รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 706 หลี่จิ่วเต้าผู้ผิดหวัง!

บทที่ 706 หลี่จิ่วเต้าผู้ผิดหวัง!

บท​ที่​ 706 ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ผู้​ผิดหวัง​!

เริ่ม​จาก​สิ่งมีชีวิต​ไม่ทราบ​นาม​หก​ตน​ทะลวง​มิติ​ค่าย​กล​ได้​อย่าง​แข็งกร้าว​ เข้าไป​ถึงเขา​เฟิ่งหวา​ จน​เป็นที่​ตะลึง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ข้างนอก​

ทว่า​บัดนี้​ สถานการณ์​ของ​พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ยิ่ง​ชวน​ให้​จับตามอง​เข้าไป​ใหญ่​!

เด็ก​ ๆ เก้า​คน​ที่​ดู​อายุ​ไม่กี่​ขวบ​ปี​ แต่กลับ​ดุดัน​แข็งแกร่ง​กว่า​สิ่งมีชีวิต​ตน​ไหน ๆ​ ไม่ว่า​อสูร​ตัว​ใด​บุก​เข้ามา​ ก็​ถูก​กำจัด​ไป​ใน​พริบตา​!

เด็ก​เหล่านี้​ทรงพลัง​กว่า​พยัคฆ์​ดำ​มาก​นัก​ ไม่ว่า​คน​ไหน​ต่าง​บดขยี้​พยัคฆ์​ดำ​ได้​ ก็​มิได้​อยู่​ใน​ระดับ​เดียวกัน​เลย​!

พวกเขา​ไม่อาจ​เชื่อได้​ลง​ จะให้​เชื่อได้​อย่างไร​?

เด็ก​อายุ​ไม่กี่​ขวบ​ปี​ ต่อให้​เริ่ม​ฝึกฝน​ตั้งแต่​ใน​ครรภ์​มารดา​ก็​ไม่มีทาง​ถึงระดับ​นี้​ได้​!

ทว่า​ความจริง​ก็​เป็น​เช่นนั้น​ เด็ก​อายุ​ไม่กี่​ขวบ​ปี​ดุดัน​เหลือคณา​ ซ้ำยัง​มิใช่แค่​คนเดียว​ หาก​แต่​ดุดัน​เหมือนกัน​หมด​ทั้ง​เก้า​คน​!

จน​พวกเขา​เริ่ม​มีความรู้สึก​เพี้ยน​ ๆ ว่า​ การฝึกฝน​นั้น​ง่ายดาย​เหมือน​ดื่ม​น้ำ​กินข้าว​ บำเพ็ญ​ส่ง ๆ ก็​บรรลุ​ขอบเขต​สูงส่งได้​…

แต่​พวกเขา​รู้ดี​ว่า​นี่​เป็น​เพียง​ความรู้สึก​เพี้ยน​ ๆ ซ้ำยัง​เป็น​ความรู้สึก​เพี้ยน​ ๆ ที่​ร้ายแรง​มาก​อีกด้วย​

ฝึกฝน​นั้น​ง่าย​ที่ไหน​ ยากเย็น​จน​น่า​สิ้นหวัง​ การ​บรรลุ​นักบุญ​ก็​ถือเป็น​ความเพ้อฝัน​ที่​แทบ​ไม่เห็น​ความหวัง​แล้ว​ ยิ่ง​ไม่ต้อง​เอ่ยถึง​ขอบเขต​เหนือ​นักบุญ​ขึ้นไป​…

“คน​ผู้​นั้น​เป็น​ปุถุชน​หรือ​? เป็นไปไม่ได้​กระมัง​! ม้ามังกร​ที่​เขา​ขี่​น่ากลัว​ยิ่งนัก​! เปลวเพลิง​ที่​อ้า​ปาก​พ่น​ออกมา​แผดเผา​อสูร​ร้าย​ที่​บุกเข้าไป​ได้​!”

ใครคนหนึ่ง​หัน​มอง​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ และ​เอ่ย​ด้วย​เสียง​สั่นเครือ​

คน​กลุ่ม​นี้​ล้วน​เป็น​ปีศาจ​ใน​หมู่​ปีศาจ​ กระทั่ง​สัตว์​ขี่​ที่​ใช้เป็น​พาหนะ​ยัง​เหลือเชื่อ​ถึงเพียงนี้​ กำลัง​รบ​ไร้​เทียมทาน​ ไม่รู้​ว่า​ขอบเขต​พลัง​ที่​มีสูงส่งขนาด​ไหน​!

ไม่มีผู้ใด​ใน​กลุ่ม​พวกเขา​สัมผัส​คลื่น​พลัง​จาก​ตัว​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ได้​ กระนั้น​ ก็​ไม่มีผู้ใด​ใน​กลุ่ม​พวกเขา​มองว่า​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​เป็น​เพียง​ปุถุชน​ผู้​ไร้​พลัง​

ปุถุชน​จะขี่ม้า​มังกร​อัน​น่า​สะพรึง​เช่นนี้​ได้​หรือ​

เป็นไปได้​อย่างไร​กัน​!

ไม่ต้องสงสัย​เลย​ว่า​ ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ต้อง​แข็งแกร่ง​อย่างยิ่งยวด​ ที่​พวกเขา​สัมผัส​คลื่น​พลัง​ปราณ​จาก​ตัว​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ไม่ได้​สัก​เศษเสี้ยว​ นั่น​เพราะ​ขอบเขต​พลัง​ของ​พวกเขา​ต่ำต้อย​เกินไป​

“ข้า​นึกออก​แล้ว​ พวกเขา​นี่เอง​!”

“ข้า​ก็​นึกออก​แล้ว​!”

“นั่น​คือ​พุทธ​บุตร​ใน​ยุค​นี้​ของ​พุทธศาสนา​ ส่วน​เด็ก​คนอื่น​ ๆ และ​ผู้​ที่​ขี่​อยู่​บน​ม้ามังกร​เคย​ปรากฏตัว​ที่​เขา​หย​งหมิง​!”

คน​จำนวน​ไม่น้อย​จำภูมิหลัง​ของ​ต้าเต๋อ​ และ​กลุ่ม​เด็ก​ ๆ ของ​พวก​อ้าย​ฉาน​ได้​ ทั้ง​ยัง​นึกออก​อีก​ด้วยว่า​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ เซี่ยเหยียน​ รวมถึง​คนอื่น​ ๆ เป็น​ใคร​

ครานั้น​ที่​เขา​หย​งหมิง​ พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​เป็นที่​จับตา​ของ​ทุก​หมู่​เหล่า​ นอก​จากห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ คนอื่น​ ๆ ต่าง​เคย​สำแดง​ฤทธิ์เดช​อัน​น่ากลัว​

“น่า​สะพรึง​เกินไป​แล้ว​! ครานั้น​ พวกเขา​อำพราง​พลัง​ หรือ​ก้าวหน้า​อย่าง​รวดเร็ว​อย่าง​น่า​เหลือเชื่อ​ใน​ภายหลัง​กัน​แน่​ ถึงได้​มีพลัง​น่า​ครั่นคร้าม​เฉกเช่น​ตอนนี้​”

เทียบ​กับ​ใน​อดีต​ พวก​เซี่ยเหยียน​ อ้าย​ฉาน​ใน​ตอนนี้​ทวี​ความ​น่ากลัว​ขึ้น​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ สิ่งมีชีวิต​ข้างนอก​ต่าง​ทึ่ง​จน​ไม่อาจ​ทึ่ง​ไป​กว่า​นี้​ได้​อีก​

พวกเขา​รู้สึก​ว่า​ ต่อให้​เป็นยอด​นิกาย​ ก็​ไร้​น้ำยา​เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​พวก​เซี่ยเหยียน​ ห่าง​ชั้น​กัน​ไกลโข​ น่ากลัว​ว่า​ไม่ว่า​คนใด​ใน​กลุ่ม​เซี่ยเหยียน​ต่าง​สามารถ​กำจัด​ยอด​นิกาย​ทั้งหมด​ได้​ง่ายดาย​!

ใช่แล้ว​!

แม้แต่​ยอด​นิกาย​ทั้งหมด​นั่น​ ก็​มิใช่ยอด​นิกาย​ที่​สมานฉันท์​เป็นหนึ่ง​

พวกเขา​รู้สึก​ว่า​ ต่อให้​ยอด​นิกาย​ทั้งหมด​รวมตัว​ด้วยกัน​ ก็​มิใช่คู่มือ​ของ​ใครก็ตาม​ใน​กลุ่ม​ของ​เซี่ยเหยียน​ ความ​ห่าง​ชั้น​นั้น​ชัดเจน​แจ่มแจ้ง!

ภายใน​มิติ​ค่าย​กล​

เดิมที​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ยัง​ตั้งใจ​จะลงมือ​ แต่​ดู​จาก​สถานการณ์​แล้ว​ ไม่ต้อง​ให้​ถึงมือ​เขา​เลย​ อ้าย​ฉาน​ ต้าเต๋อ​ และ​คนอื่น​ ๆ ก็​จัดการ​อสูร​ร้าย​ที่​บุก​เข้ามา​ได้​แล้ว​ แม้แต่​เซี่ยเหยียน​ก็​ยัง​ไม่ค่อย​ได้​ลงมือ​เท่าใด​นัก​

‘สิ่งใด​หรือ​คือ​อัจฉริยะ​ เด็ก​เหล่านี้​อย่างไรเล่า​!’

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​สะท้อนใจ​

พรสวรรค์​การฝึกฝน​ของ​พวก​อ้าย​ฉาน​ และ​ต้าเต๋อ​สูงส่งยิ่งนัก​ แม้ว่า​อายุ​ยัง​น้อย​ กระนั้น​ความสำเร็จ​ใน​ด้าน​ฝึก​ตน​กลับ​เหนือกว่า​ผู้ฝึก​ตน​อาวุโส​เหล่านั้น​ไป​ไกล​แล้ว​

นี่​ถือเป็น​สุดยอด​อัจฉริยะ​ หรือ​ก็​คือ​อัจฉริยะ​สะท้าน​โลกันตร์​ที่​ผู้ฝึก​ตน​มัก​ติดปาก​อยู่​เสมอ​กระมัง​!

เสียง​ระเบิด​ดัง​ไม่หยุดหย่อน​ เด็ก​ ๆ อย่าง​พวก​อ้าย​ฉาน​ ต้าเต๋อ​ต่อสู้​อยู่​แนวหน้า​สุด​ ทะลวง​เปิดทาง​อัน​โชกเลือด​ออกมา​ จน​พวกเขา​ทะลุ​ผ่าน​มิติ​ค่าย​กล​ เข้าไป​ยัง​เขา​เฟิ่งหวา​สำเร็จ​

“นี่​หรือ​คือ​ผู้​ที่​นาย​ท่าน​รอ​อยู่​”

อวิ๋น​เยียน​มอง​ร่าง​ของ​พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​แล้ว​คิด​เงียบ ๆ​ ใน​ใจ

อีก​ด้าน​ พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​เข้า​มาถึงภายใน​เขา​เฟิ่งหวา​

‘จะใช่ซีหรือไม่​’

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​รู้สึก​คาดหวัง​นิดหน่อย​ เขา​หวัง​ว่า​จะได้​พบ​ซี

ที่นี่​ยัง​เป็น​เพียง​ตีนเขา​ของ​เขา​เฟิ่งหวา​ เขา​กระโดด​ลง​จาก​หลัง​กิเลน​ไฟ เดินเท้า​ขึ้นไป​เหมือน​พวก​ลั่วสุ่ย​ ขี่​กิเลน​ไฟขึ้น​เขา​ดูจะ​ไร้​มารยาท​เกินไป​

พวกเขา​ก้าว​ข้าม​บันได​เขา​ จน​สุดท้าย​ก็​มาอยู่​หน้า​ตำหนัก​อัน​อบอวล​ไป​ด้วย​กลิ่นอาย​โบราณ​ ที่นี่​เป็น​ลาน​กว้าง​ขนาดใหญ่​ สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​ที่​ฝ่าผ่าน​มิติ​ค่าย​กล​มาได้​ก่อน​ก็​อยู่​ที่นี่​ด้วย​

หลังจาก​พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​มาถึง สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​ก็​พา​กัน​มอง​พวกเขา​

นัยน์ตา​พวกเขา​ต่าง​มีประกาย​ประหลาด​อัน​ยาก​จะสังเกตเห็น​วาววับ​ เห็นได้ชัด​ว่า​คิดไม่ถึง​ว่า​จะมีคน​เข้ามา​ได้​มากมาย​ปานนี้​

‘ขอบเขต​อัน​ใด​กัน​?’

พวกเขา​ต่าง​ตะลึงงัน​ แข็งแกร่ง​ระดับ​พวกเขา​ ยัง​สัมผัส​ไม่ได้​ถึงขอบเขต​พลัง​ที่​แท้จริง​ของ​พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​!

กลุ่ม​ของ​พวก​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ ไม่ว่า​ผู้ใด​ต่าง​ก็​มีพลัง​พิเศษ​บางอย่าง​ห่อหุ้ม​ตัว​ไว้​ กีดขวาง​ญาณสัมผัส​ของ​พวกเขา​

ทว่า​เมื่อ​ลอง​คิดดู​แล้ว​ พวกเขา​ก็​สงบใจ​ลง​ได้​

ผู้​ที่​ผ่าน​ด่าน​มิติ​ค่าย​กล​นั้น​มาได้​ ไฉน​เลย​จะธรรมดา​ หาก​ไม่มีพลัง​มาก​พอ​ ก็​ไม่มีทางผ่าน​ด่าน​มิติ​ค่าย​กล​นั้น​มาได้​เลย​

และ​พลัง​ที่​มาก​พอ​ จะต้อง​อยู่​เหนือ​ขอบเขต​เซียน​ขึ้นไป​

พวกเขา​ผ่าน​มิติ​ค่าย​กล​นั้น​มาด้วย​ตนเอง​ รู้ดี​ว่าการ​จะผ่าน​มิติ​ค่าย​กล​นั้น​ต้อง​มีพลัง​ระดับ​ไหน​ มีเพียง​กำลัง​รบ​เหนือ​เซียน​ขึ้นไป​เท่านั้น​ถึงผ่าน​มาได้​ หาก​อยู่​ใต้​เซียน​ เกรง​ว่า​แม้แต่​ครึ่ง​ก้าว​เทียน​ตี้​ก็​มิไหว​!

ใน​มิติ​ค่าย​กล​นั้น​เต็มไปด้วย​พลัง​ค่าย​กล​ ไม่มีจุดบอด​สัก​ที่​ คิด​จะผ่าน​ด่าน​โดย​อาศัย​โชค​นั้น​เป็นไปไม่ได้​เลย​ ไม่ว่า​ผ่าน​เส้นทาง​ไหน​ ล้วน​ต้อง​พบ​เจอ​กับ​การถล่ม​จาก​พลัง​ค่าย​กล​

นี่​คือ​ค่าย​กล​ระดับ​เซียน​อย่าง​แท้จริง​ สิ่งมีชีวิต​ใต้​ระดับ​เซียน​ไม่มีทางผ่าน​ไป​ได้​

ใช่แล้ว​

พลัง​ของ​สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​นี้​อยู่​เหนือ​ระดับ​เซียน​ ซ้ำยัง​เหนือกว่า​เซียน​ไป​ไกล​ด้วย​ เพราะ​อย่างนั้น​ ยาม​อยู่​ใน​ค่าย​กล​ระดับ​เซียน​นี้​ถึงได้​สบาย​ไร้​แรงกดดัน​

แม้ว่า​พวก​อ้าย​ฉาน​ ต้าเต๋อ​ยัง​ไม่บรรลุ​เซียน​ ทว่า​พลัง​ใน​ตัว​พวกเขา​นั้น​ไม่ธรรมดา​ วิเศษ​กว่า​พลัง​ข้างนอก​นั่น​มาก​ ซ้ำวิชาอาคม​ที่​พวกเขา​มีก็​ล้วนแล้ว​ไม่ธรรมดา​ เป็น​ถึงมหา​วิชา​

หาก​เทียบ​กัน​จริง ๆ​ พวกเขา​มิได้​ด้อย​ไป​กว่า​เซียน​เลย​ ซ้ำยัง​แข็งแกร่ง​กว่า​เซียน​หลาย​ตน​ด้วย​

สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​ตระหนักถึง​ข้อ​นี้​ดี​ เพราะ​อย่างนั้น​ ถึงสงบใจ​ลง​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​

ใน​อาณาจักร​แห่ง​นี้​ ผู้​ที่​บรรลุ​เซียน​ได้​ย่อม​ไม่ธรรมดา​ มีฝีมือ​ขนาดที่​กีดกัน​ญาณสัมผัส​ผู้อื่น​ได้​ก็​นับว่า​ปกติ​

อย่างเช่น​พวกเขา​ พวกเขา​ต่าง​ไม่ธรรมดา​ มาจาก​อาณาจักร​อัน​น่าทึ่ง​ มีฝีมือ​พอ​จะกีดกัน​ญาณสัมผัส​ผู้อื่น​เช่นกัน​ ไม่มีทาง​เปิดเผย​ขอบเขต​พลัง​ที่​แท้จริง​ของ​ตัวเอง​ให้​ผู้อื่น​รู้​

อนิจจา​ นั่น​เป็น​เพียง​การ​ทึกทัก​เอา​เอง​ของ​พวกเขา​เท่านั้น​

พวกเขา​คิด​ว่า​พวกเขา​กีดกัน​ญาณสัมผัส​ของ​ผู้อื่น​ไป​แล้ว​ แท้จริง​แล้ว​หาใช่เช่นนั้น​ไม่ อย่างนั้น​ก็​มิใช่สำหรับ​ลั่วสุ่ย​

ลั่วสุ่ย​แข็งแกร่ง​เกินไป​ ซ้ำยัง​โดดเด่น​ด้าน​พลัง​วิญญาณ​ นาง​สัมผัส​ถึงขอบเขต​ของ​สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​ตน​นี้​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ว่า​อยู่​ระดับ​ไหน​

ขอบเขต​ของ​สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​ไม่เท่ากัน​ กระนั้น​ต่าง​ก็​แข็งแกร่ง​สุดยอด​กัน​ถ้วนหน้า​ ผู้​ที่​ขอบเขต​ต่ำ​ที่สุด​ยังอยู่​ขั้น​จ้าว​แห่ง​เซียน​ ซ้ำยังมี​ยอด​เซียน​ตน​หนึ่ง​อยู่​ด้วย​!

มาจาก​ที่ใด​กัน​?

ภพ​เซียน​หรือ​?

ลั่วสุ่ย​คิดในใจ​ นาง​ไม่คิด​ว่า​สิ่งมีชีวิต​ท้องถิ่น​ใน​อาณาจักร​นี้​จะบำเพ็ญ​ถึงขอบเขต​สูงส่งเช่นนี้​ได้​ สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​นี้​ต้อง​มาจาก​ข้างนอก​นั่น​แน่นอน​

สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​มิได้​สนทนา​กัน​ คล้าย​ว่า​กำลัง​ระแวง​กันและกัน​มากกว่า​ ต่าง​คน​ต่าง​มีความคิด​ของ​ตนเอง​

แอ๊ด​!

เวลา​นั้น​เอง​ ประตู​ใหญ่​ของ​โถงหลัก​ค่อย ๆ​ เปิด​ออก​ สตรี​งามพิลาส​นาง​หนึ่ง​เดิน​ออกมา​

นาง​เป็น​สตรี​โฉมสะคราญ​ รูปร่าง​สูงเพรียว​ ดวง​หน้า​พิถีพิถัน​ไร้​ที่​ติ​ นัยน์ตา​คู่​นั้น​แวววาว​นุ่มนวล​ชวน​หลงใหล​

บุคลิก​โดดเด่น​ มีแสงเซียน​วนเวียน​บาง​ ๆ อยู่​รอบตัว​ ท่าทาง​สูงส่งเป็น​ที่สุด​ ราวกับ​ตัดขาด​จาก​ฆราวาส​ไป​แล้ว​

“สวัสดี​สหาย​ทั้งหลาย​”

นาง​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​เบาบาง​ สุ้มเสียง​อ่อนหวาน​น่าฟัง​ ประดุจ​เสียง​จาก​สวรรค์​

สิ่งมีชีวิต​ทั้ง​หก​มิเอ่ย​วาจา​ ยังคง​ระแวง​กันและกัน​ พวกเขา​ไม่อยาก​เผย​ตื้นลึกหนาบาง​ของ​ตัวเอง​ออก​ไป​ก่อน​

“เฮ้อ​…”

หลัง​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ได้​เห็น​นาง​เซียน​งามพิลาส​ผู้​นั้น​ ก็​ถอนหายใจ​ออกมา​เสียงดัง​

เขา​คิด​มากเกินไป​ นาง​เซียน​งามพิลาส​ผู้​นี้​มิใช่ซี…

ก่อนหน้านี้​ เขา​คาดหวัง​สูงเกินไป​ คิด​ไป​ว่า​นาง​เซียน​งามพิลาส​แห่ง​เขา​เฟิ่งหวา​ต้อง​ใช่ซีแน่นอน​ ทว่า​หา​ใช่เช่นนั้น​ไม่ นี่​ทำให้​เขา​รู้สึก​ผิดหวัง​ขึ้น​มาอย่าง​มาก​

“เหตุใด​สหาย​ถึงถอนหายใจ​หรือ​”

นาง​เซียน​งามพิลาส​หัน​มอง​ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ พลาง​เอ่ย​ถามเสียง​เบา​

ภายนอก​นาง​ดูเหมือน​ไม่มีอะไร​ ทว่า​ใน​ใจรู้สึก​ไม่สบอารมณ์​ขึ้น​มานิดหน่อย​

หลัง​ได้​พบ​นาง​ก็​ถอนหายใจ​ ทำ​เช่นนี้​หมายความว่า​อย่างไร​

หรือว่า​นาง​…ขี้เหร่​หรือ​?

“เปล่า​”

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​ส่าย​หัว​ “ข้า​เพียงแต่​นึก​บางอย่าง​ขึ้น​ได้​ มิได้​เกี่ยว​อัน​ใด​กับ​นาง​เซียน​”

เขา​เอ่ย​ต่อ​ “พวก​ท่าน​สนทนา​กัน​ไป​เถิด​ ข้า​เป็น​เพียง​ปุถุชน​ผู้​หนึ่ง​ มิสู้จะเข้าใจ​การ​ฝึก​ตน​ของ​พวก​ท่าน​เท่าใด​ ขอ​ไม่อยู่​วุ่นวาย​ที่​นี้​แล้วกัน​”

จากนั้น​ เขา​กล่าว​ลา​นาง​เซียน​งามพิลาส​ผู้​นั้น​ “ข้า​ไป​เดินเล่น​รอบ​ ๆ นี้​หน่อย​”

ไม่ได้​พบ​ซี เขา​รู้สึก​อารมณ์ไม่ดี​จริง ๆ​ แม้จะเตรียมใจ​ไว้​แล้ว​ว่า​อาจ​ไม่ได้​พบ​ซี กระนั้น​ก็​ยัง​รู้สึก​หมองหม่น​อย่า​งอด​มิได้​

ปุถุชน​รึ​?

นาง​เซียน​งามพิลาส​หัวเราะ​ใน​ใจ ไย​คน​ผู้​นี้​ต้อง​เสแสร้ง​ให้​นาง​ดู​ด้วย​

ทว่า​นาง​มิได้​ใส่ใจ บอก​ไป​คำ​หนึ่ง​ “ตามสบาย​”

ห​ลี่​จิ่ว​เต้า​พยักหน้า​ ไป​จาก​ที่นี่​ตามลำพัง​ วน​เล่น​อยู่​ใน​เขา​เฟิ่งหวา​

“ซี…เมื่อใด​จะได้​พบ​เจ้า!”

เขา​ทอดถอนใจ​หนักหน่วง​ ความคิด​คะนึง​ถึงซีโถมทับ​จิตใจ​อย่าง​ห้าม​ไม่อยู่​อีกครั้ง​ ใน​ใจของ​เขา​ ซีสำคัญ​อย่างยิ่งยวด​

คุณชาย​ไป​ง่าย ๆ​ เช่นนี้​เลย​หรือ​

พวก​ลั่วสุ่ย​ต่าง​งุนงง​กัน​หมด​ กระนั้น​พวกเขา​ก็​อยู่​ต่อ​ แม้ไม่รู้​ว่า​ต้อง​สนทนา​เรื่อง​ใด​กับ​นาง​เซียน​งามพิลาส​ผู้​นี้​ก็ตาม​

แต่​คุณชาย​กล่าว​ไว้​แล้ว​ ให้​พวกเขา​อยู่​สนทนา​กับ​นาง​เซียน​งามพิลาส​ผู้​นี้​ คิด​แล้ว​คง​มีความหมาย​ลึกซึ้ง​ใด​แฝงอยู่​

“สหาย​หรือ​”

ลั่วสุ่ย​ยิ้ม​เย็น​ใน​ใจ จุดประสงค์​ของ​นาง​เซียน​งามพิลาส​ผู้​นี้​ต้อง​ไม่ธรรมดา​แน่​!

เทศนา​หลัก​เต๋า​อะไร​กัน​ น่ากลัว​ว่า​ความจริง​คง​มิใช่เช่นนี้​

หาก​คิด​จะเทศนา​หลัก​เต๋า​กัน​จริง ๆ​ ไย​ต้อง​เรียก​ว่า​สหาย​ สรรพนาม​สหาย​ใช้เรียก​ผู้​ที่​มีฐานะ​เท่าเทียมกัน​มิใช่หรือ​…

ลำพัง​สรรพนาม​นี้​ก็​สะท้อน​ให้​เห็น​ถึงปัญหา​แล้ว​!

มิหนำซ้ำ​ มิติ​ค่าย​กล​ที่​นาง​เซียน​งามพิลาส​ผู้​นี้​ตั้งขึ้น​ยัง​สยดสยอง​ปาน​นั้น​ หาก​มิใช่เซียน​ย่อม​ไม่มีทางผ่าน​ได้​ นั่น​ยิ่ง​บ่งบอกถึง​ปัญหา​!

เห็นได้ชัด​ว่า​ นาง​เซียน​งามพิลาส​ผู้​นี้​มีจุดประสงค์​อื่น​แอบแฝง​ มิได้คิด​เทศนา​หลัก​เต๋า​จริง ๆ​…

มิฉะนั้น​ เหตุใด​เกณฑ์​การ​เข้า​ถึงที่​น​นี่​จึงกำหนด​ไว้​สูงเช่นนี้​?!

มิใช่เซียน​ผ่าน​ไม่ได้​!

เป็นไปไม่ได้​เลย​!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท