ยชิงกับลู่หงเยียนแย่งกันเก็บจานชามอีกครั้ง สุดท้ายทั้งสองคนก็ไปล้างจานด้วยกัน ทำงานไปพลางพูดคุยไปพลาง

หลังทำงานเสร็จเรียบร้อยและกลับเข้ามาในห้อง ลู่หงเยียนเห็นหลินยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปกอดคอเขาจากทางด้านหลัง คลอเคลียอยู่ข้างใบหู เมื่อเห็นเขาไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธอะไร เธอจึงอ้อมไปนั่งตักเขาทางด้านหน้า เอียงกายไปโอบกอดเขาเอาไว้ มือไม้อยู่ไม่สุข

……

ช่วงเวลาแห่งความสุขจบสิ้นลง ลู่หงเยียนลุกขึ้นไปชำระล้างร่างกาย เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เปิดฉากแสงขึ้นมา ภายในฉากแสงมีภาพภายในห้องของอวี๋สุ่ยชิงปรากฏขึ้นมา

หลินยวนกล่าว “เธอไปติดกล้องเอาไว้เหรอ?”

ลู่หงเยียนกล่าว “ก่อนหน้านี้ลองตรวจสอบมาแล้วเพคะ เธอไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร ของแบบนี้เธอยากจะรู้ตัวได้เพคะ”

เมื่อเห็นเธอมีความมั่นใจ หลินยวนก็ไม่พูดอะไรอีก หลังจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็กลับมานั่งขัดสมาธิบำเพ็ญเพียรต่อ

ส่วนลู่หงเยียนก็เปลี่ยนไปดูกล้องที่ติดเอาไว้ในร้านเสื้อผ้า ตรวจสอบดูเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้

……

วันถัดมา อวี๋สุ่ยชิงลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้ทุกคนแต่เช้าแล้วถึงจะออกไปจากโรงอีหลิว ก่อนออกไปยังบอกลู่หงเยียนเอาไว้ด้วยว่าจะไปทำงานที่ร้านเหล้าละมุนลิ้น อาจจะกลับมาหลังอาหารเย็น ลู่หงเยียนแสดงออกว่าเข้าใจ ก็เป็นร้านเหล้านี่นา กว่าจะได้หยุดพักก็ต้องรอให้ผ่านเวลาอาหารเย็นไปแล้ว

จากนั้น ลู่หงเยียนก็ออกไปจากโรงอีหลิวเช่นกัน

….

เซี่ยงเต๋อเฉิงตามมาถึงหอการค้าตระกูลฉินอีกครั้ง เมื่อเห็นหลินยวนขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปด้านในหอการค้าแล้ว เขาจึงได้แต่ต้องแสร้งทำเป็นขับเลยไปโดยไม่หยุดรถ เขาเข้าไปในหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้ โดยเฉพาะหลังจากที่การประมูลเริ่มต้นขึ้น การป้องกันของหอการค้าตระกูลฉินก็ยิ่งมีความเข้มงวดขึ้น คนนอกหากไม่ได้รับอนุญาตก็แทบจะไม่มีโอกาสให้เข้าไปด้านในเลย

เขาเองก็แค่ทำๆ ไปเหมือนอย่างทุกทีเท่านั้น ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ค่อยตั้งใจเท่าไรแล้ว รู้สึกว่าทำแบบนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ เพียงแค่ปากไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น

เขากลับมาเดินเล่นอยู่ในเมืองเหมือนอย่างทุกที เดินเตร่ไปทั่ว สัมผัสถึงความรู้สึกของการใช้ชีวิต ความรู้สึกของการเป็นคนธรรมดามันช่างดีจริงๆ

ใต้ต้นไม้มีป้าแก่ๆ อยู่คนหนึ่ง ทุกเช้าจะมานั่งขายน้ำผลไม้ที่ทำเอง เซี่ยงเต๋อเฉิงรู้สึกว่ารสชาติไม่เลว ทุกวันจะมานั่งกินอยู่ใต้ต้นไม้ชามหนึ่ง ค่อยๆ ดื่มด่ำกับรสชาติและความสุขไปอย่างช้าๆ

ด้านข้างมีคนสองคนเดินผ่านไป คนหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นมาว่า “ก็เธอนั่นแหละ คุณหนูสามของหอการค้าตระกูลพานที่ล้มละลายไปไง ฉันเคยเห็นมากับตา”

อีกคนหนึ่งถอนใจออกมา “ทำไมถึงตกอับขนาดนี้ได้นะ? ไม่ได้ต่างอะไรกับขอทานเลยจริงๆ!”

เซี่ยงเต๋อเฉิงที่นั่งถือชามอยู่บนเก้าอี้เตี้ยเงยหน้าขึ้นมาทันที จากนั้นวางชามลง โยนเงินทิ้งไว้สามมุก ลุกขึ้นแล้วรีบเดินตามไป

หลังเดินตามสองคนนั้นแล้วฟังพวกเขาพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง เซี่ยงเต๋อเฉิงก็เข้าไปเอ่ยทักทาย “สหายสองคนนี้ เมื่อกี้นี้ผมเหมือนจะได้ยินพวกคุณกำลังพูดถึงคุณหนูสามของหอการค้าตระกูลพาน ไม่รู้ว่าผมฟังผิดไปหรือเปล่า?”

คนหนึ่งเอ่ยว่า “ใช่ พานหลิงอวิ๋น ทำไมเหรอ?”

เซี่ยงเต๋อเฉิงเอ่ยว่า “คุณบอกว่าเมื่อกี้นี้คุณเห็นเธอ เธอไม่ใช่ว่าหายตัวไปแล้วเหรอ?”

คนคนนั้นกล่าวว่า “ก็ใช่น่ะสิ ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน พวกเราก็เพิ่งจะเจอเธอเมื่อกี้นี้ เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เกือบจะจำไม่ได้แหนะ”

เซี่ยงเต๋อเฉิงประหลาดใจ “เมื่อกี้นี้? เจอเธอที่ไหนเหรอ?”

คนคนนั้นชี้นิ้วออกไป “ตรงทางขึ้นเข้าเส้นนั้น ฉันเห็นเธอค่อยๆ เดินขึ้นเขาไป น่าจะยังอยู่บนทางขึ้นเขานั่นแหละ คุณถามทำไม รู้จักเธอเหรอ?”

เซี่ยงเต๋อเฉิงรีบโบกมือ “เปล่าๆ ไม่รู้จักๆ แค่สงสัยเฉยๆ น่ะ ไม่รบกวนแล้วๆ” ก่อนจะประสานมือแล้วหมุนตัวเดินจากไป

กระทั่งเดินห่างออกมาจากทั้งสองคน เขาจึงเร่งความเร็วฝีเท้าขึ้นมา วิ่งตรงไปยังทางขึ้นเขาที่อีกฝ่ายชี้บอกเมื่อครู่นี้

ระหว่างทางที่ขึ้นไปไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว จนกระทั่งในตอนที่ใกล้ขึ้นไปถึงยอดเขา เขามองเห็นบ้านหลังหนึ่งอยู่บนยอดเขา จากนั้นถึงจะมองเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดที่ขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้าดูยุ่งเหยิง คล้ายกำลังยืนรอฟังข่าวอยู่ตรงหน้าประตู

เซี่ยงเต๋อเฉิงรีบขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้เพื่อสังเกตการณ์

ตรงประตูหน้าของบ้านหลังนั้นมีชายรูปร่างเล็กผอมคนหนึ่งเดินออกมา มองดูหญิงสาวที่อยู่ในชุดที่ขาดรุ่งริ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะฮ่าๆ ดังแว่วขึ้นมา “คุณหนูพาน ลมอะไรหอบคุณมาถึงที่นี่ครับเนี่ย คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่?”

เซี่ยงเต๋อเฉิงประหลาดใจเล็กน้อย พานหลิงอวิ๋นจริงๆ อย่างนั้นเหรอเนี่ย?

เขามองไม่เห็นหน้าของเธอ ก่อนหน้านี้ได้ยินคนบอกว่าเป็นคุณหนูสามของตระกูลพาน แล้วเวลานี้ยังได้ยินคนเรียกเช่นนี้อีก เขาจึงเชื่อไปแล้วว่าเธอคือพานหลิงอวิ๋น

แล้วก็ไม่รู้ว่าพานหลิงอวิ๋นพูดอะไรกับอีกฝ่าย จู่ๆ ชายรูปร่างเล็กผอมคนนั้นก็โบกมือทีหนึ่ง ผู้คุ้มกันสองคนที่อยู่ตรงหน้าประตูเข้าไปลากพานหลิงอวิ๋นเข้าไปด้านในทันที

เสียงตะโกนของพานหลิงอวิ๋นดังแว่วขึ้นมา “พวกแกจะทำอะไร? ปล่อยฉันนะ! ปล่อยฉัน…”

เซี่ยงเต๋อเฉิงเกือบจะพุ่งตัวออกไปช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็อดทนเอาไว้ได้ เวลานี้ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร

คนถูกพาเข้าไปแล้ว ตรงหน้าประตูตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เขาคอยสังเกตดูความเคลื่อนไหวภายในสวนของบ้านหลังนั้นอยู่ครู่หนึ่ง

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชายรูปร่างเล็กผอมคนนั้นก็เดินออกมาอีกครั้ง วิ่งลงเขาไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางดูรีบร้อนจะไปทำอะไรสักอย่าง

เซี่ยงเต๋อเฉิงไม่ได้ใช้ทางลงเขา หากแต่คอยตามอยู่ในป่าที่อยู่ด้านข้างทางลงเขา

หลังตามลงไปถึงถนนด้านล่าง เขาก็ยังเดินตามอยู่ในฝูงคนที่เดินสัญจรไปมา จนกระทั่งเห็นชายรูปร่างเล็กผอมคนนั้นเข้าไปในร้านร้านหนึ่ง เขาเห็นเถ้าแก่ของร้านนั้นประสานมือ พูดคุยยิ้มแย้มกับชายคนนั้น จากนั้นเชิญชายคนนั้นเข้าไปด้านหลังร้าน

เซี่ยงเต๋อเฉิงคอยสังเกตดูอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นชายคนนั้นออกมาเสียที เขาจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในที่ลับตาคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของร้าน หยิบเอาโทรศัพท์ออกมา ติดต่อไปหาเหยียนฝู “พี่ ผมเจอพานหลิงอวิ๋นแล้ว…เจอโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน…” เขาเล่าเหตุการณ์ออกมาคร่าวๆ หลังจากเก็บโทรศัพท์มือถือไปแล้วก็ยังเดินวนเวียนรออยู่ที่เดิม รอให้คนในร้านออกมา แล้วก็รอให้เหยียนฝูมาด้วย

เหยียนฝูที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ในร้านขายเสื้อผ้าค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง สีหน้าดูผิดหวัง พานหลิงอวิ๋นปรากฏตัวแล้วอย่างนั้นเหรอ?

ถ้าแค่ปรากฏตัวก็ยังว่าไปอย่าง หากปรากฏตัวแล้วปลอดภัย อย่างนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอจะถูกคนจับตัวไปอีกครั้ง นี่มันอะไรกันวะเนี่ย?

ตอนนี้ถ้าไม่ไปช่วยเธอก็เหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไร ใครใช้ให้เขาคุยโวต่อหน้าเซี่ยงเต๋อเฉิงไปแบบนั้นล่ะ

ความจริงเรื่องบางเรื่องเขาก็แค่ฝืนทำไปอย่างนั้น ฝืนวางท่าไปอย่างนั้น

ในหลายๆ ครั้งเขาเองก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก สับสนในหนทางข้างหน้า ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี เพราะดันมีพี่น้องคนหนึ่งที่ติดตามเขาด้วยความนับถือและความจงรักภักดีมาโดยตลอด

เขาเป็นผู้นำ เขาเป็นพี่ใหญ่ คำพูดปลุกใจเคยพูดมาแล้ว คำพูดคุยโวก็เคยพูดมาไม่น้อย เหมือนจะยกยอตัวเองจนหาทางลงไม่ได้แล้ว

แต่ในขณะที่เขากำลังสับสนอยู่ กระทั่งหลับฝันก็ยังไม่เคยคิดถึงมาก่อนว่าร้านขายเสื้อผ้าที่เปิดขึ้นมาเล่นๆ เพื่อเป็นฉากบังหน้า กลับทำกำไรได้ดีจนน่าประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะพบเจอหนทางในขณะที่กำลังจมอยู่ในความสับสน

เขาเองก็คิดว่าคงจะหาตัวพานหลิงอวิ๋นไม่เจอแล้ว แล้วก็คิดจะใช้เรื่องนี้เพื่อเป็นทางลงให้แก่ตัวเอง ใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปก็นับว่าไม่เลวเลย เขาถึงได้กล้าพูดกับพี่น้องของตนอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ใครมันจะไปคิดถึงว่าพานหลิงอวิ๋นจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งยังถูกคนจับตัวไปด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยังถูกเซี่ยงเต๋อเฉิงพบเข้าอีก แล้วจะให้เขาทำยังไง?

ขอบคุณลูกค้า! ปิดร้าน แล้วรีบออกไป

ในตอนที่เขาเจอเซี่ยงเต๋อเฉิง ชายคนนั้นก็ได้ออกไปจากร้านแล้ว เซี่ยงเต๋อเฉิงคลาดกับเขาไป

เขารู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก กล่าวชื่นชมออกมาว่า “พี่ใหญ่ปราดเปรื่องจริงๆ พานหลิงอวิ๋นยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย”

“ตอนนี้มาพูดเรื่องนี้ยังมีประโยชน์อะไร?” เหยียนฝูเอ่ยอย่างเยือกเย็น ก่อนจะพูดอย่างเด็ดขาดว่า “เธอถูกจับเอาไว้ไหน ไป พาฉันไป”

ทั้งสองคนรีบตรงขึ้นไปบนยอดเขาทันที

แต่ในตอนที่ไปถึงที่นั่น ทั้งสองคนซ่อนตัวเพื่อสังเกตการณ์อยู่พักหนึ่ง พบว่าไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไร ภายในบ้านหลังนั้นเงียบเป็นป่าช้า ตรงหน้าประตูไม่เห็นแม้กระทั่งผู้คุ้มกัน กระทั่งคนเฝ้าประตูสักคนก็ไม่มี

เมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เหยียนฝูจึงสั่งให้เซี่ยงเต๋อเฉิงแสร้งทำเป็นคนที่เดินขึ้นมาเที่ยวบนภูเขา เข้าไปสำรวจดูใกล้ๆ

เซี่ยงเต๋อเฉิงจึงลงไปเดินเตร่อยู่บนทางขึ้นเขา ค่อยๆ เดินขึ้นไปบนเขา ในตอนที่มาถึงประตูหน้าก็มองซ้ายมองขวาเล็กน้อย จากนั้นตะโกนว่า “มีคนอยู่ไหม?”

หลังตะโกนอยู่สองสามครั้งก็ไม่มีใครตอบอะไรกลับมา เขาจึงพยายามจะเดินเข้าไป

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เซี่ยงเต๋อเฉิงปรากฏตัวอยู่บนหลังคาของบ้าน กวักมือมาทางเหยียนฝู

เหยียนฝูโผล่ออกมาจากที่ซ่อนตัว กระโจนเข้าไปในบ้าน ขึ้นไปหาเซี่ยงเต๋อเฉิง

เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าวว่า “พี่ ไม่มีใครเลย ในบ้านไม่มีใครอยู่สักคน”

เหยียนฝูกระโดดลงไปด้านล่างทันที กวาดมองไปรอบๆ พบว่าภายในบ้านว่างเปล่า เหมือนว่าย้ายออกไปหมดแล้วอย่างไรอย่างนั้น กระทั่งข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

“เฮ้อ ตอนนั้นนายน่าจะคอยจับตาดูอยู่ที่นี่แล้วค่อยโทรหาฉัน อีกฝ่ายเหมือนจะจับคนแล้วไปแล้ว” เหยียนฝูกระทืบเท้าพลางกล่าว

เซี่ยงเต๋อเฉิงเกาศีรษะ รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “แล้วตอนนี้จะเอายังไง?”

“จากที่นายว่ามา เถ้าแก่ร้านนั้นน่าจะรู้จักคนที่นี่ ไป!” เหยียนฝูเรียก ทั้งสองคนรีบลงจากเขาไปทันที

เมื่อมาถึงตีนเขา พวกเขาพบกับชายชราที่กำลังเก็บของป่าคนหนึ่ง เหยียนฝูจึงยกมือบอกให้หยุด จากนั้นเดินเข้าไปหา ประสานมือพลางเอ่ยถามว่า “ท่านผู้เฒ่า ขอสอบถามหน่อยครับ ไม่ทราบว่าบ้านที่อยู่บนเขานั่นบ้านใครเหรอครับ?”

ชายชราประสานมือตอบกลับตามมารยาท ก่อนจะเอ่ยอย่างมึนงงว่า “บ้านบนเขามันร้างมาตั้งนานแล้ว ไม่มีใครอยู่นี่นา!”

เหยียนฝูเอ่ยด้วยความสงสัย “บ้านดีๆ แบบนั้น ทำไมถึงไม่มีคนอยู่ล่ะครับ?”

ชายชรายิ้มพลางกล่าวว่า “ทั้งสองคนอาจจะไม่รู้ ที่นี่เดิมทีเป็นคฤหาสน์ตระกูลเฉา คนที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนใหญ่คนโต ได้ยินว่าพวกอันธพาลใต้ดินทุกคนในเมืองปู๋เชวี่ยต้องเชื่อฟังคนคนนี้ ต่อมาถูกศัตรูมาหาถึงที่ ฆ่าคนแซ่เฉาคนนั้นไป เรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เอง เดิมทีที่นี่ถูกปิดไปแล้ว ทางผู้พิทักษ์เมืองอยากจะประมูลมันออกไป แต่ประมูลไม่สำเร็จ คนตายเยอะเกินไป อัปมงคล ไม่มีใครเอา ก็เลยขายไม่ออกสักที ถ้าพวกเธอไม่เชื่อ ก็ลองไปถามคนที่อยู่รอบๆ ดูก็ได้ว่าฉันพูดจริงหรือเปล่า” กล่าวจบก็ส่ายศีรษะแล้วเดินออกไป

……………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท