ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 262 ลุกลามใหญ่โต

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 262 ลุกลามใหญ่โต

ที่ไม่สบายใจ เป็นเพราะเธอกลัวว่าจะเจอกับคนคุ้นเคยที่ไม่ควรได้เจอเข้า เพราะว่าที่นี่คือดินแดนแห่งความฝัน คนคุ้นเคยที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้จะเป็นใครไปได้ล่ะ?

ที่เธอกลัวจะเจอคนคุ้นเคยก็เพราะว่าไม่อยากสูญเสียชีวิตในตอนนี้ไป ตอนนี้เธอมีลูกชายลูกสาวเพรียบพร้อม อนาคตของลูกๆ ก็ราบรื่นเป็นอย่างมาก

ถ้าเกิดตัวตนในอดีตของเธอถูกเปิดเผยออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างจะพังทลายลงทันที เผลอๆ อาจจะทำลายแม้กระทั่งลูกๆ ของเธอ

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่กล้ากลับไปดูที่พักเมื่อในอดีต แม้นจะอยากกลับไปดูเสียหน่อย ด้วยกลัวว่าจะเผยพิรุธอะไรออกไป

“เฮ้อ!” เธอหวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมาพลางถอนหายใจ หันกลับไปมองทางค่ายทหาร บางทีตนอาจจะคิดมากไป หากตนหลบอยู่ในค่ายทหารไม่ออกไปไหน คนที่ไม่ควรพบเจอก็น่าจะไม่พบเจอตนเองหรือเปล่า

……

หวังเต้าอวิ๋นนำกลุ่มคนสามสิบกว่าคนบินขึ้นไปบนภูเขา ร่อนลงที่ปากถ้ำตรงไหล่เขา ได้เจอกับจัวเจินที่มาสำรวจเส้นทางอยู่ก่อนแล้ว เธอเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาค่อนข้างสะสวย

“วันนี้พักค้างคืนที่นี่เหรอ?” หวังเต้าอวิ๋นมองสำรวจเข้าไปในถ้ำพลางเอ่ยถาม

จัวเจินพยักหน้า “ที่นี่แหละค่ะ ฉันตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดแล้ว รอบๆ นี้มีพืชที่เป็นพิษอยู่ ถ้าค้างที่นี่น่าจะไม่ถูกรบกวนมากจนเกินไป ทุกคนสามารถพักผ่อนอย่างสบายใจได้”

หวังเต้าอวิ๋นส่งเสียง ‘อืม’ ตอบรับ “ระหว่างที่เดินทางมาก็นับว่าได้เห็นความสามารถของเธอแล้ว เรื่องนี้จัดการตามที่เธอว่า” เขาโบกมือให้คนสองคนเข้าไปตรวจสอบ

หลังจากคนที่เข้าไปตรวจสอบออกมาแล้วบอกไม่มีปัญหาอะไร หวังเต้าอวิ๋นก็จัดการเวรเฝ้ายาม ก่อนที่จะนำทุกคนเข้าไปพักผ่อนข้างใน

จัวเจินกลับยังอยู่ที่ปากถ้ำ ไม่ได้เข้าไป แล้วก็ไม่ได้ไปไหน เดินไปเดินมาอยู่ตรงปากถ้ำนั้น

“หัวหน้า เราไม่ควรทิ้งพาหนะโบยบินเลยครับ พอไม่มีพาหนะโบยบินแล้ว ต้องหยุดฟื้นฟูพลังกันเป็นพักๆ แบบนี้ ไปๆ มาๆ มันเสียเวลาน่าดูเลยนะครับ”

“พาหนะโบยบินที่บรรทุกคนมากมายขนาดนั้นมันสะดุดตาเกินไป กลัวคนอื่นจะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเราหรือยังไง?”

เสียงพูดคุยของหวังเต้าอวิ๋นกับลูกน้องดังมาจากในถ้ำ

ในขณะที่ฟัง จัวเจินก็หยุดฝีเท้าที่ข้างถ้ำ กวาดสายตามองไปรอบๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครสนใจ เธอก็ยื่นมือไปดึงเถาวัลย์ที่ปกคลุมอยู่ออก เผยให้เห็นภาพแกะสลักรูปดอกไม้ ภาพแกะสลักผุกร่อนไปตามเวลา ดูเลือนรางไม่ชัดเจน

หลังจากที่ดึงเถาวัลย์ออกไปแล้ว เธอก็หันหลังพลางทอดตามองออกไปไกลๆ ในแววตาเผยให้เห็นถึงความรู้สึกสับสน

เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะได้กลับมายังบ้านเก่าอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะกลับมาด้วยวิธีแบบนี้

ตอนแรกที่ไปจากดินแดนแห่งความฝัน หลังจากที่แยกย้ายจากเพื่อนเก่า เธอสร้างตัวตนที่เหมาะสมขึ้นมาแล้วปกปิดชื่อเอาไว้ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นเพราะว่าคิดถึงเพื่อนเก่า เพื่อที่จะตามหาเพื่อนเก่าและเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปทุกๆ ที่ เธอจึงไปที่เมืองหมอก สร้างตัวตนของจอมยุทธ์พเนจรขึ้นมา

ในตอนนี้เธอก็นับว่าเป็นจอมยุทธ์พเนจรที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่จอมยุทธ์พเนจร หรือก็คือจอมยุทธ์หญิงที่เรียกกัน

เดิมทีคิดว่าตัวตนของการเป็นจอมยุทธ์พเนจรจะทำให้เธอค่อนข้างมีอิสระ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์บางสถานการณ์แล้ว มันก็เป็นไปได้ยากที่ความสามารถที่ติดตัวมาบางอย่างจะไม่เปิดเผยออกไป วิชาภาพลวงตาที่ไม่ธรรมดาของเธอถูกเปิดเผยออกไป

ภายหลังถูกคนของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งพบตัวเข้า แล้วก็ได้เห็นความสามารถทางด้านภาพลวงตาของเธอ จึงอยากให้เธอไปทำงานด้วย ถ้าเกิดถูกคนบางคนพบตัวเข้าแล้ว จะไม่เชื่อฟังก็ไม่ได้แล้ว

เพื่อที่จะสามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆ ต่อได้ ภาพลักษณ์ภายนอกเธอจึงยังเป็นจอมยุทธ์พเนจรอยู่ เพียงแต่ความจริงแล้วเธอทำงานให้ตระกูลใหญ่ตระกูลนั้นอย่างลับๆ ถ้าเกิดมีการเรียกพบ เธอก็ต้องรีบไปรับฟังคำสั่งทันที

ครั้งนี้ เธอมาที่นี่ก็เพราะได้รับคำสั่ง ตระกูลใหญ่ให้เธอเดินทางมาช่วยเหลือหวังเต้าอวิ๋น หวังเต้าอวิ๋นเป็นผู้นำที่รับผิดชอบการเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้

ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มของพวกเขาเท่านั้น พวกกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่เข้ามาในดินแดนแห่งความฝันไม่มีทางที่จะหลับหูหลับตาเข้ามาโดยไม่มีการเตรียมตัวใดๆ การมาในสถานที่แบบนี้จะต้องหาคนที่มีความสามารถในเรื่องภาพลวงตามาคอยช่วยเหลืออย่างแน่นอน ส่วนวิชาด้านภาพลวงตาของคนที่ตามหามาจะมีความร้ายกาจเพียงใด อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการตามหาของแต่ละกลุ่มแล้ว

เป็นเพราะการเปิดดินแดนแห่งความฝันในครั้งนี้ ผู้บำเพ็ญเพียรที่มีความสามารถด้านภาพลวงตาเรียกได้ว่าได้รับความนิยมขึ้นมาในทันที อย่างน้อยก็มีคนที่มีชื่อติดอันดับจำนวนมากเข้ามาหาที่นี่ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา บางคนจู่ๆ ก็ถูกจับจุดอ่อนได้ จึงจำใจต้องเข้าร่วมด้วย

……

ภายในถ้ำ จี้เผิงเลี่ยผู้เป็นเทพแห่งเพลิงนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ มือถือรายชื่อที่ทำการรวบรวมมาพลางพลิกดูอยู่ครู่หนึ่ง หลังดูเสร็จก็เอ่ยถาม “ตัวตนของคนที่อยู่ในนี้ตรวจสอบหมดแล้วหรือยัง?”

ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เอ่ยตอบ “แจ้งให้ผู้พิทักษ์เมืองในแต่ละพื้นที่ไปตรวจสอบแล้วครับ ล้วนแต่เป็นตัวตนที่มีอยู่จริงครับ อาจจะมีบางคนที่มีการปลอมตัวปกปิดบ้าง แต่ว่าตัวตนในปัจจุบันนี้ล้วนมีอยู่จริงครับ”

จี้เผิงเลี่ย “ตรวจสอบไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลใหญ่ตระกูลไหนหรือกลุ่มอิทธิพลอะไรใช่ไหม?”

ผู้ช่วยกล่าว “สั่งให้แต่ละพื้นที่ไปตรวจสอบทีละคนแล้วจริงๆ ครับ ส่วนใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร มีแค่บางคนที่ถ้าหากจะมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างนั้นความสัมพันธ์ที่มีมันก็ค่อนข้างจะห่างไกลครับ เมื่อเทียบดูแล้ว เกรงว่าจะคงไม่อาจถือว่าเกี่ยวข้องได้ อย่างเช่นหลัวคังอันคนนั้น เขาเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน ส่วนเบื้องหลังของหอการค้าตระกูลฉินใครๆ ก็รู้กันว่าเป็นตระกูลหนานชี ถ้ามีเรื่องอะไร การจะดึงดันให้หลัวคังอันไปเกี่ยวข้องกับตระกูลหนานชีก็ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลสักเท่าไหร่”

จี้เผิงเลี่ยส่งเสียงเหอะออกมา เขาพลิกดูรายชื่ออีกครั้ง “เถ้าแก่ร้านค้า จอมยุทธ์พเนจร คนที่รับทำงานแทนคนอื่น นักบวช พวกคนเหล่านี้มีตัวตนกันทั้งหมด แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลใหญ่ไหนๆ เลย มันช่างใสสะอาดกันเสียจริงๆ จุดร่วมเพียงหนึ่งเดียวก็คือพวกเขาล้วนจะเข้ามาตามหาดวงตาแห่งความฝันไปช่วยเหลือคนและรับเงินรางวัล ล้วนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ เหอะๆ!”

……

ณ สำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลเซียว ภายในห้องทำงานประธานหอการค้า เซียวอวี่เหยียนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงริมหน้าต่าง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ก็เอ่ยถามเรียบๆ ว่า “ทางดินแดนแห่งความฝันเป็นยังไงบ้าง?”

เจิงอิงฉางเดินไปถึงตรงหน้าเขา พลางเอ่ยตอบ “เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อยครับ ตอนที่คนของเราเจอกัน พบว่าจำนวนลดน้อยลงไปสิบกว่าคนครับ”

เซียวอวี่เหยียนหันกลับมา “เกิดอะไรขึ้น?”

เจิงอิงฉาง “ไม่ทราบครับ คนร้อยกว่าคนไม่สะดวกจะเข้าไปด้วยกัน พวกเขาแยกกันเข้าไป มีการนัดแนะสถานที่ที่จะไปเจอกันเอาไว้เรียบร้อย แต่มีทางหนึ่งที่ยังไปไม่ถึง ติดต่อก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทางนั้นกำลังขอคำแนะนำครับ ว่าจะรอต่อไป หรือว่าจะส่งคนไปตามหาดู”

เซียวอวี่เหยียนเงียบไปสักพัก จากนั้นส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าเรื่องโรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินจะทำให้ความลับของเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดเปิดเผยออกมา นี่ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดคิดไม่ถึง ก่อนที่จะถูกพิษตายกัน จะต้องทำงานให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นเมื่อผ่านวันที่กำหนดไปแล้ว ก็จะไม่มีข้ออ้างที่จะอยู่ในดินแดนแห่งความฝันอีกต่อไป เวลามันมีจำกัด ไม่ต้องรอแล้ว บอกให้พวกเขาไปต่อเลย”

เจิงอิงฉาง “ครับ ผมจะไปแจ้งพวกเขา”

“เดี๋ยวก่อน” เซียวอวี่เหยียนเรียกเขาไว้ พลางเอ่ยถามว่า “ทาง ‘ชื่อเค่อ’ กับ ‘ป้าหวัง’ ยังไม่มีข่าวคราวเลยเหรอ?”

เจิงอิงฉางกล่าว “ตอนนี้ยังไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวใดๆ เลยครับ ไม่รู้ว่าได้ส่งคนเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันหรือเปล่า”

เซียวอวี่เหยียนว่า “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาจะไม่ส่งคนเข้าไปได้ยังไง? โดยเฉพาะ ‘ป้าหวัง’ เขากระตือรือร้นกับเรื่องแบบนี้ที่สุด ฉันช่วยเขาสร้างสถานการณ์ที่ใหญ่ขนาดนี้ให้เขาโดยไม่ตั้งใจ เขาไม่มีทางที่จะไม่มีปฏิกิริยาอะไร ติดต่อไปที่เถ้าแก่เหมย บอกให้เขาช่วยติดต่อพวกเขาสองคนหน่อย บอกพวกเขาว่าฉันยินดีที่จะร่วมมือกับพวกเขาสองคนเพื่อทำงานใหญ่ เรื่องนี้ควรจะร่วมแรงร่วมใจกันถึงจะถูก สามกลุ่มร่วมมือกันทำงานในดินแดนแห่งความฝันแบบนี้อาจจะลงแรงเพียงครึ่งเดียว แต่ได้ผลลัพธ์เป็นทวีคูณ!”

เจิงอิงฉางลังเลพลางกล่าว “เกรงว่าทั้งสองกลุ่มนั้นคงจะไม่ตอบตกลงง่ายๆ ครับ การเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันครั้งนี้มันไม่เหมือนกับการทำงานทั่วๆ ไป คนที่เข้าไปทั้งหมดล้วนถูกทางสภาเซียนบีบบังคับให้เปิดเผยตัวตน ถ้าเกิดมาคลุกคลีกับคนของพวกเรา เกรงว่าพวกเขาคงจะกังวลว่าตัวตนคนของพวกเขาอาจจะต้องเปิดเผยครับ”

เซียวอวี่เหยียนตวาด “ไร้สาระ! สามฝ่ายมาเจอกัน คนที่ตัวตนถูกเปิดเผยมีแค่พวกเขาสองกลุ่มหรือไง? คนของพวกเราจะโชคดีรอดไปได้เหรอ? ทันทีที่ปล่อยให้เทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดของสภาเซียนสามารถช้งานได้อย่างสมบูรณ์ พวกเรายังจะต้านได้เหรอ? อะไรคือภาพใหญ่ที่สำคัญ พวกเขาไม่รู้หรือไง? เพื่อสถานการณ์โดยรวมแล้ว การเสียสละบางสิ่งเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาสองคนจะแยกแยะไม่ได้!”

“ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” เจิงอิงฉางรีบพยักหน้ารับคำ

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เซียวอวี่เหยียนเดินไปนั่งลงที่หลังโต๊ะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ สีหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มขึ้นมาทันที “ท่านประธานเผิง ครับ แน่นอนครับ วางใจได้เลย ส่งของตรงเวลาแน่นอน……” เขาเปลี่ยนเป็นนักธุรกิจในชั่วพริบตา

……

ฉินอี๋ในเวลานี้ก็รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงสดใสอยู่ภายในห้องทำงานเช่นกัน เธอเพียงแต่ฝืนยิ้มไปแบบนั้นเอง

ช่วยไม่ได้ หอการค้าตระกูลฉินเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทางผู้จัดหาวัตถุดิบให้หอการค้าตระกูลฉินล้วนมีความกังวลว่าทางหอการค้าตระกูลฉินจะยังต้องการสินค้าต่อไปหรือไม่ เพราะว่าเรื่องที่ทางหอการค้าตระกูลฉินหยุดการผลิตไว้นั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ทั่วกันแล้ว

แม้นทางหอการค้าตระกูลฉินบอกว่าจะทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ทางผู้จัดหาวัตถุดิบกังวลเรื่องการจ่ายเงินส่วนที่เหลือ ถ้าหอการค้าตระกูลฉินล้มละลาย แล้วพวกเขาจะไปเอาเงินส่วนที่เหลือจากที่ไหนล่ะ?

ฉินอี๋เองก็จัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดาย คือเมื่อสินค้ามาถึงหนึ่งชุดก็จ่ายเงินเลยหนึ่งชุด!

หลังจากวางสายไป ใบหน้าของฉินอี๋ก็ดูเหนื่อยล้า เธอนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้พลางครุ่นคิด สถานการณ์ในตอนนี้เรียกได้ว่าซวยซ้ำซวยซ้อน ไม่คิดเลยว่าจะมีคนยอมจ่ายเงินหนึ่งพันล้านเพื่อเอาชีวิตของหลัวคังอัน!

สิ่งนี้ทำให้เธอแอบรู้สึกอยู่ลึกๆ เหมือนจะมีคนมั่นใจแล้วว่าหลัวคังอันต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญในการตามหาดวงตาแห่งความฝัน ประกอบกับเรื่องที่หลัวคังอันอาสาที่จะไปด้วยตัวเองด้วย จึงทำให้คิดกันว่าลูกศิษย์ของอาจารย์หลงน่าจะมีวิธีหาดวงตาแห่งความฝันเจอจริงๆ

เธอไม่กล้ามั่นใจ เพียงแค่แอบรู้สึกอยู่ลึกๆ เท่านั้น ความปลอดภัยของหลัวคังอันดูเหมือนจะกลายเป็นประเด็นสำคัญแล้ว!

เสียงฝีเท้าดังแว่วมา ไป๋หลิงหลงมาแล้ว พร้อมกับเอ่ยแจ้ง “ท่านประธานคะ คุณชายหรูอันมาแล้วค่ะ”

“เชิญเขาเข้ามา” ฉินอี๋รีบยืนขึ้นทันที พร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

ไม่นาน ไป๋หลิงหลงก็เดินนำหนานชีหรูอันกับหลีอู่ผู้ติดตามของเขาเข้ามา

หลังทักทายกันตามมารยาทสองสามคำ ทั้งสองฝ่ายก็นั่งลง หลีอู่กับไป๋หลิงหลงต่างยืนอยู่ข้างหลังเจ้านายของตนเอง

ที่จริงแล้วหนานชีหรูอันไม่ได้อยากมา แต่ฉินอี๋เห็นว่าเขาไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัดสักที จึงเชิญเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้มาพบกันสักครั้ง จะให้เธอไปพบเขาที่ตระกูลหนานชีก็ได้

หลังจากพิจารณาในด้านต่างๆ แล้ว สุดท้ายเขาก็มาที่นี่

มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉินอี๋เองก็ไม่อ้อมค้อม “คุณชายคะ เรื่องที่จะปกป้องรองประธานหลัว ทางตระกูลหนานชียังไม่ตัดสินใจเหรอคะ?”

หนานชีหรูอันนิ่งเงียบ หากคนที่เข้าไปไม่สะดวกจะไปติดต่อกับหลัวคังอัน เขาเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร

หากจะส่งคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปคุ้มกันอย่างเปิดเผย พวกเขาจะต้องส่งคนไปเท่าไหร่ และจะต้องส่งคนที่มีฝีมือสูงแค่ไหนเข้าไปถึงจะมั่นใจว่าจะสามารถคุ้มครองได้? ไม่รู้เลยว่าทางสภาเซียนต้องการจะทำอะไรในดินแดนแห่งความฝัน ยามนี้ทางสภาเซียนเดินหมากโหดเหี้ยม ตระกูลหนานชีกำลังอกสั่นขวัญแขวน ยิ่งไปกว่านั้นภายนอกก็มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่จ้องจะแย่งชิงตาเป็นมัน

สำหรับตระกูลตระกูลหนึ่งแล้ว บางครั้งเก็บเงินมิสู้เก็บคน การมีคนที่มีความสามารถและพึ่งพาได้อยู่ในมือก็ถือเป็นทรัพย์สินจำนวนมหาศาลเช่นกัน จะให้ส่งคนเหล่านี้ไปบาดเจ็บล้มตายเพื่อหอการค้าตระกูลฉิน ทำให้ตระกูลหนานชีต้องเสียหายอย่างหนัก มันคุ้มค่าหรือ?

ตอนนี้คนที่ถูกส่งเข้าไปไม่กล้าออกมาจากดินแดนแห่งความฝันก่อนกำหนดแล้ว พวกเขาจะต้องรอจนกระทั่งเลยกำหนดที่ดวงตาแห่งความฝันจะช่วยเหลือคนได้ก่อนแล้วค่อยออกมาอย่างแน่นอน หากก่อนหน้านั้นสามารถสืบพบความลับอะไร ก็ส่งข่าวกลับมาผ่านทางยันต์สื่อสารได้

ประกอบกับที่สภาเซียนจงใจพุ่งเป้าไปที่หอการค้าตระกูลฉินด้วย

ด้วยเหตุนี้ ตระกูลหนานชีจึงเตรียมจะปล่อยมือจากหอการค้าตระกูลฉินแล้ว คำพูดนี้เขาเองก็ไม่สะดวกจะพูดมันออกไป เรื่องมันยังไม่ถึงท้ายที่สุด ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า ตระกูลหนานชีจึงไม่สะดวกที่จะบอกปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาดด้วยเช่นกัน

หลังจากเงียบไป เขาก็ค่อยๆ เอ่ยถาม “ท่านประธานฉินมั่นใจไหมครับว่าหลัวคังอันจะสามารถหาดวงตาแห่งความฝันเจอ?”

ฉินอี๋กล่าวเสียงเรียบ “รองประธานหลัวทำเพื่อหอการค้าตระกูลฉินโดยไม่คำนึงถึงชีวิตตนเอง ต่อให้เขาจะไม่สามารถหาดวงตาแห่งความฝันเจอ เราก็ต้องพยายามปกป้องเขาเอาไว้ให้ได้นะคะ! เขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลง การที่เขากล้าอาสาเข้าไปที่นั่น อีกทั้งตอนนี้ยังมีคนเสนอเงินรางวัลพันล้านเพื่อเอาชีวิตเขาอีก นี่มันก็ชัดเจนแล้วว่าต้องการจะขัดขวางการหาดวงตาแห่งความฝันของเขา ทำไมถึงพุ่งเป้าไปที่เขาล่ะคะ? หรือว่านี่ยังไม่พอจะอธิบายคำถามบางคำถามได้? ครั้งนี้จะตามหาดวงตาแห่งความฝันเจอหรือไม่นั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าตัวแปรสำคัญจะเป็นตัวรองประธานหลัวค่ะ! ฉันถึงได้ขอให้ตระกูลหนานชีต้องช่วยเหลือเขา แล้วก็ช่วยเหลือฉันในครั้งนี้ค่ะ!”

หนานชีหรูอันกล่าว “เรื่องบางเรื่องต่อให้ผมไม่พูด คุณเองก็น่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว สภาเซียนเอาดินแดนแห่งความฝันมาสร้างสถานการณ์ เวลานี้เรื่องมันลุกลามไปใหญ่โตแล้ว ตระกูลหนานชีของผมไม่คิดจะเข้าไปยุ่งด้วย ไม่คิดที่จะส่งคนเข้าไป เอาแบบนี้แล้วกันครับ ถ้าหากหลัวคังอันสามารถหาดวงตาแห่งความฝันเจอจริงๆ คุณก็แจ้งผมมา แล้วตระกูลหนานชีของผมค่อยส่งคนหาวิธีไปรับตัวเขามา คุณว่ายังไงครับ?”

…………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน