ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 212 แซ่หลิน แกก็เหยียบเรือสองแคมเหมือนกันนั่นแหละ

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 212 แซ่หลิน แกก็เหยียบเรือสองแคมเหมือนกันนั่นแหละ

เมื่อออกมาจากห้องทำงาน คนที่อยู่ในห้องผู้ช่วย รวมไปถึงกวนเสี่ยวชิงต่างลุกขึ้นยืน ทำความเคารพฉินอี๋ที่เดินผ่านไป

ไป๋หลิงหลงส่งสายตาให้เจียงอวี้ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงมุมหนึ่งในห้องผู้ช่วย เจียงอวี้รีบลุกขึ้นแล้วกดปุ่มบนนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะสาวเท้าก้าวตามไป

ภายในห้องที่อยู่รอบๆ มีคนจำนวนหนึ่งเดินออกมาทันที รวมไปถึงยอดฝีมือขั้นเซียนเทพสองคนนั้นด้วย ทั้งหมดรีบตามเจียงอวี้ไป เดินตามอยู่ด้านหลังฉินอี๋

เมื่อเข้าไปในลิฟต์แล้วเห็นหมายเลขชั้นที่ไป๋หลิงหลงกด คนทั้งกลุ่มถึงได้รู้ว่าฉินอี๋ไม่ได้จะออกไปจากหอการค้าตระกูลฉิน

ประตูลิฟต์เปิดออก เจียงอวี้พาคนสองคนออกจากประตูไปเปิดทางให้ ฉินอี๋ตามหลังออกมา ก้าวอาดๆ ออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย รองเท้าส้นสูงที่อยู่ใต้เท้าส่งเสียงดังเป็นจังหวะตึกๆ มั่นคงแน่วแน่ ให้ความรู้สึกเด็ดขาด

ในตอนที่มาถึงประตูห้องทำงานของหลินยวน ไป๋หลิงหลงยื่นมือไปขวางฉินอี๋เอาไว้ ส่งสายตาบอกให้ใจเย็นลงหน่อย ฉินอี๋สูดหายใจลึกๆ พร้อมหยุดฝีเท้า

ไป๋หลิงหลงเร่งฝีเท้าเดินไปเคาะประตู ผลปรากฏว่าคนที่มาเปิดประตูคือหลัวคังอัน หลัวคังอันดูงุนงง “ผู้ช่วยไป๋?” เมื่อเห็นฉินอี๋ที่อยู่ด้านหลังผู้ช่วยไป๋ หลัวคังอันพลันเงียบไปทันที หันหน้ากลับไปมองดูในห้อง รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่อึมครึมบางอย่าง

เหตุผลนั้นง่ายมาก เขามั่นใจว่าหลินยวนกับฉินอี๋นั้นมีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่ ตอนนี้แฟนสาวของหลินยวนมาแล้ว ทั้งสองคนเจอหน้ากันจะมีเรื่องดีได้หรือ

ไป๋หลิงหลงยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “รองประธานหลัวค่ะ ท่านประธานกำลังตรวจงานตามแผนกตามๆ บังเอิญผ่านมา ก็เลยแวะมาดูที่นี่หน่อย ไม่ทราบว่าสะดวกหรือเปล่าคะ?”

“อ้อๆๆ ได้ครับ สะดวกครับๆ” หลัวคังอันรีบเปิดประตูเปิดทางให้ ภายในใจรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ตรวจงานแผนกต่างๆ อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากจริงๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มาเดินตรวจงานนี้ มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยหรือเปล่า

เขารีบเชิญคนเข้ามา เตรียมตัวดูเรื่องสนุก

ไป๋หลิงหลงหันหน้าไปส่งสัญญาณ สื่อว่าให้พวกเจียงอวี้เฝ้าอยู่ด้านนอกก็พอ จากนั้นผายมือเชิญฉินอี๋เข้าไปด้านใน

“ท่านประธานครับ” หลัวคังอันส่งยิ้มพลางพยักหน้าค้อมเอว

ภายในห้อง เมื่อได้ยินว่าไป๋หลิงหลงกับฉินอี๋มา หลินยวนกับลู่หงเยียนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็สบตากัน ต่างลุกขึ้นยืนทันที

ฉินอี๋ที่เดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เร่งร้อน ในเวลานี้กลับมีสีหน้าสุขุมเยือกเย็น ใช้สายตาของประธานหอการค้ากวาดมองไปภายในห้อง ก่อนจะมองข้ามคนอื่นไปทันที จ้องมองไปที่ลู่หงเยียน กวาดมองหัวจรดเท้า

เธอจำต้องยอมรับเลยว่าตัวจริงของลู่หงเยียนนั้นดูดีกว่าในรูปภาพเสียอีก

นี่ย่อมเป็นเพราะตัวจริงนั้นมีชีวิตชีวามากกว่า แล้วก็สามารถแสดงความงามออกมาได้มากกว่า แล้วก็เป็นเพราะไป๋หลิงหลงจงใจให้เป็นเช่นนั้น รูปภาพของลู่หงเยียนที่ไป๋หลิงหลงเคยเอาให้ฉินอี๋ดูล้วนเป็นรูปที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะเธอรู้ดีว่าฉินอี๋จะคิดอย่างไร นี่ไม่ใช่การประจบประแจง หากแต่เป็นเพราะเธอไม่อยากให้ฉินอี๋รู้สึกหงุดหงิดมากเกินไป

เมื่อได้เห็นตัวจริง ฉินอี๋ก็เข้าใจแล้ว ถึงแม้ตัวเองจะไม่ชอบอีกฝ่าย แต่ก็จำต้องยอมรับเลยว่าตัวเองสวยสู้อีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ และเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายแล้ว เพียงแค่ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแต่งตัวเก่ง ต่างหูที่ห้อยยาวเป็นระย้าทั้งสองข้างยิ่งทำให้ลำคอที่ขาวผ่องเหมือนดั่งคอหงส์ของลู่หงเยียนยิ่งดูงดงามขึ้น

แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้ ภายในใจเธอจึงยิ่งรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม อดมองไปทางหลินยวนด้วยสายตาเย็นชาไม่ได้ ภายในใจสบถออกมาว่า ‘ผู้ชายนี่มันเลวเหมือนกันทั้งโลกจริงๆ มีแต่พวกมักมาก!’

ลู่หงเยียนย่อมต้องจ้องมองเธอเช่นกัน ภายในใจลอบเอ่ยชม ประธานฉินนี่สวยจริงๆ!

เธอรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายจริงๆ เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย การที่ยิ่งหน้าตาดีก็จะยิ่งมีความหลงตัวเอง ผู้หญิงที่มีหน้าตางดงามถึงเพียงนี้ ทั้งยังมีความสามารถเช่นนี้อีก นี่นับว่าหาได้ยากจริงๆ

“ท่านประธาน” หลินยวนจำต้องเอ่ยเรียกตามมารยาท

ฉินอี๋เอ่ยปาก “หลินยวน ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นพนักงานของหอการค้าตระกูลฉินของเราเหรอ? แผนกไหนล่ะ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”

หลินยวนถูกคำพูดที่ไม่แข็งไม่อ่อนของเธอตอกใส่หน้า จะบอกว่าลู่หงเยียนเป็นแฟนของตัวเองต่อหน้าฉินอี๋ก็พูดไม่ค่อยออก แต่ถ้าบอกว่าไม่ใช่ เช่นนั้นความหมายที่อยู่ในคำพูดของอีกฝ่ายก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก ในเมื่อไม่ใช่พนักงานของหอการค้าตระกูลฉิน แล้วเธอเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?

ลู่หงเยียนยิ้มพลางเดินเข้าไป เป็นฝ่ายยื่นมือไปหาฉินอี๋ “ประธานฉินคะ สวัสดีค่ะ ฉันคือลู่หงเยียนจากหอการค้าตระกูลลู่แห่งเมืองหลวงค่ะ”

“หอการค้าตระกูลลู่?” ฉินอี๋ยื่นมือไปจับ “ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับคุณลู่หว่านตงหรือคะ?” เธอแสร้งถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว

ลู่หงเยียนยิ้มพลางกล่าวว่า “เขาเป็นพ่อของฉันเองค่ะ”

ลู่หงเยียนเองก็กำลังเปิดเผยสถานะของตัวเองอยู่เช่นกัน คุณเป็นลูกสาวของตระกูลฉิน ฉันเองก็เป็นลูกสาวของตระกูลลู่ ถึงแม้ขนาดของหอการค้าตระกูลลู่จะไม่ใหญ่เท่าหอการค้าตระกูลฉิน แต่สถานะของฉันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณเท่าไร มาเยือนหอการค้าตระกูลฉินในฐานะแขกคงไม่เป็นไรกระมัง?

พริบตาที่ทั้งสองคนสบตากัน เธอก็มองออกถึงความเป็นศัตรูที่มีเพียงผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นถึงจะมองออกจากในสายตาของฉินอี๋ เธอรู้ว่าฉินอี๋มาที่นี่ทำไม

ความจริงระหว่างทางที่มายังหอการค้าตระกูลฉิน เธอก็คาดเดาอยู่ว่าครั้งนี้จะได้เจอหน้าฉินอี๋หรือไม่ ผลปรากฏว่าเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ

เรื่องบางเรื่องมีเพียงผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ แต่ผู้ชายที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้อย่างท่านอ๋องก็ยังเรียกให้เธอมาหอการค้าตระกูลฉิน

ตอนแรกเธอนึกสงสัยอยู่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นหรือเปล่า ด้วยหูตาของหอการค้าตระกูลฉินที่เป็นหอการค้าอันดับหนึ่งในเมืองปู๋เชวี่ยแล้ว โดยเฉพาะด้วยความสัมพันธ์ของฉินอี๋กับหลินยวนแล้ว ถ้าตัวเองมาที่หอการค้าตระกูลฉิน ฉินอี๋ไม่มีทางที่จะไม่รู้

แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยเตือนหลินยวน ถึงแม้จะรู้ว่าการไม่เอ่ยเตือนนั้นไม่เหมาะสม แต่ครั้งนี้เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เพราะเธออยากฉวยโอกาสนี้มาเจอหน้าฉินอี๋ ไม่อย่างนั้นในเวลาปกติ หากเธอบอกว่าจะมาเจอหน้าฉินอี๋ หลินยวนจะไม่พอใจ ครั้งนี้หลินยวนเป็นคนเอ่ยปากเรียกเธอมาเอง เธอจึงทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย นี่จะมาโทษเธอก็ไม่ได้

ตอนที่เธอปฏิเสธอวี่สุ่ยชิง เธอสามารถอ้างเหตุผลอื่นได้ แต่เธอกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น หากแต่บอกว่าหลินยวนมีธุระ เรียกให้เธอไปหาที่หอการค้าตระกูลฉิน เธอเองก็บอกเรื่องนี้กับหลินยวนแล้วด้วย

หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว เธอติดตามหลินยวนมาเป็นเวลานานหลายปี จะมากจะน้อยก็รู้จักนิสัยการทำงานของหลินยวนอยู่ เขามีความระมัดระวัง ดังนั้นเขาจะต้องบอกให้เธอแสดงให้แนบเนียนที่สุดด้วยการให้เธอมาที่หอการค้าตระกูลฉิน

การที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ เรียกไว้ว่าเป็นเธอที่แอบทำให้มันเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ

ความคิดทำนองนี้ของผู้หญิง หลินยวนไม่เข้าใจ

หลินยวนไม่เพียงแต่จะไม่เข้าใจ ในเวลานี้กลับยังขมวดคิ้วขึ้นมา มองออกเช่นกันว่าฉินอี๋มาที่นี่เพราะลู่หงเยียน เขาอยากจะถามฉินอี๋จริงๆ ว่าคิดจะทำอะไร?

มาตอนไหนไม่มา ทำไมต้องมาในเวลานี้ด้วย มาตอนที่เขากำลังจะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ นี่อาจจะส่งผลกระทบต่องานของเขาได้!

เขาได้แต่ภาวนาขอให้ฉินอี๋ไม่ทำอะไรวุ่นวาย ไม่อย่างนั้นด้วยความแข็งแกร่งของผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างกายฉินอี๋แล้ว เขายากจะเอาชนะฉินอี๋ในสำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินได้ เรื่องราวจะต้องแย่ลงอย่างแน่นอน!

แต่ภายในใจของลู่หงเยียนที่อมยิ้มเล็กน้อยกลับแอบมีความรู้สึกเฝ้ารอคอย นั่นเป็นความรู้สึกเฝ้ารอคอยที่ไม่อาจบอกให้ใครรับรู้ได้ หากฉินอี๋สร้างปัญหาจนทำให้เรื่องราวมันแย่ลงจริงๆ ล่ะก็ ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะโกรธเธอคนนี้หรือเปล่า?

หลัวคังอันที่ดวงตาหมุนกรอกไปมามองไปทางนั้นทีมองไปทางนี้ที ภายในดวงตาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกสะใจในหายนะของคนอื่น สำหรับเขาที่มีประสบการณ์โชกโชนในเรื่องความรักแล้ว เรื่องบางเรื่องเขามองได้ทะลุปรุโปร่งกว่าหลินยวนนัก

เขาอยากดูเรื่องสนุก แต่ใครจะไปรู้ว่าไป๋หลิงหลงกลับเข้ามาหาเขา เอ่ยกระซิบว่า “รองประธานหลัวคะ ท่านประธานมีธุระจะคุย รบกวนออกไปก่อนนะคะ”

“เอ่อ…” หลัวคังอันพูดไม่ออก มองดูเธอ เอาจริงเหรอ? เรื่องสนุกแบบนี้ เธอจะให้ฉันออกไปก่อนเนี่ยนะ? แต่ช่วยไม่ได้ เขาได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ พลางพยักหน้า “ได้ครับ พวกคุณค่อยๆ คุยกันไปนะครับ ผมกลับก่อนล่ะครับ” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินออกไป

สายตาหลินยวนจ้องมองไปที่เขา นึกอยากจะตะโกนเรียกเขาเอาไว้ เพราะอีกประเดี๋ยวอาจจะมีเรื่องสำคัญต้องให้หลัวคังอันไปทำ

แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้หลัวคังอันได้ยินได้ฟังอะไรมากนัก จึงได้แต่ต้องมองดูหลัวคังอันเดินออกไปโดยไม่อาจทำอะไรได้

หลัวคังอันเองก็หันกลับมามองเป็นระยะ ในดวงตาที่มองไปทางหลินยวนแฝงเอาไว้ด้วยความรู้สึกเยาะหยัน ภายในใจแค่นหัวเราะหึหึ ด้านหนึ่งจีบท่านประธาน อีกด้านจีบลู่หงเยียน ผู้ชายมันก็เหมือนกันทั้งโลกนั่นแหละ แซ่หลินเอ่ย แกเองก็เหยียบเรือสองแคมเหมือนกันนั่นแหละวะ ฉันจะดูสิว่าต่อไปแกยังมีหน้ามาว่าฉันอีกหรือเปล่า ฉันจะรอดูว่าวันนี้แกจะเอาตัวรอดไปยังไง!

เขาเปิดปิดประตูเดินออกไปด้วยความสะใจ ภายในห้องไม่มีคนนอกเหลือแล้ว

ผู้หญิงสองคนจับมือกันไม่ยอมปล่อย ทักทายกันตามมารยาทค่อนข้างนาน

ฉินอี๋ชอบใส่เสื้อผ้าสมัยใหม่ ลู่หงเยียนกลับชอบสวมชุดโบราณ เมื่ออยู่ต่อหน้ารองเท้าส้นสูงที่อยู่ใต้เท้าฉินอี๋ ลู่หงเยียนจึงดูเตี้ยกว่าเล็กน้อย

ฉินอี๋กล่าว “ที่แท้ก็เป็นลูกสาวของท่านประธานลู่ มาหอการค้าตระกูลฉินของฉันทำไมไม่บอกก่อนล่ะคะ ฉันจะได้ต้อนรับให้ดี เชิญนั่งค่ะ” ในที่สุดก็ปล่อยมือ ผายมือเชิญอีกฝ่ายนั่ง

ลู่หงเยียนเองก็ผายมือเชิญอีกฝ่ายนั่ง เดินไปยังโซฟา มือรวบกระโปรงยาวที่อยู่ด้านหลัง นั่งลงไปข้างๆ ฉินอี๋ “เรื่องของหอการค้าตระกูลฉินฉันเองก็ได้ยินมาบ้าง ท่านประธานมีเรื่องให้ต้องจัดการมากมาย ฉันมาที่นี่ด้วยเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย จะไปกล้ารบกวนให้ท่านประธานมาต้อนรับได้ยังไงล่ะคะ ใช่แล้วค่ะ ท่านประธานรู้จักชื่อของคุณพ่อ หรือว่าท่านประธานจะรู้จักกับคุณพ่อคะ?”

ฉินอี๋ไม่รู้จัก ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน แล้วก็ไม่เคยทำการค้าอะไรกับหอการค้าตระกูลลู่ จึงตอบไปว่า “ไม่รู้จักค่ะ เพียงแต่ได้ยินชื่อหอการค้าตระกูลลู่ที่เมืองหลวงมาบ้างค่ะ” เธอเปลี่ยนประเด็นไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ยิ้มไปทางหลินยวนพลางตบโซฟาข้างกายเบาๆ “ยืนทำไม นั่งสิ!”

เธอส่งสัญญาณบอกให้หลินยวนเข้ามา เข้ามานั่งข้างๆ เธอ

ลู่หงเยียนจึงยิ้มพลางหันไปมองหลินยวนทันที

หลินยวนไม่พูดอะไร แล้วก็ไม่ได้เดินเข้าไป ถึงแม้เขาจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องความรัก แต่ก็ไม่ถึงกับโง่จนไม่รู้เรื่อง สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดทำให้เขาไม่เดินเข้าไป ไม่ได้เดินไปหาใครเลย หากแต่เดินหลบไปอีกด้าน ไปนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งคนเดียว ขณะเดียวกันก็แอบส่งสายตาให้ลู่หงเยียนไม่หยุด บอกให้ลู่หงเยียนรับไล่ฉินอี๋ออกไป

ลู่หงเยียนเข้าใจความคิดของเขา อีกประเดี๋ยวอาจจะมีเรื่องสำคัญให้ต้องจัดการ

แต่เธอก็ไม่ได้ฝืนทำอะไร เตรียมจะเล่นตามน้ำไป กระทั่งตุ๊กตาดินยังมีความโกรธ แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่มีชีวิตอย่างเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็ไม่ใช่คนที่จะมามีปัญหาด้วยได้ง่ายๆ หากแต่เป็นคนที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา อีกทั้งในมือยังมีกลุ่มอิทธิพลที่น่ากลัวเป็นอย่างมากอยู่อีก เธอเพียงแค่ทำตัวว่านอนสอนง่ายต่อหน้าหลินยวนเท่านั้น การที่ฉินอี๋เรียกหลินยวนไปนั่งข้างๆ ต่อหน้าเธอมันหมายความว่าอะไร?

ฉินอี๋จ้องไปทางหลินยวนที่หลบไปนั่งอยู่อีกด้านด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวกลับมา ยิ้มพลางเอ่ยว่า “หลินยวน คุณลู่เป็นเพื่อนที่เมืองหลวงของนายเหรอ? เพื่อนมาที่นี่ทั้งที ทำไมถึงไม่บอกฉันล่ะ?”

หลินยวนเองก็จ้องมองไปทางเธอทันที กลัวอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆ ผู้หญิงคนนี้แสดงท่าทีหึงหวงเช่นนี้ออกมา นี่คิดจะหาเรื่องอย่างนั้นเหรอ?

ลู่หงเยียนยิ้มพลางเอ่ยแทรกขึ้นมา “คุณเป็นประธานหอการค้าตระกูลฉิน เขาเป็นแค่พนักงานของคุณ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เขาจะไปรบกวนคุณ…”

ไม่ทันรอให้เธอพูดจบ ฉินอี๋ก็ชิงพูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่พนักงานอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ นั่นเป็นแค่ฉากหน้าเท่านั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้คนนอกดู ความจริงฉันกับเขาเป็นแฟนกัน พวกเราสองคนเป็นของกันและกันมาตั้งนานแล้วค่ะ ในอดีตตอนที่เขาออกจากเมืองปู๋เชวี่ยเพื่อไปยังเมืองหลวง ก็เป็นฉันนี่แหละค่ะที่แอบขโมยเงินในบ้านมาให้เขาหนึ่งล้านมุก พริบตาก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เวลานี่มันเดินเร็วจริงๆ เลยนะคะ! เอ๋ หรือว่าคุณลู่ไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขา เขาไม่ได้บอกคุณหรือคะ?”

…………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท