ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน – ตอนที่ 269 ฟื้น

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ตอนที่ 269 ฟื้น

เพียงชั่วพริบตา เรือนร่างที่ขาวเนียนและเปลือยเปล่าตรงหน้าทำให้ท่าทีของหลินยวนชะงักไป เขามองสำรวจเยี่ยนอิงตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยไม่รู้ตัว

ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือเยี่ยนอิงเตะเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งออกไป แล้วกระโจนเข้ามาด้วยท่าทางยั่วยวน

หลินยวนเบี่ยงตัวหลบ เยี่ยนอิงกระโจนไปที่กำแพง มือของหลินยวนวกกลับไปโจมตี นิ้วมือทั้งห้าบีบเข้าที่ด้านหลังลำคอของเธอ เยี่ยนอิงตาเหลือกล้มฟุบลงไปทันที

หลินยวนจับด้านหลังคอของเธอไว้ไม่ให้เธอล้มลงไป แล้วก็ไม่ได้ยื่นมือไปสัมผัสร่างกายของเธอด้วย หากแต่ยื่นมือไปหยิบแหวนสารพัดนึกของเธอขึ้นมา ดึงเอาเสื้อผ้าของเธอออกมาจากในนั้นหนึ่งชุด มันคือเสื้อคลุมตัวหนึ่ง ก่อนจะช่วยสวมให้เธออย่างรวดเร็ว จากนั้นถึงจะวางเธอลงกับพื้น ให้เยี่ยนอิงนั่งพิงที่กำแพงหิน

“ครึ่งชั่วยาม…” หลินยวนจ้องมองเยี่ยนอิงพลางพึมพำ จากนั้นบนพื้นทางด้านหลังก็มีเสียงหอบหายใจหืดหาดดังขึ้นมา

เมื่อหันกลับไปดู หลินยวนเห็นว่าหลัวคังอันที่อยู่บนพื้นลืมตาที่พร่ามัวขึ้นมา ได้สติขึ้นมาแล้ว

แต่ท่าทีดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ หน้าเขาแดงระเรื่อ จ้องมองมาที่หลินยวนด้วยดวงตาที่หิวกระหาย

หลัวคังอันยิ้มเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มดูค่อนข้างน่ากลัว ทั้งยังดูจู่โจมยิ่งกว่าเยี่ยนอิงเสียอีก เขายันตัวขึ้นมานั่ง จู่ๆ พลันกอดต้นขาของหลินยวนเอาไว้ จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งลูบไปบนต้นขาของหลินยวน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็กำลังจะดึงเสื้อผ้าของตนเองออก

ป๊าบ! เสียงตบดังฟังชัด

หลินยวนฟาดฝ่ามือไปที่หน้าหลัวคังอันจนเขาสลบลงไปกองกับพื้น ฟาดไปโดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย เพราะเขาขยะแขยงเกินจะทนไหวจริงๆ

ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก จะต้องเป็นเพราะหมอกสีชมพูนั่นเหมือนกันแน่นอน

หลังจากใช้พลังตรวจสอบสภาพร่างกายของทั้งสองคนอีกครั้ง เขาก็เข้าใจแล้วว่าพิษของหมอกสีชมพูออกฤทธิ์เป็นอย่างไร มันมีฤทธิ์เพิ่มสมรรถภาพทางเพศอย่างรุนแรง

เขาเองก็นั่งขัดสมาธิลงเช่นกัน ระมัดระวังรอบด้านอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องทั้งสองคน รอพวกเขาฟื้นขึ้นมาอย่างเงียบๆ

จู่ๆ เธอพลันลุกพรวดขึ้นมา จ้องมองไปทางหลินยวนด้วยสายตาดุร้าย ในแววตาเผยให้เห็นถึงความคิดที่จะสังหาร

หลินยวนกล่าวนิ่งๆ “เสื้อผ้านั่นเธอเป็นคนกระชากออกเอง วางใจได้ ฉันไม่ได้แตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ”

เยี่ยนอิงใช้พลังตรวจสอบร่างกายตนเองทันที เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้แตะต้องร่างกายตนเองหรือเปล่า เมื่อตรวจดูก็พบว่าตนไม่ได้ถูกล่วงละเมิดอะไรจริงๆ แต่เธอกลับโมโหเป็นอย่างมาก “ฉันบอกแล้วว่าสภาพแวดล้อมใต้ดินมันซับซ้อนมาก แล้วก็อันตรายอย่างมาก ใครบอกให้ท่านเที่ยวเดินไปไหนมาไหนส่งเดชคะ?” ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ ถ้าท่านไม่เดินไปไหนมาไหนส่งเดชจะเกิดเรื่องแบบนี้เหรอ?

หลินยวนเงียบ ไม่อธิบายอะไร ถึงอธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงกล่าวเพียงว่า “ไปแต่งตัวเถอะ อีกเดี๋ยวหลัวคังอันก็น่าจะฟื้นแล้ว”

เยี่ยนอิงเหลือบมองหลัวคังอันที่อยู่บนพื้น ฟันสีเงินของเธอกัดริมฝีปาก ไม่ได้ชักช้ารีรออีก เดินไกลออกไปหน่อย ใช้พลังเจาะโพรงบนผนัง มุดตัวเข้าไปแล้วปิดปากโพรงนั้น

เมื่อหลบเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่มีคน เธอก็ยกสองมือขึ้นปิดหน้าทันที รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เธอสามารถจินตนาการถึงภาพตนเองทำตัวแย่ๆ ออกเลย คาดว่าคนคนนั้นคงจะเห็นทั้งในสิ่งที่ควรเห็นและไม่ควรเห็นจนหมดแล้ว

จากนั้นเธอก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าท่ามกลางความมืดมิด กระทั่งในเวลานี้แล้ว เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงฤทธิ์ของพิษที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ในใจยังคงมีความรู้สึกวูบวาบอยู่เล็กน้อย

ตอนที่ออกมาจากโพรงอีกครั้ง เธอเดินออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ คนฉลาดก็ต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว

เมื่อเห็นหลัวคังอันยังไม่ฟื้น เธอจึงเก็บเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งที่อยู่บนพื้นก่อน จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิอยู่เงียบๆ

ใครจะไปรู้ว่าหลินยวนจะทำลายความเงียบขึ้นมาในเวลานี้ เขาเอ่ยถาม “เมื่อก่อนเธอเคยถูกพิษนี้เหรอ?”

เยี่ยนอิงรีบอธิบาย “ตอนครั้งแรกที่เจอ ฉันมากับสาวใช้สองคน เป็นผู้หญิงกันหมด มันจะมีเรื่องอะไรได้คะ?”

ในบทสนทนาของทั้งสองคนแฝงความหมายลึกซึ้งอยู่ เอาเป็นว่าต่างคนต่างเข้าใจกัน

หลังจากภายในบริเวณนั้นเงียบไปได้พักหนึ่ง เยี่ยนอิงก็มองไปที่กำไลบนข้อมือของหลินยวน “กำไลข้อมือนั่นคืออะไรคะ?”

หลินยวน “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เยี่ยนอิง “ดูเหมือนว่าหมอกสีชมพูนั่นจะไม่มีผลอะไรกับท่านเลย”

หลินยวนนิ่งเงียบ ถูกต้อง พวกสิ่งที่ต้องไหลไปตามลมปราณอะไรแบบนี้มันทำอะไรเขาไม่ได้ เดิมทีวิชาและลมปราณที่อยู่ในร่างกายของเขามันก็สามารถเอาชนะของพวกนี้ได้อยู่แล้ว พวกลูกไม้ตื้นๆ อย่างยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศอะไรทำนองนี้ยากที่จะไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาได้ ถ้าไม่ใช่พวกพิษชนิดพิเศษที่สามารถกลืนกินสภาวะได้อย่างพวกพิษผนึกมารอะไรแบบนั้น มันก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยจริงๆ

เยี่ยนอิงกล่าว “แล้วก็ยังมีค้างคาวไฟพวกนั้นอีก แม้แต่ฉันก็ยังโดนพวกมันเล่นงานในชั่วพริบตา แต่ท่านกลับไม่เป็นไร ดูเหมือนพลังที่ท่านฝึกฝนมาจะไม่ธรรมดา อาจารย์ของท่านคือใครคะ ไม่ทราบว่าฉันรู้จักหรือเปล่า?”

หลินยวนส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่อยากอธิบาย ของบางอย่างมันไม่มีทางอธิบายได้เลยจริงๆ กำไลข้อมือนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรเขาก็ไม่รู้ มันเป็นของที่อาจารย์ลึกลับคนนั้นให้มา บอกให้เขาขยันฝึกพลังเพื่อควบคุมมัน

หลังจากที่ไปจากเมืองปู๋เชวี่ยในปีนั้น เขาใช้กำไลข้อมือนี้ไม่บ่อยเท่าไหร่ เพราะว่ากำไลข้อมือนี้ควบคุมลำบากมาก การจะควบคุมเชือกที่แทบจะมองไม่เห็นนั้นอย่างชำนาญนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ถ้าไม่ระวังจะทำให้ตนเองบาดเจ็บเอาได้

กระทั่งเขาควบคุมมันได้อย่างชำนาญแล้ว สภาวะของตนเองก็เพิ่มขึ้นด้วย ในเวลาส่วนใหญ่จึงแทบจะไม่ได้ใช้เจ้าสิ่งนี้เลย

ส่วนเรื่องที่ว่าอาจารย์ของตนเองคือใคร เขาเองก็อยากรู้เช่นกัน แต่เขาไม่รู้เลยจริงๆ ทว่าเขามั่นใจได้ว่าน่าจะเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มผู้อาวุโสรุ่นก่อน

เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด เยี่ยนอิงจึงเข้าใจผิดว่าเขาอยากจะเก็บเป็นความลับ เธอเองก็เข้าใจได้ แล้วก็ไม่ถามต่อ แต่สุดท้ายยังคงกล่าวไปว่า “ขอบคุณค่ะ”

หลินยวนประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเธอขอบคุณอะไร

เยี่ยนอิงมองปฏิกิริยาของเขา พลางกล่าวเสริม “ที่ถูกพวกค้างคาวไฟเล่นงาน ถ้าไม่ได้ท่านลงมือช่วยเหลือ ฉันเองก็คงตายไปแล้ว” สรุปแล้วคือเธอขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตตนเองไว้

หลินยวนกล่าว “เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว สภาพใต้ดินนี้ซับซ้อนจริงๆ ฉันยังต้องการให้เธอช่วยตามหาดวงตาแห่งความฝันอยู่ อีกอย่างเราก็คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องขอบคุณหรอก”

คนกันเอง? เยี่ยนอิงลอบถอนใจ ดูท่าขี่หลังเสือแล้วคงจะลงไม่ได้แล้ว ตัวเองรู้ตัวตนของคนเหล่านี้แล้ว พวกเขาไม่มีทางปล่อยตนเองไป

เธอนึกเสียใจ ก่อนหน้านี้ไม่ควรไปบีบให้อีกฝ่ายเปิดเผยตัวตนเลย

ความจริงแล้วเรื่องที่เธอเอาแต่คิดวนเวียนอยู่ภายในหัวก็คือภาพที่ตนเองวิ่งเข้าไปกอดอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ อยากจะทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นก็เป็นไปได้ยาก ตนเองอดคิดถึงมันไม่ได้เลย

พอนึกถึงว่าตนเองเปลือยกายอยู่ต่อหน้าของเขา ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ถูกเขาเห็นไปหมดแล้ว มันช่างน่ากระอักกระอ่วนจริงๆ ความจริงที่เธอพยายามชวนคุยอยู่ในเวลานี้ก็เพราะอยากจะปกปิดความกระอักกระอ่วนนั้นเอาไว้

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเงียบไปได้สักพัก หลัวคังอันก็ฟื้นขึ้นมา พบว่าตนเองนอนอยู่บนพื้น จากนั้นเขาเงยหน้ามอง เห็นว่าหลินยวนกับเยี่ยนอิงก็อยู่ด้วย จึงรู้สึกโล่งอกทันที รีบลุกขึ้นยืน

แต่พอลุกขึ้นมา เขาก็ต้องร้อง ‘ไอหยา’ ออกมาทันที พบว่าตนเองกลายเป็นคนเดินกะโผลกกะเผลกไปแล้ว ถึงได้รู้ว่าต้นขาของตนเองได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเอ่ยถาม “นี่ฉันเป็นอะไร?”

หลินยวนก็ลุกยืนขึ้นเช่นกัน “ค้างคาวไฟโจมตีแก”

เขาไม่มีทางบอกความจริงอีกฝ่ายหรอกว่าที่อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ เป็นเพราะว่าถูกเอามาใช้เป็นโล่กำบังเพื่อปกป้องเยี่ยนอิง เขาไม่ได้ใจดีขนาดนั้น

หลัวคังอันอุทานตกใจขึ้นมาทันที “ค้างคาวไฟ? สัตว์ที่นี่ประหลาดมาก ฉันไม่ได้ถูกพิษอะไรใช่ไหม?”

หลินยวน “ไม่เป็นไรแล้ว จัดการให้แกไปแล้ว”

หลัวคังอันใช้พลังตรวจสอบครู่หนึ่ง พบว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ถึงได้โล่งอก แต่จากนั้นก็พบว่าบนหน้ามีความผิดปกติ เขายกมือขึ้นจับดู แล้วกล่าวอย่างตกใจ “ทำไมหน้าฉันบวมล่ะ?”

แก้มด้านหนึ่งของเขาบวมขึ้นมาจริงๆ เยี่ยนอิงเห็นรอยฝ่ามือที่ปูดบวมขึ้นมาบนหน้าของเขาอย่างชัดเจน

หลินยวน “ไม่ตายหรอก ผู้ชายอกสามศอก ได้รับบาดเจ็บแค่นี้มีอะไรน่าตกใจ?”

“เห้อ!” หลัวคังอันถอนหายใจ เรื่องได้รับบาดเจ็บเนี่ย ตอนนี้เขาชินแล้วจริงๆ ความสามารถในการแบกรับนั้นไม่ธรรมดาแล้ว

เยี่ยนอิงก็ลุกขึ้นด้วย “ยังจะไปตามหาต่อไหมคะ?”

หลัวคังอันใช้พลังประเมินสภาพร่างกายตนเอง เขาบาดเจ็บตรงเนื้อหนังบางส่วนจริงๆ หากจะไปตามหาต่อก็น่าจะไม่ส่งผลกระทบเท่าไหร่ แต่สายตาสังเกตไปที่เยี่ยนอิงโดยไม่ตั้งใจ เหมือนว่าพบอะไรบางอย่าง จึงกล่าวอย่างแปลกใจ “ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่?”

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยขนาดไหน ทั่วไปแล้วผู้ชายก็ไม่มีทางไปสนใจหรอกว่าเธอจะแต่งชุดอะไร โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่เป็นประเภทเดียวกัน ปกติแล้วผู้ชายจะแยกแยะไม่ค่อยได้ ผู้ชายที่มีนิสัยแบบนี้ได้ก็ต้องเป็นผู้ชายที่ชอบตามไล่จีบผู้หญิงเหมือนหลัวคังอันนี่แหละ ดังนั้นเขาจึงสังเกตเห็น

ช่างเป็นการพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูดจริงๆ เยี่ยนอิงทั้งอับอายและโมโห เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา

หลินยวนเปลี่ยนประเด็น “เส้นทางของหนอนแห่งความฝันไปทางนี้พอดี”

เยี่ยนอิงใช้พลังตรวจสอบดู พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอเอ่ยเรียกขึ้นมาอีกครั้ง “ไปกันค่ะ!”

ทั้งสามคนเดินไปตามทาง แล้วเลี้ยวตรงทางแยกหนึ่งระหว่างทาง เส้นทางหนอนแห่งความฝันไม่ได้ตรงไปทางงูโฉมงามทางนั้น ก่อนหน้านี้หลินยวนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็เลยไปตรวจสอบสถานการณ์ดูเท่านั้นเอง

หลัวคังอันที่เดินกะโผลกกะเผลกพลาดประสบการณ์บางอย่างไป นี่เป็นเพราะว่าเขาปากมาก เดิมทีหลินยวนก็คิดจะบอกเรื่องงูโฉมงามให้เขาได้รู้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะสังเกตเห็นพอดีว่าเยี่ยนอิงเปลี่ยนเสื้อผ้า แบบนี้ถ้าเล่าเรื่องงูโฉมงามไป เกรงว่าคงยากที่หลัวคังอันจะไม่เข้าใจผิด เขาจึงทำได้เพียงไม่เอ่ยถึง

โชคดีที่หลังจากนั้นยังมีอีกหลายครั้งที่ได้พบกับงูโฉมงาม เขาจึงอธิบายให้หลัวคังอันรู้

ระหว่างทางพวกเขาเจอมดไฟที่คล้ายมาตามสืบบ้างประปราย ทั้งสามคนไม่พูดพร่ำทำเพลง ฆ่าทิ้งจนหมด!

เจอปุ๊บฆ่าปั๊บ

ยิ่งไปกว่านั้นยังเข้าไปในเขตที่อยู่อาศัยของแมงมุมคุณยายอีก ทั้งสามคนจึงเอาไฟเผาทำลายทิ้งไป

พวกสัตว์อย่างค้างคาวไฟ มังกรเกราะเหล็ก ก็มีปรากฏตัวอยู่บ้างเป็นระยะในเขตที่ต่างกัน ทั้งสามคนมีประสบการณ์ในการรับมือกับสัตว์พวกนี้มาแล้ว ย่อมไม่มีปัญหาอะไร

เยี่ยนอิงยังบอกเลยว่าโชคดี มาหาถูกที่แล้ว จุดนี้ง่ายกว่าจุดที่เธอเคยไปเมื่อในอดีต

ในตอนที่พื้นที่ขนาดใหญ่ที่แทบจะกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกหาแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ เธอก็ตกตะลึงไปเช่นกัน

ในจุดที่สายตาสามารถมองเห็น ทั่วทุกที่มีพืชเรืองแสงอยู่ ราวกับว่าโลกอีกแห่งหนึ่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา

เสียงปะทะดังสนั่น ทำให้ทั้งสามคนได้สติขึ้นมา ภายในป่าเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย มังกรเกราะเหล็กฝูงหนึ่งกำลังล้อมโจมตีสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ตัวหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายวัวหรือไม่ก็หมาป่า หางขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดตัวนั้นกวัดแกว่ง ฟาดมังกรเกราะเหล็กที่มาวุ่นวายกระเด็นออกไป มังกรเกราะเหล็กที่ล้มลงไปก็ยังลุกขึ้นมาล้อมโจมตีต่ออีก

ทันใดนั้น บนท้องฟ้ามีแสงเลือนลางตกลงมา สีสันของแสงนั้นงดงามราวกับแสงออโรร่า มีสีสันหลากหลาย ค่อยๆ ลอยเอื่อยลงมาที่พื้น ปกคลุมไปจนทั่ว

เยี่ยนอิงประหลาดใจ โบกมือเรียก “มันคือลิงหินดูดกลืน รีบถอยเข้าไปในถ้ำ อย่าให้ถูกแสงเข้านะ”

ทั้งสามรีบถอยไปในถ้ำทันที

ฝูงมังกรเกราะเหล็กกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นที่กำลังต่อสู้กันอยู่เหมือนจะถูกแสงนั้นทำให้ตกใจ พากันหนีกระเจิงไปทันที

แต่แสงเลือนลางนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ดูคล้ายสายหมอกที่ลอยล่องขึ้นไปด้านบนอย่างต่อเนื่อง สัตว์ประหลาดฝูงหนึ่งที่ต่อสู้กันส่งเสียงกรีดร้องในระหว่างที่วิ่งหนี ตรงปาก จมูกและบนบาดแผลของพวกมันมีบางอย่างลอยออกมาไม่หยุด เหมือนจะเป็นเลือดเนื้อที่สลายกลายเป็นละออง ไม่นานก็วิ่งต่อไปไม่ได้ ล้มลงไปดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น

ตึง! พื้นดินสั่นสะเทือน เงาร่างขนาดใหญ่ที่แสร้งปลอมตัวเป็นหินเกาะอยู่บนเพดานถ้ำกระโดดลงมาจากด้านบน กระแทกลงมาบนพื้น ปากดูดกลืนสิ่งที่ลอยออกมาจากตัวสัตว์เหล่านั้น

กระทั่งร่างของสัตว์ประหลาดที่ต่อสู้กันพวกนั้นแห้งเหี่ยวไป ร่างของลิงยักษ์ที่เหมือนกับก้อนหินแกะสลักก็แหงนมองขึ้นไปด้านบนแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ แสงเลือนลางทั้งหมดถูกสูดเข้าไปในปากมันทันที

หลินยวนกับหลัวคังอันมองหน้ากัน

เยี่ยนอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่ง “ลิงหินดูดกลืนเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฉันเคยเจอในโลกใต้ดิน”

ลิงยักษ์มีสีหน้าพึงพอใจ ดวงตาที่สาดประกายสีดำกวาดมองไปรอบๆ ค่อยๆ ย่างเท้าหมุนตัว ก่อนจะก้าวเดินออกไป แต่ทันใดนั้นเอง ประกายสายฟ้าหลายสายก็พุ่งลงมาจากด้านบนอย่างรวดเร็ว แทบจะโจมตีใส่ลิงยักษ์นั้นในเวลาเดียวกัน

……………………………………………………………………

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน

Status: Ongoing
อดีตแมงดาหวนคืนสู่มาตุภูมิในรอบ 300 ปี หวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่าง แต่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูลเทพมหาวิญญาณและการชิงอำนาจจนเสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตน?!อีก 1 ผลงานใหม่จากนักเขียนระดับแพลตตินัมของ Qidian ‘เยวี่ยเชียนโฉว’ผู้เขียนเรื่อง < พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า > และ < ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า >ณ แดนเซียนในยุคปัจจุบัน‘หลินยวน’ อดีตแมงดา เดินทางกลับมายังมาตุภูมิพร้อมกับตัวตนใหม่ด้วยหวังจะใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องบางอย่างแต่ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเข้าไปทำงานในบริษัทของคนรักเก่าที่เขาเคยหลอกใช้ในฐานะผู้ช่วยของ ‘หลัวคังอัน’ จอมลวงโลกที่โกหกว่าตัวเองคือผู้ทำให้ ‘ป้าหวัง’ 1 ใน 13 มารสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลินยวนต้องเข้าไปพัวพันกับการประมูล ‘เทพมหาวิญญาณ’ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลและการชิงอำนาจระหว่างตระกูลจนเสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท