ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 211 ศัตรูมาหาถึงที่

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 211 ศัตรูมาหาถึงที่

หลายคนต่างรู้สึกแปลกใจว่าสาวสวยคนนี้เป็นใคร ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับหลินยวน

สำหรับหลินยวนแล้ว คนจำนวนไม่น้อยในหอการค้าตระกูลฉินต่างรู้จักเขากันหมด แม้นจะไม่ค่อยสนิทสนมกับเขาก็ตาม สาเหตุย่อมเป็นเพราะหลัวคังอัน ก็เขาเป็นผู้ช่วยของหลัวคังอันนี่นา

หลังทั้งสองคนมาถึงห้องทำงานของหลินยวน ทั้งคู่ก็พบว่าหลัวคังอันได้มารออยู่ในห้องทำงานของหลินยวนแล้ว

หลัวคังอันรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก เขาอดใจไม่ไหวจริงๆ จึงต้องมาวิ่งมาที่นี่เพื่อดูเสียหน่อย หลินยวนจู่ๆ ก็โทรศัพท์บอกให้เขาอ้างตำแหน่งรองประธานหอการค้า แจ้งกับทางผู้คุ้มกันหน้าประตูว่าให้ปล่อยคนเข้ามา ส่วนเหตุผลที่ให้ปล่อยคนเข้ามาก็คือคนคนนั้นเป็นแฟนสาวของหลินยวน

แฟนสาว? แฟนสาวอะไร? หลินยวนมีแฟนตั้งแต่เมื่อไร?

ถึงแม้เวลาส่วนใหญ่เขาจะอยู่กับหลินยวนตลอด แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เขาซึ่งเป็นรองประธานหอการค้ากลับไม่ได้มีหูมีตาอะไรอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกหอการค้าเลย ในแง่หนึ่งแล้วเรียกได้ว่าเขาไม่รู้ข้อมูลข่าวสารอะไรเลย หลังลู่หงเยียนมายังเมืองปู๋เชวี่ย หลินยวนก็ไม่เคยบอกเขาเลย

ในเวลานี้เมื่อได้เห็นสาวงามอย่างลู่หงเยียนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หลัวคังอันที่นั่งอยู่บนโซฟาจึงยืนขึ้นอย่างตกตะลึง ภายในใจลอบอุทานแม่เจ้า สวยอะไรขนาดนี้ ทั้งหน้าตารูปร่าง บุคลิกท่าทาง นี่เป็นแฟนของหลินยวนจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?

เขารู้สึกยากจะเชื่อได้ จึงยิ้มแห้งๆ พลางกล่าวว่า “น้องหลิน ไม่แนะนำหน่อยเหรอ?”

ที่นี่ไม่มีคนอื่น หลินยวนไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรเขา จึงไม่สนใจเขา

กลับเป็นลู่หงเยียนที่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเขา ยื่นมือพลางกล่าวว่า “ลู่หงเยียนค่ะ คุณคงเป็นหลัวคังอันใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับๆ ผมหลัวคังอันครับ” หลัวคังอันรีบจับมือ ยิ้มร่าพลางกล่าวว่า “คุณลู่สวัสดีครับ คุณลู่สวยจริงๆ เลยนะครับ”

ลู่หงเยียนรู้ว่าคนผู้นี้มีนิสัยเป็นอย่างไร จึงดึงมือกลับมา “ฉันเองก็ได้ยินหลินยวนพูดถึงคุณบ่อยๆ ค่ะ”

หลัวคังอันร้องไอหยา เหลือบมองไปทางหลินยวนเล็กน้อย ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงว่า “น้องหลินคงไม่ได้ว่าอะไรผมให้คุณฟังใช่ไหมครับ?”

ลู่หงเยียนคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม เอ่ยว่า “เรื่องที่ควรรู้ เรื่องที่ไม่ควรรู้ ฉันรู้หมดแล้วล่ะค่ะ อย่างเช่นเบื้องหลังของการประมูลเทพมหาวิญญาณ” เธอกำลังเสียดสีอีกฝ่าย

สีหน้าของหลัวคังอันชะงักไปทันที ภายในใจมีเสียงครืนๆ ดังวุ่นวายขึ้นมา

พอได้ยินคำพูดนี้ เขาก็เข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว กระทั่งเบื้องหลังการประมูลก็ยังรู้ ตัวเองคล้ายจะไม่มีความลับอะไรต่อหน้าผู้หญิงคนนี้แล้ว

นี่ค่อนข้างกระอักกระอ่วน เขาค่อนข้างให้ความสำคัญต่อภาพลักษณ์ตัวเองเวลาอยู่หน้าสาวสวย

สายตาที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกโอดครวญของเขาค่อยๆ มองไปทางหลินยวน ต่อว่าหลินยวนว่าไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

เขาเองก็ไม่ได้โง่ นับว่าเข้าใจเช่นกัน กระทั่งความลับแบบนั้นก็ยังบอกผู้หญิงคนนี้ เห็นที่ความเป็นมาของผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ธรรมดาเช่นกัน จะต้องเป็นคนประเภทเดียวกับหลินยวนแน่

…..

ภายในห้องทำงานของประธาน หนานชีหรูอันกำลังพูดคุยกับฉินอี๋อยู่ ในมือหนานชีหรูอันกำลังถือเอกสารอยู่ฉบับหนึ่ง ด้านหนึ่งก็พูดคุยไป อีกด้านหนึ่งก็อ่านเนื้อหาที่อยู่ในเอกสาร

นี่คือรายงานการผลิตในช่วงเวลาหนึ่งวันหลังจากที่เริ่มทำการผลิตอย่างเป็นทางการ

ตระกูลหนานชีเป็นผู้มีสัดส่วนในผลประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นในด้านความคืบหน้า หอการค้าตระกูลฉิน หรือพูดอีกอย่างก็คือฉินอี๋จำเป็นต้องมีคำอธิบายให้กับทางตระกูลหนานชี

โทรศัพท์ของไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นมา เธอรีบเดินออกไปด้านนอกประตู

หลังออกมารับโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย ไป๋หลิงหลงที่เดินกลับเข้าไปอีกครั้งสีหน้าดูผิดปกติไปเล็กน้อย ท่าทางดูอึกอักคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นว่ามีหนานชีหรูอันอยู่ด้วย เธอจึงได้แต่ต้องนิ่งเงียบเอาไว้ก่อน

ฉินอี๋สังเกตเห็นท่าทีของเธอ รู้ว่าจะต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่เอ่ยปากถามอะไร

ไป๋หลิงหลงติดตามเธอมานานขนาดนี้ย่อมต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร เรื่องที่สามารถพูดต่อหน้าหนานชีหรูอันได้ย่อมต้องพูดออกมา การที่อีกฝ่ายไม่ยอมพูดออกมาต่อหน้าหนานชีหรูอัน เช่นนั้นก็แสดงว่าไม่สะดวกจะให้หนานชีหรูอันรู้ ในจุดนี้ฉินอี๋ทราบดี

หนานชีหรูอันที่กำลังพูดคุยยิ้มแย้มกลับอารมณ์ค่อนข้างดี เมื่อดูจากรายงานการผลิตในหนึ่งวันแล้ว แสดงให้เห็นว่าทุกอย่างล้วนแต่ราบรื่น เขาแค่รอรับเงินอยู่เฉยๆ ก็พอ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาอารมณ์ดีได้อย่างไร

แต่ในเรื่องที่ควรระวังบางเรื่อง เขาก็ยังต้องเอ่ยเตือนอยู่ ในนี้มีการเตือนด้วยความหวังดีจากทางตระกูลหนานชีที่ยืนอยู่ในจุดที่สูงกว่า

และในเรื่องที่อยู่นอกเหนือไปจากการผลิตข่ายพลังแล้ว ฉินอี๋ยังต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลหนานชีเช่นกัน หลังจากที่อีกฝ่ายได้เห็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เธอจึงฉวยโอกาสนี้เอ่ยเรื่องบางเรื่องออกมา ด้วยหวังว่าตระกูลหนานชีจะช่วยเหลือดูแลสักหน่อย

พูดอีกอย่างก็คือถึงแม้ตอนนี้จะมีการเริ่มต้นที่ดีแล้ว แต่เนื่องจากตระกูลหนานชีของคุณเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นคุณจะทำตัวเหมือนเถ้าแก่ที่โยนเงินมาแล้วไม่ยอมทำอะไรไม่ได้

สำหรับฉินอี๋แล้ว ตึกสูงใหญ่ล้วนสร้างจากพื้นที่ราบเรียบ ฐานรากต้องสร้างให้มั่นคง

……

ไม่เห็นมีอะไรให้ดูเลย?

จางเลี่ยเฉินที่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาไกลมากแล้วหันมองซ้ายมองขวา แต่กลับมองไม่เห็นงานครึกครื้นน่าสนุกอะไรที่ว่า จึงหันกลับไปถามว่า “เธอแน่ใจนะว่าที่นี่มีอะไรสนุกๆ ให้ดู?”

“ก็พี่บอกมาแบบนี้” อวี๋สุ่ยชิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เธอเองก็หันมองซ้ายมองขวาเช่นกัน มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งเก็บผักอยู่ข้างตะกร้าผักตรงข้างถนน หลังสังเกตเห็นปิ่นปักผมที่สลักรูปดอกที่อยู่บนศีรษะผู้หญิงคนนั้นแล้ว สายตาเธอพลันวูบไหวขึ้นมาเล็กน้อย ชี้นิ้วไปแล้วเอ่ยทันทีว่า “ลองไปถามดูเถอะ”

จางเลี่ยเฉินรีบขี่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าไป จอดลงข้างๆ ผู้หญิงที่เงยหน้าขึ้นมามอง เอ่ยถามว่า “น้องสาว ได้ยินว่าแถวนี้มีงานสนุกๆ ให้ดูใช่หรือเปล่า?”

“งานสนุก?” หญิงสาวมึนงงไปเล็กน้อย ถามกลับว่า “พวกคุณมาผิดที่หรือเปล่า? ที่นี่ไม่มีอะไรสนุกๆ ให้ดูหรอก ด้านหลังภูเขาที่อยู่ด้านหลังนั่นน่ะถึงจะมี ถ้าพวกคุณจะไปจริงๆ ล่ะก็…” เธอเหลียวหน้ากลับไปชี้เล็กน้อย “ถนนเล็กๆ เส้นนี้เป็นทางลัด ตรงไปก็มองเห็นแล้ว มีคนเยอะแยะเลยตรงนั้น”

จางเลี่ยเฉินร้องอ้อ มองไปตามทางที่นิ้วของเธอชี้ไป พบว่าถนนเส้นนี้ทะลุผ่านภูเขาสองลูก จึงหันหน้ากลับไปถามว่า “จะไปดูไหม?”

อวี๋สุ่ยชิงเอ่ยอย่างเขินอายว่า “ถ้าคุณยุ่งก็กลับไปก่อนได้ ฉันไปคนเดียวก็ได้”

“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ” จางเลี่ยเฉินยิ้มเจื่อนพลางส่ายศีรษะ เอ่ยขอบคุณผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะขี่รถมอเตอร์ไซค์แล้วเลี้ยวเข้าไปในทางนั้น วิ่งตามถนนเส้นเล็กๆ เส้นนั้นไป

หลังจากวิ่งตรงไปแล้วเลี้ยวตรงทางโค้งแห่งหนึ่งที่อยู่ในส่วนลึกของภูเขา รถมอเตอร์ไซค์ก็หยุดลง จางเลี่ยเฉินมองดูเนินเขาที่สูงชันที่อยู่ตรงหน้า เอ่ยอย่างมึนงงว่า “ผู้หญิงคนนั้นบอกทางอะไรมาเนี่ย?”

ถนนไม่ได้ถูกสร้างให้ทะลุออกไป ตอนนี้มาถึงทางตันแล้ว ไม่สามารถขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามไปได้

“พวกเราขี่เลยทางแยกตรงไหนหรือเปล่า? เดี๋ยวฉันดูก่อนนะ” อวี๋สุ่ยชิงลงจากรถ เดินย้อนกลับไป เดินขึ้นไปบนเนินลูกหนึ่ง ขึ้นไปยืนบนเนินแล้วมองซ้ายมองขวา

จางเลี่ยเฉินขี่มอเตอร์ไซค์วนดูรอบๆ เอ่ยตะโกนว่า “ไม่ต้องดูแล้ว ระหว่างทางฉันคอยดูอยู่ ไม่มีทางแยกเลย”

แต่ในเวลานี้เอง จู่ๆ สถานการณ์พลันเกิดความเปลี่ยนแปลง บนหน้าผาที่อยู่อีกด้านหนึ่งพลันมีเศษไม้ใบหญ้าปลิวว่อน ฝุ่นควันคละคลุ้งปกคลุมเข้ามา

จางเลี่ยเฉินตกใจ รีบเคลื่อนกายออกไปทันที หมายจะพุ่งออกไปจากฝุ่นควันที่ปกคลุมลงมา

……

กระทั่งฝุ่นควันหายไปแล้ว จางเลี่ยเฉินตกลงมาบนพื้น พยายามดิ้นรนขัดขืนอยู่ในตาข่ายผืนหนึ่ง รอบๆ มีคนชุดดำที่ใช้ผ้าปิดบังใบหน้า ดึงแต่ละมุมของตาข่ายเอาไว้ รัดจางเลี่ยเฉินเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหนได้

บนเชือกตาข่ายมีหนามเล็กๆ อยู่ไม่น้อย ยิ่งดิ้นไม่เพียงแต่จะยิ่งเจ็บตัว แต่เห็นได้ชัดว่าตาข่ายผืนนั้นไม่ได้สร้างขึ้นมาจากวัสดุธรรมดา จางเลี่ยเฉินพบว่าตนเองไม่สามารถใช้พลังดิ้นหลุดออกไปได้ จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวส่งเดช

บนเนินเขา ข้างกายอวี๋สุ่ยชิงมีชายคาดผ้าปิดหน้าคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา อวี๋สุ่ยชิงกำลังประสานมือเอ่ยตอบเขาอย่างเคารพนอบน้อม

หลังจางเลี่ยเฉินมองเห็น เขาก็ตะโกนออกไปทันทีว่า “อวี๋สุ่ยชิง นี่มันหมายความว่ายังไง?”

อวี๋สุ่ยชิงมองดูเขา ไม่ได้ตอบอะไร

ชายที่อยู่ข้างกายเธอโบกมือส่งสัญญาณเล็กน้อย “พาตัวไป!”

คนชุดดำที่ปิดบังใบหน้าที่อยู่รอบๆ รีบเข้ามาคุมตัวจางเลี่ยเฉินเอาไว้ หลังแกะตาข่ายออกแล้วก็แบกจางเลี่ยเฉินทะยานข้ามยอดเขาไป

……

หลังคุยเรื่องงานเสร็จเรียบร้อย เดิมหนานชีหรูอันยังอยากจะคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับฉินอี๋อีก แต่เขาเห็นฉินอี๋ดูท่าทางเหมือนจะมีงานให้ต้องจัดการอีกมาก จึงได้แต่ต้องขอตัวลาไปก่อน

หลังไป๋หลิงหลงส่งเขาออกไปแล้ว ฉินอี๋ที่กลับไปนั่งด้านหลังโต๊ะทำงานก็เอ่ยถามออกมาว่า “มีอะไร?”

ไป๋หลิงหลงนั้นลังเลจริงๆ แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมาว่า “ลู่หงเยียนมาที่หอการค้า ตอนนี้อยู่ในห้องทำงานของหลินยวน”

เรื่องบางเรื่องสามารถปิดเอาไว้ได้ ลู่หงเยียนจะทำอะไรอยู่ข้างนอกก็ทำไป สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ แต่ลู่หงเยียนมาที่หอการค้า มาถึง ‘ในบ้าน’ ของฉินอี๋ เรื่องนี้ถ้าไม่พูด เกรงว่าถ้าฉินอี๋รู้เข้าคงต้องโมโหอย่างมากแน่

ฉินอี๋จ้องมองดูเธอทันที จู่ๆ พลันตบโต๊ะแล้วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ลู่หงเยียนคนนี้คิดจะทำอะไร? มาถึงที่นี่เพื่อท้าทายฉันเหรอ? มันจะกล้าดีเกินไปแล้ว!”

ไป๋หลิงหลงรีบเอ่ย “เสี่ยวอี๋ เรื่องนี้ลู่หงเยียนคนนั้นอาจจะไม่รู้ เขาอาจจะไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับหลินยวนก็ได้นะ เธอลองคิดดูสิ เรื่องของเธอกับหลินยวน หลินยวนอาจจะไม่ได้บอกฝั่งนั้นก็ได้”

ฉินอี๋เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “เธอไม่รู้ หรือจะบอกว่าหลินยวนก็ไม่รู้เหมือนกัน? เห็นฉันเป็นอะไร?” ปัง ตบโต๊ะลงไปอีกครั้ง ก้าวอาดๆ ออกมาจากโต๊ะทำงาน “ไป ไปดูกัน ในเมื่อมาหาถึงที่แล้ว ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเป็นผู้หญิงแบบไหนกันถึงทำให้เขากลายเป็นสวะได้ถึงขนาดนี้!”

“เสี่ยวอี๋!” ไป๋หลิงหลงรีบเอ่ยห้าม พบว่าความรักนี่มันไม่สามารถใช้สมองคิดอย่างมีเหตุมีผลได้จริงๆ คนที่เฉลียวฉลาดถึงขนาดนี้ กลับเสียสติได้ถึงเพียงนี้ แค่คำพูดประโยคเดียวก็เหมือนกับแมวถูกเหยียบหางอย่างไรอย่างนั้น

จะไม่ห้ามก็ไม่ได้ ขืนให้ฉินอี๋วิ่งออกไปในสภาพนี้จริงๆ มันจะดูไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ได้

แต่ก็ห้ามไม่ได้จริงๆ เห็นได้ชัดว่าฉินอี๋ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้แล้ว ใจหนึ่งก็อยากจะปล่อยๆ ไป แต่ศัตรูหัวใจบุกเข้ามาถึง ‘ในบ้าน’ ของเธอแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร คิดว่าเธอจะยอมให้มารังแกกันได้ง่ายๆ เหรอ?

แย่งคนของเธอไป แล้วยังมาลอยหน้าลอยตาอยู่ใน ‘บ้านของเธอ’ อีก นี่มันหมายความว่ายังไง? ที่นี่ หอการค้าตระกูลฉิน ที่นี่คือถิ่นของเธอ อย่ามาอวดดีให้มากนัก!

ถ้าทนเรื่องแบบนี้ได้ อย่างนั้นบนโลกนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ทนไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าโมโหจนแทบบ้า ต่อให้เป็นคนใจเย็นแค่ไหนก็คงยากจะทนได้ นับประสาอะไรกับเธอที่อารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร

การมาถึงของลู่หงเยียน แล้วก็ยังมีเรื่องที่อีกฝ่ายนอนอยู่กับหลินยวนในโรงอีหลิว เธออดทนมาโดยตลอด เธอเองก็เคยคิดนะว่าหากเป็นแบบนี้ไม่สู้ยอมแพ้ไปเสียดีกว่า แต่ตอนนี้เธอทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!

แต่ไป๋หลิงหลงนั้นเป็นผู้บำเพ็ญเพียร สุดท้ายฉินอี๋ก็ยังถูกไป๋หลิงหลงขวางเอาไว้ก่อนที่จะออกไปจากห้องทำงาน

เธอเองก็จำเป็นต้องขวางเอาไว้ โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ เป็นถึงประธานหอการค้าตระกูลฉิน แต่กลับไปทะเลาะกับคนอื่นเพราะเรื่องผู้ชายโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ตัวเอง ถ้าเกิดถูกคนเอาไปพูดต่อๆ กัน แล้วจะให้พนักงานในหอการค้าตระกูลฉินมองยังไง ถ้าเรื่องน่าอายแบบนั้นกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นก็เท่าว่าเธอบกพร่องในหน้าที่ เธอจำเป็นต้องหยุดเอาไว้!

ในขณะที่ไม่ว่าไป๋หลิงหลงจะพูดอะไรก็ห้ามเอาไว้ไม่ได้ จู่ๆ เธอก็เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งว่า “เสี่ยวอี๋ แค่ต้องเผชิญหน้ากับลู่หงเยียนเพียงคนเดียว เธอถึงกับทำให้ตัวเองกลายเป็นยัยบ้าที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทำให้ฝ่ายนั้นได้เห็นความขายหน้าของเธอ ทำให้ฝ่ายนั้นคิดว่าเธอสู้เขาไม่ได้ แบบนี้มันดีจริงๆ เหรอ?”

คำพูดนี้ค่อนข้างได้ผล ทำให้ฉินอี๋สงบอารมณ์ได้ทันที

ฉินอี๋พยายามสะกดอารมณ์โกรธ เดินกลับเข้ามาในห้อง เดินไปตรงหน้ากระจก จัดแจงชุดที่เมื่อครู่ถูกดึงทึ้งจนยุ่งเหยิง

ส่องกระจกแต่งหน้าแต่งตาใหม่ ปรับเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองจนบุคลิกท่าทางดูเปลี่ยนไป หลังมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหา เธอถึงจะหมุนตัวเดินออกมา

เธอเดินผ่านโต๊ะทำงาน ไม่สนใจเอกสารที่ยังจัดการไม่เสร็จที่วางกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ เรื่องใหญ่เรื่องสำคัญอะไร เรื่องอะไรที่ไม่ต้องใช้ความรู้สึกจัดการ ในเวลานี้ล้วนกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญ ถูกโยนทิ้งไปจนหมด

ศัตรูมาถึงที่แล้ว ทุกอย่างล้วนไม่สำคัญอีก รับมือศัตรูก่อนค่อยว่ากัน!

………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน