ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 253 เดินหมากโหดเหี้ยม

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 253 เดินหมากโหดเหี้ยม

คำพูดนี้ค่อนข้างน่าตกใจ หลัวคังอันอึ้งไปเล็กน้อยก่อน จากนั้นดูมึนงงอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นสายตาของเขาฉายแววตกใจขึ้นมา สุดท้ายก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีเจียมตัวและว่านอนสอนง่าย “เถ้าแก่ล้อกันเล่นแล้ว” เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะกำลังล้อเล่นอยู่

หลินยวนกล่าว “แล้วแต่แก ถ้าแกคิดว่าฉันใช่ ฉันก็ใช่ ถ้าแกคิดว่าฉันไม่ใช่ ฉันก็ไม่ใช่” เขาไม่สนใจ ตามแต่แกจะคิดเลย

หลัวคังอันอึกๆ อักๆ พยักหน้าค้อมเอว กล่าวเสียงอ่อนว่า “ไม่ใช่ๆ ผมก็แค่ถามดูเฉยๆ ผมล้อเล่นน่ะ” เขาอยากจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น

หลินยวนทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน “พรุ่งนี้เราจะไปจากที่นี่ ออกเดินทางไปตามหาของ”

หลัวคังอันท่าทางดูว่าง่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ได้ครับ ต้องเตรียมอะไรไหมครับ?”

หลินยวน “ไม่ต้อง จะมีคนมารับช่วงต่อที่นี่ เราแค่ไปจากที่นี่ก็พอ”

“ได้ครับ เข้าใจแล้ว อย่างนั้นเชิญเถ้าแก่ทำธุระของเถ้าแก่ต่อเลยครับ ผมไม่รบกวนแล้วครับ” หลัวคังอันถอยออกไปด้วยท่าทีนอบน้อม ค่อยๆ ถอยออกมาก่อน หลังจากปิดประตูแล้ว เขาก็เรียกได้ว่ารีบวิ่งลงมาชั้นล่าง ขาแข้งพันกันไปหมดจนขาข้างหนึ่งสะดุดก้าวพลาดไป

หลินยวนเงี่ยหูฟังเสียงวิ่งลงไปชั้นล่าง ส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาลู่หงเยียน “ฉันเอง”

ลู่หงเยียนเอ่ยถามทันที “เป็นยังไงบ้างเพคะ?”

หลินยวน “ก็เธอนั่นแหละ หาเจอแล้ว”

ลู่หงเยียน “ราบรื่นดีไหมเพคะ?”

หลินยวน “อยู่ในการควบคุมแล้ว อาเซียงคนนั้น เดี๋ยวต้องส่งตัวคืนให้เธอ”

ลู่หงเยียนโล่งอก เธอไม่รู้เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายมี ‘ป้ายบัญชาเทพ’ อยู่ในมือ รู้เพียงแค่ว่าท่านอ๋องออกโรงด้วยตนเอง ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมไม่ธรรมดา อีกฝ่ายคือคนที่ราชวงศ์ก่อนแต่งตั้งให้เป็นเทพ บอกว่าจะจัดการก็จัดการได้ง่ายๆ “พระองค์วางใจได้เพคะ หม่อมฉันส่งเธอไปในที่ที่ปลอดภัยแล้ว”

หลินยวน “เราน่าจะออกเดินทางเวลานี้ของพรุ่งนี้ เดี๋ยวเธอส่งคนมาจัดการร้านนี้ต่อด้วย”

ลู่หงเยียน “เพคะ เข้าใจแล้ว แต่…เรื่องในครั้งนี้อาจจะยุ่งยากนิดหน่อยเพคะ”

หลินยวนกล่าว “เกิดอะไรขึ้น?”

ลู่หงเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่ง “หม่อมฉันได้รับข่าวมาว่าหลังจากที่สภาเซียนถอนรากถอนโคนสามตระกูลใหญ่นั้นไปแล้ว แม้ว่าจะเปิดทางเข้าดินแดนแห่งความฝันแล้ว แต่สภาเซียนกลับไปทำอะไรบางอย่างกับดินแดนแห่งความฝันอีก…”

หลินยวนยิ่งฟัง แววตาก็ยิ่งคร่ำเคร่ง

……

พอลงมาถึงชั้นล่าง หลัวคังอันเอาหน้าแนบบานประตูเพื่อฟังความเคลื่อนไหวภายนอกก่อน จากนั้นก็เดินคอตกกลับมายังเก้าอี้โยกแล้วนั่งลงไป เอนหลังพิงลงไปด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก สูดหายใจเข้าช้าๆ อยู่เป็นระยะ

แกคิดว่าแกไม่ใช่เหรอ? แกคิดว่าแกไม่ใช่เหรอ? แกคิดว่าแกไม่ใช่เหรอ…คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา

คำพูดนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับการยอมรับการคาดเดาของเขา แล้วก็คล้ายว่ากำลังข่มขู่เขาด้วย แกคิดว่าแกไม่ใช่เหรอ?

ฉันก็ต้องไม่ใช่สิวะ! แต่…เขาพลิกตัวอยู่บนเก้าอี้โยก หายใจเข้าหายใจออก หลังจากนี้คงจะไม่อาจแก้ต่างอะไรได้อีกแล้ว

เขากำลังคิดอยู่ว่าจะแจ้งทางสภาเซียนหรือไม่ จะบอกว่าเป็นการทำความดีชดเชยความผิดพลาดดีหรือไม่

…..

หลัวคังอันนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเก้าอี้ เขาอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพที่เมืองหลวงมาหลายปี เคยเข้าร่วมการล้อมสังหารเศษเดนราชวงศ์ก่อนอยู่หลายครั้ง แม้ว่าเขาจะหลบอยู่ข้างหลังไม่ยอมออกไปสู้ แต่ก็เป็นเพราะว่าเขาเคยเข้าร่วมมาแล้วหลายครั้ง จึงไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วตนเองจะมาคบค้ากับพวกโจรกบฏเอาเสียได้

แกคิดว่าแกไม่ใช่เหรอ?

นึกถึงประโยคนี้แล้วเขาก็ปวดหัว เขาพบว่าพวกโจรกบฏพวกนี้ช่างชั่วร้ายจริงๆ ทำไมจู่ๆ ตัวเองถึงได้กลายไปเป็นพวกโจรกบฏไปได้ล่ะ?

เขายังคิดอยู่ว่าถ้ามีโอกาสจะกลับไปที่เมืองหลวง อยากไปหาเพื่อนร่วมงานเก่าๆ ไปโอ้อวดความร่ำรวย แต่นี่ถ้าเกิดมีคนเปิดโปงเรื่องนี้ขึ้นกลางโต๊ะอาหารจะทำยังไงล่ะ…

สรุปแล้วเขาคิดฟุ้งซ่านไปมากมาย ล้วนแต่เป็นความคิดเหลวไหลทั้งสิ้น ในใจก็ว้าวุ่นยุ่งเหยิงไปหมด ทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว

เสียงทอดถอนใจของทั้งชีวิต เกรงว่าคงจะใช้จนหมดในวันนี้แล้ว

……

ณ ตระกูลหนานชี ภายในห้องหนังสือของผู้นำตระกูล หนานชีหรูอันเร่งฝีเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นพ่อบุญธรรมกำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องเงียบๆ จึงเข้าไปทำความเคารพตรงหน้าทันที “คุณพ่อครับ”

หนานชีเหวินหยุดฝีเท้าเอามือไพล่หลัง สีหน้าดูเคร่งเครียดอย่างมาก “ทางดินแดนแห่งความฝัน สภาเซียนลงมือแล้ว เราคงต้องยอมตัดใจจากหอการค้าตระกูลฉินแล้วล่ะ……”

หนานชีหรูอันฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ยิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งดูแย่

……

ณ โรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉิน บรรยากาศที่นี่ดูอึมครึมไร้ชีวิตชีวา เว่ยผิงกงเดินไปรอบๆ พื้นที่รวมตัวของพนักงานหอการค้าตระกูลฉิน ได้ยินเสียงไอดังต่อเนื่องทางโน้นทีทางนี้ที จากนั้นก็เดินออกมา หลังเดินออกมาจากประตูก็ถอนใจ อยู่ดินแดนหมิงมาตั้งหลายปี เอ่ยพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่ทอดถอนใจ “อะไรคือเป็น? อะไรคือตาย?”

จากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวเดินต่อไป พื้นโรงงานที่ได้รับความเสียหายได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่แล้ว

โม่ซินที่เป็นผู้ติดตามคนสนิทเข้ามาหา เดินตามอยู่ข้างกายของเขา เว่ยผิงกงก้าวเดินพลางเอ่ยถามว่า “ยังไม่มีข่าวของหมอนั่นอีกเหรอ?”

โม่ซิน “น่าจะยังไม่ได้เข้าไปในดินแดนแห่งความฝันครับ”

เว่ยผิงกงหยุดฝีเท้า หันกลับมาถาม “นายรู้ได้ยังไงว่าเขายังไม่ได้เข้าไปในดินแดนแห่งความฝัน? นายรู้ความเคลื่อนไหวของเขาเหรอ?”

โม่ซิน “ไม่รู้หรอกครับ แต่ผมได้รับข่าวมา ทางสภาเซียนได้จัดกำลังพลไว้ด้านในทางเข้าดินแดนแห่งความฝันจำนวนหนึ่ง คนที่จะเข้าออกทุกคนจะต้องเปิดเผยใบหน้าและตัวตนที่แท้จริงถึงจะเข้าไปทำอะไรต่อที่ข้างในได้ ผมติดต่อคนที่เกี่ยวข้องให้ไปสืบดูแล้ว ตอนนี้หลัวคังอันยังไม่ได้เข้าไปข้างในครับ”

เว่ยผิงกงกลับขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “จัดกำลังพลเอาไว้ด้านในของทางเข้าดินแดนแห่งความฝัน แต่ด้านนอกของทางเข้าไม่มีจัดไว้เหรอ?”

โม่ซินกล่าว “ด้านนอกทางเข้าไม่มีการจัดกำลังพลไว้เลยครับ จัดไว้แต่ด้านในทางเข้า หรือก็คือตรงปากทางเข้าออกของดินแดนแห่งความฝันนั่นแหละครับ”

เว่ยผิงกงไพล่มือไว้ด้านหลัง มองท้องฟ้ายามราตรีที่มืดลงเรื่อยๆ “นี่มันจงใจชัดๆ ! ดูเหมือนเรื่องที่ตระกูลใหญ่ๆ ไปบีบบังคับวังเซียนจะทำให้ทางวังเซียนไม่พอใจจริงๆ เรื่องเงินรางวัลที่หอการค้าตระกูลฉินเสนอออกมานั้น เกรงว่าจะถูกวังเซียนทำลายเข้าแล้ว หอการค้าตระกูลฉินเจอปัญหาเข้าแล้ว เจ้าหลัวคังอันนั่นอย่าเข้าไปข้างในนั้นจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเกรงว่าเข้าไปแล้วคงจะไม่ได้กลับออกมาอีก”

โม่ซินถาม “หมายความว่ายังไงครับ?”

เว่ยผิงกงยิ้มเย็นชา พลางย้อมถาม “ทางเข้าดินแดนแห่งความฝันอยู่ที่ไหน?”

โม่ซินไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงถามเรื่องนี้ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว จึงเอ่ยตอบว่า “ดินแดนแรดเหล็ก ภายในดินแดนมีแรดตัวใหญ่ยักษ์ที่มีผิวหนังหนาเดินเพ่นพ่าน แต่ก็ทำได้เพียงวิ่งไปวิ่งมาอยู่บนพื้นเท่านั้น อาจจะดูน่ากลัวสำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่ไม่อาจทำอะไรผู้บำเพ็ญเพียรได้ครับ”

เว่ยผิงกงกล่าว “สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือภายในดินแดนแรดเหล็กเป็นพื้นที่รกร้างไม่มีคนอยู่อาศัย กำลังพลของสภาเซียนไม่ได้เฝ้าอยู่ตรงทางเข้า แต่กลับไปเฝ้าอยู่ด้านในของทางเข้า มันหมายความว่ายังไงนายยังไม่เข้าใจเหรอ?”

โม่ซินลังเล “ความหมายของท่านผบ.คือ สภาเซียนปล่อยด้านนอกทิ้งไว้ไม่สนใจเหรอครับ?”

เว่ยผิงกง “สภาเซียนคิดจะทำแบบนั้นนั่นแหละ นายคิดว่ายังไงล่ะ?”

โม่ซินครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างตกใจเล็กน้อยว่า “คนที่เข้าไปล้วนต้องเปิดเผยตัวตน ต่อให้ออกมาแล้ว แต่ภายนอกเป็นพื้นที่รกร้างไร้ผู้คน สภาเซียนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สนใจ อย่างนั้นนั่นจะต้องกลายเป็นการสังหารแย่งชิงอย่างแน่นอนครับ!”

เว่ยผิงกงพยักหน้า “เงินรางวัลสามพันล้านมุกเลยนะ! มากพอที่จะทำให้ยอดฝีมือบางส่วนออกมาลงมือได้ ในดินแดนแห่งความฝันดูเหมือนเป็นความฝันอันงดงาม แท้จริงแล้วกลับมีอันตรายแอบซ่อนอยู่ทุกที่ เงินน่ะใครๆ มันก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ แต่ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าเข้าไปแล้วอาจจะต้องตายได้ อีกทั้งคนที่ต้องการเงินโดยไม่สนชีวิต หรือพูดอีกอย่างคือคนที่มีเชื่อมั่นใจตนเองขนาดนั้นกลับมีอยู่ไม่มาก ดังนั้นเดิมทีคนที่กล้าเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันมันก็มีอยู่ไม่มากอยู่แล้ว”

“ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ถ้าสภาเซียนทำแบบนี้ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก ยิ่งทำให้คนไม่กล้าเข้าไป แบบนี้ไม่เรียกว่าจงใจจัดการกับหอการค้าตระกูลฉินจะให้เรียกว่าไง? ทุกคนแค่รออยู่ด้านนอกเพื่อแย่งชิงก็พอแล้ว เดิมทีมันก็ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าไปอยู่แล้ว ตอนนี้คาดว่าคงต้องรวบรวมคนมาเป็นกลุ่มใหญ่ถึงจะกล้าเข้าไปได้”

“แต่แน่นอน เรื่องที่จะเล่นงานหอการค้าตระกูลฉินนั้นเป็นเหตุผลรองลงมา เพราะคนที่ยังกล้าเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันทั้งๆ ที่สภาเซียนทำแบบนี้แล้วก็มีเพียงคนของตระกูลใหญ่ตระกูลต่างๆ เท่านั้น”

“พวกตระกูลใหญ่ๆ ไม่ใช่ว่าอยากจะเข้าไปสืบเรื่องความลับของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดหรอกเหรอ? ก็เอาสิ ไม่ว่าจะมากันมากน้อยแค่ไหน พอเข้าไปแล้วก็ต้องแย่งชิงกัน”

“ระดับความรุนแรงของการแย่งชิงล้วนอยู่ในการควบคุมของสภาเซียน ขอเพียงแค่มีความจำเป็น สภาเซียนก็สามารถเปลี่ยนให้ภายในดินแดนแห่งความฝันกลายเป็นลานสังหารได้เลย คนที่โชคดีออกมาได้ ใครจะรู้ล่ะว่าคนคนนั้นหาของที่มีมูลค่าสามพันล้านมุกนั่นเจอหรือเปล่า ข้างนอกก็ยังมีคนรอแย่งชิงของอยู่อีกเป็นโขยง”

“หลัวคังอันไม่เข้าไปก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเข้าไปก็ต้องเปิดเผยตัวตนทันที ต่อให้ออกมาได้ นายเชื่อไหมล่ะว่าทางสภาเซียนก็จะเปิดเผยตัวตนเขาทันที ไม่ว่าเขาจะหาดวงตาแห่งความฝันเจอหรือไม่ สภาเซียนก็ต้องชี้เป้าไปที่เขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน แล้วแบบนี้จะต้องมีความสามารถมากขนาดไหนถึงจะเอาดวงตาแห่งความฝันกลับมาได้?”

“เห้อ คนมีปัญญาต่างมองออกทั้งนั้นแหละว่าสภาเซียนคิดจะฉวยโอกาสนี้เอาเคล็ดลับสร้างข่ายพลังที่อยู่ในมือของหอการค้าตระกูลฉินมา แต่ติดว่ามีกฎระเบียบและหน้าตาอยู่ ก็เลยต้องเล่นไปตามกฎ คนงานนับหมื่นพวกนั้นแค่ต้องทุกข์ทรมานเพียงชั่วคราวเท่านั้น เรื่องราวมาถึงตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว สุดท้ายสภาเซียนจะต้องบีบบังคับให้หอการค้าตระกูลฉินยอมขายเคล็ดลับสร้างข่ายพลังนั้นออกไปเพื่อเอาเงินมาช่วยเหลือคนงานเหล่านี้แทนแน่นอน แม้ว่าจะมีจำนวนแค่หมื่นกว่าคน แต่ถ้านั่งมองพวกเขาตายไปโดยไม่ทำอะไร ภาพลักษณ์ของสภาเซียนก็คงจะดูไม่ดีเช่นกัน”

“แต่หอการค้าตระกูลฉินไม่ยอมแพ้น่ะสิ ไม่ยอมให้กิจการที่ตนเองสร้างมาอย่างยากลำบากตกไปอยู่ในมือคนอื่น พยายามดิ้นรนจนถึงที่สุด ส่วนสภาเซียนจะไปแย่งชิงอย่างโจ่งแจ้งก็ไม่ดี ไม่สามารถทำลายกฎระเบียบของตนเองได้ หากไม่มีกฎ มันก็เหมือนกับเป็นการยกก้อนหินมาทุบเท้าตัวเอง แล้วดูตอนนี้สิ พวกตระกูลใหญ่ๆ ก็ยังจะสอดมือเข้ามาอีก คิดจะฉวยโอกาสนี้ค้นหาความลับของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปด”

“ผลประโยชน์ของสภาเซียน สภาเซียนจะยอมให้ฉกฉวยได้ง่ายๆ เหรอ? ในเมื่ออยากจะเล่นกัน อย่างนั้นสภาเซียนก็ได้แต่ต้องมาเล่นเป็นเพื่อนพวกเขา พอเล่นแล้วเป็นยังไงล่ะ? สามตระกูลใหญ่ไม่เพียงแต่จะถูกถอนรากถอนโคนไป ตอนนี้ยังวางแผนแบบนี้รอไว้อยู่อีก ตอนนี้คาดว่าทุกๆ คนคงว้าวุ่นใจกันหมด จะให้ทิ้งผลประโยชน์จำนวนมหาศาลก็ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ทิ้งก็อาจจะต้องเสียหายอย่างหนักได้”

“ไอคนพวกนี้ก็เหมือนกัน รู้อยู่แก่ใจว่าสภาเซียนเป็นคนคุมกฎ แต่ก็ยังดึงดันจะเข้ามาเล่นให้ได้ ชอบเล่นอย่างนั้นเหรอ? สภาเซียนเดินหมากโหดเหี้ยม หมายจะให้คนเข้ามาเข่นฆ่ากัน นี่จะต้องวุ่นวายอย่างมากแน่ คนเรานี่มักจะตายเพราะความโลภจริงๆ!”

โม่ซินเข้าใจแล้ว เขาขมวดคิ้วพลางกล่าว “แต่เราไม่รู้จักทหารที่ประจำการณ์อยู่ทางนั้น เกรงว่าจะจัดการได้ไม่ง่ายเท่าไร จะให้ขวางไม่ให้เขาเข้าไปไหมครับ?”

เว่ยผิงกง “ที่ว่าไม่รู้จักน่ะจัดการได้ไม่ยากหรอก ถ้าฉันไปคุยกับพวกเขาจริงๆ ยังไงพวกเขาก็ต้องไว้หน้าฉันบ้างแหละ แต่เหตุผลที่ฉันไปคุยคืออะไรล่ะ? คนอื่นไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงถูกลดขั้น แต่พวกคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงๆ จะไม่รู้อย่างนั้นเหรอ? การไปทำลายแผนการของสภาเซียนในเวลานี้ก็เหมือนเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ถ้าพวกเราไปขวางมันจะดูไม่ดีเท่าไหร่ นายไปคิดวิธีมา หาทางบอกเรื่องนี้กับหอการค้าตระกูลฉิน ให้หอการค้าตระกูลฉินเป็นคนไปขวางไว้ดีกว่า”

……

ณ คฤหาสน์ตระกูลฉิน คนทั้งบ้านกำลังนั่งรวมกันอยู่ที่โต๊ะอาหารเพื่อกินอาหารเย็น

หลิ่วจวินจวินยื่นตะเกียบออกไป ช่วยคีบกับข้าวให้ฉินอี๋ที่นั่งกินอาหารอย่างเงียบๆ “เสี่ยวอี๋ กินเยอะๆ นะ นี่ฉันลงมือเข้าครัวทำให้เธอด้วยตัวเองเลยนะ”

เธอรู้ดี ช่วงนี้เด็กคนนี้มีความกดดันอย่างมาก จิตใจวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา กินอะไรก็ไม่รู้รส แถมยังกินน้อยมากด้วย กินพอเป็นพิธีไปอย่างนั้นเอง ร่างกายผอมแห้งลงไปไม่น้อย

ฉินอี๋ตอบรับ “ค่ะ” ยังคงขยับตะเกียบอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

หลิ่วจวินจวินหันไปพูดกับไป๋หลิงหลง “หลิงหลง สั่งทางครัวของหอการค้านะว่าให้ทำอาหารอร่อยๆ ให้เยอะขึ้นอีก”

“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงพยักหน้ารับคำ

ฉินเต้าเปียนมองดูลูกสาว ภายในใจก็รู้สึกหนักอึ้งเช่นกัน

คนนอกรู้เพียงว่าหอการค้าตระกูลฉินมีกิจการใหญ่โต คนทั่วๆ ไปไม่รู้ตั้งเท่าไรที่พากันอิจฉา แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังของความร่ำรวยที่เห็นๆ กันนั้นต้องแบกรับความกดดันเอาไว้มากแค่ไหน

เสียงฝีเท้าดังแว่วมา ไป๋ซานเป้าเดินเข้ามา เขารีบก้าวเข้าไปตรงหน้าโต๊ะอาหาร กล่าวรายงานว่า “คุณผู้ชาย คุณหนู เรื่องที่ทางสภาเซียนส่งคนไปเฝ้าที่ทางเข้าของดินแดนแห่งความฝัน ผมเพิ่งได้ยินข่าวลือบางอย่างมาครับ เหมือนสภาเซียนจะมีเจตนาอย่างอื่นแฝงไว้อยู่ ดูแล้วอาจจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ครับ”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เขา รอฟังสิ่งที่เขาจะพูด

ฉินเต้าเปียนยื่นมือออกไปพลางกล่าว “เหล่าไป๋ นั่งลงแล้วค่อยๆ เล่า”

ไป๋ซานเป้านั่งลง เล่าเรื่องออกไปอย่างละเอียด เรื่องราวคล้ายๆ กับที่เว่ยผิงกงกล่าวไว้

……………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน