ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 249 หายตัว

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 249 หายตัว

หลินยวนกล่าว “ไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างที่แกคิด”

หลัวคังอันยิ้มเยาะด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “เถ้าแก่ไปจับคนของเธอมา แล้วยังจะเอาคำพูดโกหกมาหลอกเธออีก อันตรายแบบนี้ ยังจะไม่ให้ผมกลัวอีกเหรอ?”

หลินยวนกล่าว “อย่างนั้นแกลองว่ามา ยังจะหาดวงตาแห่งความฝันอยู่หรือเปล่า?”

หลัวคังอันลังเลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ลำคอยังถูกอีกฝ่ายเกี่ยวเอาไว้อยู่ จึงลองถามไปว่า “ถ้าผมบอกว่าไม่หาแล้ว เถ้าแก่จะตกลงเหรอ? ไม่ใช่ ผมหมายความว่าปุบปับไปยั่วโมโหคนแบบนี้มันไม่ดี จะไปเจอเธอโดยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยมันอันตรายเกินไป ของยังไม่ทันหาเจอ พวกเราจะถูกตัดหัวอยู่ที่นี่ก่อนน่ะสิ แบบนั้นมันได้ไม่คุ้มเสียนะ!”

หลินยวนกล่าว “แกวางใจได้ ฉันหาคนที่จะมาช่วยหยุดเธอไม่ให้ทำอะไรวุ่นวายแล้ว”

บางครั้งเหตุผลก็ใช้กับคนแบบนี้ไม่ได้ ถ้าไม่บังคับก็ต้องโกหก

“เอ่อ…” หลัวคังอันมึนงง ถามขึ้นมาอีกว่า “แล้วคนที่จะมาช่วยอยู่ที่ไหน?”

หลินยวนกล่าว “ตอนที่ควรจะปรากฏตัวเขาจะปรากฏตัวขึ้นมาเอง ฉันไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นหรอกน่า”

อย่างนี้นี่เอง หลัวคังอันครุ่นคิด ถ้าหากเป็นตัวเอง มันก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเอ่ยเตือนไปว่า “เถ้าแก่ คนที่ราชวงศ์ก่อนแต่งตั้งให้เป็นเทพ ความสามารถจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ต้องระวังไว้นะ!”

“ขอเพียงแกทำตามที่ฉันบอกก็จะไม่มีเรื่องอะไร…” หลินยวนเกี่ยวคอของเขาลงมาอีกครั้ง กระซิบกระซาบสั่งการอยู่ที่ข้างหูของเขา

หลัวคังอันฟังอย่างตั้งใจ พยักหน้าหงึกๆ ไม่หยุด หลังสั่งกำชับเสร็จเรียบร้อย คอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เขายังคงกล่าวอย่างกังวลใจว่า “แล้วเธอจะมาเมื่อไร?” เขาอยากรู้เวลาที่แน่ชัดเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ

หลินยวนกล่าว “ไม่รู้ น่าจะใกล้แล้ว”

หลัวคังอันอึ้งไปเล็กน้อย อะไรคือไม่รู้? อะไรคือใกล้แล้ว? เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะไหว เกือบจะตะโกนเรียกว่าท่านปู่หลินยวนแล้ว “ผมว่านะเถ้าแก่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เถ้าแก่จะไม่รู้ได้ยังไง เถ้าแก่จับตัวคนของเธอไว้แล้ว แล้วยังจะเจอหน้าเธออีก เราไม่ควรจะบอกเธอหน่อยเหรอ?”

หลินยวนกล่าว “ไม่ต้องบอก ฉันอยากจะยืนยันให้แน่ใจ ถ้าเธอเป็นคนที่พวกเรากำลังตามหา พอเห็นว่าคนหายไป เธอก็จะมาหาพวกเราเอง”

หลัวคังอันงุนงงขึ้นมาเล็กน้อย หรือจะบอกว่าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยก็ว่าได้ “หมายความว่ายังไงเนี่ยเถ้าแก่?”

หลินยวนกล่าว “ถ้าเธอไม่ใช่คนที่พวกเรากำลังตามหา เธอก็จะคิดไม่ถึงว่าเป็นพวกเรา แต่ถ้าเธอเป็นคนที่พวกเรากำลังตามหา เธอก็จะคิดถึงพวกเรา หรือว่าแกไม่เคยได้ยินคำว่ากินปูนร้อนท้อง? มีแต่คนที่มีเรื่องแบบเดียวกันอยู่ในใจถึงจะคิดเหมือนกันได้ เข้าใจหรือเปล่า?”

“ไม่เข้าใจ” หลัวคังอันส่ายหน้า ยังคงไม่เข้าใจ ยังอยากจะให้อีกฝ่ายอธิบายให้ละเอียดขึ้น

แต่หลินยวนพูดไปมากพอแล้ว ไม่ได้อธิบายอะไรมากกว่านั้นอีก “เอาไว้คนมาแล้ว ถ้าแกเข้าใจได้แกก็จะเข้าใจเอง”

ที่หลินยวนมานั่งอธิบายให้เขาฟังเช่นนี้ ก็เป็นเพราะว่าทั้งสองทำอะไรด้วยกันมาไม่น้อย ความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้น หากเป็นเมื่อก่อน หลินยวนคงไม่อธิบายอะไรให้เขาฟังแม้แต่นิดเดียว

ตอนนี้หลัวคังอันเข้าใจแล้ว อีกฝ่ายไม่พูด เขาเองก็ไม่ถามแล้ว รอดูไปก็พอ

….

ภายในเล็กๆ มุมหนึ่งของโรงจอมยุทธ์พเนจร ยายเฉ่าเดินออกมาจากในห้อง ยืนอยู่ใต้ชายคาพลางกวาดตามองไปรอบๆ

ไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ไม่ได้ยินเสียงทำกับข้าวในครัว นี่ค่อนข้างผิดปกติ ปกติในเวลานี้อาเซียงน้อยของเธอจะต้องทำอาหารอยู่ในครัว แต่วันนี้กลับเงียบสงัดเป็นอย่างมาก แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอาเซียงน้อยพูดว่า “คุณยาย หนูกลับมาแล้ว”

นี่ค่อนข้างผิดปกติ เธอเดินไปดูที่ห้องของอาเซียง ปรากฏว่าไม่มีคนอยู่

จากนั้นเธอเดินไปที่ห้องครัว ในห้องครัวก็ไม่มีใครอยู่ ไม่มีแม้กระทั่งกับข้าวที่ซื้อกลับมา

เธอเดินถือไม้เท้าออกมา ค้นดูทั้งนอกและในบริเวณที่พักของทั้งสองอย่างละเอียด สุดท้ายจึงเดินออกไป

“เห็นอาเซียงไหม?”

“มีใครเห็นอาเซียงไหม?”

ยายเฉ่าเที่ยวสอบถามคนที่อยู่ภายในโรงจอมยุทธ์พเนจร แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาถ้าไม่ใช่ส่ายศีรษะก็เป็นการบอกว่าไม่เห็น

เธอเดินไปยังหน้าประตูโรงจอมยุทธ์พเนจร ถามคนเฝ้าประตูที่เข้าเวรอยู่ พอถามไปเช่นนี้ คนเฝ้าประตูถึงนึกขึ้นมาได้ว่าอาเซียงออกไปแล้ว แต่ว่ายังไม่เห็นอาเซียงกลับมา

นี่ผิดปกติอย่างมาก ถึงแม้อาเซียงจะชอบออกไปเที่ยวเล่น แต่เธอรู้นิสัยที่ไม่กินข้าวหลังเที่ยงของยายเฉ่าดี ในหนึ่งวันยายเฉ่าจะกินข้าวแค่เพียงมื้อเดียวเท่านั้น นับตั้งแต่ที่เรียนรู้ที่จะเข้าครัวเป็น เธอก็ไม่เคยลืมอาหารกลางวันของยายเฉ่ามาก่อน

แต่ป่านนี้แล้วเธอก็ยังไม่กลับมา คนอื่นๆ ที่อยู่ในโรงจอมยุทธ์พเนจรก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมาแล้ว กระทั่งจินหรู่อวี้ผู้เป็นหัวหน้าแห่งโรงจอมยุทธ์พเนจรก็ยังรู้สึกผิดปกติ

อาเซียงเติบโตขึ้นมาในโรงจอมยุทธ์พเนจร เป็นเด็กของโรงจอมยุทธ์พเนจร บางทีคนอื่นๆ ในโรงจอมยุทธ์พเนจรอาจจะมาๆ ไปๆ แต่อาเซียงกลับไม่เคยจากโรงจอมยุทธ์พเนจรไปไหน

หลังจากที่หัวหน้าโรงจอมยุทธ์พเนจรทราบข่าว เขาก็สั่งการทันที นอกจากคนที่เฝ้าอยู่ในโรงจอมยุทธ์พเนจรแล้ว คนอื่นๆ ล้วนไปเที่ยวตามหาอาเซียงตามที่ต่างๆ ในเมืองหมอก

“ไปถามที่ร้านใบหม่อนมาแล้ว วันนี้ไม่มีใครเห็นอาเซียงไปซื้อกับข้าว”

คนที่ไปยังร้านใบหม่อนให้คำตอบมาแบบนี้

ไม่ได้ไปซื้อกับข้าว? ตอนเช้าเธอออกไปนี่นา! นี่ยิ่งผิดปกติเข้าไปใหญ่ ยายเฉ่าขมวดคิ้วขึ้นมา

คนที่ออกไปตามหาทยอยกลับมารายงาน บอกว่าไม่เห็นร่องรอยของอาเซียง จินหรู่อวี้ผู้เป็นหัวหน้าของโรงจอมยุทธ์พเนจรโบกมือบอกให้คนอื่นๆ ออกไป ก่อนจะถามยายเฉ่าที่อยู่ข้างกายว่า “ช่วงนี้อาเซียงไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า?”

ยายเฉ่ากล่าว “เวลามีเรื่องอะไรเธอจะบอกฉันตลอด ไม่เคยได้ยินเธอพูดเลย น่าจะไม่มีหรือเปล่า? ป่านนี้แล้วยังไม่กลับมา หรือว่าจะไปเจอคนไม่ดีเข้า?”

จินหรู่อวี้ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะส่ายศีรษะพลางกล่าวเบาๆ ว่า “เด็กคนนี้รูปร่างหน้าตาธรรมดา คนที่เข้าออกที่นี่ ถ้าอยากจะได้ผู้หญิงก็มีคนอื่นอีกตั้งเยอะตั้งแยะ เรื่องที่คิดจะทำมิดีมิร้ายอะไรเธอดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยเฉพาะในสถานที่แบบนี้ คนทั้งในและนอกโรงจอมยุทธ์พเนจรต่างรู้จักเด็กคนนี้ รู้ว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อะไร ถ้าจะบอกว่ามีใครทำอะไรเธอเพราะคิดอยากจะได้อะไร ดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เหมือนกัน ช่วงนี้โรงจอมยุทธ์พเนจรก็เงียบสงบดี ไม่มีความแค้นอะไรกับใคร หรือต่อให้มี ก็ไม่น่าจะลงมือกับคนที่ไม่สามารถเอามาใช้ข่มขู่โรงจอมยุทธ์พเนจรอย่างเธอได้ ยายเฉ่า ช่วงนี้เธอมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”

ยายเฉ่าส่ายศีรษะ

จินหรู่อวี้ลูบเครา “อย่างนั้นก็แปลก เด็กคนนั้นต่อให้หลับตาก็ยังเดินกลับมาบ้านได้ ไม่มีทางที่จะหลงทางอยู่ในเมืองหมอก ถ้ามีเรื่องล่ะก็ ใครจะมาลงมือกับเธอ?” ก่อนจะหันกลับไปกล่าวว่า “ยายก็ไม่ต้องใจร้อนนะ ฉันจะให้คนขยายพื้นที่ค้นหาออกไปอีก บางทีเธออาจจะนึกสนุกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้”

ยายเฉ่าไม่คิดว่าอาเซียงจะทำเช่นนั้น ก็เหมือนอย่างที่เธอได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ ต่อให้อาเซียงจะชอบเที่ยวเล่นแค่ไหนก็ไม่มีทางลืมอาหารกลางวันของเธอ

แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากเช่นกัน เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย เดินค้ำไม้เท้ากลับไป กลับไปยังมุมเล็กๆ ที่ตนเองและอาเซียงพักอาศัย

หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องของอาเซียง เธอก็กลับมายังห้องของตัวเอง นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือลูบกล่องเครื่องหอมใบหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เอ่ยพึมพำว่า “หรือคนพวกนั้นจะมาแล้ว?”

คนอื่นไม่รู้ตัวตนของเธอ แต่เธอกลับรู้ดี หลายปีมานี้เธอกังวลมาตลอดว่าจะถูกคนเหล่านั้นพบตัวเข้า กังวลว่าจะถูกจัดการในฐานะคนทรยศ จากที่เธอรู้มา คนที่ทรยศเมื่อในอดีตเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนไม่มีจุดจบที่ดี ทยอยตายกันไปอย่างแปลกประหลาด เธอรู้ดีว่าคนเหล่านั้นน่ากลัวแค่ไหน ด้วยเหตุนี้เธอจึงหลบอยู่ในสถานที่ที่ใช้ชีวิตได้ยากลำบากแห่งนี้ แล้วก็ตัดขาดการติดต่อกับคนเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด ไม่อยากจะทิ้งร่องรอยใดๆ ให้ถูกหาตัวพบได้

เรื่องราวผ่านมานานหลายปีแล้ว แนวโน้มที่จะกำจัดคนทรยศก็คล้ายว่าจะผ่านไปแล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ดูเหมือนจะหายสาบสูญกันไปจนหมด เธอคิดว่าคนเหล่านั้นปล่อยตัวเองไปแล้ว แต่ในเวลานี้จู่ๆ ก็มีเหตุการณ์แปลกประหลาดมาเยือน หรือว่าคนเหล่านั้นยังคงตามสังหารตัวเองมาโดยตลอด? หรือว่าในที่สุดสิ่งที่ตนเองหวาดกลัวก็มาเยือนแล้ว?

ก็เหมือนอย่างที่หัวหน้าโรงจอมยุทธ์พเนจรกล่าว อาเซียงไม่ได้เกี่ยวพันกับบุญคุณความแค้นหรือว่าผลประโยชน์อะไรเลย มีคนลงมือกับอาเซียง ความรู้สึกแรกของเธอคือคนเหล่านั้นพุ่งเป้ามาที่เธอ

ช่วงนี้มีอะไรผิดปกติไหม? ถ้าจะบอกว่าไม่มีมันก็ไม่มี แต่ถ้าบอกว่ามีมันก็มีเหมือนกัน ตัวเธอที่ไม่ค่อยออกไปข้างนอก ช่วงนี้ออกไปข้างนอกครั้งหนึ่ง

นิ้วมือของเธอค่อยๆ กำกล่องเครื่องหอมขึ้นมา!

ออกไปข้างนอกครั้งเดียวก็เผยพิรุธเลยเหรอ? ออกไปข้างนอกครั้งเดียวก็ถูกจับตามองเลยเหรอ? หลบซ่อนมานานขนาดนี้ก็ยังถูกหาเจออย่างนั้นเหรอ?

ความน่ากลัวของคนเหล่านั้นทำให้แผ่นหลังของเธอเย็นวาบขึ้นมา!

เธอไม่ได้รีบร้อนลงมือทำอะไร หากแต่รอคอยอย่างเงียบๆ ภายในใจยังคงมีความหวัง หวังว่าอาเซียงจะกลับมา หวังว่าอาเซียงจะกลับมาช้าแค่เพราะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดอะไรบางอย่างเท่านั้น

เธอนั่งอยู่ใต้ชายคา มือจับไม้เท้านั่งรออย่างเงียบๆ เงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่กว้างใหญ่เป็นระยะ แต่กลับมองไปไม่ไกล!

แต่เมื่อรอไปจนกระทั่งฟ้าค่อยๆ มืดลงก็ยังไม่เห็นอาเซียงกลับมา ภายในใจเธอรู้ว่าความหวังสุดท้ายของเธอได้แตกสลายไปแล้ว

ดังนั้นสุดท้ายเธอจึงลุกขึ้น เดินถือไม้เท้าออกมาจากมุมเล็กๆ แห่งนี้ ตรงไปยังประตูของโรงจอมยุทธ์พเนจร

ระหว่างทางมีคนปลอบใจเธอว่าอย่าเพิ่งร้อนใจไป บอกว่าอาเซียงต้องกลับมาแน่

“ยายเฉ่า ยายจะไปไหน?” คนเฝ้าประตูเอ่ยถาม

ยายเฉ่าเอ่ยเสียงเรียบเฉย “ฉันจะไปลองหาดูอีกที”

“กลับมาเร็วหน่อยล่ะ” คนเฝ้าประตูตะโกน แต่ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ

คนเฝ้าประตูสองคนสบตากัน หนึ่งในนั้นถอนใจพลางกล่าว “เพราะว่าเธอเลี้ยงอาเซียงจนโตมาคนเดียวกับมือ ไม่ง่ายเลยที่จะมีคนมาอยู่ข้างๆ อยู่ด้วยกันทุกวันมานานขนาดนี้ ต่อให้ไม่รักมันก็ต้องมีความผูกพันกันบ้างแหละ การที่เธอจะร้อนใจมันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้”

คนเฝ้าประตูอีกคนส่ายหน้าพลางกล่าว “อาจจะเกิดเรื่องจริงๆ ก็ได้ เพียงแต่ไม่เข้าใจ ถ้าอยากจะทำอะไรโรงจอมยุทธ์พเนจรจริงๆ จับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปแบบนี้มีประโยชน์เหรอ?”

หมอกหนาทึบลอยล่อง คนและทิวทัศน์ที่อยู่ห่างออกไปหน่อยมองเห็นไม่ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็ตกเย็นแล้ว โคมไฟด้านนอกร้านภายในเมืองหมอกสว่างขึ้นมาเป็นระยะ

เสียงไม้เท้าที่กระทบลงไปบนพื้นดัง ‘ก๊อกๆ’ อย่างเป็นจังหวะอยู่ในเมืองหมอก ฝีเท้าของยายเฉ่าเนิบช้าไม่เร่งร้อน

แต่ภายในใจกลับไม่ได้สงบเยือกเย็นเหมือนอย่างฝีเท้า รู้สึกว่าภายในหมอกหนาทึบรอบกายมีดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองมาที่ตนเอง คล้ายแอบซ่อนเขี้ยวเล็บอันแหลมคมเอาไว้ พร้อมที่จะกลืนกินเธอเข้าไปทุกเมื่อ

วันนี้ทั้งกายและใจของเธอรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

นับตั้งแต่ที่อาเซียงไม่ได้กลับมาทำข้าวกลางวันให้เธอ เธอก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นแล้ว เธอก็คิดอยากจะหลบหนีแล้ว

แต่เธอรู้ดี ถ้าเป็นคนเหล่านั้นจริงๆ เวลานี้พวกเขาก็คงจะวางกำลังเอาไว้รอบๆ เธอหมดแล้ว ถ้าคนเหล่านั้นจับตามองเธออยู่และต้องการลงมือกับเธอ เธอก็ไม่มีทางหนีรอดได้

ไม่ใช่เธอเท่านั้นที่หนีไม่รอด แม้แต่อาเซียงที่ตกอยู่ในมือคนเหล่านั้นก็อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอด

ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ คนคนเดียวที่เธอปล่อยให้มาอยู่ข้างกาย คนที่อยู่ด้วยกันกับเธอทุกวันคืน คนที่เธอเลี้ยงดูจนเติบโตขึ้นมากับมือ ต่อให้เป็นแมวเป็นหมาก็ยังมีความผูกพัน แล้วนับประสาอะไรกับคนคนหนึ่ง

ถ้าเป็นคนเหล่านั้นจริงๆ ถ้าเธอหนีไม่รอดแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ไม่ต้องหนีแล้ว แค่หวังว่าจะพยายามต่อชีวิตให้อาเซียงได้ก็พอ

ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ หลบมาหลายปีขนาดนี้ ใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนผีไม่เหมือนคนมานานขนาดนี้ ถ้ามันถึงเวลาที่ต้องจบ อย่างนั้นก็ปล่อยให้มันจบไปก็แล้วกัน

แต่เธอยังคงมีความหวัง หวังว่ามันจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรอย่างอื่น

ส่วนจะใช่เหตุผลอะไรอย่างอื่นหรือไม่ เธอรู้ดี คำตอบอยู่ที่ร้านเครื่องหอมร้านนั้น

ถ้าร้านเครื่องหอมปกติ บางทีอาจจะเป็นเธอที่คิดมากไป

……………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน