ตอนที่ 264 หนอนแห่งความฝัน
หลังจากที่ร่างของเธอหายไป หลัวคังอันก็บ่นพึมพำ “เธอคงจะไม่ได้ทิ้งเราไว้แล้วหนีไปใช่ไหม?”
หลินยวนหันไปชำเลืองมองเขา “แกคิดว่าฉันจับอาเซียงไว้ทำไม?”
หลัวคังอันถอนใจพลางกล่าว “พูดตามตรงนะ ต่อให้จับตัวอาเซียงคนนั้นมาเป็นตัวประกันแล้วฉันก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย ถ้าเกิดเธอคิดไม่ตกขึ้นมา รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วชีวิตของตนเองสำคัญกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็อาจจะหนีไปจริงๆ ก็ได้ เห้อ ตอนแรกไม่ควรบอกเธอเลยว่าตามหาเธอเจอได้ยังไง”
หลินยวน “เธอรู้ดีว่าถ้าหนีไปแล้วถูกตามตัวพบจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร ผลลัพธ์แบบนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถทนรับได้ ถ้าเธอมั่นใจได้ว่าหนีไปแล้วจะไม่ถูกพบอีก อย่างนั้นเธอก็อาจจะลองดูได้ การใช้คน ไม่ใช่ว่าต้องจับทุกคนมามัดเอาไว้อย่างแน่นหนา การปล่อยให้เธอได้มีโอกาสหลบหนีอยู่ตลอดเวลาต่างหากถึงจะเป็นการข่มขู่ที่น่ากลัวที่สุด แบบนั้นต่างหากเธอถึงจะไม่กล้าหนี!”
ในคำพูดนี้แฝงไว้ด้วยการสั่งสอนเล็กน้อย ที่จริงแล้วตั้งแต่งานประมูล เขาก็สอนอะไรหลายอย่างให้หลัวคัวอันแล้ว มีทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
หลัวคังอันฟังแล้วครุ่นคิดตาม เหมือนว่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขากระพริบตา เอนตัวไปข้างหน้า พลางลองเอ่ยถามอย่างระวัง “พวกนาย…ไม่สิ พวกเรามีกำลังพลอยู่เท่าไร?”
หลินยวน “แกคิดว่าฉันควรจะบอกแกไหม?”
“เอ่อ…” หลัวคังอันกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เป็นความลับขนาดนี้ ดูคล้ายจะไม่ควรถาม เขากระแอมแล้วเปลี่ยนคำถาม “คือ ฉันเข้าร่วมกับพวกนายแล้ว แล้วตอนนี้ฉันควรจะอยู่ในกลุ่มของพวกเราด้วยตัวตนอะไรเหรอ?” ที่จริงแล้วเขาอยากรู้ว่าตำแหน่งของตนเองเป็นอย่างไร
หลินยวนกล่าว “ไม่มีตัวตน ไม่มีใครรู้จัก นั่นต่างหากถึงจะเป็นการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด ถ้าแกอยากจะมีตัวตนที่ทุกคนรู้จัก ฉันก็สามารถให้แกได้ แกอยากได้จริงๆ ไหมล่ะ?”
“แหะๆ ฉันก็ถามไปอย่างนั้นเอง ช่างเถอะ ไม่ต้องวุ่นวายหรอก ไม่ต้องวุ่นวายเลยจริงๆ นะ” หลัวคังอันหัวเราะแห้งๆ พลางโบกมือ แต่กลับบ่นพึมพำในใจ อย่างนั้นฉันทำงานถวายชีวิตให้กับพวกแกแบบนี้ไปทำไมล่ะวะเนี่ย?
หลังจากนั้น เขาก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียวอีก ประมาณว่าตามหาดวงตาแห่งความฝันเจอแล้วควรจะเอากลับไปอย่างไรดีอะไรทำนองนั้น แล้วก็ถอนหายใจ ท่าทางดูกังวลเป็นอย่างมาก
เขาหวังให้หลินยวนได้ยินและบอกความจริงกับเขาได้ บอกวิธีที่จะออกไปจากดินแดนแห่งความฝันให้เขาได้รู้ เขาเองก็จะได้สบายใจ
ผลคือหลินยวนไม่พูดอะไร
หลัวคังอันนับว่าค่อยๆ มองออกแล้ว นี่ตนเองกำลังติดตามคนบ้าที่ยอมเสี่ยงตาย เรียกได้ว่าเป็นคนที่ไม่ว่าอะไรก็กล้าทำ เป็นคนที่เอาชีวิตมาเดิมพันโดยไม่สนใจอันตราย เป็นโจรกบฏจริงๆ ด้วย
……
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม นกตัวหนึ่งก็บินจากกลางอากาศร่อนลงสู่พื้นดิน เยี่ยนอิงปรากฏตัว เธอกลับมาแล้ว พร้อมกับยื่นมือมาตบที่กระจกรถ
สองคนในรถรีบลงจากรถทันที หลินยวนเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง?”
เยี่ยนอิงกล่าว “เป็นอย่างที่คนก่อนหน้านี้พูดไว้ค่ะ สถานที่จุดต่อไปมีคนเฝ้าอยู่จริงๆ ฐานที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งทางเหนือของพื้นที่เป้าหมาย พวกเราต้องอ้อมเข้าไปค่ะ”
หลินยวน “เข้าใกล้ได้ง่ายไหม?”
เยี่ยนอิง “น่าจะไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ดูแล้วเหมือนพวกเขาก็แค่มาเฝ้าสังเกตการณ์เช่นกัน ทุกคนรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน ไม่กล้าเดินเพ่นพ่านออกไปไหน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ เราหาทางเข้าลงไปใต้ดินก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่รถกลับซ่อนได้ยาก ทิ้งรถเถอะค่ะ จะได้ไม่ถูกเห็นเข้า ระหว่างทางยังต้องเตรียมของบางอย่างด้วย”
หลัวคังอันกล่าว “ฉันไปแล้วอาจจะช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าไงให้ฉันรอพวกนายอยู่ที่นี่ไหม?”
หลินยวนกล่าว “แกอย่าเอาแต่คิดจะหนีทุกครั้งที่เห็นอันตราย มีแต่ต้องคุ้นเคยกับมันถึงจะสามารถรับมือมันได้อย่างสุขุมเยือกเย็น ไปด้วยกัน โอกาสเรียนรู้แบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ถ้าแกไม่ไปสัมผัสมันด้วยตัวเอง เดี๋ยวถ้าเกิดมีคนมาตรวจสอบความจริงกับแก แกจะอธิบายไม่ได้”
สุดท้ายก็หลบไม่พ้น หลัวคังอันถอนหายใจเงียบๆ กลุ้มใจเป็นอย่างมาก สถานที่ที่จะไปมันคือสถานที่ที่แม้แต่สภาเซียนก็ยังต้องสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมากเลยนะ!
เยี่ยนอิงนับว่ามองออกแล้ว หมอนี่เทียบกับหลงซืออวี่แล้วเรียกได้ว่าเป็นคนละประเภทกันเลย หมอนี่เป็นพวกรักตัวกลัวตาย
เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหลงซืออวี่จึงรับคนแบบนี้เป็นลูกศิษย์ ประเด็นสำคัญคือมองไม่ออกเลยว่าหลงซืออวี่ได้สอนอะไรเขาไป แล้วก็ยังมีหลินยวนอีกคน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าใช้งานคนแบบหลัวคังอันด้วย
หลินยวนสั่งให้ออกเดินทางทันทีโดยไม่ลังเล
ทั้งกลุ่มบินออกไป เดินทางไปอย่างรวดเร็วโดยการอาศัยภูเขาและป่าไม้ช่วยกำบังให้ เยี่ยนอิงนำทางให้อยู่ข้างหน้า หลินยวนอยู่ข้างหลัง คุ้มกันหลัวคังอันที่ขี้ขลาดที่สุดและอ่อนแอที่สุดให้อยู่ตรงกลาง
ต้องยอมรับว่าฤทธิ์ของผลดำขาวมีประโยชน์อย่างมากเมื่ออยู่ที่นี่ สิ่งที่พวกเขามองเห็นล้วนเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงที่อยู่ภายใต้ภาพลวงตา สามารถหลบเลี่ยงอันตรายทั้งหมดที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ภาพที่สวยงามและเงียบสงบได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะไปปะทะเข้า
ระหว่างทางหลินยวนกับหลัวคังอันถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ต้องเตรียมที่เยี่ยนอิงพูดถึงคือการล่าสัตว์ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังกำชับไว้ด้วยว่าต้องมีขนาดที่ใหญ่มากพอ
ในเมื่อมันมีประโยชน์ ทั้งสองย่อมต้องทำตาม พวกเขาใส่สัตว์ที่ล่ามาแต่ละตัวไว้ในแหวนสารพัดนึก
โชคดีที่เป็นสัตว์ที่ตายแล้ว จึงไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นภายในแหวนสารพัดนึกนั้นไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้ โครงสร้างพื้นที่ที่พิเศษนั้น ทำให้อากาศภายในอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง หากโยนสิ่งที่มีชีวิตเข้าไป ร่างกายจะไม่สามารถดูดซับออกซิเจนได้ทันที แล้วก็จะตายลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อถามเยี่ยนอิงว่าต้องเตรียมเท่าไหร่ สิ่งที่เยี่ยนอิงบอกก็คือยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี
หลังใช้เวลาเตรียมการอยู่พักใหญ่ กระทั่งแน่ใจแล้วว่าเตรียมได้พอประมาณแล้ว เยี่ยนอิงถึงได้บอกให้หยุด ทั้งกลุ่มจึงเดินหน้ากันต่อ
เยี่ยนอิงมาสำรวจทางไว้ก่อนแล้ว ภายใต้การนำทางของเธอ ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงที่หมาย พวกเขาอ้อมไปถึงตรงจุดที่สำรวจเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหลบหนีเข้าไปในภูเขาแห่งหนึ่ง
ด้านล่างเป็นหุบเขาแห่งหนึ่ง มองครั้งแรกก็ไม่มีอะไร มีพืชพรรณหลากสี แกว่งไกวไปมา สภาพแวดล้อมดูสวยงาม แต่พอเพ่งมองดูดีๆ หลัวคังอันก็รู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมากขึ้นมาทันที
นั่นมันใช่พืชพรรณที่แกว่งไกวไปมาที่ไหนกัน หากแต่เป็นหนอนตัวสีเขียวเข้มที่ขนาดเท่าแขนกำลังขยับตัวไปมาอยู่ทั่วทุกที่ ไม่รู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ บนตัวของพวกมันจะมีจุดดำๆ อยู่ทั่วทั้งตัว มองแล้วน่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง
ที่หน้าผากของหนอนแต่ละตัวมีตาสีเขียวมันวาวอยู่ดวงหนึ่ง ในแววตาสาดประกายแวววาวที่ดูเป็นเอกลักษณ์
เยี่ยนอิงโบกมือตรงหน้าของทั้งสองคนเล็กน้อย พลางเอ่ยกำชับเบาๆ ว่า “ห้ามจ้องตาพวกมันนานๆ สายตาของพวกมันสามารถทำให้จิตใจคนเกิดความรู้สึกสับสนได้ สามารถล่อลวงสัตว์ให้เข้าไปใกล้พวกมันได้”
หลัวคังอันกระซิบถาม “นี่คือหนอนแห่งความฝันเหรอ?”
เยี่ยนอิงพยักหน้า จู่ๆ ก็ชี้ไปที่หนอนแห่งความฝันสามตัวที่คลานไปมาอยู่ในหุบเขา
หลัวคังอันเอ่ยอย่างสงสัย “สามตัวนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ใช้ภาพลวงตามาปกปิดตัวเอง พวกมันกำลังทำอะไร?”
เยี่ยนอิงชี้ไปในอากาศ
หลินยวนกับหลัวคังอันมองผ่านช่องว่างของยอดไม้ที่อยู่เหนือศีรษะพวกเขา เห็นนกขนาดใหญ่ตัวหนึ่งบินโฉบไปมาอยู่ในอากาศ
ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้ถามว่ามันหมายความว่าอะไร นกขนาดใหญ่ตัวนั้นก็พุ่งลงมา มันดิ่งตัวลงมาพร้อมกางกรงเล็บอันแหลมคมตะครุบเข้าไปที่หนอนแห่งความฝันสองตัว เป็นการล่าที่มีความแม่นยำอย่างมาก
แต่ในขณะที่นกขนาดใหญ่ตัวนั้นจับเหยื่อของมันไว้ได้และกำลังจะทะยานขึ้นไปในอากาศ พวกหนอนแห่งความฝันที่อยู่รอบๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาทั้งหมดทันที ทยอยดีดตัวออกไป มีเสียงฟุบๆๆ ดังระงมขึ้นมา
ความเร็วในการดีดตัวออกไปกลับไม่ธรรมดาเลย สามารถพุ่งตัวออกไปในระยะห่างหลายจั้งได้ในพริบตา อีกทั้งยังแม่นยำอย่างมากด้วย
นกขนาดใหญ่ตัวนั้นตกใจ ปล่อยเหยื่อของมัน พยายามกระพือปีกสุดชีวิต คิดอยากจะรีบหลบหนีไปจากตรงนี้
แต่หนอนแห่งความฝันที่กระโจนไปบนตัวของนกขนาดใหญ่ตัวนั้นได้อ้าปากอวบๆ ของมัน เผยให้เห็นคมเขี้ยวเต็มปากทันที เขี้ยวที่เรียงรายสะเปะสะปะเป็นชั้นๆ ขย้ำลงไปบนร่างของนกตัวนั้นอย่างรุนแรง
ฝูงหนอนแห่งความฝันกระโจนเข้าไปราวกับลูกธนู ไม่ว่าจะเป็นบนพื้น หรือว่าสองฝั่งของหุบเขาก็ล้วนแต่มีหนอนแห่งความฝันดีดตัวออกมาจากทุกทิศทาง ทำให้นกที่บินอยู่ในอากาศแบกรับน้ำหนักไม่ไหว ดิ้นรนจนตกลงพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวน หนอนแห่งความฝันที่รุมล้อมโจมตีก็เข้าไปกัดขย้ำอย่างบ้าคลั่ง
ไม่นาน นกที่ตกลงพื้นตัวนั้นก็ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว หนอนแห่งความฝันก็เริ่มกัดกินกันอย่างสำราญ เป็นฉากนองเลือดฉากหนึ่ง
ส่วนพวกหนอนแห่งความฝันที่เข้าไปแย่งชิงอาหารไม่ถึงกลับไม่ปล่อยแม้แต่กรงเล็บของนก ความแหลมคมของเขี้ยวที่มีอยู่เต็มปากนั้นก็นับว่าน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แม้แต่กระดูกก็ยังถูกเคี้ยวจนแหลกละเอียดแล้วกลืนลงไป
เยี่ยนอิงเรียกทั้งสองคน เธอเอาซากศพของสัตว์กว่าสิบตัวโยนลงไปในหุบเขาก่อน
มีอาหารตกลงมาจากฟ้า บรรยากาศการกินอย่างสำราญในหุบเขาก็ดุเดือดขึ้นมาทันที
“ของพวกท่านก็โยนลงไปทั้งหมดเหมือนกันค่ะ” เยี่ยนอิงเอ่ยเร่ง
หลินยวนลังเลเล็กน้อย “ทำแบบนี้จะทำให้หนอนแห่งความฝันพบเราหรือเปล่า?”
เยี่ยนอิงอธิบาย “หนอนแห่งความฝันพวกนี้นอกจากสัญชาตญาณเหล่านั้นแล้ว พวกมันไม่มีสมองค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ”
ในเมื่อเธอพูดมาแบบนี้ หลินยวนกับหลัวคังอันก็ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาเอาซากศพของสัตว์เหล่านั้นโยนลงไปในหุบเขา
ไม่นานภาพของการกินอย่างสำราญข้างล่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มีหนอนแห่งความฝันพ่นน้ำลายสีเขียวออกไปใส่ซากศพของสัตว์ตัวหนึ่ง จากนั้นหนอนแห่งความฝันที่อยู่ใกล้ๆ ก็ทยอยทำตาม
ไม่นานซากศพสัตว์สามตัวที่อยู่ด้วยกันก็ถูกน้ำลายสีเขียวนั้นปกคลุมจนหมด ถูกของเหลวเหนียวๆ สีเขียวห่อหุ้มเอาไว้ ดูแล้วน่าขยะแขยงจริงๆ
หลัวคังอันเอ่ยถาม “นี่พวกมันกำลังทำอะไร?”
สายตาของหลินยวนก็มีคำถามแบบเดียวกัน
เยี่ยนอิงกล่าว “ขอแค่มีฝูงหนอนแห่งความฝันอยู่ ก็ต้องมีนางพญาหนอน นางพญาหนอนแห่งความฝันจะซ่อนตัวอยู่ในรังนางพญา มีขนาดตัวที่ใหญ่มาก ไม่สามารถขยับตัวออกไปหาอาหารได้ ต้องพึ่งพวกหนอนแห่งความฝันคอยดูแล บางครั้งในสถานการณ์ที่อาหารไม่เพียงพอ มันก็จะเอากระทั่งหนอนแห่งความฝันมาเป็นอาหาร”
“ซากศพสัตว์สามตัวนี้จะถูกส่งไปที่รังของนางพญา ถ้าเราตามซากศพสัตว์นี้ไปก็จะเจอรังนางพญา และการที่เราตามกลิ่นเลือดบนร่างสัตว์นั้นไป มันก็จะทำให้หนอนแห่งความฝันไม่นึกสงสัย ทำให้พวกมันเข้าใจผิดว่าเป็นกลิ่นของอาหารที่พวกมันเอาไป พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือเรายืมซากศพพวกนั้นมาปกปิดกลิ่นของพวกเรานั่นเอง”
หลัวคังอันเข้าใจทันที “มิน่าล่ะคุณถึงให้ฆ่าสัตว์มาเยอะๆ แบบนี้เราก็สามารถหาช่องทางส่งอาหารที่ใหญ่มากพอให้เราเดินทางกันในใต้ดินได้น่ะสิ”
เยี่ยนอิงพยักหน้า “ปกติแล้วพวกมันจะต้องเคยล่าสัตว์ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ส่งกลับไปที่รังนางพญาแน่ ต้องมีเส้นทางที่สะดวกอยู่แน่นอน”
หลินยวนที่จ้องมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าเอ่ยขึ้นว่า “เริ่มแล้ว”
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ฝูงหนอนแห่งความฝันเริ่มลากเริ่มดันซากศพสัตว์ที่เต็มไปด้วยน้ำลายทั้งสามตัวนั้นไป คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะมีกำลังมากพอที่จะดึงซากศพสัตว์ที่ใหญ่ขนาดนั้นไปได้อย่างรวดเร็ว
เยี่ยนอิงส่งสัญญาณมือ ทั้งสามคนรีบเดินอ้อมตามไปอย่างหลบๆ ซ่อนๆ บนยอดเขาทันที หลังจากที่ซากศพทั้งสามถูกลากไปยังพื้นที่อื่น ทันใดนั้นก็มีหนอนแห่งความฝันจากพื้นที่อื่นพุ่งตัวเข้ามา คล้ายว่าจะแย่งชิงอาหาร แต่หลังจากที่สัมผัสได้ถึงน้ำลายที่ปกคลุมอยู่เต็มอาหาร พวกมันก็ค่อยๆ ถอยออกไป ไม่กล้าแย่งอาหารของนางพญาหนอน
หลัวคังอันมองอย่างประหลาดใจ สิ่งมีชีวิตแต่ละประเภทต่างมีวิถีในการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันไปจริงๆ
พวกหลัวคังอันที่ติดตามมามองเห็นถ้ำต่างๆ จำนวนไม่น้อยตามทางที่เดินมา แต่หนอนแห่งความฝันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จากคำพูดของเยี่ยนอิงก่อนหน้านี้ ถ้ำพวกนั้นจะต้องไม่ใช่เส้นทางที่ไปยังรังนางพญาแน่นอน
จากตรรกะนี้ หากมาเที่ยวตามหาสะเปะสะปะโดยไม่มีหนอนแห่งความฝันเหล่านี้คอยนำทางล่ะก็ เกรงว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะตามหาเส้นทางที่ถูกต้องเจอโดยไม่หลงทาง
ภายในหุบเขา หนอนแห่งความฝันลากซากศพไปหลายลี้แล้ว ในที่สุดมันก็ลากลงไปในถ้ำตรงหน้าผาแห่งหนึ่ง
“เจอแล้ว” เยี่ยนอิงเอ่ยเตือน แล้วเตือนทั้งสองคนอีกครั้ง “เดี๋ยวฉันจะสร้างภาพลวงตา ทำให้พวกมันมองไม่เห็นพวกเรา แต่ภาพลวงตาที่ทำให้หายตัวไปแบบนี้มีพื้นที่ในการปิดบังร่างกายที่จำกัด พวกท่านต้องตามฉันมาติดๆ พยายามก้าวฝีเท้าให้เบาที่สุด ขอแค่ไม่ส่งเสียงที่ผิดปกติจนชัดเจนเกินไป พวกหนอนแห่งความฝันที่ไม่มีสมองพวกนี้ก็ไม่มีทางรู้ตัวหรอกค่ะ ก็อย่างที่ฉันบอกไป ใต้ดินนั้นคือโลกที่กว้างใหญ่อีกแห่งหนึ่ง สภาพแวดล้อมมีความซับซ้อนอย่างมาก มีอันตรายอยู่รอบด้าน ถึงขั้นที่สามารถฆ่าคนได้โดยที่ไม่รู้ตัว อันตรายอย่างมาก พวกท่านจะต้องตามฉันมาติดๆ”
“แล้วก็อีกอย่าง อย่าให้ตัวอะไรในนี้กัดได้ เพราะว่าน้ำลายของสัตว์ในนี้ส่วนใหญ่จะทำให้ประสาทหลอนได้ สามารถทำให้คนสติฟั่นเฟือนได้เลย การกินผลดำขาวก็ยากที่จะบรรเทาอาการได้ในระยะเวลาสั้นๆ กว่าอาการจะทุเลาก็ไม่เหลือชีวิตอยู่แล้ว”
ทั้งสองคนพยักหน้าหงึกๆ หลัวคังอันฟังคำพูดของเธอจนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เขาไม่อยากไปเลย การเอาชีวิตไปเสี่ยงจะไปเรียนรู้อะไรอะไรได้ ประสาทหรือไง?
เมื่อเห็นอาหารกำลังจะถูกลากเข้าไปในถ้ำ เยี่ยนอิงก็สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง คลื่นดำมืดสายหนึ่งแผ่กระจายออกไปจากตัวเธอ ไปห่อหุ้มร่างของอีกสองคนเอาไว้
“ไปค่ะ” เยี่ยนอิงเรียก เธอบินลงไปบนหน้าผาก่อน ทั้งสองคนรีบตามหลังเธอไปติดๆ
………………………..……..