ตอนที่ 11 กางเกงชั้นในของเซ่อเจิ้งหวางก่อให้เกิดข้อถกเถียง / ตอนที่ 12 ท่านใต้เท้าเอ็นดูข้า
ตอนที่ 11 กางเกงชั้นในของเซ่อเจิ้งหวางก่อให้เกิดข้อถกเถียง
“จบกัน จบเห่แล้ว! ถ้าถูกเจ้าเส้นเลือดน้อยเจอตัวเข้า เขาจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แน่ๆ!”
เฟิงอู๋โยวอุทานอย่างตื่นตระหนก แต่ก็ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
นางยิงเข็มเงินออกจากชายแขนเสื้อทั้งสองข้างเพื่อดับเปลวเทียนบนผนัง ครั้นภายในเรือนดับมืด ก็รีบกระโดดจากด้านหลังผนังกั้นไม้ขึ้นไปบนคานหลังคาอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า
กว่าจวินมั่วหรันจะจุดเทียนภายในเรือนขึ้นอีกครั้ง เฟิงอู๋โยวก็ไม่อยู่แล้ว บนพื้นเหลือเพียงกางเกงชั้นในเปื้อนเลือดทิ้งไว้เพียงหนึ่งตัว
เขาหยิบชิ้นผ้าบนพื้นขึ้นมาและยื่นจมูกเข้าไปดมลึกๆ หนึ่งเฮือก
“กลิ่นเลือด”
“ดูเหมือนจะมีกลิ่นสตรีผู้นั้นเหลืออยู่…”
ประสาทสัมผัสรับกลิ่นของจวินมั่วหรันเฉียบคมยิ่งนัก เขารู้ขึ้นมาทันทีว่ากางเกงชั้นในของตัวเองถูกเฟิงอู๋โยวกระทำมิดีมิร้าย ทำเอานิสัยรักความสะอาดของเขากำเริบทันทีและเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น มือของจวินมั่วหรันที่ถือกระบี่อยู่เกิดสั่นเทิ้ม ใบหน้าขาวนวลดุจหยกพลันถอดสีลงทันที
ครั้นเถี่ยโส่ววิ่งหน้าตั้งกอดหนังสือ ‘วรรณคดีเรื่องความฝันในหอแดง’ เขาก็น้ำลายฟูมปากล้มลงพื้นแล้ว
“ท่านใต้เท้า อาการเก่ากำเริบอีกแล้วหรือขอรับ”
เถี่ยโส่ววิ่งเข้ามาอย่างลนลาน เขามองดูจวินมั่วหรันในสภาพอ่อนแอสุดขีดอย่างตื่นตระหนก
“ค้นหาให้ทั่วตำหนัก จับเป็นเท่านั้น หากจับได้จงเฉือนเนื้อพันหมื่นชิ้นจนกว่าจะสิ้นใจตาย”
จวินมั่วหรันเพิ่งจะพูดจบ ก็เป็นลมหมดสติคาอ้อมแขนของเถี่ยโส่วทันที อาจเป็นเพราะโมโหจนลมจับ
เหนือขึ้นไปบนคานหลังคา เฟิงอู๋โยวได้ยินเพียงคำว่า ‘เฉือนเนื้อพันหมื่นชิ้นจนกว่าจะสิ้นใจตาย’ นางก็รู้สึกคับแค้นในขึ้นมาทันที
นางสำนักผิดถึงการกระทำของตัวเอง จึงไม่อยากถือสาเขาและไม่อยากเก็บมาใส่ใจ แต่เห็นได้ชัดว่าจวินมั่วหรันต้องการตัดทุกทางรอดของนางอย่างไม่ปราณี ดังนั้น นางจะไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่งของเขาแน่นอน
และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ในเมื่อจวินมั่วหรันออกคำสั่งให้ค้นหาทั่วตำหนัก ทำให้นางไม่สามารถหลบซ่อนตัวเพื่อเล่นสนุกอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฟิงอู๋โยวก็อาศัยจังหวะช่วงที่เถี่ยโส่วหามจวินมั่วหรันออกจากเรือนมั่วหรัน กระโดดลงมาจากคานหลังคาอย่างรวดเร็ว
นางฝนหมึก หยิบพู่กันและละเลงวาดภาพลงไปบนกางเกงชั้นในของจวินมั่วหรัน
ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลารวดเร็วราวกับเพียงแค่หนึ่งห้วงลมหายใจ
หลังจากนั้น เฟิงอู๋โยวก็หยิบเอาวัตถุโบราณที่ไม่ทราบที่มาจากภายในเรือน และใช้ผ้าห่อมันเอาติดมือไปด้วย
ครั้นแสงอรุณสาดส่องยามฟ้าสางในเช้าวันต่อมา
เหนือประตูป้อมปราการเมืองหลวงของแคว้นตงหลิน มีกางเกงชั้นในของเซ่อเจิ้งหวางที่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรใหญ่เบ้อเร่อเท่อว่า ‘จวินมั่วหรัน’ ถูกแขวนแขวนแทนธงศึกแคว้นตงหลิน มันกำลังโบกสะบัดต้อนรับแสงอรุณ
ประชาชนแหงนหน้ามอง ทุกคนล้วนตกตะลึงในการกระทำอันน่าตกใจของจวินมั่วหรันกันทั่วหน้า เสียงซุบซิบถึงรูปหมูน้อยดูทะเล้นที่ถูกวาดอยู่บนกางเกงชั้นในของจวินมั่วหรันเริ่มดังระงม
“นั่นเป็นกางเกงชั้นในของท่านใต้เท้าจริงหรือ”
“ทั่วใต้หล้าจะมีใครกล้าแขวนกางเกงชั้นในไว้หน้าประตูป้อมแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เซ่อเจิ้งหวางแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก”
“จะว่าไปก็ใช่ แต่หมูตัวนั้นบนกางเกงชั้นในหมายความว่าเยี่ยงไรกันแน่”
“หรือว่าตรงนั้นของเซ่อเจิ้งหวางไม่เหมือนของคนอื่น”
…
เฟิงอู๋โยวที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางฝูงคนฟังเสียงซุบซิบอย่างระรื่นหู แถมยังไม่ลืมที่จะร่วมวงด้วย “หมูบนกางเกงชั้นในของเซ่อเจิ้งหวางไม่ใช่หมูธรรมดาเชียวนะ เพราะมันชื่อหมูน้อยเพ่ยฉี[1]”
“สหาย เจ้ารู้จักหมูตัวนั้นด้วยหรือ” มีเสียงเอ่ยถามเฟิงอู๋โยวอย่างสงสัยมาจากท่ามกลางฝูงชน
เฟิงอู๋โยวจึงยิ้มกลับอย่างมีเล่ห์นัย “ความลับของสวรรค์มิอาจแพร่งพราย[2]”
เมื่อพูดจบ นางก็จากไปด้วยท่าทีหงุดหงิด
เหนือประตูเมืองขึ้นไป ไป๋หลี่เหอเจ๋อกำลังมองดูเงาร่างของเฟิงอู๋โยวที่กำลังคล้อยจากไป จากนั้นมุมปากของเขาก็ค่อยๆ ยกกระดกขึ้น
ด้านหลังไป๋หลี่เหอเจ๋อ มีทหารเฝ้าป้อมเมืองที่เข้าเวรกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด นิ้วสั่นระริกของเขาชี้ไปที่กางเกงชั้นในที่โบกสะบัดอยู่กลางอากาศ เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าหวาดหวั่น เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผาก “ท่านกั๋วซือ ขอรับ แบบ…แบบนี้จะทำเยี่ยงไรดีขอรับ”
“แขวนไว้แบบนั้นเพื่อปัดเป่าเภทภัยแล้วกัน” ไป๋หลี่เหอเจ๋อตอบกลับอย่างสบายใจ แววเจ้าเล่ห์ที่ซ้อนเร้นอยู่ที่มุมปากกลับเด่นชัดยิ่งกว่าเดิม
ตอนที่ 12 ท่านใต้เท้าเอ็นดูข้า
“ปัด ปัดเป่าเภทภัย”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อจากไปอย่างสบายใจ ทหารเฝ้าป้อมเมืองหันกลับไปมองรูปลูกหมูบนกางเกงชั้นในอีกครั้ง
เขารู้สึกว่าวันนี้มันช่างประหลาดยิ่งนัก จู่ๆ เซ่อเจิ้งหวางผู้เลือดเย็นเด็ดขาดได้นำกางเกงชั้นในมาแขวนไว้บนป้อมปราการ ต่อมากั๋วซือผู้ยิ่งใหญ่เยี่ยงเซียนดันไปกล่าวชื่นชมการกระทำอันป่าเถื่อนเกี่ยวกับอาภรณ์ของเซ่อเจิ้งหวาง
“ขอเทพเจ้าจงคุ้มครองด้วยเถิด วันนี้ข้าผู้น้อยโชคดีได้พบพานสองขั้วอำนาจในเวลาไล่เลี่ยกัน ช่างสุขใจยิ่งนัก นับเป็นเกียรติอันล้นพัน!” ทหารเฝ้าป้อมเมืองเงยหน้าพนมมือไหว้ท้องฟ้า น้ำตาแห่งความปลื้มปีติพลันหลั่งริน
ณ ด้านล่างประตูเมือง องค์ชายเฉินหรือจี้มั่วจื่อเฉิน เงยหน้ามองขึ้นไปก็ถึงกับตกใจราวกับเห็นผี เมื่อได้เห็นกางเกงชั้นในโบกสะบัดตามแรงลมอยู่บนป้อมปราการ
“ไม่นึกว่าทั่วใต้หล้านี้จะมีไพร่ที่กล้าดีมากระตุกหนวดเสือเยี่ยงนี้”
จี้มั่วจื่อเฉินไม่เชื่อว่าจวินมั่วหรันจะเอากางเกงชั้นในของตัวเองมาแขวนไว้บนป้อมปราการแบบนี้ เรื่องนี้ทำเอาเขาประหลาดใจยิ่งนัก คงมีแต่เทพเจ้าผู้สูงศักดิ์เท่านั้นที่ทำได้ ไพร่ผู้นั้นช่างไม่คิดเสียดายชีวิต ช่างริอาจยั่วยุเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินผู้ขึ้นชื่อเรื่องความวิปลาส
ฉึบ
จี้มั่วจื่อเฉินง้างธนูสอยยิงกางเกงชั้นในของจวินมั่วหรันที่แขวนอวดผู้คนอยู่บนป้อมปราการลงทันที
ฮัดชิ้ว
เฟิงอู๋โยวจามหลายครั้งติดกัน พร้อมกับอยู่ๆ หนังตาก็กระตุกรัวๆ
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร วันนี้นางมีลางสังหรณ์ว่าตัวเองจะประสบเคราะห์ร้ายครั้งใหญ่
“หรือว่าเจ้าเส้นเลือดน้อยนั่นจะตามมา”
เฟิงอู๋โยวเกิดหวั่นใจ นางจึงหยุดชะงักฝีเท้าและหันกลับไปมองด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
ฟุบ
เสี้ยวพริบตาที่นางหันกลับไป กางเกงชั้นในของจวินมั่วหรันก็ปลิวมาตามแรงลมและปะทะใบหน้าของนางอย่างจัง
“นี่! เจ้านั้นแหละ รีบส่งกางเกงชั้นในนั่นมาให้ข้าเร็วเข้า”
จี้มั่วจื่อเฉินควบม้าวิ่งมาทางเฟิงอู๋โยวก่อนยื่นมือออกมา
เมื่อดวงตาเรียวๆ ของเฟิงอู๋โยวเหลือบเห็นธนูที่อยู่ในมือจี้มั่วจื่อเฉิน ในใจเกิดโมโหขึ้นมาทันที “ผู้อื่นง้างธนูยิงนกเหยี่ยวอย่างยิ่งใหญ่งามสง่า แต่ดูเจ้าสิกลับมายิงของพรรค์นี้ ช่างโง่เขลเบาปัญญาเสียจริง”
“เจ้าตายแน่ ริอาจเรียกกางเกงชั้นในของอาหรันว่าของพรรค์นี้!”
จี้มั่วจื่อเฉินที่นั่งอยู่บนอานม้าเอื้อม มือคว้ากางเกงชั้นในที่ติดอยู่บนรัดเกล้าหยกของเฟิงอู๋โยวไปทันที
เฟิงอู๋โยวสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของจี้มั่วจื่อเฉินกับจวินมั่วหรันไม่ธรรมดา นางจึงไม่ยุ่งกับเขาไปมากกว่านี้ ครั้นแล้วจึงใช้มือตบท้องม้าที่เขาขี่อยู่ ทำเอามันตกใจจนวิ่งพรวดไปหลายสิบเมตรภายในชั่วพริบตา
“นี่ เหตุใดเจ้าถึงลอบกัดข้าเยี่ยงนี้ จงบอกชื่อเจ้ามาเดี๋ยวนี้!” จี้มั่วจื่อเฉินกำเชือกควบม้าในมือแน่น เขาหันกลับมาตะโกนในขณะที่ม้าวิ่งพรวดออกไปเป็นร้อยเมตรแล้ว
“ข้าไม่ใช่คนโง่ ไฉนต้องบอกเจ้า”
เฟิงอู๋โยวยิ้มส่งจี้มั่วจื่อเฉินที่ขี่ม้าไปไกลสุดสายตา จากนั้นก็ถือวัตถุโบราณที่หยิบติดมือมาจากตำหนักเซ่อเจิ้งหวางมุ่งหน้าไปที่โรงรับจำนำที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงของแคว้นตงหลิน
“เถ้าแก่ จะรับหยกอำพันหวงเถียน[3]ชั้นดีหรือไม่”
เฟิงอู๋โยวเดินอ้อมผนังกั้นไม้แกะสลักในโรงรับนำจำเข้าไปหาเถ้าแก่ จากนั้นหยิบวัตถุโบราณที่ทำจากหินหยกออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางต่อหน้าเถ้าแก่
เถ้าแก่โรงรับจำนำหรี่ตามองพินิจหยกอำพันหวงเถียนที่เฟิงอู๋โยวนำมา ก่อนเผยสีหน้ายินดีออกมา “รับ! ห้ามต่อราคา ทั้งหมดสองร้อยตำลึงเงิน”
เฟิงอู๋โยวรู้ดีว่าหยกก้อนนี้ได้ราคามากกว่าสองร้อยตำลึงเงินแน่นอน แต่นางไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเถ้าแก่โรงรับจำนำ
เพราะถึงเยี่ยงไรวัตถุโบราณชิ้นนี้ก็ไม่ใช่ของนางตั้งแต่แรก
“เช่นนั้นลองดูนี่หน่อย กล่องหยกแปดช่องใบนี้ได้ราคาเท่าไหร่”
เฟิงอู๋โยวควักของมีค่าออกมาอีกหนึ่งชิ้น พลางถามเถ้าแก่โรงรับจำนำด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อน
ทว่าเถ้าแก่โรงรับจำนำยังไม่ทันยื่นมือออกไปรับ กล่องหยกแปดช่องในมือเฟิงอู๋โยวก็ถูกจี้มั่วอิ้นเหรินที่อยู่ข้างๆ แย่งตัดหน้าไป
“เจ้าได้มาจากไหน”
จี้มั่วอิ้นเหรินถามเฟิงอู๋โยวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงเคร่งขรึม
ภายในใจของเฟิงอู๋โยวเกิดฉุกคิดขึ้นมาทันที ลักษณะของจี้มั่วอิ้นเหรินคล้ายกับจี้มั่วจื่อเฉิน สงสัยคงเป็นขุนนางในวังเหมือนกันแน่ๆ
แต่นางกลับไม่รู้สึกภัยคุกคามใดๆ จากชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ นางกระพริบตาสองสามครั้งก่อนตอบออกไปอย่างเป็นกันเอง “สหายให้มา”
“สหายกระนั้นหรือ ตามที่ข้ารู้มา เซ่อเจิ้งหวางไม่ชอบคบมิตรสหาย ยิ่งไปกว่านั้น ก็ไม่ชอบมอบสิ่งของให้แก่ผู้ใด แล้วจะมอบกล่องหยกแปดช่องล้ำค่าเช่นนี้ให้เจ้าได้เยี่ยงไร” จี้มั่วอิ้นเหรินส่ายหน้าไม่มา เขาไม่เชื่อคำกล่าวของเฟิงอู๋โยว
“เรื่องนี้เจ้าต้องถามเซ่อเจิ้งหวางเอง ข้าไม่ใช่เซ่อเจิ้งหวาง ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าเซ่อเจิ้งหวางเอ็นดูข้า”
“เจ้ากำลังบอกว่าเซ่อเจิ้งหวางเอ็นดูเจ้ากระนั้นหรือ”
จี้มั่วอิ้นเหรินพูดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ เขาขยี้ตามองอีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ยังมองไม่เห็นอะไรในตัวเฟิงอู๋โยวที่โดดเด่นมากพอจะทำให้จวินมั่วหรันสนใจได้
[1] หมูน้อยเพ่ยฉี เป็นชื่อตัวละครจากการตูนเรื่องเปปป้าพิก
[2] ความลับของสวรรค์มิอาจแพร่งพราย หมายความว่าเรื่องราวในโลกล้วนถูกลิขิตโดยสวรรค์ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยก่อนเวลาอันควร คือเมื่อลิขิตแล้วถึงเวลาที่จะต้องเป็นไปเช่นไรก็ต้องเกิดขึ้นไปตามนั้น
[3] หยกอำพันหวงเถียน คือหินหยกสีเหลืองอ่อนไปจนถึงเหลืองเข้มจากหมู่บ้านหวงเถียน