บทที่ 1241 : ความรักของบิดาดั่งขุนเขา (5)
”ความผิดทั้งหมดนี้เจ้าคือผู้กระทำทั้งสิ้น !”
นางกัดฟันอย่างดุดันพลันความโกรธก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
ในขณะที่หนิงหยวนกำลังจะแก้ตัวต่อนั้นร่างของไป๋หนิงก็พุ่งเข้ามายืนประจันหน้า นางคว้าคอเสื้อของเขาไว้แน่น จากนั้นก็อัดเขาทันที
หนึ่งคือระดับเทพขั้นกลางระดับกลาง ส่วนอีกหนึ่งคือเทพขั้นกลางระดับสูง ความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองคงจะสามารถจินตนาการได้
แม้ว่าจะแตกต่างกันเพียงหนึ่งระดับทว่าก็เป็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหว
”หมัดนี้เพื่อตัวข้าเอง เพราะเจ้าทำให้ข้าลืมสามี และบุตรสาว ทำให้พวกเขาต้องตามหาข้านานหลายปี”
ปัง!
หมัดของไป๋หนิงกระแทกเข้าใส่หน้าอกของหนิงหยวนพลันหน้าอกของหนิงหยวนก็ยุบลงทันที ร่างของเขาลอยละลิ่วออกไป เลือดสาดกระจายราวสายฝน ก่อนจะร่วงลงสู่พื้นอย่างแรง
“หมัดนี้เพื่อเยี่ยเอ๋อในฐานะบิดาของนาง เจ้าไม่เพียงแต่ไม่สนใจอบรมสั่งสอนนาง ทว่าเจ้ายังฆ่าบุตรสาวของตนเองอีก และที่นางรังแกบุตรสาวของข้าก็เพียงเพราะคำยุยงของเจ้า ! เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ต้องรับหมัดนี้ด้วย !”
ปัง!
เจอเข้าไปอีกหมัดหนิงหยวนก็กระอักพ่นเลือดออกมาอีกชุด เขาเงยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด ขึ้นมองสตรีในอาภรณ์สีขาวด้วยสายตาว่างเปล่าและหวาดกลัว
”หมัดต่อไปเพื่อบุตรสาวของข้า! หากมิใช่เพราะเจ้า นางก็คงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ! แม้ว่าจะใช้ดาบเฉือนเจ้าสักพันครั้ง ก็ไม่อาจชดเชยให้กับบุตรสาวของข้าได้ !”
หมัดของไป๋หนิงรัวลงมาราวกับพายุกระหน่ำอัดใส่ร่างของ หนิงหยวนอย่างหนักหน่วง ในช่วงเวลานี้เอง ภายใต้การโจมตีของนาง หนิงหยวนก็ถึงคราต้องสิ้นใจ
เขาถูกไป๋หนิงทำร้ายจนตาย!
หลงหยันมองไป๋หนิงที่รัวกำปั้นลงบนก้อนเนื้อเละๆ ด้วยความตื่นตกใจ เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เนื้อตัวสั่นเทา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง
ในภายหน้าเขาขอมีเรื่องกับนักเลงอันธพาลดีเสียกว่าที่จะทำให้สตรีขุ่นเคือง !
ความตายนี้โหดร้ายยิ่งกว่าถูกเฉือนเป็นพันชิ้น!
”หลงหยัน”ไป๋หนิงหดกำปั้นที่เปื้อนเลือดของนาง พลางหันมาจ้องมองหลงหยันอย่างเฉยชา “กลับไปหาเสี่ยวหลงเอ๋อแล้วพานางไปหาหยานเอ๋อ ข้าจะพาเฉินเอ๋อล่วงหน้าไปพบพวกเขาก่อน”
หลงหยันรู้สึกตัวพลางพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ ข้าเองก็อยากกลับไปดูว่าป้านชิงเฉิงหนีไปแล้วหรือยัง ?”
เมื่อครู่ไป๋หยานไม่เพียงแต่ถอนพันธะสัญญาที่มีกับเขาทว่านางยังทำเช่นเดียวกันกับป้านชิงเฉิงด้วย
สตรีที่ทำให้เขาเกลียดเข้ากระดูกดำทว่าในช่วงวิกฤติสุดท้ายของชีวิต กลับเลือกที่จะคืนอิสระภาพให้แก่พวกเขา !
หากป้านชิงเฉิงคิดจะจากไปเกรงว่า … จะมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะหยุดนางได้ !
หลงหยันหรี่ตาเขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อหวนคิดถึงภาพตี้คังอุ้มร่างที่กำลังจะจากไปของไป๋หยาน ท้ายสุดเขาเหลียวกลับมามองไป๋หนิง ก่อนจะหันหลังกลับ และเคลื่อนตัวไปยังทิศทางที่ตั้งของโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว
…
ในโรงเตี๊ยมยามนี้ป้านชิงเฉิงนั่งเท้าคางเหม่อลอยอยู่ในห้อง นางยังไม่อาจหลุดออกจากห้วงคิดอยู่เป็นนาน
นางยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดไป๋หยานถึงถอนพันธะสัญญาที่มีกับนาง?
มนุษย์ที่ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์เช่นไป๋หยาน แม้ว่านางจะตาย ก็น่าที่จะเอาชีวิตพวกเขาไปด้วย
ขณะที่นางกำลังงงงวยอยู่นั้นก็มีเสียงลมกระโชกแรงที่บริเวณประตูห้อง นางรีบลุกขึ้นยืน จึงเห็นร่างสูงวัยวิ่งผ่านประตูเข้ามา
ชายชราผมขาวทีท่าดุดันพร้อมกลิ่นอายที่ทำให้ร่างของนางแทบแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างของนางสั่นสะท้าน ใบหน้าที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในอดีตเพราะหลงหยันถูกกดไว้ด้วยพันธะสัญญาของไป๋หยาน เขาจึงไม่สามารถทำอะไรนางได้ ทว่ายามนี้ไม่มีพันธะสัญญานั้นแล้ว หากหลงหยัน ต้องการที่จะสังหารนาง ก็ง่ายเพียงแค่ลัดนิ้ว
บทที่ 1242 : ความรักของบิดาดั่งขุนเขา (6)
“เจ้า… เจ้าจะทำอะไร ?”
ป้านชิงเฉิงก้าวถอยห่างไปทีละก้าวๆ กระทั่งหลังชนกำแพง ไม่สามารถถอยได้อีก นัยน์ตาที่สวยงามของนางพลันเปล่งประกาย นางเอ่ยถามด้วยเสียงสั่น
”นางถอนพันธะสัญญากับพวกเราแล้วเจ้าไม่หนีกระนั้นหรือ ?” หลงหยันขมวดคิ้วน้อย ๆ ขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ป้านชิงเฉิงตัวสั่นสะท้านกระทั่งฟันกระทบกัน “ก็ยังสายเกินไปที่ข้าจะจากไปนี่มิใช่รึ ?”
หลงหยันหัวเราะเยาะ”เจ้าหมายความว่ากระไร ?”
คำถามมีนัยยะนี้ทำให้หัวใจของป้านชิงเฉิงสั่นสะท้านมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งแทบจะโลดออกนอกอก
นางอ้าปากค้างเพราะนางกลัวมากกระทั่งพูดอะไรไม่ออก
”ป้านชิงเฉิงตอนนั้นเจ้าทำอะไรไว้กับข้า ? ตอนนี้ เจ้าคิดว่า เจ้ายังมีเวลาที่จะหลบหนีอีกกระนั้นหรือ ?” หลงหยันยิ้มเยาะ ขณะมองสตรีที่ยืนแข้งขาสั่นอยู่เบื้องหน้า “แม้ว่านางจะปล่อยเจ้า ทว่าข้าไม่ปล่อยเจ้าไปเป็นแน่ !”
ป้านชิงเฉิงกัดริมฝีปากแน่น”แล้วเจ้าต้องการอะไร ?”
”ก็ง่ายๆ แม้ว่านางจะถอนพันธะสัญญากับเจ้าแล้ว ทว่านางก็ยังไม่ตาย อีกทั้งได้รับการช่วยเหลือแล้ว เจ้าจะต้องผูกพันธะสัญญาทาสกับนางอีกครั้ง หาไม่ข้าจะฆ่าเจ้าเสียเดี๋ยวนี้ !”
ทันทีที่เขากล่าวจบประกายแสงสังหารก็พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา มันเต็มไปด้วยความเย็นชา
ป้านชิงเฉิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจนางมองหลงหยันด้วยอาการงงงวย “เจ้า … เจ้าจะให้ข้าผูกพันธะสัญญากับนางต่ออีกกระนั้นหรือ ? เจ้าไม่ต้องการเป็นอิสระหรือไร ? นี่เป็นโอกาสที่หายากมากนะ นอกจากนี้เจ้าเคยเกลียดนางจนเข้ากระดูกดำมาก่อนมิใช่หรือ ? เหตุใดเจ้าจึงยอมละทิ้งโอกาสดี ๆ เช่นนี้ล่ะ ?”
หลงหยันตะคอกอย่างเย็นชา”ข้าเสียใจที่จะบอกเจ้าว่า ข้าต้องการผูกพันธะสัญญากับนางอีกครั้ง เอาล่ะ ข้าจะให้เจ้าเลือกสองทาง ทางหนึ่งคือผูกพันธะสัญญาอีกครั้ง ส่วนอีกทางคือข้าจะสังหารเจ้าเสียเดี๋ยวนี้ !”
ป้านชิงเฉิงเนื้อตัวสั่นเทานางกัดริมฝีปากราวกับไม่เต็มใจที่จะสละโอกาสซึ่งหาได้ยากยิ่งเช่นนี้ ?
ทว่า…
ครั้นเห็นการแสดงออกของหลงหยันในเมื่อเขาพูดออกมาถึงเพียงนี้แล้ว เขาจะต้องทำอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ป้านชิงเฉิงก็ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด พลันร่างของนางก็ผ่อนคลายลง “ผูกพันธะสัญญาก็ผูกสิ อย่างไรเสียข้าก็เคยผูกพันธะสัญญากับนางมาก่อนแล้ว หากแต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดนางถึงต้องถอนพันธะสัญญากับพวกเราด้วยล่ะ ?”
หลงหยันมองป้านชิงเฉิง พลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “บางทีเราทุกคนอาจเข้าใจนางผิด”
ป้านชิงเฉิงยืนตัวแข็ง
พวกเขาเข้าใจนางผิดกระนั้นรึ?
”แม้ว่าหญิงผู้นี้จะร้ายกาจและเจ้าเล่ห์หากแต่นางก็ไม่ใช่คนที่ไม่รักษาคำพูดและ … ที่นางผูกพันธะสัญญากับพวกเรา นางก็พาพวกเราออกมาจากที่นั่นด้วย หากแต่ที่นางยังผูกเราไว้ด้วยสัญญา ก็เพื่อความปลอดภัยของนางเอง”
หลงหยันถอนหายใจเบาๆ “ทว่าเมื่อนางตกอยู่ในอันตราย นางก็เลือกที่จะไม่ลากพวกเราเข้าไปรับอันตรายด้วย ยอมปล่อยให้พวกเราเป็นอิสระ นับแต่นั้น ข้าก็เข้าใจว่า ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจนางผิดมาตลอด นางเป็นคนเที่ยงธรรม นางต่างจากมนุษย์คนอื่น ที่หลังจากผูกพันธะสัญญากับสัตว์อสูรแล้วก็มักจะใช้สัตว์อสูรต่างโล่ และเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ ”
เช่นนั้นเขาจึงสมควรที่จะชื่นชมนาง
ป้านชิงเฉิงเงียบแววตาของนางแสงความรู้สึกซับซ้อน
ในความเป็นจริงแม้จะไม่มีคำอธิบายจากหลงหยัน นางก็เข้าใจความตั้งใจของไป๋หยานดี ที่ไป๋หยานกระทำเช่นนี้
หากแต่นางยังไม่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์เลือกที่จะปลดปล่อยสัตว์อสูร ในขณะที่ชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาได้รับผลกระทบไปด้วย …
”แล้วหลงเอ๋อล่ะอยู่ที่ใด? ข้าสัญญากับฮูหยินไป๋หนิงว่าจะกลับมาพานางไปที่นั่น”
เดิมที…หลงหยันเรียกชื่อไป๋หนิงเท่านั้นหากแต่ตอนนี้เขาเลือกแล้วว่าจะนับถือไป๋หยานด้วยความจริงใจ เขาจึงต้องนับถือมารดาของไป๋หยานด้วย
บทที่ 1243 : สามเดือน (1)
ป้านชิงเฉิงตะลึงไปชั่วขณะ”เดิมทีเด็กคนนั้นก็อยู่ที่นี่แหละ หากแต่ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่านางไปที่ใด ลองไปดูที่ห้องของนางกัน”
หลังจากป้านชิงเฉิงกล่าวจบหลงหยันก็หันหลังกลับเดินตรงไปที่ห้องของเสี่ยวหลงเอ๋อ เขาผลักประตูห้องเข้าไป …
ทว่าตอนนี้ห้องของนางกลับว่างเปล่า แสงแดดสาดส่องลงมาจากหน้าต่าง ส่องเข้ามาในห้องที่ว่างเปล่า และเงียบสงบห้องนี้
ชั่วขณะนั้นคิ้วของหลงหยันก็ขมวดแน่น “เสี่ยวหลงเอ๋อไม่ได้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นนางจะไปที่ใดได้ ? ป้านชิงเฉิง…พวกเรารีบไปตามหาเด็กคนนั้นกัน นางก็เป็นสายเลือดที่มีค่าเช่นกัน หากนางหายไป เราจะไม่สามารถแบกรับความผิดนี้ได้แน่”
หัวใจของป้านชิงเฉิงตึงเครียดขึ้นอย่างฉับพลันนางกำหมัดด้วยความประหม่า “เอาล่ะ…ข้าจะไปหานางเดี๋ยวนี้เลย”
นางสัญญากับไป๋หยานว่าจะดูแลเสี่ยวหลงเอ๋อและไป๋เสี่ยวเฉิน หากแต่นางไม่สามารถหยุดไป๋เสี่ยวเฉินไม่ให้ออกไปตามหาแม่ได้ และถึงตอนนี้ แม้แต่เสี่ยวหลงเอ๋อก็ยังหายตัวไปอีก หากไป๋หยานกลับมา และไม่เจอเด็กน้อยคนนี้ นางเกรงว่า …
นางจะกลายเป็นผู้โชคร้ายแน่งานนี้!
”ช้าก่อน…!”
ครั้นเห็นว่าป้านชิงเฉิงกำลังจะผละจากไป หลงหยันก็เลิกคิ้วขึ้น “เจ้าฉลาด อีกทั้งเจ้าเล่ห์มาตลอด ข้าไม่อยากกังวล ยามที่ปล่อยเจ้าออกไปคนเดียว เช่นนั้นข้าจะตามเจ้าไปทุกฝีก้าว !”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของป้านชิงเฉิงก็ดูเซ็งขึ้นทันทีหากแต่นางกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเสี่ยวหลงเอ๋อมากกว่า เช่นนั้นนางจึงไม่เถียงหลงหยัน
นางจ้องมองเขาอย่างดุดันก่อนจะถอนสายตากลับ จากนั้นก็หันมองโดยรอบ ทันใดนั้นนางก็พบกระดาษวางอยู่บนโต๊ะ
ทันทีที่เห็นป้านชิงเฉิงก็หน้าเสียด้วยความตกใจนางรีบเดินไปที่โต๊ะหยิบกระดาษที่มีข้อความเขียนไว้ขึ้นมาจากโต๊ะ
ในกระดาษแผ่นนั้นปรากฏตัวอักษรที่ชัดเจน ทั้งน้ำหมึกยังฉ่ำ ๆ อยู่
”เสด็จพี่ท่านไปหาท่านแม่แล้ว หากมีเสด็จพี่อยู่ด้วย ท่านแม่ก็จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่เพื่อเป็นตัวถ่วงพวกท่าน ในวันหน้าเมื่อข้าเข้มแข็งขึ้น ข้าก็จะไปตามหาท่านแม่เอง ข้าหวังว่าพี่สาวป้านชิงเฉิงจะช่วยบอกท่านแม่ของข้าด้วย ว่าข้าจะกลับมาเมื่อข้าเก่งขึ้น”
ป้านชิงเฉิงถือกระดาษตัวแข็งค้าง ใบหน้าของนางซีด หยาดเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมาจากหน้าผากของนาง
”เด็กคนนั้นไปแล้วงั้นหรือ?” หลงหยันรับกระดาษมาจากป้านชิงเฉิง แววตาของเขามีร่องรอยประหลาดใจ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกตัว เอ่ยกล่าวว่า “ไปกันเถิด มีข้อความนี้แล้ว เจ้าก็สามารถอธิบายกับนางได้ ทว่าเหตุใดเจ้าถึงกลัวมาก หรือว่าเจ้าทำอะไรเด็กน้อยคนนั้น ?”
เดิมทีป้านชิงเฉิงก็ไม่ได้คิดอะไรมากทว่าหลังจากได้ยินถ้อยคำของหลงหยัน ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นซีด นางเกือบจะร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
”เด็กคนนั้นถามข้าว่านางอ่อนแอใช่หรือไม่? ข้าก็เลยบอกความจริงไปว่า ใช่… ผู้ใดจะคิดว่านางจะหนีไปจากที่นี่ ข้าจะทำเช่นไรดี ? ที่นางหนีไป ข้าก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย”
หลงหยันตกตะลึงเขาขมวดคิ้ว ครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะถอนหายใจ
”อย่าคิดมากเลยบางทีนางอาจอยากจากไปเอง ไม่ใช่เพราะเจ้าหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ข้ามักจะรู้สึกถึงพลังที่ผิดปกติจากเลือดในกายของเด็กคนนั้น บางทีคราวนี้สำหรับนาง อาจถือเป็นโอกาสที่ดีก็ได้”
เมื่อนึกได้เช่นนี้หลงหยันก็หันไปมองป้านชิงเฉิง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อนางก็จากไปแล้ว เช่นนั้นเราก็ทำได้เพียงเก็บข้อความนี้ไปยืนยัน”
ไป๋หนิงอาจจะยังไม่ไปไหนหากพวกเขารีบไป พวกเขาก็อาจจะไปสบทบนางได้ทันเวลา
เช่นนั้นหลงหยันจึงหยุดพูดและหันหลังเดินออกจากประตูไป
เพียงพริบตาร่างชรานั้นก็หายไปในอากาศที่ว่างเปล่า
บทที่ 1244 : สามเดือน (2)
ครั้นเห็นหลงหยันจากไปป้านชิงเฉิงก็ไม่ลังเลอีก นางรีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว …
…
ณเมืองอสูร
ท้องฟ้าดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆที่มืดครึ้มทว่าภายในพระราชวังอสูรกลับสงบเงียบราวทะเลสาบที่ราบเรียบไร้คลื่นลม
ตั้งแต่ราชาอสูรเสด็จกลับมาพร้อมด้วยองค์ชายและราชินีเมื่อสามเดือนที่แล้ว ราชินีกับองค์ชายก็นอนหลับใหล ทั้งไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมา
ราชาลืมราชภารกิจต่างๆ ของแดนอสูรเสียสิ้น เขาอยู่เคียงข้างราชินีทุกวี่ทุกวัน ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่มาเยี่ยมเขาก็ยังเมินเฉย
ยกเว้นแต่มารดาผู้ให้กำเนิดราชินีฮูหยินไป๋หนิงเท่านั้น ที่เขาไม่ได้มองข้ามนางเช่นคนอื่น อย่างไรเสียหัวใจของเขาก็ดั่งตกอยู่ในห้วงนิทราไปพร้อมกับการหลับใหลของชายา …
…
ยามนี้ภายในห้องที่งดงาม ชายหนุ่มกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงขนาดใหญ่ มือทั้งสองข้างของเขากุมมือไป๋หยานแน่น ใบหน้าของเขาแลดูทรุดโทรม หนวดเคราของเขารุงรัง ทว่านัยน์ตาเรียวคมคู่นั้นยังคงเต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยนขณะมองสตรีผู้อยู่บนเตียง
”หยานเอ๋อ…นี่ก็สามเดือนแล้วเจ้าหลับไปสามเดือนแล้ว หากเจ้ายังไม่ตื่นอีก ข้าเกรงว่าลูกสาวของเราจะไม่ได้ถือกำเนิดนะ … ”
”เห็นมั้ย…ลูกของเราแข็งแรงมากเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ ทว่านางก็ยังไม่ยอมทิ้งเจ้า ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของนางนั้นแข็งแกร่งมากนัก เจ้าจะปล่อยให้นางต้องจากไปได้อย่างไร ?”
“หากไม่มีเจ้าข้าขอตายเสียยังจะดีกว่า ข้ายอมสละทุกอย่าง ข้ายอมทำทุกสิ่งเพื่อเจ้า ข้ายอม”
เขาวางมือของหญิงผู้เป็นที่รักแนบริมฝีปากของตนพลางกดจูบอันอ่อนโยนน้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักความอาวรณ์ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลในตัวนาง
สตรีที่อยู่บนเตียงยังคงนอนเงียบใบหน้าของนางต้องแสงแดดจนแดงก่ำ แลดูเป็นประกาย ยามนี้ใบหน้าของนางสงบราบเรียบ ราวกับกำลังหลับสนิท
ทว่า…
ทันทีที่ชายหนุ่มกล่าวคำสุดท้ายขนตาของไป๋หยานพลันสั่นไหวเล็กน้อย หากแต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มลดสายตาลงจูบมือนางเบา ๆ เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนาง
…
ท่ามกลางแสงสีขาวที่ไร้ขอบเขตไป๋หยานมองไปรอบ ๆ อย่างงงงวย สายตาของนางราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง หากแต่สิ่งที่นางต้องการตามหานั้นคืออะไร ? แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้ …
“ท่านแม่ท่านแม่… ”
จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกเบา ๆ จากด้านหลังนาง
ไป๋หยานรีบหันกลับไปมองนางเห็นเด็กน้อยน่าเอ็นดูอยู่ข้างหลังนาง
“เฉินเอ๋อ”
นางรีบก้าวเข้าไปหาเด็กน้อยด้วยความยินดี
เด็กชายตัวเล็กน่ารักผิวอมชมพูกับเสื้อคลุมสีบานเย็นทว่าเขาอยู่ภายใต้การครอบงำของวิญญาณชั่วร้าย นัยน์ตาสีแดงกลมโตปรากฏหยาดน้ำตาแห่งความเศร้าโศก เขาถามอย่างเศร้าสร้อยว่า “ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงทอดทิ้งข้า ? เหตุใด ? ”
ชั่วขณะนี้หัวใจของไป๋หยานเต้นแรง นางรีบยกมือขึ้นลูบไล้เด็กน้อยในอ้อมแขน
”เจ้าเป็นที่รักของแม่แม่จะทิ้งเจ้าไปได้อย่างไร ?”
”ท่านแม่…ท่านทอดทิ้งข้าท่านลืมข้า เห็นชัด ๆ ว่าข้ารักท่านแม่มาก ทั้งข้าก็ตั้งตารอที่จะได้อยู่กับท่านแม่มากเพียงไร เหตุใดท่านถึงทิ้งข้าได้ ?”
ร่างของเด็กน้อยสั่นสะท้านไม่หยุดน้ำตาของเขาไหลรินลงมาอย่างน่าสงสาร มือเล็ก ๆ ทั้งสองของเขาจับแขนเสื้อของไป๋หยานไว้แน่น
“เป็นเพราะข้าเป็นเด็กไม่ดีท่านแม่เลยไม่ชอบข้าใช่หรือไม่ ?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจพลันน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา
จากนั้นใบหน้าสีชมพูของเขาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นน่าเกลียด มืดมน เย่อหยิ่ง และเฉยชา
“มีคนที่ต้องการแยกเราแม่ลูกและคนที่ต้องการแยกเราแม่ลูก ก็สมควรตาย ! ข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมด ข้าอยากฆ่าพวกมันทั้งหมด ให้เหลือเพียงเราเท่านั้น !”
บทที่ 1245 : สามเดือน (3)
ไป๋หยานถึงกับผงะนางค่อย ๆ ปล่อยมือจากเด็กน้อยในอ้อมแขน นางพบว่าแววตาของเขามิได้ไร้เดียงสา และมีชีวิตชีวาเฉกเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป ภายในดวงตาสีแดงเลือด มีแต่ประกายแสงกระหายเลือด
บางทีนี่อาจจะเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกหรือความรู้สึกผิดภายในใจ ที่ทำให้ไป๋หยานกอด และลูบไล้เด็กน้อยในอ้อมแขนของนางอีกครั้ง
น้ำเสียงของนางอ่อนโยนนัก“เฉินเอ๋อ ในครานั้นแม่ของเจ้า ไม่อาจปกป้องเจ้าได้ แม่ปล่อยให้เจ้าต้องพรากจากแม่ไป ทว่าในชีวิตนี้ แม่จะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญกับอันตรายใด ๆ ทั้งจะไม่ยอมให้ผู้ใดพรากเราสองแม่ลูกอีก ! เจ้าอย่าอยู่กับความโกรธแค้นนั้นจะได้หรือไม่ ?”
เจตนาสังหารในดวงตาของเด็กน้อยไม่ได้ลดลงทว่ากลับรุนแรงขึ้น
”ไม่…ข้าต้องการสังหารทุกคนในอาณาจักรสวรรค์ทุกคนสมควรตาย !”
ปัง!
ทันใดนั้นแรงกดดันของเด็กน้อยก็พุ่งออกมา บังคับร่างของไป๋หยานให้ถอยหลังไปสองสามก้าว นางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ พลางมองไปที่เด็กชายน้อยที่อยู่เบื้องหน้า ชั่วขณะนั้นก็ตระหนักได้ว่า เด็กชายที่อยู่เบื้องหน้านางแปลกไป …
หากแต่เพราะพันธะทางใจที่คุ้นเคยทำให้นางยังคงเข้าใจว่าเด็กน้อยคนนี้คือลูกชายของนาง !
เขาเป็นคนที่นางรักที่สุดในโลก!
ทันใดนั้นเองก็มีอีกร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากแสงสีขาว ร่างนั้นพุ่งเข้าหาเด็กน้อยที่มีดวงตาสีแดงเลือด
“เจ้าคนสารเลวอย่ารังแกหม่ามี้ข้านะ!”
เจ้าซาลาเปาน้อยในชุดสีม่วงไม่ต่างกับเด็กชายน้อยคนนั้นหากแต่เมื่อเทียบกับเด็กน้อยคนนั้นแล้ว นัยน์ตาสีดำของเจ้าซาลาเปาน้อยกลับใสแจ๋วราวกับหยดน้ำ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ไป๋หยานตกใจเหตุใดถึงมีไป๋เสี่ยวเฉินสองคนล่ะ ?
”ออกไปนะ!” เด็กน้อยในชุดสีม่วงยกมือขึ้น ซัดกำปั้นลงบนร่างของไป๋เสี่ยวเฉินอีกคน ไป๋เสี่ยวเฉินอีกคนถอยหลังไปสองสามก้าว เสียงที่โกรธแค้น และขมขื่นปรากฏขึ้นในแววตาของเขา “เจ้าขยะขี้ขลาด เจ้าไม่อาจปกป้องท่านแม่ได้ด้วยซ้ำ ! หากมิใช่เพราะ… หากเจ้าตาย ข้าก็ต้องตายด้วยล่ะก็ ข้าก็คงฆ่าเจ้าไปนานแล้ว !”
“เฉินเอ๋อไม่ใช่คนขี้ขลาดนะ!”
ไป๋เสี่ยวเฉินลุกขึ้นยืนจากพื้นอย่างรวดเร็วพร้อมใบหน้าที่ดื้อรั้น “เจ้าทำให้หม่ามี้เสียใจ ข้าไม่ยอมให้ใครมาทำให้หม่ามี้เสียใจ หากเจ้ากล้าทำให้นางร้องไห้ ข้าจะทำลายตัวเอง เมื่อนั้นเจ้าก็จะไม่ได้อยู่อีกต่อไป !”
ท่านแม่จะเสียใจกระนั้นรึ?
เด็กน้อยเงียบ
ทว่าคนเหล่านั้นทอดทิ้งท่านแม่ เขาจะไม่มีวันให้อภัยคนพวกนั้นแน่ !
ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะให้ทุกคนในโลกนี้ชดใช้หนี้ความเจ็บปวดที่เขาได้รับ!
…
ไป๋หยานมองเด็กน้อยทั้งสองที่กำลังเผชิญหน้ากันนางตกตะลึง นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ?
แต่ครั้นนางจะเข้าใกล้ไป๋เสี่ยวเฉินคนหนึ่งนางก็เห็นนัยน์ตาเศร้า ๆ ของเด็กน้อยในชุดสีม่วง ฝีเท้าของนางพลันหยุดชะงักลง ดูเหมือนนางจะไม่สามารถควบคุมมือของตนเองได้ นางเอื้อมมือไปหาเขา …
เด็กน้อยแลดูไม่พอใจเขามองมือของไป๋หยานที่ยื่นมาตรงหน้า สีหน้าของเขาแข็งขืนขึ้นเล็กน้อย ครั้นเขารู้สึกตัว เขาก็ยื่นมือเล็ก ๆ ของเขาให้ไป๋หยาน …
อย่างไรก็ตาม…
ในขณะที่มือของคนทั้งสองกำลังจะสัมผัสกันนั้นแสงสีขาวก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของเด็กน้อยคนนั้น และไป๋เสี่ยวเฉิน เพียงพริบตาทั้งคู่ก็หายไป …
“เฉินเอ๋อ!”
การแสดงออกของไป๋หยานเปลี่ยนไปนางเหลียวมองโดยรอบอย่างกังวล ทว่าบริเวณโดยรอบกลับเงียบสงบ เงียบมาก เงียบกระทั่งบรรยากาศแลดูผิดปกติ …
เจ็บปวดเหลือเกิน!
ไป๋หยานย่อกายลงฝ่ามือของนางกุมหัวใจตนเองแน่น
นัยน์ตาเศร้าสร้อยของเด็กน้อยราวกับดาบแทงผ่านหัวใจของนางอย่างรุนแรงทำให้นางเจ็บปวดหัวใจ นางอยากกอดเขาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง อยากปลอบโยนหัวใจที่ปวดร้าวของเขา
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1241-1245
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์
นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้
ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย
มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก
ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก
แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…
จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”