ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 256 สหาย

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 256 สหาย

หลังจากทุกคนทักทายกันอย่างคึกคักไปสักพักก็แยกย้าย ที่นี่เองก็ไม่ใช่ที่ที่จะมาพูดคุยรื่นเริงอะไรกัน

พอไม่มีคนอื่นแล้ว เหยาเซียนกงก็กอดคอหลัวคังอัน ยักคิ้วหลิ่วตาพลางกล่าว “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะได้มาเจอแกที่นี่ ได้ยินว่าตอนนี้ได้เป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ร่ำรวยเลยล่ะสิ เป็นยังไงบ้าง อีกสามชั่วยามฉันก็จะเลิกงานแล้ว กลับไปที่ฐานที่พักกับฉันสิ ไปดื่มกัน เลี้ยงฉันกับพวกเหล่าเกาสักหน่อยเป็นไง?”

หลัวคังอันกล่าวอย่างขำขัน “ที่บ้าๆ แบบนี้จะไปเลี้ยงอะไรได้ วันหลังแล้วกัน วันไหนกลับไปที่เมืองหลวง ฉันจะเลี้ยงทุกคนให้หนำใจเลย”

เหยาเซียนกงหัวเราะฮี่ๆ “ผิดแล้ว ทางฐานที่พักน่ะ สภาเซียนได้ใช้เวลาสร้างไปไม่น้อย ขอแค่มีเงิน อยากได้อะไรก็มีให้ทั้งนั้น เชื่อฉันสิ เดี๋ยวรอฉันเลิกงานแล้วกลับไปด้วยกัน ทุกคนก็นับว่าไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว ไปรวมตัวกันหน่อย”

หลัวคังอันรีบโบกมือ “ไม่ได้ๆ ครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ ฉันยังมีธุระอีก” เขาชี้ไปที่สองคนข้างๆ

นี่กลับทำให้เหยาเซียนกงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามหลัวคังอันว่า “หลัวซยง นายมาที่นี่ทำไม?”

หลัวคังอันถอนใจพลางกล่าว “ก็เรื่องเงินรางวัลของหอการค้าตระกูลฉินไง นายไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จริงๆ หรือว่าแสร้งทำเป็นไม่เคยได้ยินกันแน่?”

เหยาเซียนกงเบาเสียงพูดลง “มาหาดวงตาแห่งความฝันอะไรนั่นน่ะเหรอ?”

หลัวคังอันกล่าว “ฉันเป็นรองประธานหอการค้า หอการค้าตระกูลฉินกำลังลำบาก จะให้ฉันนั่งมองอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอก! นายคิดว่าเงินมันหาง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง? ฉันไม่เหมือนพวกนายนะที่จะมีรายได้มั่นคงน่ะ”

เหยาเซียนกงเงียบไปเล็กน้อย ตบหลังเขาเบาๆ พลางกล่าวว่า “ไป ไปคุยกันทางนั้นหน่อย”

เมื่อรู้ว่าจะต้องไปคุยกันแบบเงียบๆ หลัวคังอันจึงทำท่าบอกให้พวกหลินยวนรอก่อน จากนั้นหันหลังเดินไปกับเขา

แต่การทำแบบนี้มันค่อนข้างผิดกฎ จึงมีทหารยามมาขวางเอาไว้ ไม่ให้หลัวคังอันผ่านไป

เหยาเซียนกงยื่นมือออกไปปัดมือทหารยามออก “ไสหัวไป! ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันรับรองคนนี้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรฉันรับผิดชอบเอง” จากนั้นก็พาหลัวคังอันออกไปจากวงล้อม

เยี่ยนอิงมองหลินยวน หลินยวนเองก็มองออกเช่นกัน มนุษย์สัมพันธ์ของหลัวคังอันตอนที่อยู่ในหน่วยผู้พิทักษ์เทพน่าจะไม่เลวเลยทีเดียว

เมื่อเดินไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ห่างไกลออกมาหน่อย เหยาเซียนกงก็หยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมาเอ่ยถาม “ทำไมนายถึงเข้ามาในเวลานี้?”

หลัวคังอันยิ้มพลางกล่าว “มาเร็วไปหรือมาช้าไปล่ะ?”

เหยาเซียนกง “คนที่ควรจะเข้าไปน่าจะเข้าไปกันหมดแล้วล่ะ ตอนนี้ไม่มีใครมาเพิ่มแล้ว”

หลัวคังอันทำหน้าทะเล้นพลางกล่าว “อย่างนั้นก็แสดงว่ามาช้าไป”

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” เหยาเซียนกงกรอกตามองเขา พลางเอ่ยเบาๆ ต่อ “หลัวซยง นายรู้เรื่องของที่นี่มากน้อยแค่ไหน กล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้เหรอ? เรื่องบางเรื่องฉันไม่สะดวกที่จะพูด แต่ฉันเตือนนายได้ จุดประสงค์ที่เรามาเฝ้าอยู่ที่นี่ไม่ธรรมดานะ นายจะหาดวงตาแห่งความฝันเจอหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย กลัวว่าต่อให้หาเจอก็ไม่แน่ว่าจะเอาออกไปได้”

หลัวคังอันหรี่ตา พลางเอ่ยหยั่งเชิงดู “ทำไม พวกนายจะมาแย่งหรือไง?”

เหยาเซียนกง “อย่าพูดเหลวไหล พวกเราเป็นทหารของสภาเซียน ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่ไร้ยางอายขนาดนั้น กฎที่ตั้งขึ้นเอง ต่อให้ยากลำบากแค่ไหนก็ต้องกล้ำกลืนมันลงไป ฉันหมายความว่าตอนที่นายเข้ามา นายไม่เห็นข้างนอกนั่นเหรอ? หอการค้าตระกูลฉินตั้งเงินรางวัลสามพันล้านมุก ข้างนอกมีคนไม่รู้อีกตั้งเท่าไหร่ที่รออยู่ ฉันบอกนายได้เลย ไม่ว่าดินแดนแรดเหล็กที่อยู่ข้างนอกนั่นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเราก็ไม่มีทางสอดมือเข้าไปยุ่ง นายเข้าใจความหมายของฉันไหม?”

หลัวคังอันพยักหน้าเล็กน้อย “ก็ได้ยินมาบ้าง”

เหยาเซียนกงมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า “รู้ว่าอันตรายแล้วยังจะเข้ามาอีก? คนพวกนั้นไม่สนใจหรอกนะว่านายเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินที่เป็นคนให้เงินรางวัลหรือเปล่า เราเป็นสหายกันมาหลายปี เชื่อฉันเถอะ ไปซะ ออกไปตอนนี้ยังทัน ถ้านายเพิ่งเข้ามาก็ออกไป ที่นี่ไม่มีทางทำอะไรนายหรอก ถ้าหากคนที่อยู่ข้างนอกนั่นรู้ว่าในมือพวกนายยังไม่มีอะไร ก็คงจะไม่มีทางมาหาเรื่องด้วยเช่นกัน ขอโทษที่ฉันต้องพูดตรงๆ นะ แต่หอการค้าตระกูลฉินก็เป็นแค่หอการค้าแห่งหนึ่งเท่านั้นเอง อาศัยชื่อเสียงของนายในตอนนี้ จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ รีบกลับเถอะ พวกเรายังรอนายกลับไปเลี้ยงพวกเราที่เมืองหลวงอยู่นะ ไม่อยากให้นายต้องมาจบชีวิตที่นี่”

“กลับไป?” หลัวคังอันอดไม่ได้ที่จะถอนใจ มองไปทางสายรุ้งขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลๆ ในอากาศ “ยังจะกลับไปได้อีกเหรอ? กลับไปไม่ได้แล้ว!”

นี่คือความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาจากในใจ ขึ้นเรือโจรแล้ว อยากจะลงก็ลงไม่ได้หรอก อย่างน้อยๆ เขาก็รู้ดีว่าชื่อเสียงของเขามาได้ยังไง จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้อย่างนั้นเหรอ? ถ้าถูกตรวจสอบขึ้นมาก็จะรู้กันหมด ใครมันจะปล่อยให้เขาหลอกแล้วก็เข้าไปอยู่ด้วยได้ง่ายๆ เหมือนหอการค้าตระกูลฉิน

เหยาเซียนกงอึ้งไป “หมายความว่ายังไง? หอการค้าตระกูลฉินบังคับให้นายมาหรือไง?”

หลัวคังอันไม่สะดวกที่จะพูดความจริง จึงส่ายหน้าพลางกล่าว “นายคิดมากไปแล้ว ก็อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ นายคิดว่าเงินมันหาง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ที่ฉันมีวันนี้ได้ เป็นเพราะฉันเสี่ยงชีวิตแลกมา ฉันได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากหอการค้าตระกูลฉิน พอหอการค้าตระกูลฉินมีปัญหา จะให้ฉันนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรอก ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องลองพยายามอย่างเต็มที่ดู”

เหยาเซียนกงมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ร้อง ‘เฮ้ย’ อย่างประหลาดใจพลางกล่าว “เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย นี่นิสัยเปลี่ยนไปจริงๆ หรือว่าเมื่อก่อนนี้แค่เสแสร้งทำ นี่ใช่หลัวคังอันจริงๆ ไหมเนี่ย? ฉันหวังดีรับรองนายแล้ว นายอย่ามาหลอกฉันนะ”

“อย่าพูดเหลวไหลน่า” หลัวคังอันแค่นเสียง ‘เหอะ’ พลางโบกมือ กล่าวด้วยท่าทางจริงจังว่า “ถ้ายังเห็นแก่มิตรภาพเก่าแก่ของเรา อย่างนั้นฉันขอถามนายหน่อย นายบอกฉันมาตามตรงก็พอ”

เหยาเซียนกงตื่นตัวขึ้นมาทันที “ถามอะไร? นายเองก็เคยเป็นผู้พิทักษ์เทพ น่าจะรู้กฎดี อะไรที่ฉันพูดได้ฉันก็จะพูด อะไรที่พูดไม่ได้นายก็อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลย ไม่อยากนั้นเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติดเปล่าๆ”

หลัวคังอัน “ไม่ขนาดนั้นหรอก ฉันแค่จะถามนายว่าคนที่เข้ามาจากข้างนอกมีเท่าไหร่?”

เหยาเซียนกงครุ่นคิดเล็กน้อย เรื่องนี้ไม่นับเป็นปัญหาอะไร จึงเอ่ยตอบไป “ฉันไม่ได้จัดการเรื่องนี้ เรื่องจำนวนจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะเกือบสามพันคนล่ะมั้ง”

หลัวคังอัน “มาตามหาดวงตาแห่งความฝันกันหมดเหรอ?”

เหยาเซียนกงกล่าว “ใครจะไปรู้ว่าพวกนั้นเป็นใครกันบ้าง คนที่มาตามหาดวงตาแห่งความฝันก็มีอยู่ แต่พอฟังจากคำพูดของเบื้องบนแล้ว เหมือนส่วนใหญ่จะเป็นคนของตระกูลใหญ่ๆ ที่พุ่งเป้าไปยังสิ่งที่อยู่ทางฐานที่พัก….”

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันไปสักพัก การตรวจสอบของทางหลินยวนกับเยี่ยนอิงก็เสร็จสิ้น ถูกปล่อยผ่านเข้ามาอย่างเป็นทางการ

หลัวคังอันเห็นดังนั้นจึงรีบเบี่ยงตัวเลี่ยงสายตาของผู้คนทันที แอบหยิบเอายันต์สื่อสารสิบใบออกมาด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ แล้วยัดใส่มือของเหยาเซียนกง “ฉันให้ เอาไป”

เหยาเซียนกงรีบปัดมือเป็นพัลวัน ใช้มือข้างเดียวกันเอาไว้พลางกล่าว “ฉันว่านะหลัวคังอัน นายนี่มีเงินจริงๆ ด้วย ยันต์สื่อสารใบละหนึ่งหมื่นมุก หยิบมาทีเดียวสิบใบ นายนี่มันนิสัยเสียไปแล้วจริงๆ พอเจอหน้าก็จะติดสินบนฉันเลยอย่างนั้นเหรอ”

หลัวคังอันกล่าว “นายไม่ใช่ข้าราชการอะไรซะหน่อย ไม่ได้มีอำนาจไม่ได้มีอิทธิพล จะติดสินบนไปทำไม ยันต์สื่อสารแค่นี้จะใช้นายไปเสี่ยงอันตรายอะไรได้เหรอ? ไอสถานที่บ้าๆ นี่มันติดต่อกันลำบาก ในนี้มีอักขระที่ฉันประทับเอาไว้ นายติดต่อฉันได้ตลอดเวลา ถ้ามีข่าวอะไรก็อย่าลืมบอกฉันบ้างล่ะ”

เหยาเซียนกงพูดไม่ออก ยืนกรานที่จะไม่รับเอาไว้ “นายบ้าไปแล้วหรือไง? นายเองก็มาจากผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง นายไม่รู้กฎเหรอ? ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน พอเจอหน้ากันนายก็ให้ฉันเป็นสายลับให้นาย นายอยากให้ฉันตายหรือไง? รีบเอากลับไปเลย ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษว่าฉันไม่ไว้หน้า!”

หลัวคังอัน “สายลับบ้านนายสิ เรื่องที่พูดไม่ได้ ฉันจะไปบังคับให้นายพูดไม่ได้อยู่แล้ว แต่อะไรที่นายคิดว่าพอจะพูดได้ นายก็บอกฉันหน่อยจะเป็นอะไรไป?” เขาเกือบจะหลุดปากบอกไปว่าฉันกลัวตาย อยากจะหาทางรอดเพิ่ม ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เที่ยวยัดอะไรแบบนี้ให้อีกฝ่ายส่งเดชหรอก

เหยาเซียนกงยืนกรานไม่รับเอาไว้ มือไม้ปัดป่ายปฏิเสธเป็นพัลวัน “เอากลับไป เอากลับไปเลย อย่ามาทำให้ฉันลำบาก”

หลัวคังอัน “เอาแบบนี้ นายเก็บไปก่อน จะทิ้งไปก็ได้ หรือจะเอาไปให้หัวหน้านายก็ได้ นายจัดการเองได้เลย ” กล่าวจบก็ยัดมันเข้าไปในคอเสื้อเขา จากนั้นหันหลังวิ่งออกไป

“……” เหยาเซียนกงที่หยิบยันต์สื่อสารออกมาจากคอเสื้อหนึ่งใบมีสีหน้าหมดคำพูด จากนั้นก็รีบสาวเท้าวิ่งตามไปเช่นกัน ด้วยคิดจะเอามันคืนให้หลัวคังอัน

หลัวคังอันสอดตัวเข้าไปในรถ กล่าวเร่งหลินยวน “รีบไป”

หลินยวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายก็เปิดโหมดเครื่องบิน พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงฝุ่นควันที่คละคลุ้ง

เหยาเซียนกงที่วิ่งฝ่าฝุ่นควันเข้ามาพยายามโบกไม้โบกมือ มองรถของพวกเขาบินไกลออกไปในอากาศ

……

“เกิดอะไรขึ้น?” หลินยวนที่ขับรถอยู่ในอากาศเอ่ยถาม

หลัวคังอัน “ไม่มีอะไร ฉันเอายันต์สื่อสารให้เขาไปสิบใบ”

ติดสินบน? หลินยวนอึ้ง “เขารับเหรอ?”

หลัวคังอัน “เขาไม่ยอมรับไว้ ไม่รู้ล่ะ ยัดให้ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน เขาจะทำอะไรก็แล้วแต่เขา”

หลินยวนมองเขาจากในกระจกหลัง เยี่ยนอิงก็หันกลับไปมองเขาเช่นกัน ทั้งสองคนล้วนหมดคำพูด มีแบบนี้ด้วยเหรอ? เงินเยอะแล้วไม่มีที่ให้ใช้เงินเหรอ?

ทั้งสองไม่เข้าใจความรู้สึกของหลัวคังอันในเวลานี้ แซ่หลัวในเวลานี้ขอเพียงเห็นโอกาสรอดเอาไว้ก็จะคว้าเอาไว้ก่อน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินแล้ว แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ ทำไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“แล้วสืบได้เรื่องอะไรมาหรือเปล่า?” หลินยวนเอ่ยถาม

“ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย สิ่งที่ไม่ควรพูดเขาก็ไม่กล้าพูด……” หลัวคังอันเล่าบทสนทนาระหว่างเขากับเหยาเซียนกงให้ฟังคร่าวๆ

มีคนเข้ามาแล้วสองสามพันคน! หลินยวนเงียบและจำข้อมูลนี้ไว้ หันไปเอ่ยถามเยี่ยนอิงอีกที “ไปทางไหน?”

สีหน้าเยี่ยนอิงดูค่อนข้างสับสน ตอนนั้นเธอออกจากดินแดนแห่งความฝันไปหลบซ่อนอยู่ที่เมืองหมอก คิดไม่ถึงเลยว่าพอออกจากเมืองหมอกแล้วจะได้กลับมายังดินแดนแห่งความฝันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงหลินยวนก็ได้สติขึ้นมา ยกมือชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

หลินยวนปรับทิศทาง ขับรถไปตามนั้น พลางเอ่ยถามอีกครั้ง “นี่เราจะไปที่ไหน?”

เยี่ยนอิง “ไปที่ตำหนักเทพที่ฉันอยู่ตอนนั้นดูก่อน ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือเปล่า”

หลินยวน “นี่ไม่ใช่ใบหน้าเดิมของเธอเหรอ?”

หลัวคังอันฟังแล้วมองไปทางเยี่ยนอิง

เยี่ยนอิง “ค่ะ”

จู่ๆ หลัวคังอันก็ส่งเสียง “เอ๊ะ” ขึ้นมา คิดว่าตนเองตาลาย และก็ตาลายไปเล็กน้อยจริงๆ เยี่ยนอิงที่อยู่ตรงหน้าได้เปลี่ยนใบหน้าไปแล้ว

หลินยวนหันกลับไปมองใบหน้าของเยี่ยนอิง อึ้งไปเช่นเดียวกัน นี่ใช่ผู้หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาธรรมดาๆ ก่อนหน้านี้ที่ไหนกัน ใบหน้าขาวผ่องงดงาม มีเสน่ห์เย้ายวน บุคลิกที่ดูเฉยชานั้นยิ่งมีความพิเศษ ประหนึ่งกล้วยไม้ที่อยู่ในโลกอันอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว เบ่งบานอยู่เพียงลำพัง

“ภาพลวงตา?” หลินยวนเอ่ยถาม

เยี่ยนอิงส่งเสียงอืมตอบ

หลินยวนมองไปข้างหน้าไม่พูดอะไร ในใจคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะหวาดกลัวในบารมีของผู้อาวุโสรุ่นก่อน หากผู้หญิงคนนี้คิดจะหลบหนีออกไปจากเมืองหมอกจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าถ้าไม่วางกับดักเอาไว้ ก็คงยากจะจับตัวได้จริงๆ

แต่หลัวคังอันกลับตื่นตัวขึ้นมาทันที สายตามองสำรวจหญิงสาวที่นั่งอยู่ในตำแหน่งข้างคนขับอยู่เป็นระยะ ครุ่นคิดดูแล้วว่าพวกเขาน่าจะได้อยู่ด้วยกันไปอีกพักใหญ่ ควรจะเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไรดีล่ะ? แล้วก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอะไรบ้าง

แต่ไม่นานก็ห่อเหี่ยวลงไปอีกครั้ง ลอบด่าอยู่ในใจ

จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเคยมีความสัมพันธ์กับอาจารย์ของตนเอง

……

ภายในถ้ำที่เป็นทางออกของดินแดนแห่งความฝัน จี้เผิงเลี่ยที่สวมใส่ชุดเกราะนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ ตัวเขาที่ได้รับคำสั่งให้มาเป็นผู้ดำเนินเรื่องเปิดดินแดนแห่งความฝันหยิบเอาใบรายชื่อที่ถูกส่งมาขึ้นมาดู หลังจากดูแล้วก็เอ่ยพึมพำ “หลัวคังอัน? มีเงินรางวัลจากหอการค้าตระกูลฉินแล้วยังไม่พออีกเหรอ ทำไมหมอนี่ถึงมาด้วยตัวเองอีกล่ะ เขาเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินไม่ใช่เหรอ?”

ผู้ช่วยที่อยู่ทางซ้ายและขวาของเขาไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้ ทำเพียงมองหน้ากันเท่านั้น

จี้เผิงเลี่ยวางใบรายชื่อลงบนโต๊ะแล้วดันมันออกไป “ในเมื่อเขาวิ่งมาหาที่ตายเอง อย่างนั้นก็โทษใครไม่ได้ ปล่อยข่าวออกไปซะ จะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว!”

………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน