ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 204 เรื่องนี้จัดการได้ไม่ง่าย

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 204 เรื่องนี้จัดการได้ไม่ง่าย

ณ เมืองหลวง สวนชิงหยวนที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์และแสงดาวระยิบระยับ บนหอสูงที่มีผ้าแพรพริ้วไหว เมื่อตกกลางคืนก็ยิ่งได้ยินเสียงดนตรีที่ดังแว่วมาจากบริเวณรอบๆ

เสียงฝีเท้าหนักอึ้งดังขึ้นมา ในที่สุดไป๋กุ้ยเหรินที่อ้วนฉุก็ขึ้นมาถึงด้านบนหอสูง มองดูเหมยชิงหยาที่นั่งขัดสมาธิอย่างสง่างามอยู่ด้านหลังโต๊ะ จากนั้นมองดูภายในห้องอันมืดสลัวที่มีแสงจันทร์สาดแทรกเข้ามา

ยามที่มีสายลมพัดพาผ้าแพรให้พริ้วไหว ก็จะยิ่งทำให้แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาได้มากยิ่งขึ้น แล้วก็ทำให้ภายในห้องสว่างขึ้นด้วย

แสงจันทร์ที่สว่างไสวขึ้นมาเป็นครั้งคราวส่องกระทบไปบนใบหน้าของเหมยชิงหยา ทำให้ใบหน้าของเขายิ่งดูชัดเจนขึ้น

“มาแล้วหรือคะ” ไป๋กุ้ยเหรินเดินไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะ ขาทั้งสองข้างแยกออก

เหมยชิงหยาส่งเสียงอืม

ไป๋กุ้ยเหรินบ่นพึมพำ “มืดแบบนี้จะไปมองอะไรเห็น ฉันบอกว่าแล้วน่าจะเอาไฟมาติดที่นี่ จุดเทียนสักเล่มเถอะค่ะ ฉันจะได้มองเห็นหน้าท่านชัดขึ้นอีกหน่อย เผื่อใครปลอมตัวมา”

เหมยชิงหยากล่าว “ไม่เอา! ฉันบอกแล้วไงว่าแสงไฟมันดึงดูดแมลง”

ไป๋กุ้ยเหรินเอ่ยพึมพำเสียงเบาๆ “คล้ายว่าฟ้ายิ่งมืด ท่านก็ยิ่งไม่อยากเห็นแสงไฟเลยนะคะ” จากนั้นออกแรงโน้มตัวไปข้างหน้า คิดจะรินน้ำชาให้เขา

เหมยชิงหยายื่นแส้ปัดฝุ่นที่อยู่ในมือออกไปขวาง “เธอไม่ได้เป็นคนรับใช้นะ ฉันเคยบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง เธอก็ไม่ฟังเลย”

ไป๋กุ้ยเหรินกล่าว “อย่างนั้นให้ฉันกลับไปทำงานเป็นคนรับใช้เถอะค่ะ”

เหมยชิงหยา “ไม่ต้องลำบาก”

ไป๋กุ้ยเหรินถามว่า “มากลางดึกแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”

เหมยชิงหยาเอ่ยว่า “เหลืออีกแค่สองวันโรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินก็จะเปิดใช้งานแล้ว พวกท่านห้าอยู่ที่เมืองปู๋เชวี่ย ไม่รู้ว่าเตรียมตัวกันเป็นยังไงบ้าง?”

ไป๋กุ้ยเหรินถอนใจพลางกล่าว “มาถึงก็คุยเรื่องงานเลย คุยเล่นเป็นเพื่อนฉันก่อนไม่ได้เหรอคะ?”

เหมยชิงหยา “ที่นี่ไม่มีคนมาคุยเป็นเพื่อนเธอหรือไง?”

ไป๋กุ้ยเหริน “คนคุยต่างกัน ความสนุกมันก็ต่างกัน โดยเฉพาะฉันอยากเห็นอีกด้านหนึ่งของท่าน อย่างเช่นด้านที่ท่านพูดคุยเรื่อยเปื่อย”

เหมยชิงหยากล่าว “ฉันเห็นความสนุกของเธอมีเยอะแยะไป เด็กหนุ่มรูปงามหลายคนที่มาใหม่นั่นก็เหมือนจะเคยถูกเธอบังคับให้ค้างคืนเป็นเพื่อนอีกแล้วสินะ เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?”

ไป๋กุ้ยเหรินหัวเราะฮิฮิขึ้นมาทันที “ฉันอ้วนแบบนี้ ข้างนอกนั่นอย่าว่าแต่เด็กหนุ่มรูปงามเลยค่ะ แม้แต่ผู้ชายขี้เหร่ก็ไม่เหลือบมองฉันด้วยซ้ำ แต่ที่นี่ทุกคนล้วนเอาอกเอาใจฉัน ถ้าไม่ใช้ประโยชน์ตรงนี้ ฉันจะอยู่ที่สวนชิงหยวนไปทำไมล่ะคะ? สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ พวกคนหน้าตาหล่อเหลาที่ใช้การได้มีไม่มาก ส่วนใหญ่มีแต่พวกดีแต่เปลือกทั้งนั้น มีประโยชน์แค่เอาไว้สะสมจำนวนเท่านั้น”

มุมปากเหมยชิงหยากระตุกขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวเสียงเรียบเฉยว่า “ขอแค่ไม่กระทบต่องาน ฉันก็ไม่สนเรื่องเละเทะพวกนี้ของเธอหรอก ว่าเรื่องงานเถอะ”

ไป๋กุ้ยเหรินกล่าวเข้าประเด็น “ทางท่านห้ายังไม่มีความคืบหน้าอะไรค่ะ”

เหมยชิงหยาเอ่ยถาม “รวบรวมกำลังคนเป็นยังไงบ้าง?”

ไป๋กุ้ยเหรินชะงักไปเล็กน้อย “เรื่องนี้ค่อนข้างแปลก เหมือนว่าจะไม่มีการเรียกรวมกำลังคนเลยค่ะ”

เหมยชิงหยาประหลาดใจ “เหลือเวลาแค่สองวัน เขาไม่ได้เรียกรวมกำลังคนอีกเหรอ?”

ไป๋กุ้ยเหริน “อย่างน้อยคนที่เราส่งไปแทรกซึมอยู่ทางนั้นก็รายงานมาแบบนี้ค่ะ หากลับหลังมีอะไร อย่างนั้นก็ไม่รู้แล้วค่ะ ทางด้านท่านห้าเองก็ติดต่อกับพวกเราน้อยลงแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างก็ตอบได้ยากค่ะ”

เหมยชิงหยากล่าว “ถ้ามีการใช้คนจำนวนมาก จะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะรู้เรื่องแม้แต่นิดเดียว?”

ไป๋กุ้ยเหรินว่า “อย่างนั้นก็แสดงว่าไม่ได้ใช้เหมือนเดิมไงคะ”

เหมยชิงหยาขมวดคิ้ว “เขาคิดจะทำอะไร? ไปถึงนั่นแล้วคงไม่ใช่ว่าแค่อยากจะไปดูเฉยๆ หรอกใช่ไหม?”

ไป๋กุ้ยเหรินกล่าว “เกรงว่าต่อให้ถามเขา เขาก็คงไม่พูดค่ะ แต่เขาแอบเตรียมคนเหล่านั้นเอาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ก็ยังอยู่ที่นั่น คงจะไม่อยู่เฉยๆ หรอกค่ะ”

เหมยชิงหยากล่าว “ทางท่านเก้ามีความเคลื่อนไหวไหม?”

ไป๋กุ้ยเหริน “ไม่พบความเคลื่อนไหวค่ะ หลังจากปฏิเสธที่จะลงมือแล้วยังเป็นลูกน้องเขาอยู่ที่นั่นเหมือนเดิม ไม่รู้คิดจะทำอะไร ไม่เข้าใจเลยสักนิดค่ะ”

เหมยชิงหยากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทางท่านสิบสามไม่มีการตอบสนองอะไร ตัวท่านสิบสามเองก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ท่านเก้าปฏิเสธที่จะลงมือ ไม่ติดต่อกับพวกเราทางนี้เลย แล้วก็แทบจะไม่ติดต่อลูกน้องของตัวเองเลย ท่านห้าเองก็ไม่ค่อยติดต่อพวกเราเหมือนกัน ดูท่าทางหลังจบศึกในเมืองหลวงครั้งนั้น ในใจทุกคนล้วนมีความหวาดระแวง นี่กำลังสงสัยฉันอยู่หรือเปล่า? แบบนี้ไม่ดีแน่!” แส้ปัดฝุ่นที่อยู่ในมือสะบัดทีหนึ่ง ไปห้อยอยู่ที่ข้อพับแขน

ไป๋กุ้ยเหรินกล่าว “ไม่เพียงแต่จะไม่ค่อยติดต่อฉันเท่านั้น แต่ก็ไม่ค่อยติดต่อกับคนของตัวเองด้วย จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าไม่เพียงแต่จะนึกสงสัยท่าน แต่พวกเขาก็รู้สึกไม่ไว้ใจลูกน้องของตัวเองด้วยเหมือนกันค่ะ ล้วนแต่เป็นพวกที่อันตรายทั้งสิ้น การที่พวกเขาจะรู้สึกระแวงมันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ ท่านก็ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ”

เหมยชิงหยาส่งเสียงเหอะ “เธอนี่ใจกว้างจริงๆ! ถ้าหลบหน้าพวกเรากันหมด พวกเราก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เธอไม่เข้าใจเหรอ? ถ้าไม่มีค่าบริการตรงนี้ อาศัยเพียงการสอนคนหนุ่มสาวพวกนั้นจะหาเงินได้สักเท่าไหร่กัน เลี้ยงดูคนตั้งเยอะขนาดนั้นไม่ต้องใช้เงินเหรอ?”

ไป๋กุ้ยเหรินกล่าว “ก่อนจะมีเรื่องดีๆ ก็ล้วนแต่ต้องเจออุปสรรคทั้งนั้น ค่อยเป็นค่อยไปเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นจะทำยังไงได้ล่ะ? ฉันว่านะ คนที่ฝึกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ดันพวกเขาเองซะเลยสิคะ ได้เงินเยอะขึ้นด้วย”

เหมยชิงหยา “ถ้าออกมาทำเอง เรื่องที่เข้าไปพัวพันจะมีเยอะเกินไป จะทำให้เกิดความวุ่นวายได้ง่าย แล้วก็สะดุดตามากเกินไปด้วย แบบนั้นไม่ดี! เรื่องที่แอบทำลับหลังน่ะจัดการได้ง่าย แต่ภายนอกยังต้องทำตัวเงียบๆ อยู่ อย่าหาเรื่องมาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยเธอแน่!”

ไป๋กุ้ยเหรินหัวเราะตัวโยน “ทราบแล้วค่ะ ก็เชื่อฟังอยู่นี่ไงคะ แค่พูดเล่นเฉยๆ ก็ไม่ได้เหรอ มาเพื่อพูดไม่กี่คำ พูดเสร็จแล้วก็ไป ท่านไม่เหนื่อยหรือไงคะ?”

……

ในห้องทำงานของหลัวคังอัน หลินยวนมองดูหลัวคังอันที่กำลังจัดระเบียบชุดใหม่ของตัวเองอยู่หน้ากระจกอย่างมีความสุข

เรื่องที่ควรมา สุดท้ายก็มาถึงเสียที พิธีเปิดโรงงานสร้างข่ายพลังเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินจะจัดขึ้นในวันนี้

บรรดาบุคคลสำคัญบางส่วนของหอการค้าตระกูลฉินจะมาเข้าร่วมงาน ฉินอี๋ย่อมต้องเป็นหนึ่งในนั้น หลัวคังอันผู้เป็นรองประธานและเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเทพมหาวิญญาณก็ต้องมาเข้าร่วมงานด้วยเช่นกัน

ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยของหลัวคังอัน หลินยวนก็ติดตามมาเข้าร่วมงานด้วย

“อีกครึ่งชั่วยามก็จะออกเดินทางแล้ว ต้องไปถึงที่นั่นก่อนเที่ยง” หลัวคังอันดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะส่องกระจกพลางลูบหนวดของตัวเองอีกครั้ง จัดแจงเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้วหมุนตัวไปหาหลินยวน ยิ้มพลางกล่าวว่า “น้องหลิน เป็นยังไงบ้าง? ชุดนี้ดูขึ้นกล้องไหม?”

หลินยวนกล่าว “ดูดีมาก”

หลัวคังอันหัวเราะพลางกล่าว “โชคดีที่หลายวันมานี้นายออมมือให้ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องไปร่วมงานในสภาพเหมือนคนป่วยแน่”

หลินยวนกวักมือไปทางเขา เป็นสัญญาณบอกให้เขาเดินมา

ในดวงตาของหลัวคังฉายแววหวาดระแวงขึ้นมา อยู่ในห้องทำงานเดียวกัน มันก็ปลอดภัยนี่นา แล้วจะให้เขาเข้าไปคุยใกล้ๆ ทำไม เขาพลันรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา แต่สุดท้ายยังคงก้าวเข้าไปหาอย่างช้าๆ

หลินยวนเอ่ยเบาๆ ว่า “เดี๋ยวแกออกไปเร็วหน่อย ไปหาฉินอี๋ก่อน เอ่ยปากของานอะไรมาทำหน่อย”

หลัวคังอันกล่าวอย่างหวาดระแวง “เสนอตัวทำงานอีกแล้วเหรอ? จะให้ทำอะไร?”

หลินยวน “ช่วงนี้แกติดต่อกับทางปู๋เชวี่ยวิดีโออยู่ตลอด แกเข้าไปหาฉินอี๋ จากนั้นเอ่ยปากเสนอตัวขอดูแลเรื่องการถ่ายทำทั้งหมดซะ”

หลัวคังอันว่า “วันดีๆ แบบนี้ ไม่จำเป็นต้องหางานให้ตัวเองหรอกมั้ง?”

หลินยวน “ไม่ได้จะให้แกไปทำงานจริงๆ แค่จะให้เธอเอ่ยปากอนุญาตเท่านั้น แกจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น ทำตามที่ฉันบอก ไม่มีปัญหาแน่นอน”

หลัวคังอันถอนใจพลางกล่าว “ก็ได้”

หลินยวนกล่าวอีกว่า “จำไว้ ใช้ข้ออ้างนี้ หลังจากไปที่โรงงานแล้ว แกต้องหาวิธีดึงจูลี่มาอยู่ข้างๆ ฉินอี๋ ต้องหาทางทำให้จูลี่ตามอยู่ข้างกายฉินอี๋ไปตลอด แกเองก็ต้องตามประกบจูลี่ไว้ด้วย เข้าใจไหม?”

หลัวคังอันประหลาดใจ “ทำไมล่ะ?”

หลินยวนกล่าว “ในพิธีเปิดวันนี้อาจจะเกิดเรื่องขึ้น”

“เอ่อ…เกิดเรื่อง?” หลัวคังอันทั้งตกใจและสงสัย “มีกองทัพของสภาเซียนคอยคุ้มครองอยู่ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้?”

หลินยวนเปิดเผยรายละเอียดออกมาเล็กน้อยเพื่อให้เขายอมฟัง “อาจจะมีคนลอบโจมตี”

“ห้ะ!” หลัวคังอันตกใจเป็นอย่างมาก “เอ่อ…ในเมื่อไม่ปลอดภัย อย่างนั้นเราก็ไม่ต้องไปแล้ว แล้วก็ต้องรีบไปบอกท่านประธานด้วย!”

หลินยวนยกมือขึ้นมากดไหล่เขาเอาไว้ “ไม่ต้องกลัว ฉันบอกว่าแค่อาจจะ แกคิดดูสิ แม้ว่าหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานจะล้มละลายไปแล้ว แต่หอการค้าตระกูลเผย หอการค้าตระกูลฉวี่ แล้วก็หอการค้าตระกูลอูล่ะ? ผลประโยชน์ของหอการค้าทั้งสามแห่งก็ถูกหอการค้าตระกูลฉินกินรวบไปแล้ว คงจะไม่มีทางรามือจากเรื่องนี้ง่ายๆ หรอก นี่เป็นแค่ความสงสัยของฉันเท่านั้น อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจริงก็ได้ แกเที่ยวเอาไปพูดส่งเดชได้เหรอ? แต่ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ ความปลอดภัยของพวกเราก็สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ต้องป้องกันไว้ก่อน”

หลัวคังอันครุ่นคิด จากนั้นพลันพยักหน้าหงึกๆ เขาต้องระมัดระวังในชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว แต่พอคิดดูอีกทีก็เอ่ยอย่างสงสัยขึ้นมาอีกว่า “แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ให้จูลี่ตามติดท่านประธาน แล้วก็ให้ฉันตามประกบจูลี่อีกทีล่ะ?”

หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ประการแรกเลยคือจะเกิดเรื่องกับท่านประธานไม่ได้ หอการค้าตระกูลฉินจะไร้ผู้นำไม่ได้”

ไร้ผู้นำไม่ได้อะไร? หลัวคังอันเหล่มองเขาทันที เอ่ยพึมพำในใจ คิดว่าฉันตาบอดเหรอ? ฉันรู้นะว่าแกกับผู้หญิงคนนั้นมีอะไรกันอยู่!

“ประการต่อมา ครั้งนี้ลั่วเทียนเหอก็จะมาร่วมงานด้วย และลั่วเทียนเหอก็ให้ความสำคัญกับจูลี่อย่างมาก หากมีอะไรเกิดขึ้น พวกผู้พิทักษ์เมืองก็จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของจูลี่ แกตามเธอ ฉันก็ตามแกไปด้วยได้ ถึงเวลานั้นทุกคนก็จะปลอดภัย เข้าใจหรือยัง?” นี่ย่อมต้องเป็นข้ออ้างของหลินยวน ข้อเท็จจริงบางอย่างเขาไม่สามารถเปิดเผยออกมาง่ายๆ ได้

อย่างนี้นี่เอง! หลัวคังอันเข้าใจได้ทันที พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว”

หลินยวนว่า “อีกอย่าง อีกเดี๋ยวจูลี่จะต้องเดินทางไปด้วยกันแน่ๆ แกต้องคิดหาวิธีให้จูลี่นั่งรถคันเดียวกับท่านประธาน เข้าใจไหม?”

หลัวคังอันผายมือทั้งสองข้าง บ่นอิดออดว่า “ฉันว่านะน้องหลิน การจะให้จูลี่อยู่ข้างกายท่านประธานตลอดมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แล้วนี่ยังจะให้พวกเธอนั่งรถคันเดียวกันอีก ท่านประธานจะฟังฉันที่ไหนกัน นายทำเหมือนว่าฉันทำได้ทุกอย่างงั้นแหละ!”

หลินยวนตบไหล่เขา “ฉันมองคนไม่ผิดหรอกน่า เรื่องคิดหาข้ออ้างนี่แกเชี่ยวชาญที่สุดแล้ว ฉันเชื่อว่าแกจะมีวิธี”

นี่ไม่ใช่การเยินยอเพื่อเอาใจ เขาเคยเห็นความสามารถในการพลิกลิ้นของคนๆ มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเอาความสามารถในการปรับตัวไปตามสถานการณ์นี้มาใช้กับการต่อสู้ได้

นี่ชมหรือด่าฉันกันแน่? ใบหน้าของหลัวคังอันกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปเอ่ยต่อรองอีกครั้งว่า “ในเมื่อตามจูลี่แล้วค่อนข้างปลอดภัย อย่างนั้นก็ให้จูลี่มาขึ้นรถเราเลยสิ เราไม่เพียงแต่จะปลอดภัย แต่ยังจัดการได้ง่ายกว่าด้วย!”

หลินยวนว่า “ทำตามที่ฉันบอก ถ้าทำไม่ได้แกก็เตรียมไปแขนขาหักที่ลานบำเพ็ญเพียรแล้วกัน!”

“ฉัน…” หลัวคังอันหมดคำพูด เจออีกฝ่ายยื่นคำขาดเช่นนี้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้อีก

หลินยวนจ้องมองเขาอย่างเย็นชา สายตาดูน่ากลัว

หลัวคังอันยกมือขึ้นห้ามทันที “เรื่องนี้จัดการได้ไม่ง่าย ขอฉันคิดก่อน ขอคิดก่อน…” ว่าแล้วก็เริ่มเอามือไพล่หลัง เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ภายในใจกำลังสบถด่า หาเรื่องยุ่งยากมาให้ฉันอยู่เรื่อย ใครเป็นผู้ช่วยใครกันแน่วะ? มาเป็นรองประธานแทนฉันเลยดีไหม!

หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ถอนหายใจอย่างจนใจ ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มขมขื่น

หลินยวนเห็นท่าทีของเขาก็รู้ทันที เขาน่าจะคิดวิธีออกแล้ว จึงกล่าวเตือน “ได้เวลาแล้ว เดี๋ยวแกยังต้องไปหาฉินอี๋ก่อนอีก”

“ได้ ไปกันเถอะ” หลัวคังอันถอนหายใจพลางเดินออกไปอย่างหงอยๆ หลินยวนเดินตามเขาไป

แต่ทันทีที่ออกจากห้องทำงาน หลัวคังอันก็ยืดหลังตรงขึ้นมาอีกครั้ง ดูกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาค่อนข้างใส่ใจภาพลักษณ์ของตัวเอง

………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน