ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 263 มีคนเฝ้า

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 263 มีคนเฝ้า

ฉินอี๋มองเขาอย่างตกตะลึง ที่อีกฝ่ายบอกว่าตระกูลหนานชีไม่มีแผนจะส่งคนเข้าไปอะไรนั่น เธอไม่เชื่อ เธออยากจะถามอีกฝ่ายนักว่าตระกูลหนานชีคิดจะทิ้งหอการค้าตระกูลฉินแล้วใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ อย่างนั้นก็เชิญยกเลิกสัญญาไปเลย เธอยินดีที่จะเอาผลประโยชน์ส่วนนี้ไปลงทุนกับตระกูลอื่น ดูว่าจะมีหวังหรือไม่

อย่างน้อยมูลค่าของผลประโยชน์ส่วนนี้ก็สามารถรวบรวมคนกลุ่มหนึ่งไปปกป้องหลัวคังอันได้

แต่เธอไม่สามารถพูดคำแบบนี้ออกไปได้ เธอรู้ว่าถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเรื่องมันไม่ถึงที่สุดจริงๆ ตระกูลหนานชีจะยอมมอบของที่อยู่ในมือออกไปได้อย่างไร จะยอมมอบหอการค้าตระกูลฉินให้คนอื่นได้อย่างไร ต่อให้ของมันต้องเน่าอยู่ในมือของตนเองก็ไม่มีทางยอมให้คนอื่นมาชุบมือเปิบไปได้

ไป๋หลิงหลงที่อยู่ข้างหลังเธอเม้มปากแน่น รู้สึกว่าหนานชีหรูอันเพียงแค่พูดแบบขอไปที ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของคนที่ไปเสาะหาดวงตาแห่งความฝันได้เลย แล้วยังจะให้เขาส่งคนไปรับอะไรอีก?

ฉินอี๋เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “คุณชาย ปัญหาคือตอนนี้รองประธานหลัวอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน มีคนต้องการขัดขวางเขาในการตามหาดวงตาแห่งความฝัน ตอนนี้เขาอาจจะมีอันตรายอยู่นะคะ”

หนานชีหรูอันสีหน้าดูไม่ค่อยดี สุดท้ายก็ถอนใจพลางกล่าว “ประธานฉิน ผมอยากช่วยคุณนะครับ แล้วก็ยินดีอย่างมากที่จะช่วยคุณด้วย แต่คุณก็น่าจะเข้าใจ เรื่องพวกนี้มันใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาพิจารณาไม่ได้ หลายๆ เรื่องในตระกูล โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่คนคนเดียวจะตัดสินใจได้ ต่อให้พ่อบุญธรรมของผมจะเป็นผู้นำตระกูล แต่เรื่องแบบนี้เขาก็ดำเนินการอะไรเองโดยพลการไม่ได้นะครับ เขาต้องคำนึงถึงความคิดเห็นของลูกหลานในตระกูลที่ทำงานอยู่ในสภาเซียนด้วย บางครั้งความเห็นของพวกเขายังมีน้ำหนักกว่าความเห็นของหัวหน้าตระกูลด้วยซ้ำ!”

พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็นับว่าเปิดอกคุยกันแล้ว

ความหมายในคำพูดเหล่านั้น ฉินอี๋เข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลใหญ่พวกนั้นกับลูกหลานในตระกูลที่ทำงานสภาเซียนเป็นความสัมพันธ์ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ถ้าไม่มีคนของตระกูลอยู่ในราชสำนัก ต่อให้ครอบครัวและธุรกิจจะใหญ่โตยังไงก็เป็นเหมือนอาคารที่อยู่กลางอากาศ เมื่อมีลมพัดมาก็พังทลายได้ทุกเมื่อ ไม่อย่างนั้นทำไมหอการค้าตระกูลฉินถึงต้องเสนอผลประโยชน์จำนวนมหาศาลขนาดนั้นประจบตระกูลหนานชีด้วยล่ะ หลักเหตุผลก็เหมือนกัน

ส่วนลูกหลานของพวกตระกูลใหญ่ๆ ที่ทำงานอยู่ในราชสำนักก็ต้องการอำนาจของตระกูลมาช่วยสนับสนุนเช่นกัน

แต่ในแง่หนึ่งแล้ว เงินกลับไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตระกูลใหญ่พวกนั้น ขอเพียงอำนาจเบื้องหลังยังคงอยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงิน แต่ถ้าไม่มีอำนาจเบื้องหลัง เมื่ออยู่ในเกมการแข่งขันกัน ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็เก็บรักษาไว้ไม่ได้

พอกล่าวคำพูดเหล่านี้จบ หนานชีหรูอันก็เงียบไป เขารู้ดี สภาเซียนแสดงท่าทีออกมาค่อนข้างชัดเจนว่าคิดจะฉวยโอกาสนี้เล่นงานหอการค้าตระกูลฉิน การล่มสลายของสามตระกูลใหญ่คือบทเรียนจากอดีต ตระกูลหนานชีจึงค่อนข้างหวาดกลัว

เรื่องเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดนั้น มีตระกูลใหญ่ต่างๆ ไปเข้าร่วมด้วยไม่น้อย แบบนั้นยังดีหน่อย เพราะเป็นการรวมกลุ่มกันเผชิญหน้ากับสภาเซียน แต่เรื่องของหอการค้าตระกูลฉินนั้น หากตระกูลหนานชีเผชิญหน้ากับสภาเซียนเพียงลำพังล่ะก็ พละกำลังมันแตกต่างกันเกินไป พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจริงๆ แค่ไม่ระวังแม้เพียงเล็กน้อย ตระกูลหนานชีอาจจะพังพินาศทั้งตระกูลเลยก็เป็นได้

สภาเซียนจงใจพุ่งเป้าเล่นงาน ด้วยอำนาจของสภาเซียนแล้ว หอการค้าตระกูลฉินยังคิดจะเอาดวงตาแห่งความฝันกลับมาอีกเหรอ? มันแทบจะไม่มีความหวังอะไรเลย

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ ตระกูลหนานชียังจะลงแรงให้เหนื่อยเปล่าได้อย่างไรอีก?

การตัดสินใจของตระกูลชัดเจนมาก แล้วก็ฉลาดมากด้วย พวกเขาเตรียมจะทิ้งหอการค้าตระกูลฉินแล้ว!

บรรยากาศภายในบริเวณนั้นหนักอึ้งขึ้นมาทันที ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีคำพูดอะไรจะพูดอีก

……

หุบเขาและทิวเขาที่ทอดยาว หลินยวนค่อยๆ ขับรถร่อนลงบนยอดเขาที่สูงที่สุด ผลก็คือขณะที่รถเพิ่งจะจอดนิ่ง ทั้งสามคนที่อยู่ในรถต่างมองไปยังคนที่เดินออกมาจากในถ้ำหินที่อยู่ด้านหนึ่งอย่างงุนงง ทยอยเดินออกมาทีละคน

เมื่อมองชุดเกราะบนตัวพวกเขา ทหารของสภาเซียนอย่างนั้นเหรอ? ทั้งสามคนมองหน้ากันเลิกลั่ก

สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่อยู่อาศัยของหนอนแห่งความฝันที่เยี่ยนอิงจำได้ แล้วก็เป็นสถานที่ที่อยู่ระหว่างทางที่จะไปยังสถานที่ที่หลินยวนระบุไว้ ในเมื่อเป็นทางผ่าน ทั้งสามคนจึงตัดสินใจว่าจะมาแวะมาดูที่นี่หน่อย ถ้าหากสะดวกที่จะลงมือล่ะก็ มันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะลงมือแก้ไขปัญหากันที่นี่เลย หรืออย่างน้อยๆ ก็จะได้มีประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับหนอนแห่งความฝันสักหน่อยก็ยังดี

รถถูกทหารสิบนายล้อมเอาไว้ ทหารคนที่เป็นหัวหน้ายื่นมือมาเคาะที่กระจกรถ เป็นการบอกให้คนที่อยู่ข้างในรถออกมา

หลินยวนส่งสายตาให้หลัวคังอันก่อน จากนั้นทั้งสามคนก็เปิดประตูแล้วทยอยลงจากรถไป

ทหารที่เป็นหัวหน้ามองสำรวจทั้งสามคน พลางเอ่ยถาม “พวกคุณเป็นใคร?”

หลัวคังอันยิ้มประสานมือพลางกล่าว “ผู้น้อยคือหลัวคังอัน เดิมทีแล้วเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง ก่อนหน้านี้ตอนที่เข้ามาในดินแดนแห่งความฝันเพิ่งจะพบว่ามีสหายเก่ากลุ่มหนึ่งมาที่นี่ ก็เลยได้พูดคุยกันนิดหน่อย ไม่ทราบว่าพวกคุณมาจากหน่วยไหนเหรอครับ?”

เขาได้ยินมาจากเหยาเซียนกงว่าสภาเซียนไม่ไว้ใจทหารที่อยู่ในละแวกนี้ ทหารส่วนใหญ่ที่ประจำการอยู่ที่ดินแดนแห่งความฝันเป็นทหารที่ขึ้นตรงกับสภาเซียน

แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นหลัวคังอัน ทหารเหล่านั้นพากันมองหน้าตาของหลัวคังอันอีกครั้ง ใช่แล้ว เคยเห็นจากในข่าวซุบซิบ เป็นคนนี้จริงๆ ด้วย

ทหารสวมเกราะสิบนายกลับเหมือนรู้สึกยินดีขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนคนนี้ที่นี่ พวกเขาแต่ละคนเริ่มมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า ล้วนประสานมือคารวะกลับ ท่าทีที่มีต่อหลัวคังอันดูค่อนข้างเป็นมิตร

ก็อย่างที่เคยบอกเอาไว้ หลัวคังอันแสดงความสามารถจนมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ใครจะสนใจเขากันล่ะ แล้วก็เป็นเพราะว่าเป็นคนที่มีความสามารถ ภายในใจของทุกคนที่อยู่ที่นี่จึงยอมรับกันไปแล้วว่าเขาคือสมาชิกคนหนึ่งที่ออกมาจากกำลังพลของสภาเซียน เป็นอดีตสหายเก่าคนหนึ่ง

“พวกเราเองก็เป็นทหารที่ทางสภาเซียนจัดให้มาประจำการที่นี่เช่นกัน” ทหารที่เป็นหัวหน้ากล่าวเพียงเท่านี้ ไม่ได้บอกว่าทหารที่อยู่ทางนี้มาจากหน่วยไหน

“อ้อ ที่แท้ก็พี่น้องกันทั้งนั้น” หลัวคังอันแสดงสีหน้าตื่นเต้นและประหลาดใจ ดูเป็นมิตรขึ้นมาทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบของออกมาจากในแหวนสารพัดนึกให้เป็นของขวัญ ยิ้มบอกให้ทุกคนรับเอาไว้

ทุกคนย่อมปฏิเสธกันอยู่แล้ว ทหารที่เป็นหัวหน้าลองถามว่า “หลัวซยง มาที่นี่ทำไมเหรอ?”

หลัวคังอันถอนใจออกมาดัง ‘เห้อ’ แล้วกล่าวว่า “ก็ตอนนี้ผมเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉินใช่ไหมล่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นกับหอการค้าตระกูลฉินตอนนี้ทุกคนน่าจะพอได้ยินกันมาบ้างแล้ว นี่ผมเข้ามาตามหาดวงตาแห่งความฝันน่ะสิ”

อย่างนี้นี่เอง ทุกคนสบตากันอีกครั้ง

หลัวคังอันเหลือบมองดูท่าทีของทุกคน เอ่ยออกไปอย่างไม่แยแสว่า “ผมจะพูดตรงๆ แล้วกัน ผมยังมีคนรู้จักอยู่ที่ค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงทางด้านนั้นอีก เผลอๆ ผมอาจจะรู้จักผู้บังคับบัญชาของพวกคุณด้วยซ้ำ ผมจะไม่เกรงใจพวกคุณแล้วกัน ตอนนี้พี่น้องกำลังลำบาก มีเรื่องอยากจะถามพวกคุณสักหน่อย เรื่องกฎผมก็เข้าใจดี อะไรที่พวกคุณพูดได้ก็พูด พูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูด ไม่ต้องลำบากใจ ก็อย่างที่ผมบอกไป ผมมาตามหาดวงตาแห่งความฝัน สืบรู้มาว่าที่นี่น่าจะมีหนอนแห่งความฝันอยู่ ในเมื่อพวกคุณอยู่ที่นี่ ไม่ทราบว่าเคยเห็นนางพญาหนอนแห่งความฝันบ้างไหม? ”

สายตาของทุกคนเหล่มองกัน ทหารที่เป็นหัวหน้าลังเลเล็กน้อย คิดว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่พูดไม่ได้ จึงกล่าวตอบไปว่า “ผมจะบอกหลัวซยงตามตรงแล้วกัน ที่นี่มีหนอนแห่งความฝันอยู่จริง แต่ตั้งแต่ที่พวกผมมาที่นี่ก็ไม่เคยเห็นนางพญาหนอนแห่งความฝันอะไรนั่นเลย”

“แบบนี้นี่เอง…” หลัวคังอันครุ่นคิด จากนั้นก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปถามไถ่ชื่อแซ่ของทุกคนอะไรทำนองนั้นแทน

จากการถามอ้อมๆ ถึงได้รู้ว่าพวกเขาเองก็มาที่นี่ได้ไม่นาน พวกเขาถูกส่งให้มาที่นี่ก่อนที่ทางเข้าดินแดนแห่งความฝันจะเปิด

ไม่เพียงแต่ที่นี่เท่านั้น แต่ในพื้นที่ที่มีหนอนแห่งความฝันอาศัยอยู่ทั้งหกพื้นที่นั้น สภาเซียนได้ส่งทหารกลุ่มเล็กๆ ไปประจำการไว้หมดเลย ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงต้องไปประจำการที่นั่น อีกฝ่ายไม่ยอมบอก

เมื่อคุยเรื่อยเปื่อยกันไปได้พอประมาณก็ได้รับสัญญาณจากหลินยวน หลัวคังอันจึงบอกลาแต่เพียงเท่านี้ บอกว่าเชื่อที่พวกเขาพูด ในเมื่อพวกเขาบอกว่าไม่เคยเจอ เขาก็จะไม่อยู่ที่นี่ให้เสียเวลา

แต่ก่อนกล่าวลากันก็ได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของตนเองเอาไว้สักหน่อย ดึงดันยัดให้หัวหน้าทหาร “หอการค้าตระกูลฉินพอจะมีอิทธิพลอยู่ในแคว้นเซียนคุนกว่างอยู่บ้าง ต่อไปถ้าทุกคนไปที่เมืองปู๋เชวี่ย หรือว่าไปที่แคว้นเซียนคุนกว่าง ก็อย่าลืมติดต่อหาผมนะ ผมจะต้อนรับอย่างดีเลย! มีเรื่องอะไรก็ติดต่อหาผมได้ ขอเพียงเป็นเรื่องที่ผมทำได้ ผมจะพยายามช่วยอย่างถึงที่สุด ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ” กล่าวจบก็เดินออกไป

หัวหน้าทหารดึงเขาไว้ทันที ชี้ไปยังของที่วางกองอยู่บนพื้น “หลัวซยง คุณก็รู้กฎอยู่แล้ว อันนี้มันไม่เหมาะสม เก็บกลับไปเถอะ”

หลัวคังอันสะบัดมือเขาออก “ผมก็ไม่ใช่ว่าจะให้ของใครง่ายๆ นะ นี่เป็นเพราะได้เจอสหายเก่าแล้วรู้สึกดีใจจริงๆ ของที่ผมให้ไปแล้วไม่เคยรับกลับ ถ้าพวกคุณรังเกียจก็โยนทิ้งไปเลยก็ได้” กล่าวจบก็มุดตัวเข้าไปในรถ

หลินยวนเข้าไปอยู่ในตำแหน่งคนขับ ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขับรถทะยานขึ้นไปในอากาศทันที

กลุ่มคนที่อยู่บนยอดเขาทำได้เพียงประสานมือและมองส่ง กระทั่งรถคันนั้นบินหายลับไปแล้ว คนกลุ่มนั้นก็เริ่มมารุมรื้อสิ่งของที่หลัวคังอันทิ้งไว้ให้ อยากจะเห็นว่ามันคืออะไร

หัวหน้าทหารรีบติดต่อไปยังผู้บังคับบัญชาก่อนเป็นอันดับแรก แจ้งว่าหลัวคังอันที่มาตามหาดวงตาแห่งความฝันได้มาที่นี่แล้ว ทั้งยังทิ้งสิ่งของไว้ให้พวกเขากองหนึ่งด้วย แล้วก็สอบถามว่าจะให้จัดการอย่างไรดี

……

เยี่ยนอิงที่อยู่ในรถเอาใบหน้าแนบกระจกมองสภาพแวดล้อมด้านล่าง จากนั้นหันกลับมาเอ่ยถาม “พื้นที่ที่หนอนแห่งความฝันอาศัยอยู่ทั้งหกจุด สภาเซียนส่งคนไปเฝ้าทั้งหมดแล้ว แต่ดูแล้วก็ไม่เหมือนเป็นการขัดขวาง นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”

“แม่งเอ้ย จะหมายความว่าอะไรได้ล่ะ” หลัวคังอันกล่าวอย่างไม่พอใจ เรื่องบางเรื่องเยี่ยนอิงไม่เข้าใจ แต่เขากลับรู้ดี กล่าวว่า “ในการตามหานางพญาหนอนแห่งความฝันมันจะต้องมีการปะทะกันอยู่แล้ว ทางสภาเซียนส่งคนมาที่นี่ ก็เพราะอยากรู้ว่ามีใครหาดวงตาแห่งความฝันเจอหรือยัง จะได้ลงมือได้ง่ายๆ นี่ถ้าสภาเซียนจงใจมาสร้างปัญหา พวกเราหาดวงตาแห่งความฝันเจอแล้วจะเอากลับไปได้ไหมเนี่ย?”

“ทุกที่ล้วนมีทหารกลุ่มเล็กๆ แบบนี้เฝ้าอยู่” หลินยวนเอ่ยพึมพำ หันกลับมาเอ่ยถามเยี่ยนอิง “มีวิธีที่จะลงมือโดยไม่ให้คนเหล่านี้สังเกตเห็นไหม?”

เยี่ยนอิงครุ่นคิดเล็กน้อย “พื้นที่หาอาหารของหนอนแห่งความฝันอยู่บนพื้นดิน แต่พื้นที่อยู่อาศัยที่แท้จริงอยู่ใต้ดิน พวกเราต้องหาทางเข้าเข้าไปให้ได้ ตอนที่อยู่บนพื้นดิน การจะเข้าไปที่รังหนอนแห่งความฝันโดยไม่ให้ทหารที่มาเฝ้ารู้น่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไร ปัญหาสำคัญก็คือใต้ดิน ดินแดนแห่งความฝันไม่มีกลางคืน ดวงอาทิตย์จะลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า สิ่งมีชีวิตต่างๆ จะมีการเปลี่ยนสีเพื่อป้องกันตัวหรือโจมตี หากสามารถทำลายภาพลวงตาเหล่านั้นได้ ก็จะไม่มีอันตรายอะไรร้ายแรงค่ะ”

“แต่ใต้ดินที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์นั้นกลับเป็นโลกแห่งความมืดมิดที่กว้างใหญ่ไพศาลอีกโลกหนึ่ง พื้นที่ที่อันตรายที่สุดกลับเป็นใต้ดินนี่แหละค่ะ ใต้ดินเป็นรังของสัตว์ประหลาดมากมาย สัตว์บางประเภทกินหนอนแห่งความฝันเป็นอาหาร สิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่อยู่ในโลกใต้ดินที่เป็นเสมือนเขาวงกตมีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน สภาพใต้ดินเองก็ซับซ้อนเป็นอย่างมาก ต่อให้เป็นคนที่ชำนาญด้านการหลบหนีใต้ดินก็รับมือได้ยากลำบากเป็นอย่างมาก”

“นอกเสียจากว่าพวกเราจะสามารถลงลึกไปยังใต้ดินได้อย่างราบรื่น ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นทันทีที่เกิดการปะทะกัน ถ้าเกิดเราลงไปได้ไม่ลึกมากพอ มันก็ยากจะรับประกันได้ว่าโลกภายนอกจะไม่สังเกตเห็น เพราะว่าการเข้าไปในรังของสัตว์ประหลาดต่างๆ สัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะโจมตีผู้บุกรุกอย่างไม่คิดชีวิต ที่สภาเซียนสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมากตอนที่ตามหานางพญาหนอนแห่งความฝันก็เพราะสาเหตุนี้”

หลินยวนครุ่นคิดเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นก็พยายามแล้วกัน”

หลังจากบินกันอยู่ค่อนวันก็ใกล้ถึงจุดหมายต่อไปแล้ว ในตอนที่ยังเหลือระยะทางอีกไม่กี่สิบลี้ รถก็ร่อนลงสู่พื้น

เยี่ยนอิงให้ทั้งสองคนรออยู่ที่นี่ เธอจะไปตรวจสอบสถานการณ์ดูก่อน ต้องหาให้เจอก่อนว่าทหารของสภาเซียนที่มาเฝ้าที่นี่อยู่ตรงไหน

ทันทีที่เปิดประตูรถออกไป เธอก็กลายเป็นนกขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในดินแดนแห่งความฝัน ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

สำหรับทั้งสองคนที่กินผลดำขาวเข้าไปแล้ว นี่เป็นเพียงภาพลวงตาในระดับต้นเท่านั้น กระทั่งเมื่อเพ่งมองดู พวกเขาก็มองผ่านภาพลวงตาไปเห็นตัวตนที่แท้จริง สิ่งที่เห็นตัวเยี่ยนอิงกำลังบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

……………………………………………………………………..

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท