ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 216 หนึ่งคนแลกหนึ่งคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 216 หนึ่งคนแลกหนึ่งคน

จูลี่รีบมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ พบว่านี่ก็บ่ายมากแล้ว แต่เรื่องงานสำคัญ จึงรีบเอ่ยทันที “ได้ค่ะ!”

ทั้งสองคนล้างมือ จูลี่กำลังจะเดินออกไปยังประตูที่เดินเข้ามา แต่ลู่หงเยียนกลับดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้ ชี้ไปที่ประตูอีกบานหนึ่งของห้องน้ำ “ทางนั้นใกล้กว่าค่ะ ตามฉันมาเลยค่ะ”

จูลี่ไม่สงสัย รีบเดินตามเธอไปทันที

เมื่อเปิดประตูออกไปก็เป็นทางเดินอีกเส้นหนึ่ง ลู่หงเยียนเดินนำอยู่ข้างหน้าเธอ

เดิมทีที่นี่ไม่มีประตูบานนี้ เป็นหลินยวนที่ให้ผู้จัดการแผนกธุรการทำขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อนโดยอ้างว่าเพื่อความสะดวก เป็นการเตรียมพร้อมไว้ก่อนล่วงหน้า เผื่ออาจจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

จูลี่ตั้งใจใกล้ชิดกับลู่หงเยียน ลู่หงเยียนเองก็ปล่อยให้เธอใกล้ชิด ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกันไป จูลี่ก็ไม่ได้รู้สึกตัวแม้แต่นิดเดียวเลยว่าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเองได้ไหลออกไปอย่างเงียบๆ แล้ว ตกไปอยู่ในมือของลู่หงเยียนแล้ว

ขณะที่เดินผ่านประตูบานหนึ่งที่เปิดไว้ครึ่งหนึ่ง โทรศัพท์ที่ลู่หงเยียนถือหลบไว้ด้านหลังก็ลอยออกจากมือไป พุ่งเข้าไปในประตูที่เปิดไว้ครึ่งหนึ่งบานนั้น

หลินยวนที่รออยู่ด้านหลังประตูบานนั้นคว้าโทรศัพท์เอาไว้ในมือ มืออีกข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งขึ้นมา ทำการจัดการโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องอย่างรวดเร็ว

ด้านหลังประตูคือบันไดที่ใช้สำหรับเดินขึ้นลง เขาหมุนตัวเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว

….

กระทั่งจูลี่เดินตามลู่หงเยียนออกมาจากลิฟต์อย่างไม่เร่งร้อน มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของหลัวคังอัน หลินยวนกับหลัวคังอันก็กำลังรอพวกเธออยู่ที่นั่นแล้ว

“เรื่องเล็กน้อยนิดหน่อย ทำให้คุณจูลี่ต้องเสียเวลา ต้องขอโทษจริงๆ ครับ” หลัวคังอันเอ่ยขอโทษจูลี่

จูลี่ยิ้มพลางกล่าว “ไม่เป็นไรค่ะ รองประธานหลัวมีเรื่องเยอะแยะให้ต้องจัดการ เข้าใจได้ค่ะ”

ทั้งสองคนจับมือกัน จากนั้นหลัวคังอันผายมือเชิญ “ห้องทำงานรกนิดหน่อย ไปครับ พวกเราไปคุยกันที่ห้องประชุมทางด้านนั้นกันเถอะครับ”

“ได้ค่ะ” จูลี่พยักหน้า จิ้นเซียวไม่อยู่ข้างกาย เธอเป็นอิสระขึ้นมาก

ในขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินออกไป หลินยวนได้แอบยัดโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งใส่ในมือของลู่หงเยียนอย่างเงียบๆ สบตากับเธอแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

หลินยวนไม่ได้ตามไป หมุนตัวแล้วก้าวอาดๆ เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาจนมาถึงห้องประชุมห้องหนึ่ง จูลี่ที่เพิ่งนั่งลงก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา เพราะเธอพบว่าที่นี่มีเธออยู่เพียงคนเดียว หากไม่เห็นว่าลู่หงเยียนก็อยู่ที่นี่ด้วย เธอคงจะไม่กล้าเข้ามาอยู่ในห้องนี้ตามลำพังกับหลัวคังอันจริงๆ จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “จิ้นเซียวไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ถ้าเขาหาฉันไม่เจอ กลัวว่าเขาจะร้อนใจ เดี๋ยวฉันโทรบอกเขาหน่อยนะคะ”

หลัวคังอันยิ้มพลางพยักหน้า ยกมือเพื่อบอกว่าเชิญตามสบาย

ลู่หงเยียนลอบโล่งอก โชคดีที่ก่อนหน้านี้เธอชวนอีกฝ่ายคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเอาไว้ตลอด

จูลี่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ติดต่อจิ้นเซียว “ฉันขึ้นมาแล้ว อยู่บนชั้นห้องทำงานของประธานหลัว นายขึ้นมาแล้วกัน”

ลู่หงเยียนเอ่ยแทรกขึ้นมา “เดี๋ยวฉันบอกให้หลินยวนไปรอรับเขาตรงประตูลิฟต์ค่ะ”

เธอจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์ต่างๆ

จูลี่พยักหน้าขอบคุณ จากนั้นพูดกับปลายสายที่อยู่ในโทรศัพท์ว่า “ได้ยินไหม? เดี๋ยวคุณหลินจะรอรับนายอยู่ตรงหน้าประตูลิฟต์”

ความจริงโทรศัพท์ของเธอไม่ได้โทรหาจิ้นเซียว จิ้นเซียวที่เธอกำลังคุยอยู่นั้นความจริงแล้วเป็นอีกเบอร์หนึ่ง เธอโทรหาโทรศัพท์มือถือที่หลินยวนกำลังถืออยู่ในเวลานี้

หลินยวนที่ยืนอยู่บนบันไดขึ้นลงกำลังมองดูฉากแสงขนาดเล็กแถบหนึ่ง ภายในฉากแสงคือจิ้นเซียวที่กำลังยืนรออยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ

หลินยวนมือหนึ่งถือโทรศัพท์เอาไว้ อีกมือหนึ่งกดลงไปบนลำคอ พยายามเลียนแบบเสียงของจิ้นเซียว เอ่ยไปสั้นๆ ว่า “ผมไม่อยากเจอแซ่หลัว เดี๋ยวผมไปรอคุณอยู่ที่ลานจอดรถแล้วกัน”

จูลี่งุนงงเล็กน้อย รู้สึกว่าเสียงของจิ้นเซียวฟังดูแปลกไป แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก แล้วก็รู้ว่าจิ้นเซียวไม่ชอบขี้หน้าหลัวคังอันมาโดยตลอด และในเวลานี้เธอก็อยู่ต่อหน้าหลัวคังอัน จึงไม่สะดวกจะพูดอะไรมากเช่นกัน เพียงแค่ส่งเสียง ‘อือ’ กลับไป “อย่างนั้นนายรอฉันอยู่ที่ลานจอดรถแล้วกัน”

หลินยวนกล่าว “ตกลง” กล่าวจบก็วางสายไป

จูลี่แอบยิ้มเจื่อน หันไปพูดกับลู่หงเยียนที่หยิบโทรศัพท์ออกมา “ไม่ต้องรบกวนคุณหลินแล้วค่ะ เดี๋ยวจิ้นเซียวจะไปรอฉันที่ลานจอดรถค่ะ”

“อ้อ” ลู่หงเยียนพยักหน้า ในเมื่อเป็นความคิดของหลินยวนที่จะจัดการเอง เธอเองก็ได้แต่ต้องวางโทรศัพท์มือถือลง

“คุณจูลี่ครับ เดี๋ยวพวกเรามาดูเนื้อหาที่ออกอากาศไปเมื่อวานอีกรอบหนึ่งแล้วกันครับ ดูจบแล้วผมค่อยเสนอความเห็นที่ทางเรามีต่อเนื้อหาครับ”

หลัวคังอันเอ่ยออกมา แล้วก็ไม่สนใจว่าจูลี่จะเห็นด้วยหรือไม่ เขาเปิดฉากแสงที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้า ไม่นานก็มีภาพงานพิธีเปิดโรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินปรากฏขึ้นมาบนฉากแสง

ช่วยไม่ได้ หลินยวนบอกให้เขาพยายามรั้งตัวจูลี่เอาไว้

ในจุดนี้ ลู่หงเยียนเองก็ย่อมต้องทราบดี ถ้ารั้งได้ก็รั้ง ถ้ารั้งไม่ได้จริงๆ ก็ได้แต่ต้องใช้แผนสำรองที่เตรียมเอาไว้

ความจริงภายในใจจูลี่รู้สึกเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเนื้อหาของพิธีเปิดอันนี้มีปัญหาอะไรที่ต้องแก้อีก แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อผู้สนับสนุนรายใหญ่มีปัญหา ถ้าอีกฝ่ายอยากจะแก้ไขล่ะก็ เธอก็ได้แต่ต้องตามใจอีกฝ่าย

ทางนี้บอกจะดูอีกรอบ เธอเองก็ไม่สะดวกจะปฏิเสธอะไร ได้แต่ต้องดูวิดีโอพร้อมกับอีกฝ่ายอีกรอบ ความจริงตัวเธอดูวิดีโอนี้มาตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว

…..

เขาจ้องมองภาพจากกล้องวงจรปิด สังเกตดูจิ้นเซียวอยู่พักหนึ่ง เห็นจิ้นเซียวที่เดินกลับไปกลับมาหันหน้าไปมองทางห้องน้ำบ่อยขึ้นเรื่อยๆ

จิ้นเซียวที่รออยู่หน้าประตูห้องน้ำรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

เขารู้ว่าจูลี่เข้าไปทำอะไรในห้องน้ำ เดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เข้าไปปลดทุกข์อะไรทั้งนั้น หากแต่จะฉวยโอกาสนี้เข้าไปใกล้ชิดลู่หงเยียน

แต่ระยะเวลาที่อยู่ในห้องนั้นมันก็ออกจะนานเกินไปหน่อย หากไม่เป็นเพราะข้างในคือสถานที่ส่วนตัวของผู้หญิง ทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า เกรงว่าเขาคงจะบุกเข้าไปแล้ว

บังเอิญมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา เขาจึงได้แต่ต้องขวางเธอเอาไว้อย่างเขินอายเล็กน้อย “ขอโทษนะครับ ถ้าเจอคุณจูลี่ที่เป็นผู้อำนวยการปู๋เชวี่ยวิดีโอ ช่วยบอกเธอหน่อยได้ไหมครับว่าที่สถานีมีเรื่องด่วนครับ”

“ได้ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อย แต่เธอก็รู้สึกขบขันจริงๆ เหตุผลแรกคือเขามายืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องน้ำผู้หญิง เหตุผลต่อมาคือเธอพบว่าผู้ชายคนนี้ดูระมัดระวังแล้วก็คล้ายจะเขินอายเวลาพูดคุยกับผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัด

จิ้นเซียวค้อมตัวขอบคุณเล็กน้อย

แต่พอรอไปครู่หนึ่ง หลังจากผู้หญิงคนนั้นออกมา เธอก็กล่าวด้วยท่าทางแปลกใจว่า “ไม่เห็นคุณจูลี่นะคะ ในห้องน้ำไม่มีคนนี่คะ!”

“อ้อ! ขอบคุณครับ” จิ้นเซียวปากเอ่ยขอบคุณ แต่ใจกลับร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาจูลี่

กระทั่งผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้ว หลินยวนที่จ้องมองฉากแสงอยู่ถึงจะกดรับโทรศัพท์ของจูลี่ที่อยู่ในมือ ใช้เสียงแหบแห้งพูดว่า “จิ้นเซียว”

จิ้นเซียวตกใจ “แกเป็นใคร? ให้จูลี่มารับสาย” ขณะเดียวร่างกายก็เคลื่อนออกไปด้วย ไม่สนใจเรื่องห้องน้ำหญิงอะไรแล้ว ผลักประตูเดินเข้าไป เดินวนดูในห้องน้ำรอบหนึ่ง เปิดประตูห้องน้ำบานเล็กๆ แต่ละห้องดูอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ไม่พบใครจริงๆ

หลินยวนกล่าว “จูลี่อยู่ในมือฉัน คน ฉันพาไป ถ้าไม่อยากให้เธอตาย ก็อย่าทำอะไรวุ่นวาย”

จิ้นเซียวพบประตูที่ใช้สำหรับออกจากห้องน้ำอีกบานหนึ่ง จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะยังมีทางออกอีกทางหนึ่งอยู่

เขาเดินออกมา เดินตรวจดูอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ตอบกลับไปว่า “แกเป็นใคร? ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าจูลี่ไม่เป็นอะไร”

เป้าหมายหลุดออกไปจากทัศนวิสัยของกล้องวงจรปิดแล้ว แต่หลินยวนสามารถคาดเดาจากเสียงที่ดังลอดออกมาจากในโทรศัพท์ได้ว่าเขากำลังทำอะไร “ไม่ต้องหาหรอก ฉันพาเธอออกไปจากหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ฉันบอกแล้ว อย่าทำอะไรวุ่นวาย ไม่อย่างนั้นแกก็เตรียมเก็บศพเธอกลับไปแล้วกัน”

ฝีเท้าของจิ้นเซียวยังคงไม่หยุด ภายในใจยิ่งรู้สึกตื่นตระหนก “แกคิดจะทำอะไร?”

หลินยวนกล่าว “แกไปพาคนคนหนึ่งกลับมา พวกเรามาแลกกัน”

จิ้นเซียวถาม “พาใคร?”

หลินยวนกล่าว “ไปถึงแล้วแกก็จะรู้เอง เดี๋ยวฉันส่งที่อยู่ให้แก” กล่าวจบก็วางสายไป

“เฮ้ย เฮ้ย…” จิ้นเซียวตะโกน กดโทรไปหาจูลี่อีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกดตัดสายทิ้ง

ตัวเขาที่ค่อนข้างโมโหไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตามหาจูลี่ภายในหอการค้าตระกูลฉิน ถึงแม้เขาจะเชื่อไปแล้วว่าจูลี่ถูกคนจับตัวไปแล้วก็ตาม เพราะว่าโทรศัพท์ของจูลี่อยู่ในมือของอีกฝ่าย

เขากลับเข้าไปในแผนกโฆษณา เดินเข้าไปด้านในพลางมองดูทั่วๆ ถึงขนาดเปิดประตูทุกห้องที่อยู่ภายในแผนกโฆษณา

เมื่อเห็นเขาเดินบุกเข้ามาอย่างร้อนรน ก็มีคนทนไม่ไหวลุกขึ้นถามว่า “จิ้นเซียว คุณทำอะไร?”

จิ้นเซียวถามกลับไปว่า “เห็นจูลี่ไหม?”

อีกคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วตอบว่า “เหมือนเธอจะไปห้องน้ำ”

เหลวไหล จิ้นเซียวย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอไปห้องน้ำ แต่ตอนนี้เธอหายไปจากห้องน้ำแล้ว

เขาวิ่งเหยาะๆ ออกไปจากแผนกโฆษณา ไม่สนใจคนอื่นๆ ที่มองหน้ากันอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่พูด คนอื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดเรื่องอะไร

จูลี่อาจจะตกอยู่ในมือคนอื่น อีกฝ่ายสั่งไว้แล้วว่าห้ามทำอะไรวุ่นวาย เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร กังวลว่าจูลี่จะเป็นอันตราย

จิ้นเซียวที่เดินออกมาจากลิฟต์เดินตรงไปที่ห้องทำงานของหลัวคังอัน

ถึงอย่างไรหลัวคังอันก็เป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉิน พนักงานที่อยู่หน้าห้องทำงานไหนเลยจะปล่อยให้คนนอกบุกเข้าไปได้ จึงมีคนมาขวางไว้ทันที “คุณจิ้น คุณจะทำอะไรคะ? รองประธานหลัวไม่อยู่ค่ะ”

จิ้มเซียวไม่สนใจ ผลักคนออกไป เปิดประตูแล้วบุกเข้าไป ตามหาในห้องทำงานของหลัวคังอันพักหนึ่ง

ภายในห้องว่างเปล่า ไม่มีใคร พนักงานที่ตามเข้ามาห้ามโมโห “จิ้นเซียว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาทำอะไรก็ได้นะ รีบออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนมาพาตัวคุณออกไป!”

จิ้นเซียวเอ่ยเสียงขรึม “หลัวคังอันอยู่ไหน?”

พนักงานที่พูดไปก่อนหน้านี้กล่าวว่า “บอกแล้วไงว่ารองประธานหลัวไม่อยู่ เขาออกไปแล้ว เขาจะไปไหนต้องมาบอกพวกเราด้วยเหรอ”

ความจริงพนักงานคนหนึ่งในนั้นรู้ว่าหลัวคังอันไปไหน แต่หลินยวนได้สั่งกำชับไว้ ที่นี่จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรส่งเดช ในฐานะที่ทำงานอยู่ที่หอการค้าตระกูลฉิน พวกเธอควรจะเชื่อฟังฝั่งไหนยังต้องให้บอกอีกเหรอ?

จิ้นเซียวก็ไม่รู้ว่าไม่รู้จริงหรือเปล่า เมื่อถูกไล่ออกมา อีกทั้งจูลี่ยังอยู่ในมือคนอื่นและถูกเตือนเอาไว้แล้ว เขาจึงไม่อยากทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่านี้ ได้แต่ต้องรีบเดินออกมา

ขณะที่เพิ่งเดินออกมา เขาก็คล้ายว่าคิดถึงอะไรขึ้นมาได้อีก จึงเหลียวหน้ากลับไปถาม “หลินยวนอยู่ไหน?”

สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหลัวคังอันและหลินยวนอย่างแน่นอน

เป็นหลัวคังอันที่โทรเรียกจูลี่มาที่นี่ ตอนนี้จูลี่หายตัวไป หลัวคังอันเองก็หายตัวไป

ส่วนลู่หงเยียนคนนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดียวกับหลินยวน ลู่หงเยียนกับจูลี่ล้วนเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นทั้งสองก็หายไป

หากบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับหลัวคังอันและหลินยวน เขาไม่เชื่อ!

คนที่ถูกถามส่ายหน้า “ไม่รู้!” ถึงรู้เธอก็ไม่บอก

จิ้นเซียวยื่นมือออกไปพลางกล่าวว่า “เอาเบอร์โทรศัพท์เขามาให้ผม!”

“ไม่มี!” คนหนึ่งส่ายหน้า ทุกคนส่ายหน้า

จิ้นเซียวพลันโมโหขึ้นมา เกิดความคิดอยากจะจับคนมาบีบบังคับให้สารภาพ เขาไม่เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะปากแข็งไปได้ตลอด

แต่จูลี่อยู่ในมืออีกฝ่าย ทว่าเขากลับไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าจูลี่อยู่ในมืออีกฝ่าย ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมรับ ถึงเขาติดต่อไปก็เปล่าประโยชน์ จึงได้แต่ต้องสะกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้แล้วหมุนตัวเดินออกไป

เมื่อเข้ามาในลิฟต์ เขาก็ลงไปที่ลานจอดรถ รีบเดินไปยังรถของจูลี่ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง กดโทรหาจูลี่อีกครั้ง

ครั้งนี้ อีกฝ่ายรับสายแล้ว ยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “คิดได้แล้วเหรอ?”

คนที่พูดย่อมต้องเป็นหลินยวน สำหรับคู่กรณีในเรื่องราวแล้ว เรื่องบางเรื่องมันก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ก็ย่อมต้องเดาได้ว่าใครเป็นคนทำ การที่มาถึงตอนนี้แล้วยังต้องปิดบังตัวตนอยู่ นั่นเป็นเพราะเขาไม่อยากให้มีหลักฐานจำพวกเสียงที่ถูกบันทึกเอาไว้อะไรทำนองนั้นหลงเหลืออยู่

…………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท