ตอนที่ 237 วันหนึ่งเธออาจจะเข้าใจ
หลิ่วจวินจวินกลับมาถึงห้องทำงาน มองดูฉินอี๋ที่นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น แล้วก็มองดูฉินเต้าเปียนที่นั่งจ้องมองฉินอี๋ด้วยสีหน้าอึมครึม
หลิ่วจวินจวินกลัวว่าสองพ่อลูกจะทะเลาะกันขึ้นมาอีก จึงรีบเดินเข้าไปคุยกับฉินเต้าเปียน “ตอนนี้ก็เอาตามนี้นี่แหละ พรุ่งนี้คุณยังต้องออกจากเมืองปู๋เชวี่ยไปหาคนอีก เมื่อคืนก็ไม่ได้พักผ่อนเลย รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
ฉินเต้าเปียนลุกขึ้น เดินออกจากชุดโซฟารับแขกไป แต่จากนั้นกลับหยุดฝีเท้า หันกลับมามองฉินอี๋พลางกล่าวว่า “การไปที่ดินแดนแห่งความฝันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ในเมื่อหลัวคังอันจะพาเขาไปด้วย แสดงว่าจะต้องมีเหตุผลในการพาเขาไป ลูกอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้จะดีที่สุด”
เขาจำต้องเตือนอย่างจริงจังสักหน่อย เพราะเขากังวลเป็นอย่างมากว่าลูกคนนี้จะแอบขัดขวางไม่ให้หลัวคังอันพาหลินยวนไปด้วย
ฉินอี๋นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน สูบบุหรี่และพ่นควันออกมา ยังคงทอดตามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง พลางตอบกลับเรียบๆ “คุณพ่อคิดมากไปแล้วค่ะ”
ฉินเต้าเปียนกล่าว “ก็ขอให้พ่อคิดมากไปแล้วกัน แต่ลูกต้องเข้าใจนะ แม้ว่าลูกจะไม่ถอดใจ แต่ถ้าไม่มีหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ลูกก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยในสายตาเขา ไม่ว่าลูกคิดจะทำอะไร ลูกก็ต้องปกป้องหอการค้าตระกูลฉินไว้ก่อน เพราะหอการค้าตระกูลฉินคือสิ่งที่ทำให้ลูกปีกกล้าขาแข็งอยู่อย่างนี้ได้ ทางที่ดีลูกควรจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร!”
ฉินอี๋มองบุหรี่ที่ติดไฟในมือ “ในสายตาของพ่อ ยังคิดว่าเขาทำเพื่อเงินอยู่อีกเหรอคะ?”
ฉินเต้าเปียนกล่าวเสียงขรึม “หรือว่าไม่ใช่? ถ้าอย่างนั้นเขาเข้ามาใกล้ชิดลูกในตอนนั้นเพื่ออะไร? แล้วตอนนี้เขายังไปหาผู้หญิงแซ่ลู่มาอีกคนอีก ลูกสาวของหอการค้าตระกูลลู่ก็มีฐานะครอบครัวที่ร่ำรวยเช่นกัน หาลูกสาวของหอการค้าตระกูลฉินก่อน แล้วตอนนี้ก็ยังหาลูกสาวของหอการค้าตระกูลลู่มาอีก ลูกยังมองไม่ออกอีกเหรอว่าเขามีเจตนาอะไร? ลูกมองไม่ออกหรือไม่ยอมรับกันแน่?”
ฉินอี๋หันกลับไปมองเขา “หนูรู้ดีค่ะว่าควรทำยังไง คุณพ่อรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” เธอส่งสายตาให้หลิ่วจวินจวิน เธอไม่อยากคุยกับเขาต่อ ที่นี่คือที่หอการค้า เธอไม่อยากทะเลาะกับเขาที่นี่ มันจะดูไม่ดี
“พอแล้วค่ะ ไปกันเถอะ” หลิ่วจวินจวินรีบดึงแขนฉินเต้าเปียน ลากเขาออกไป
……
แสงอาทิตย์ยามเย็นที่แสนงดงาม ทอดยาวอยู่บนท้องฟ้า ไกลสุดลูกหูลูกตา
ฉินอี๋ยืนรับลมอยู่บนชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่หอการค้าตระกูลฉิน กระโปรงปลิวโบกตามแรงลม ในมือยังคงคีบบุหรี่ไว้มวนหนึ่ง มองดูแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
ดาดฟ้าที่เธอยืนอยู่คือจุดชมวิวที่สร้างเอาไว้ชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่หอการค้าตระกูลฉิน เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับชมทิวทัศน์จากมุมสูงอย่างแท้จริง
ตรงประตูที่อยู่ด้านหลังมีร่างของหลินยวนปรากฏขึ้น เขายืนอยู่ที่หน้าประตู มองดูแผ่นหลังอันบอบบางของฉินอี๋ที่อยู่ท่ามกลางฉากพระอาทิตย์ตกดิน แล้วก็ยังมีกระโปรงที่พลิ่วไหวอย่างแผ่วเบาราวก้อนเมฆที่กำลังลอยเอื่อยอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็น เขาลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ก้าวเข้าไปอย่างไม่เร่งร้อน
เดิมทีเขาจะเลิกงานแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งมารั้งเขาไว้ บอกให้เขามาหา
เมื่อเดินไปจนถึงข้างเธอ ยืนอยู่หน้าราวกั้นเคียงข้างกัน สายตาของหลินยวนก็มองไปที่บุหรี่ที่อยู่ในมือของเธอ กล่าวว่า “เมื่อคืนที่โรงงานเธอก็สูบไปไม่น้อย ผู้หญิงสูบบุหรี่มันดูไม่ดี เลิกสูบเถอะ!”
ฉินอี๋หันไปมองเขาอย่างไม่พอใจทันที “นายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับฉัน?” สายลมพัดเส้นผมมาปิดบังใบหน้าเธอเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แต่กลับไม่อาจปกปิดแววตาโกรธเคืองที่อยู่ด้านหลังเส้นผมนั้นเอาไว้ได้
คำพูดเพียงประโยคเดียวทำให้บทสนทนาหยุดลง ทุกอย่างพลันตกอยู่ในความเงียบ หลงเหลือเพียงเสียงลมพัดเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสักพัก หลินยวนก็เอ่ยขึ้นมา “ถ้าไม่มีธุระอะไรล่ะก็ ฉันกลับก่อนนะ”
ฉินอี๋ “จะรีบกลับไปหาคุณลู่คนสวยของนายน่ะเหรอ?”
หลินยวน “เรียกฉันมาเพื่อจะพูดเรื่องนี้?”
ฉินอี๋เงียบ นิ้วมือคลายออก ก้นบุหรี่ที่ร่วงตกลงไปถูกลมพัดพาไป เธอเอ่ยกลับไปว่า “หลัวคังอันคุยกับนายเรื่องที่จะไปดินแดนแห่งความฝันแล้วเหรอ?”
หลินยวนตอบอืม “คุยแล้ว ฉันตกลงไปแล้ว”
ฉินอี๋ “ถ้านายไม่อยากไป ฉันก็จะไม่บังคับนาย เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ”
หลินยวน “ไม่ต้องบังคับหรอก ฉันเต็มใจไปเอง ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
ฉินอี๋ “ถึงนายไปฉันก็ไม่ได้รู้สึกขอบคุณหรอกนะ หลินยวน ฉันเกลียดนาย!”
หลินยวน “ฉินอี๋ อย่าทำแบบนี้เลย เราสองคนต่างเลือกเส้นทางของตัวเองแล้ว ทางเลือกของฉัน… สักวันหนึ่งเธออาจจะเข้าใจ”
ฉินอี๋หันไปเผชิญหน้า น้ำเสียงเจือความตีโพยตีพาย “เข้าใจอะไร? ฉันรอนายมาสามร้อยปี นายกลับพาผู้หญิงคนอื่นมาอยู่ด้วย ฉันต้องหาผู้ชายมาทำแบบนี้บ้างไหม นายจะได้รู้ว่ามันรู้สึกยังไง?”
หลินยวนว่า “เพราะว่าเธอรอ แต่กลับไม่ได้อย่างใจ ก็เลยยอมรับไม่ได้เหรอ?”
ใช่เหรอ? ฉินอี๋เงียบไป เธอเองบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร เธอไม่อาจคิดเรื่องนี้อย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ มันเป็นเรื่องที่เธอเองก็ควบคุมความรู้สึกตนเองไม่ได้เช่นกัน
หลินยวนกล่าว “ตัวฉันในตอนนั้น เป็นเพราะว่าสูญเสียไป ถึงได้ตัดสินใจเลือกใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นฉันไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเราสองคนยังจะได้มายืนอยู่ด้วยกันอย่างในวันนี้”
ฉินอี๋กล่าว “เลือกใหม่อีกครั้ง? แล้วคำสัญญาที่นายให้ฉันไว้ในตอนนั้นล่ะ? ฉันยังจำได้ขึ้นใจ นายบอกว่าทั้งชีวิตนี้นายจะรักฉันเพียงคนเดียว บอกว่าชีวิตนี้จะแต่งงานกับฉันเท่านั้น! ฉันรู้ว่าในตอนนั้นนายรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย พูดออกมาโดยไม่มีความมั่นใจ แต่ฉันมองออกถึงความตั้งใจว่าสักวันจะพูดคำนี้ออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำจากในแววตาของนาย นายในตอนนั้นไม่ได้มีความซับซ้อนเลยสักนิด ฉันอ่านแววตาของนายออก ดังนั้นฉันจึงเชื่อ แล้วก็รอนายมาโดยตลอด!”
หลินยวนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าตอนนั้นเธอจะอ่านความคิดของตนเองออก
ฉินอี๋ส่ายหน้า “แต่ในตอนนี้ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ นายทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไงดี นายทำให้ฉันไม่รู้ว่าในหลายปีมานี้ฉันทำแบบนี้ไปทำไม หลินยวน นายรู้ไหมว่าในโลกใบนี้ ‘การยืดหยัด’ มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุด แล้วก็เป็นความจริงใจที่สุดด้วย นายเข้าใจไหม? ”
หลินยวนนิ่งเงียบ สายตาทอดมองออกไป ไกลแสนไกล พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ในบางเวลา สิ่งที่ตาเห็นก็ใช่ว่าจะเป็นความจริง ฉินอี๋ อย่าคิดมากเลย ในหลายๆ เรื่องสุดท้ายแล้วสักวันหนึ่งก็จะมีคำตอบ ความยากลำบากที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือวิกฤติของหอการค้าตระกูลฉิน เรื่องที่ฉันกับหลัวคังอันจะไปดินแดนแห่งความฝันก็ถือว่าเป็นการออกแรงช่วยก็แล้วกัน! ถ้าทำสำเร็จ สิ่งที่ฉันติดค้างเธอไว้ก็ถือว่าชดใช้กันไป จะได้ไม่ต้องติดค้างอะไรเธออีก ดีไหมล่ะ?”
ฉินอี๋ “แล้วถ้าทำไม่สำเร็จ ถ้าเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้ล่ะ?”
หลินยวน “อย่างนั้นทุกอย่างก็จะกลายเป็นอดีต สิ่งที่ติดค้างเธอไว้ก็ถือเสียว่าฉันชดใช้คืนด้วยชีวิตแล้วกัน” กล่าวจบก็หันหลังกลับ ก้าวอาดๆ เดินจากไป ไม่มีแม้แต่คำบอกลาใดๆ
ฉินอี๋หันกลับไปมอง ผมยาวๆ ของเธอถูกลมพัดปลิวมาปิดใบหน้า…
……
“วันนี้กลับมาค่อนข้างช้านะคะ”
ณ โรงอีหลิว ลู่หงเยียนที่เข้ามาต้อนรับหลินยวนเอ่ยขึ้น
หลินยวนยิ้ม ไม่ได้บอกว่าเป็นเพราะฉินอี๋เลยกลับมาช้า เขาจอดรถมอเตอร์ไซค์และทักทายจางเลี่ยเฉิน จากนั้นก็กลับไปที่ห้องของตัวเองเหมือนอย่างทุกที
จางเลี่ยเฉินที่นั่งเคี่ยวโจ๊กอยู่ที่ลานบ้านหันไปมองลู่หงเยียนที่เดินตามเขาต้อยๆ อดส่ายหน้าขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้
ลู่หงเยียนที่เข้าห้องปิดประตูเรียบร้อย เดินไปตรงหน้าหลินยวน รีบกล่าวรายงานอย่างรวดเร็ว “วันนี้ในเมืองเกิดความวุ่นวายเล็กน้อยเพคะ กำลังพลของวังพิฆาตมารได้จับกุมคนจำนวนหนึ่งภายใต้ความร่วมมือของผู้พิทักษ์เมืองเพคะ”
หลินยวน “คนที่ถูกจับไปน่าจะเป็นลูกน้องของ ‘เว่ยเต้า’ ที่หนีออกไปจากเมืองไม่ทันประตูเมืองปิดลง”
ลู่หงเยียน “คำสั่งปิดประตูเมืองถูกยกเลิกไปแล้วเพคะ เป็นเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ทางโรงงานสร้างข่ายพลังเป็นยังไงบ้างเพคะ?”
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว แต่ปัญหาของทางหอการค้าตระกูลฉินกลับยังไม่ได้แก้ไข…” หลินยวนเล่าเรื่องของทางโรงงานสร้างข่ายพลังให้ลู่หงเยียนฟังคร่าวๆ
ลู่หงเยียนขมวดคิ้ว “สภาเซียนมียาแก้แต่กลับไม่เอาออกมาช่วย ทั้งยังคิดจะฉวยโอกาสนี้ฮุบเอาเคล็ดลับสร้างข่ายพลังอีก ทางตระกูลหนานชีก็ไม่มีทางควักเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาช่วยแน่นอน ดูท่าทางครั้งนี้หอการค้าตระกูลฉินคงจะลำบากแล้วจริงๆ เกรงว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ยากนะเพคะ”
หลินยวน “ได้แต่ต้องหาวิธีตามหาดวงตาแห่งความฝันให้เจอ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอพยายามไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนางพญาหนอนแห่งความฝันมาให้ได้มากที่สุด แล้วก็ลองสอบถามทางพวกผู้อาวุโสรุ่นก่อนดูหน่อย พวกเขาคุ้นเคยกับราชวงศ์ก่อนดี ราชวงศ์ก่อนปกครองใต้หล้ามาเป็นเวลายาวนาน น่าจะรู้จักดินแดนต่างๆ ค่อนข้างดี บางทีอาจจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากพวกเขามาบ้างก็ได้”
ลู่หงเยียนกล่าว “หากได้รับข้อมูลอะไรมาจากพวกผู้อาวุโสรุ่นก่อนจริงๆ เราต้องบอกหอการค้าตระกูลฉินไหมเพคะ? แบบนั้นจะเผยพิรุธอะไรให้พวกเขาสงสัยหรือเปล่า?”
หลินยวน “ไม่ต้องรายงานหอการค้าตระกูลฉิน ข้อมูลทุกอย่างที่ได้มารู้แค่พวกเราก็พอ ครั้งนี้ฉันจะลงมือเอง!”
“อะไรนะเพคะ?” ลู่หงเยียนตกใจเป็นอย่างมาก “พระองค์จะไปตามหานางพญาหนอนแห่งความฝันด้วยพระองค์เองเหรอเพคะ?”
หลินยวนเดินไปนั่งข้างโต๊ะพลางพยักหน้า “รีบไปเตรียมตัวเถอะ จะออกเดินทางภายในไม่กี่วันนี้แล้ว จะได้ทำความเข้าใจข้อมูลคร่าวๆ แล้วก็จะได้เตรียมการทุกอย่างให้พร้อม”
“ไม่นะเพคะ” ลู่หงเยียนเดินไปนั่งข้างเขา “สถานการณ์ในดินแดนแห่งความฝันมันซับซ้อนมาก หลายๆ เรื่องราวในนั้นไม่สามารถแก้ไขด้วยสภาวะได้ ข้างในนั้นเป็นเหมือนความฝัน บางคนเข้าไปแล้วไม่ได้ออกมาอีกเลยตลอดชีวิตก็มี ทุกๆ ที่ในดินแดนแห่งนั้นมีอันตรายซ่อนอยู่ พระองค์จะเดินทางไปเองมันเสี่ยงเกินไปนะเพคะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ให้พวกลูกน้องลงมือเถอะเพคะ ”
หลินยวนกล่าว “หอการค้าตระกูลฉินเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าหากคนของพวกเราเคลื่อนไหวทันที เธอคิดว่ามันเหมาะสมไหม? เธอคิดว่าการเคลื่อนไหวของคนจำนวนมากจะรอดพ้นจากสายตาของสภาเซียนได้เหรอ? ก็เหมือนอย่างที่วังพิฆาตมารจับกุมคนของ ‘เว่ยเต้า’ ที่อยู่ในเมืองปู่เชวี่ยในครั้งนี้นั่นแหละ”
ลู่หงเยียนกล่าว “หอการค้าตระกูลฉินให้เงินรางวัลสามพันล้านไม่ใช่เหรอเพคะ? เราอ้างว่าไปเสี่ยงเพื่อเงินรางวัลก็ได้ไม่ใช่เหรอเพคะ”
หลินยวน “เรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดถูกจับตามองแล้ว เธอคิดว่าอธิบายกับสภาเซียนไปแบบนี้แล้วจะขจัดความน่าสงสัยออกไปได้อย่างนั้นเหรอ?”
ลู่หงเยียนกัดฟัน พลันตัดสินใจ “อย่างนั้นหม่อมฉันจะไปกับพระองค์ด้วยเพคะ ไปด้วยกันจะได้ดูแลกันได้ พลังของหม่อมฉันสามารถสังเกตการณ์ระยะไกลได้ บางทีอาจจะใช้ประโยชน์ได้เพคะ”
หลินยวนกล่าว “หลัวคังอันพาฉันไป ถ้าฉันยังจะพาเธอไปดินแดนแห่งความฝันด้วยอีกคน คนนอกจะมองยังไง เธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกเหรอ? เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ฉันต้องการให้เธออยู่ข้างนอกนี่ ถ้าเกิดต้องการอะไร ฉันอยากให้เธอเป็นคนคอยประสานงานให้”
เธอรู้ดีว่าเรื่องที่เขาตัดสินใจไปแล้วยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ลู่หงเยียนจำต้องยอมรับอย่างเงียบๆ
……
ณ ห้องหนังสือที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าบ้านหนึ่งหลัง ภายในห้องสมุดนั้นรายล้อมด้วยชั้นหนังสือสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือเรียงราย ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ผู้นำตระกูลหนานชีรุ่นต่อรุ่นเก็บสะสมเอาไว้ ที่นี่คือห้องหนังสือของผู้นำตระกูล
หนานชีหรูอันเดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ เดินไปถึงตรงหน้าหนานชีเหวินที่กำลังนั่งเปิดหนังสืออ่านอยู่ที่โต๊ะหนังสือตัวใหญ่ ก่อนจะทำความเคารพ “คุณพ่อครับ”
หนานชีเหวินเอ่ยโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง “รีบกลับมาเชียว”
หนานชีหรูอัน “ทางหอการค้าตระกลฉินเกิดเรื่องครับ ผมมารายงานสถานการณ์ให้คุณพ่อทราบ”
หนานชีเหวินกล่าวอย่างใจเย็น “ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว”
หนานชีหรูอัน “อย่างนั้นผมไม่รายงานแล้ว ปัญหาในตอนนี้คือหอการค้าตระกูลฉินต้องการเวลาครับ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การส่งมอบสินค้าให้สภาเซียนคงต้องล่าช้าแน่นอน ฉินอี๋เลยขอร้องให้พวกเราช่วยหารือกับทางสภาเซียน ให้ช่วยยืดเวลาให้หอการค้าตระกูลฉินครับ”
หนานชีเหวินวางหนังสือในมือ “เรื่องนี้ได้เริ่มเตรียมการไปแล้ว”
หนานซีหรูอัน “มีโอกาสสำเร็จไหมครับ?”
หนานชีเหวิน “น่าจะไม่มีปัญหาอะไร โรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินเกิดเรื่องขึ้นในขณะที่อยู่ภายใต้การดูแลของกำลังทหารของสภาเซียน ขอเพียงเราใช้ข้ออ้างนี้มาบีบสภาเซียน สภาเซียนก็ยากจะบอกปัดความรับผิดชอบได้ สุดท้ายก็ต้องยอมผ่อนปรนให้ ทหารประจำการณ์ประมาทเลินเล่อ ทำให้เกิดเรื่องขึ้นกับหอการค้าตระกูลฉิน ถ้าสภาเซียนยังจะฉวยโอกาสซ้ำเติมหอการค้าตระกูลฉินอีก ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องที่สภาเซียนผู้สง่างามควรทำ สภาเซียนเองก็ต้องรักษาหน้า พวกเขาน่าจะใจกว้างให้เวลาหอการค้าตระกูลฉินแน่นอน”
………………………………………………………