ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 251 เธอ จะรับบัญชาไหม

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 251 เธอ จะรับบัญชาไหม?

หลัวคังอันมองไปทางหลินยวน กำลังใช้สายตาสอบถามว่า ‘ยังจะทำตามที่ว่ากันไว้ก่อนหน้านี้ได้เหรอ?’

เหตุผลก็ง่ายมาก เรื่องบางเรื่องผู้หญิงนั้นไม่มีเหตุผล ในจุดนี้ตัวเขามีประสบการณ์อยู่ รู้ถึงความอันตรายของมัน ผู้หญิงที่รู้สึกโกรธแค้นเพราะถูกผู้ชายทอดทิ้งนั้นไม่อาจยั่วโมโหได้ ถ้าเกิดอาจารย์เคยมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ อีกทั้งผู้หญิงคนนี้โกรธแค้นที่ถูกทิ้งเข้าจริงๆ ล่ะก็ ถ้าขืนยังไปยั่วโมโหเธออีก นั่นไม่เท่ากับรนหาที่ตายเหรอ? กระทั่งอาจารย์ก็ยังต้องตายเพราะเรื่องนี้เลย

แต่เขากลับเห็นหลินยวนไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร

หลินยวนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คำพูดบางอย่าง เมื่อพูดออกไปแล้วก็ไม่สามารถเก็บกลับมาได้ บอกไปแล้วเป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ แล้วแบบนี้ยังจะกลืนคำพูดนั้นกลับไปได้เหรอ? จึงได้แต่ต้องเดินหน้าต่อไป

หลัวคังอันอกสั่นขวัญแขวน แต่กลับไม่กล้าพูดเหมือนอย่างก่อนหน้านี้แล้ว เขารู้จักผู้หญิงดีกว่าหลินยวน ผู้หญิงเวลาร้ายขึ้นมานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าผู้ชาย ไม่อย่างนั้นอาจารย์ของเขาก็คงไม่ถูกผู้หญิงบางคนเล่นงานจนตาย จึงรีบปรับเปลี่ยนคำพูดไปตามสถานการณ์ทันที “ผมไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคุณมาก่อน แต่เคยได้ยินอาจารย์เอ่ยถึงคุณจริงๆ บอกว่าคุณสวยมาก บางครั้งอาจารย์จะเอ่ยถึงคุณ ตอนที่เอ่ยถึงคุณ น้ำเสียงมักจะฟังดูค่อนข้างเสียใจ คนเราไม่ว่าใครก็ชอบของสวยงามใช่ไหมล่ะครับ”

หลินยวนเหลือบมองเขาเล็กน้อย รู้สึกหมดคำพูดอยู่บ้าง ทำไมฟังแล้วเหมือนหลงซืออวี่กำลังแอบรักผู้หญิงคนนี้อยู่เลย กลับรู้สึกอยากจะถามเขาว่าไหนแกบอกว่าจะลบหลู่อาจารย์ของแกไม่ได้ไงล่ะ? แต่ทำไมนี่ปัดทุกอย่างไปให้อาจารย์แกหมดเลยล่ะ?

แผนการแรกเริ่มที่ทางนี้วางไว้คือแค่ยืมเรื่องที่หลงซืออวี่รู้ถึงนิสัยของผู้หญิงคนนี้ แต่ไม่เคยบอกว่าหลงซืออวี่เศร้าใจและคิดถึงคะนึงหาผู้หญิงคนนี้อะไรทำนองนั้น

แต่ในดวงตาของยายเฉ่ากลับฉายแววสับสนขึ้นมาหลายส่วน เอ่ยถามด้วยท่าทางคล้ายพึมพำกับตัวเองว่า “เขายังพูดถึงฉันว่ายังไงอีก?”

หลัวคังอันไหนเลยจะกล้าพูดอีก เกิดพูดอะไรผิดไป นั่นไม่เท่ากับเป็นการยกหินทับเท้าตัวเองหรอกหรือ จึงรีบกล่าวว่า “ความจริงอาจารย์ก็ไม่เคยพูดอะไรเรื่องคุณมากนัก เพียงแต่บางครั้งมักจะเห็นอาจารย์เหม่อลอย พอไปถามอาจารย์ในเวลานี้ว่าเป็นอะไร อาจารย์ถึงจะเอ่ยถึงคุณขึ้นมา พอผมซักไซ้ไล่ถาม อาจารย์ก็จะบอกให้ผมหยุดพูด”

ยายเฉ่ากล่าวว่า “ฉันว่าเขาคงไม่มีหน้าจะพูดมากกว่ามั้ง?” เมื่อกล่าวเช่นนี้ออกมา จู่ๆ สีหน้าเธอพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย คล้ายได้สติขึ้นมา ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไรขึ้นมา แววตาฉายแววคร่ำเคร่ง เอ่ยว่า “ในเมื่อเขารู้ว่าฉันอยู่ในเมืองหมอก ทั้งยังเคยเห็นฉันด้วย แล้วทำไมพวกแกถึงยังต้องใช้วิธีอ้อมค้อมแบบนี้อีก?”

หลินยวนกับหลัวคังอันต่างเข้าใจว่าคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร ในเมื่อเคยเจอเธอก็ย่อมต้องรู้ถึงตัวตนที่เธอใช้แอบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ มาหาเธอตรงๆ เลยก็ได้ ทำไมต้องมานั่งเปิดร้านเครื่องหอมแบบนี้ด้วย?

หลัวคังอันรีบหาข้ออ้างทันที “อาจารย์แค่เคยบอกว่าคุณอยู่ที่เมืองหมอก แต่ไม่เคยบอกว่าคุณใช้วิธีอะไรในการซ่อนตัวอยู่ในเมืองหมอกจริงๆ นะครับ”

กล่าวจบก็ยื่นมือไปหยิบถ้วยชา ก่อนจะก้มหน้าลงไปสูดดมเบาๆ จากนั้นเบี่ยงศีรษะไปทางซ้ายแล้วสูดดมอย่างช้าๆ แล้วก็เบี่ยงศีรษะไปทางขวาแล้วสูดดมอย่างช้าๆ สุดท้ายหลับตาลงแล้วเผยสีหน้าดื่มด่ำเพลิดเพลิน

พอทำท่าทางเหล่านี้เสร็จ เขาก็วางถ้วยชาลงแล้วกล่าวอธิบายว่า “นี่เป็นท่าทางที่อาจารย์ของผมมักจะทำเวลาดมกลิ่นหอม ครั้งหนึ่งผมนึกสงสัย จึงถามอาจารย์ว่าทำไมถึงต้องดมแบบนี้ มันมีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่า? อาจารย์บอกว่าเป็นท่าทางการดมที่คนรู้จักคนหนึ่งชอบทำ ผมถามว่าใคร อาจารย์ก็บอกว่าเป็นคุณ พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าคุณใช้วิธีอะไรในการซ่อนตัวอยู่ในเมืองหมอก แต่ผมรู้ว่าคุณมีนิสัยชอบดมกลิ่นหอมแบบนี้ ภายหลังผมมาคิดๆ ดู รูปลักษณ์ภายนอกคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย แต่นิสัยที่ทำจนกลายเป็นความเคยชินกลับเปลี่ยนแปลงได้ยาก ดังนั้นผมถึงได้มาเปิดร้านเครื่องหอมร้านนี้ขึ้นในเมืองหมอกเพื่อสังเกตการณ์ดู พอเห็นคุณเข้ามาในร้านและทำท่าทางการดมเช่นนี้ พวกเราถึงได้รู้ว่าเป็นคุณ”

หลินยวนพยายามทำให้ตัวเองสุขุมเยือกเย็น ถึงแม้เขาจะบอกให้หลัวคังอันเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายประมาณนี้ แต่หลัวคังอันกลับแสดงออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง เขาล่ะกลัวจริงๆ ว่าหลงซืออวี่จะลุกขึ้นมาจากโรงศพ

ยายเฉ่าเรียกได้ว่าตะลึงไปทันที เธอรู้ว่าตัวเองน่าจะเผยพิรุธออกมาในร้านเครื่องหอมแห่งนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะหาตัวเองพบโดยอาศัยเพียงแค่นิสัยบางอย่างของตัวเองเท่านั้น

คนเรามักจะมองไม่เห็นตัวเอง กระทั่งตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าในอีกด้านหนึ่งของตัวเองนั้นเป็นแบบนี้ ซึ่งในเวลาที่เธอทำแบบนี้ เธอก็มองไม่เห็นในด้านนี้ของตัวเองจริงๆ พอได้เห็นท่าทางที่หลัวคังอันแสดงให้ดูเธอถึงได้เข้าใจ หวนนึกถึงท่าทางของตัวเองตอนที่ ดมกลิ่นหอม ตัวเองเหมือนจะมีนิสัยการดมเช่นนี้จริงๆ

จากนั้นในสายตาของเธอก็ค่อยๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย เอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “ที่แท้เขาไม่เคยลืมฉันเลย กระทั่งนิสัยของฉันก็ยังจำได้…”

หลัวคังอันกับหลินยวนสบตากัน พอจะมั่นใจแล้วว่าหลงซืออวี่กับผู้หญิงคนนี้นั้นมีอะไรกันจริงๆ

เมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนลง หลัวคังอันจึงอดลองถามไม่ได้ว่า “ไม่ทราบว่าคุณกับอาจารย์ของผมเป็นอะไรกันหรือครับ?”

ยายเฉ่าสูดหายใจลึกๆ “เขาไม่ได้บอกแกเหรอ?”

หลัวคังอันรีบส่ายหน้า “เคยถามแล้วครับ แต่อาจารย์ไม่บอก”

ยายเฉ่ากล่าวอย่างเศร้าสร้อย “เรื่องมันเป็นอดีตไปแล้ว เขาไม่อยากพูด ฉันเองก็ไม่อยากพูด ถ้าแกอยากรู้ล่ะก็ แกก็ไปถามเขาเอาเองแล้วกัน”

หลัวคังอันกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “ดูคุณพูดเข้าสิครับ อาจารย์ผมจากไปแล้ว ผมจะไปถามท่านได้จากที่ไหนล่ะครับ”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ท่าทีของยายเฉ่ากลับเปลี่ยนไป ยิ้มเย็นชาขึ้นมาพลางกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง ที่บอกว่าหยามเกียรติเทียนอู่อะไรนั่น คิดว่าฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะนังเนี่ยหงนั่นให้ร้ายเขา? กรรมที่ตัวเองเป็นคนก่อ ตัวเองก็ต้องเป็นคนรับกรรมนั้นเอง ตัวเองรนหาที่ตาย จะไปโทษคนอื่นก็ไม่ได้!”

ไอหยา? คนคนนี้รู้เรื่องอาจารย์กับเนี่ยหงด้วยเหรอ? หลัวคังอันลอบอุทานอยู่ในใจ ในใจรู้ดี แต่กลับแสร้งทำเป็นเอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ “หมายความว่ายังไงครับเนี่ย?”

ยายเฉ่าสะบัดแขนเสื้อ ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก กวาดมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขารับศิษย์เอาไว้ด้วย แกเป็นศิษย์ของเขาอย่างนั้นเหรอ?”

หลัวคังอันประสานมือคารวะพลางกล่าว “เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว สำหรับหลายๆ คนแล้วนี่ไม่ใช่ความลับอะไรอีกแล้ว ผู้น้อยคือหลัวคังอัน รองประธานแห่งหอการค้าตระกูลฉิน ผู้อาวุโสลองตรวจสอบดูได้ครับ”

“รองประธานหอการค้าตระกูลฉิน? หลัวคังอัน?” ยายเฉ่าตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจ “หลัวคังอันที่เข้าร่วมการประมูลเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินน่ะเหรอ?”

การประมูลครั้งนั้นเป็นที่ฮือฮาไปทั่วทั้งดินแดนเซียน เป็นไปได้ยากที่เธอจะไม่รู้เรื่องนี้

หลัวคังอันรีบยกมือขึ้นมาดึงหน้ากากแปลงโฉมที่อยู่บนหน้าตัวเองทันที ก่อนจะประสานมือเอ่ยอีกครั้งว่า “ใช่แล้วครับ”

ยายเฉ่ามองดูเขาเล็กน้อย เธอเคยเห็นหน้าเขาในรายการที่ออกอากาศผ่านทางฉากแสง “เป็นคนที่พาผู้หญิงเข้าไปทำเรื่องสกปรกในห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณจริงๆ ด้วย อาจารย์เป็นยังไงศิษย์ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ!”

“…..” หลัวคังอันพูดไม่ออก ทั่วทั้งดินแดนเซียนต่างรู้เรื่องของเขาแล้ว ไม่มีอะไรจะแก้ตัวได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสงสัยคือปกติอาจารย์เป็นคนจริงจังเปิดเผย หรือว่าอาจารย์จะเคยทำเรื่องแบบนี้เหมือนกัน?

สายตาของยายเฉ่ามองไปที่หลินยวนอีกครั้ง เอ่ยถามว่า “แล้วแกล่ะเป็นใคร?”

หลินยวนกล่าว “ผมคือคนที่หอการค้าตระกูลฉินส่งมารับผิดชอบเรื่องนี้”

ยายเฉ่ากล่าว “หอการค้าตระกูลฉินของพวกแกนี่ใจกล้าไม่เบา ในเมื่อรู้ถึงตัวตนของฉันแล้ว แต่ก็ยังกล้ามาหาเรื่องฉัน ถ้าเกิดราชวงศ์ปัจจุบันรู้เรื่องเข้า หอการค้าตระกูลฉินจะมีจุดจบอย่างไร?”

หลินยวนกล่าว “หอการค้าตระกูลฉินย่อมต้องรับผิดชอบเอง เรื่องดวงตาแห่งความฝันคงต้องรบกวนคุณด้วย หลังเสร็จเรื่องแล้ว พวกเราจะปล่อยคนตามที่ได้ตกลงไว้ คุณเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าตัวตนจะถูกเปิดเผย แต่คิดดูแล้วคุณเองก็คงจะไม่ใช้ตัวตนนี้อยู่ในเมืองหมอกต่อไปอีกเหมือนกัน”

ยายเฉ่าแค่นหัวเราะ “แกคิดว่าตัวประกันแค่คนเดียวจะขู่ฉันได้เหรอ?”

หลินยวนกล่าว “ไม่ใช่ขู่ ที่เราจับคนเอาไว้ ก็เพื่อกันไม่ให้คุณทำอะไรวุ่นวาย พวกเรานั่งลงแล้วค่อยๆ คุยกันได้ ผมเชื่อว่าถ้าคุณฟังผมจบแล้วคุณจะเห็นด้วย”

“งั้นเรอะ?” ยายเฉ่าแค่นหัวเราะไม่หยุด

ในเวลานี้พลันมีเสียงฝีเท้าวิ่งขึ้นบันไดมา หลินยวนกับหลัวคังอันสบตากัน มีคนบุกเข้ามาอย่างนั้นเหรอ

“คุณยาย!” ด้านนอกมีเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ขณะเดียวกันก็มีคนที่คุ้นตาคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วย เป็นเด็กสาวที่ดูซุกซนที่ชื่ออาเซียงคนนั้น

หลัวคังอันเห็นเช่นนั้นพลันตกใจเป็นอย่างมาก รีบมองไปทางหลินยวน คล้ายกำลังถามว่าไหนนายบอกว่าจับคนเอาไว้แล้วไง?

หลินยวนเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พบว่าตัวเองดูแคลนเออกูจื่อคนนี้เกินไป ตัวเองจับคนไปอย่างเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะช่วยกลับมาได้เร็วขนาดนี้

“คุณยาย!” อาเซียงที่วิ่งเข้ามาในห้องยิ้มรื่น ขณะเดียวกันก็ถลึงตาใส่หลินยวนกับหลัวคังอัน

ยายเฉ่ากล่าวว่า “ไม่มีตัวประกันแล้ว ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอคนที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอย่างพวกแกสองคนจะทำยังไง”

นิ้วมือที่ห้อยอยู่ในแขนเสื้อของหลินยวนตวัดขึ้นมาเล็กน้อย ภายในห้องพลันมีเสียงลมดังขึ้นมาเบาๆ สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าที่เขาแอบวางจัดวางเอาไว้ในห้องเคลื่อนไหวขึ้นมาอีกครั้ง หมายจะจับอาเซียงเอาไว้เป็นครั้งที่สอง

แต่ทันทีที่ลงมือก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เชือกหยุดฝันที่ตวัดไปทางอาเซียงรัดเจอแต่ความวางเปล่า จึงเอ่ยออกมาทันทีว่า “ภาพลวงตา!”

หลอกไม่ได้! แววตาของยายเฉ่าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พลันลงมือทันที กรงเล็บตะปบไปทางหลินยวน

จบกัน! หลัวคังอันลอบอุทานขึ้นมา เมื่อเห็นว่าลงมือกันแล้ว เขาจึงรีบฉากตัวหลบออกไป ร่างเพิ่งจะหลบไปอยู่ด้านหลังหลินยวน แแต่เขากลับต้องตกตะลึงไปทันทีอีกครั้งเมื่อพบว่าอากาศคล้ายหยุดนิ่ง พบว่าคนที่อยู่ในห้องก็คล้ายหยุดนิ่งเช่นกัน

หลินยวนยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาตรงหน้าอก จากนั้นก็หยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

นิ้วมือทั้งห้าที่ยายเฉ่ายื่นออกไปกำลังจะคว้าถูกแขนของหลินยวนแล้ว แต่นิ้วมือทั้งห้ากลับหยุดค้างไปในเสี้ยวพริบตาที่กำลังจะสัมผัสถูกแขนของหลินยวน ดวงตาเบิกโพลง สีหน้าท่าทางดูคล้ายยากจะเชื่อได้ ภายในดวงตามีความรู้สึกหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน นิ้วมือทั้งห้าที่ยื่นออกไปมีอาการสั่นขึ้นมาให้เห็นรางๆ

เกิดอะไรขึ้น? หลัวคังอันที่อกสั่นขวัญแขวนรู้สึกมึนงง

เนื่องจากปัญหาเรื่องมุมมอง เขามองไม่เห็น แต่ยายเฉ่ากลับมองเห็น ป้ายคำสั่งที่มีสีสันต่างๆ อันหนึ่งถูกหลินยวนถือขึ้นมาไว้ตรงหน้าอก เปล่งประกายโลหะระยิบระยับ ดูเก่าแก่แต่ก็แฝงไว้ด้วยความยิ่งใหญ่ ความน่าเกรงขามของป้ายคำสั่งอันนั้นยากจะลอกเลียนแบบขึ้นมาได้

“ป้าย…” ริมฝีปากยายเฉ่าสั่นระริกขึ้นมา มองหลินยวนด้วยความหวาดกลัว “แกเป็นใคร?”

ในเวลานี้เอง ภาพลวงตาอาเซียงที่ถูกสร้างขึ้นมาได้หายไปแล้ว หลินยวนจำต้องยอมรับเลยว่าภาพลวงตานี้ช่างเหมือนจริงยิ่งนัก ไม่เพียงแต่จะมีรูปร่าง แต่ยังมีเสียงและเงาอีกด้วย หลอกได้แม้กระทั่งเขา หากอีกฝ่ายไม่ลงมือ บางทีเขาอาจจะไม่ถึงกับต้องนำ ‘ป้ายบัญชาเทพ’ ออกมา

เอาหลงซืออวี่มาเป็นข้ออ้างในการปิดบัง นั่นเพราะอะไร? เพราะเขาไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนของตัวเองต่อเทพแห่งความฝัน แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกอีกฝ่ายทำลายแผนการเสียได้

เมื่อเห็นภาพลวงตาอาเซียงหายไป ในเวลานี้หลินยวนจึงค่อยๆ หันหน้ากลับมา จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา จ้องมองมือของเธอที่กำลังจะตะครุบลงมาที่หัวไหล่

ยายเฉ่าคล้ายจะทนแรงกดดันของสายตานี้ไม่ได้ มือที่สั่นเทาค่อยๆ วางลงอย่างช้าๆ

นี่มันอะไรกัน? สายตาของหลัวคังอันวูบไหวไปมา ไม่รู้ว่านี่มันหมายความว่าอะไร

ยายเฉ่าเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเครือขึ้นมาอีกครั้ง “แกเป็นใคร?”

หลินยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เธอ รับบัญชาหรือไม่?”

ยายเฉ่ากัดริมฝีปากตัวเอง สองมือกำแน่น คล้ายลังเลไม่อาจตัดสินใจได้

เสียงของหลินยวนเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม “เธอคิดว่าหลบอยู่ที่นี่แล้วจะหาตัวเธอไม่เจออย่างนั้นเหรอ? ฉันจะถามเธออีกครั้ง เธอ จะรับบัญชาหรือไม่?”

ร่างของยายเฉ่าสั่นระริก สายตาฉายแววโศกเสร้า ร่างกายย่อลงไป ค่อยๆ คุกเข่าข้างหนึ่งลงไปที่พื้น ก้มศีรษะพลางกล่าวว่า “น้อมรับบัญชา!”

ตกตะลึง! หลัวคังอันเรียกได้ว่าตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง ภายในใจคล้ายมีสัตว์ประหลาดนับหมื่นตัวกำลังห้อตะบึง ฝุ่นควันคละคลุ้งเต็มไปหมด

ในเวลานี้ เขาถึงได้พบว่าน้องหลินที่ตนเองรู้จักคนนี้เหมือนจะไม่ได้เทพธรรมดา หากแต่เป็นโคตรของโคตรเทพ!

……………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน