จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1291-1295

บทที่ 1291-1295

บทที่ 1291 : หนึ่งปีผ่านไป (5)
  นัยน์ตากลมโตของเด็กน้อยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ นางมองไป๋หยานด้วยความเสียใจ
  “หม่ามี้ พี่รองกินเก่งมาก เขาแย่งอาหารทั้งหมดที่จิ้งจอกฟ้าเตรียมไว้ให้หลิงเอ๋อ ฮือ… หลิงเอ๋อไม่ชอบพี่รองแล้ว … ” หลิงเอ๋อน้อยยกมือเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ของตนขึ้นขยี้ตา แววตาของนางเศร้าสร้อยแลดูน่าสงสารจริง ๆ
  “หลิงเอ๋อเด็กดี… เดี๋ยวแม่ให้จิ้งจอกฟ้าช่วยหาผลไม้ให้เจ้าใหม่นะ”
  แววตาของไป๋หยานอ่อนโยน
  ทุกคราที่นางเห็นเด็กน้อย ความหม่นมัวในใจของนางพลันสลายหายสิ้น
  อย่างไรก็ตาม…
  เมื่อนางหวนนึกถึงพลังแค้นที่เคยอยู่ในร่างของไป๋เสี่ยวเฉิน หัวใจของนางก็กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานกว่าหนึ่งปีแล้วก็ตามที ทว่านางก็ไม่อาจลืมเลือนได้เลย
  “หม่ามี้ หม่ามี้ หลิงเอ๋อต้องการพี่ใหญ่ หลิงเอ๋อจะเอาพี่ใหญ่” หลิงเอ๋อน้อยชูนิ้วเล็ก ๆ ของนาง แก้มเล็ก ๆ ของนางป่อง ขนตาของนางงอนมาก และนางก็กล่าวต่อว่า “หลิงเอ๋อได้ยินป๊ะป๋าบอกว่า พี่ใหญ่ชอบหลิงเอ๋อมาก ดังนั้นพี่ใหญ่จะต้องไม่ขโมยผลไม้ของหลิงเอ๋ออย่างแน่นอน”
  ในใจของหลิงเอ๋อน้อย ผู้ที่ขโมยอาหารของนางคือคนเลว !
  หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้าน นางหวนนึกถึงไป๋เสี่ยวเฉินที่ยังคงหลับใหล พลันหัวใจของนางก็ปวดร้าว “หลิงเอ๋อ เราไปดูพี่ใหญ่ของเจ้ากันเถิด เขาชอบ หลิงเอ๋อมาก หากหลิงเอ๋อคุยกับเขามาก ๆ บางทีเขาอาจจะตื่นเร็วขึ้น”
  เวลาก็ล่วงผ่านมาเนิ่นนานมากแล้ว เฉินเอ๋อควรจะตื่นได้แล้ว …
  หลิงเอ๋อน้อยยังคงเดินเซไปเซมาเล็กน้อย มือเล็ก ๆ ของนางจับนิ้วของไป๋หยานพลางก้าวเดินอย่างยากลำบาก
  ไม่นานหลังจากที่นางพยายามเดิน นางก็เหนื่อยมาก นางจึงเหยียดแขนสองข้างไปทางไป๋หยาน
  “หม่ามี้ อุ้ม อุ้มหน่อย”
  ไป๋หยานก้มลงมองหลิงเอ๋อน้อย “ตอนอายุเท่านี้ พี่ใหญ่ของเจ้าสามารถเดินได้อย่างมั่นคงแล้ว เจ้าเองก็เป็นสัตว์อสูรเช่นกัน เหตุใดเจ้าถึงยังเดินเซไปเซมาอยู่เช่นนี้ ทั้งที่อายุก็ครบหนึ่งปีแล้ว ?”
  ปากของหลิงเอ๋อน้อยกระตุก นัยน์ตากลมโตชุ่มฉ่ำของนางจับจ้องมองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร
  “หม่ามี้ อุ้ม”
  ไป๋หยานมองท่าทางที่น่าสงสารของเด็กน้อยก็อดใจอ่อนมิได้ หากแต่ก่อนที่นางจะทันอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยนั้น สัตว์อสูรที่อยู่ข้าง ๆ ก็ทนไม่ได้กับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของหลิงเอ๋อน้อย มันพยายามที่จะให้หลิงเอ๋อน้อยขึ้นขี่หลัง
  สัตว์อสูรตัวอื่นอีกหลายตัวต่างก็ทนไม่ได้เช่นกัน พวกมันก้าวมาข้างหน้าอย่างลังเล จากนั้นก็โน้มตัวลงตรงหน้าหลิงเอ๋อน้อย
  ใบหน้าของไป๋หยานพลันดำคล้ำ
  ที่สุด…นางก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดหลิงเอ๋อ และเทียนเทียนถึงยังเดินไม่ตรงทางสักที …
  ก็สัตว์อสูรเหล่านี้ ไม่ยอมปล่อยให้ทั้งคู่เดินบนพื้นเลยน่ะสิ ?
  แม้ว่าหลิงเอ๋อ และเทียนเทียนจะมีสายเลือดของสัตว์อสูร หากพวกเขาไม่เรียนรู้ที่จะก้าวเดินด้วยตนเอง แต่ละก้าวย่างของพวกเขาก็จะไม่มั่นคง
  “หลิงเอ๋อ เดินเอง”
  ไป๋หยานหดแขนที่กำลังจะอ้าออกรับกลับคืนทันที นางกวาดตามองสัตว์อสูรมากมายที่อยู่รายล้อมรอบกาย สัตว์อสูรเหล่านี้ต่างก็กำลังรอให้หลิงเอ๋อขี่
  “และพวกเจ้า อย่าตามใจหลิงเอ๋อและเทียนเทียนนัก ! ปล่อยให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะเดินด้วยตนเอง ต่อไปไม่อนุญาตให้เด็กทั้งคู่ขี่หลังผู้ใดอีก จนกว่าพวกเขาจะเดินได้อย่างมั่นคง !”
  ร่างของสัตว์อสูรสั่นสะท้าน พร้อมกันนั้นพวกเขาก็ก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ ทว่าทันทีที่เห็นหลิงเอ๋อกำลังจะร้องไห้ พวกเขาก็รู้สึกแทบทนไม่ได้ พวกเขาต่างก็หันไปมองไป๋หยานด้วยสายตาเว้าวอน
  “ไม่มีการต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น !” ใบหน้าของไป๋หยานเคร่งขรึม นางรีบเอ็ด
  ครั้นได้ยินเช่นนี้ สัตว์อสูรก็ไม่กล้าที่จะอ้อนวอนอีกต่อไป พวกเขาทำได้เพียงหันไปมองหลิงเอ๋อ โดยไม่รู้จะทำเช่นไรดี
  “หลิงเอ๋อ” ไป๋หยานหันไปหาหลิงเอ๋อน้อย น้ำเสียงของนางอ่อนโยนลง “เจ้าเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย แม่ชอบเด็กดีที่สุด เราไปดูพี่ใหญ่ของเจ้ากันเถิด”
บทที่ 1292 : ไป๋เสี่ยวเฉินสอนน้องชาย (1)
  ไป๋หยานจับมือหลิงเอ๋อน้อย พลางก้าวช้า ๆ ไปที่กระท่อมด้านหน้า
  หลิงเอ๋อน้อยเดินเตาะแตะอยู่ข้าง ๆ ติดตามไป๋หยานไปเรื่อย ๆ เป็นเพราะนางไม่ค่อยได้เดิน นางจึงเดินได้ไม่มั่นคงนัก กระทั่งบังเอิญสะดุดกิ่งไม้ที่อยู่บนพื้น
  ไป๋หยานตกใจ “หลิงเอ๋อ !”
  อย่างไรก็ตาม หลิงเอ๋อน้อยก็ค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นยืน ก่อนที่ไป๋หยานจะทันเข้าถึงตัวนาง
  มือเล็ก ๆ สองข้างของนางแดง มือข้างหนึ่งปาดหยาดน้ำตาจากดวงตากลมโตของนาง ก่อนจะยื่นมือออกมาต่อหน้าไป๋หยาน
  “เจ็บ เจ็บ … ”
  สุดท้าย ไป๋หยานก็ใจอ่อน ไม่ว่าจะอย่างไรหลิงเอ๋อก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่แสนน่ารัก นางจะรุนแรงกับลูกได้อย่างไร ?
  “หลิงเอ๋อ เจ้าต้องการให้แม่อุ้มหรือไม่ ?” ไป๋หยานยกยิ้ม พลางเหยียดแขนออกไปทางหลิงเอ๋อน้อย
  หลิงเอ๋อน้อยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างมีความสุข นางกะพริบนัยน์ตากลมโตใสแจ๋วของตน ยามนี้ลูกนัยน์ตาของนางวิบวับแพรวพรายิ่งเสียกว่าดวงดาวในยามค่ำคืน
  ทว่า…
  นางก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว พลางสั่นศีรษะเล็ก ๆ ของตน จากนั้นก็กล่าวเสียงสั่นด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาว่า “หลิงเอ๋อจะเดินเอง”
  มุมปากของไป๋หยานยกยิ้มเล็กน้อย “หลิงเอ๋อเก่งมาก พี่ชายของเจ้ากำลังรอเราอยู่ ไปหาเขากันเถอะ”
  *****
  ภายในกระท่อม…
  ไป๋เสี่ยวเฉินนอนนิ่งบนเตียงไม้ แสงแดดสาดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง ตกลงบนใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา
  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการผนึกวิญญาณหรือไม่ ? ที่ทำให้ระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาไป๋เสี่ยวเฉินไม่ได้เติบโตขึ้นเลย ใบหน้าของเขายังคงอ่อนเยาว์เฉกเช่นเมื่อปีก่อน ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ราวกับว่าเวลาของไป๋เสี่ยวเฉินหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่มีการเจริญเติบโตในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้เลย
  ทันใดนั้น ขนตาของเจ้าซาลาเปาน้อยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงก็ขยับเล็กน้อย จากนั้นนัยน์ตาสีดำขลับที่สว่างไสวราวกับดวงดาวของเขาก็ลืมขึ้น …
  ครั้นเขาตื่นลืมตา แสงแดดจ้าก็แยงตาเขา เขายกมือขึ้นปิดกั้นแสงแดดโดยไม่รู้ตัว เปลือกตาของเขาค่อย ๆ เผยอขึ้น ก่อนจะก็ค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับแสงปัจจุบัน
  แอ๊ด !
  ประตูกระท่อมถูกผลักเปิดออก
  ไป๋เสี่ยวเฉินหันหน้าไปมองช้า ๆ ชั่วขณะนั้นสตรีแสนสวยในอาภรณ์สีแดงสดก็ยืนอยู่ที่ประตู
  สตรีผู้นั้นจับมือเจ้าเปาหวานผิวอมชมพูน่ารัก เจ้าเปาหวานกำลังมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
  “หม่ามี้”
  ไป๋เสี่ยวเฉินกระโดดลงจากเตียงทันที เขารีบตรงดิ่งเข้าไปหาไป๋หยาน มือสองข้างของเขาจับแขนของไป๋หยานแน่น ศีรษะเล็ก ๆ ของเขาซุกซบเข้าสู่อ้อมแขนของนางทันที
  “หม่ามี้ เฉินเอ๋อหลับไปนานแค่ไหนหรือ ? เฉินเอ๋อรู้สึกว่ามันนานมากเลย ที่เฉินเอ๋อไม่ได้เห็นหม่ามี้ เฉินเอ๋อคิดถึงหม่ามี้มากเลย … ”
  ไป๋หยานลดสายตาลงมองเจ้าซาลาเปาน้อยที่พุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของนาง พลางยกยิ้มเล็กน้อย
  “เฉินเอ๋อ…ยินดีต้อนรับการกลับมา … “
  ยินดีต้อนรับการกลับสู่อ้อมกอดของแม่
  ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินแข็งค้าง
  กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาล้มเลิกความหวังที่จะมีชีวิตรอด เขาคิดมาตลอดว่าชีวิตนี้เขาคงจะไม่ได้พบนางอีก !
  ไม่คาดคิดเลยว่า สวรรค์จะเมตตา ให้โอกาสเขากลับคืนสู่อ้อมอกแม่อีกครั้ง !
  ไป๋เสี่ยวเฉินกอดไป๋หยานแน่น ความรู้สึกที่ได้สิ่งที่สูญเสียคืนกลับมานี้ทำให้เขาปิติยินดียิ่ง เพราะเขากลัวเหลือเกินว่า หากเขาปล่อยมือจากนาง เขาอาจจะถูกลากลงสู่หุบเหวที่ไร้จุดสิ้นสุด ต้องพบเจอกับหายนะที่ไม่มีวันจบสิ้น
  “หม่ามี้ เฉินเอ๋อฝัน เป็นฝันที่ยาวนานมาก และในความฝันนั้นก็มีแต่ความมืดมิดไม่มีที่สิ้นสุด ในความมืดนั้นมีเพียงเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อกลัวมากจริง ๆ เฉินเอ๋อกลัวว่าชีวิตที่เหลือของเฉินเอ๋อจะต้องจมอยู่กับความมืดมนนั้น และไม่มีทางที่จะอยู่เคียงข้างหม่ามี้ได้อีกต่อไป”
  เขาเงยหน้าเล็ก ๆ น่ารักของเขาพลางเม้มปากแน่น หยาดน้ำตาไหลออกมาจากนัยน์ตากลมโต ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาไม่ได้ซีดขาวจากการนอนหลับอันยาวนาน ทว่ากลับอ่อนโยนและบอบบางอย่างเช่นเคยเป็นมา
บทที่ 1293 : ไป๋เสี่ยวเฉินสอนน้องชาย (2)
  ราวกับว่า … คืนวันที่ผ่านมาสำหรับเขาแล้ว เป็นเพียงการนอนหลับไปเท่านั้นจริง ๆ
  และเมื่อเขาตื่นขึ้น ไป๋หยานก็มาปรากฏกายข้างเขาอีกครั้ง
  “พี่ชายร้องไห้ น่าอายจัง”
  จู่ ๆ เสียงยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็ดังขึ้นจากด้านข้างของไป๋เสี่ยวเฉิน
  ไป๋เสี่ยวเฉินหันหน้าไปมองเจ้าเปาหวานตัวน้อย
  หากจะอธิบายล่ะก็ เจ้าหนูน้อยตัวเล็กคนนี้ก็คือขนมปังไส้ถั่วหวานมัน กระทั่งเขาอดไม่ได้ที่จะอยากกิน
  แน่นอนว่าไป๋เสี่ยวเฉินมือไวเท่าความคิด เขาอุ้มหลิงเอ๋อน้อยขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็จูบใบหน้าของนางเสียงดังจ๊วบ..
  “หม่ามี้ น้องสาวของเฉินเอ๋อหอมหวานมาก อีกทั้งน้องสาวของเฉินเอ๋อก็สวยมาก สวยกว่าน้องสาวของหวังเสี่ยวผางหลายเท่าเลย”
  ไป๋หยานมองหลิงเอ๋อน้อย
  เด็กตัวเล็ก ๆ แค่นี้ เขาชมว่านางสวยแล้วหรือ ? สวยตรงไหนกัน ? อย่างมาก … ก็เพียงบอกได้ว่าน่ารักมากเท่านั้น
  “เฉินเอ๋อ” ไป๋หยานหันไปจ้องไป๋เสี่ยวเฉินอีกครั้ง “พลังความแค้นที่เคยเกาะกินร่างของเจ้ามาตลอด บัดนี้ได้หลอมรวมเข้ากับร่างของเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว … “
  ครั้นหลุดปากออกไปเช่นนี้ หัวใจของไป๋หยานก็แทบจะหยุดเต้น นางหลับตาลง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์พลันปรากฏขึ้นในความคิดของนางอีกครั้ง
  เพียงเขาตั้งใจมั่นว่าจะยอมเป็นผู้จากไป เขาก็ไม่ให้โอกาสนางได้ทัดทานใด ๆ เลย
  ไป๋เสี่ยวเฉินนิ่ง เขารับรู้ได้ถึงความเศร้าโศกภายในใจของไป๋หยาน เขาจับมือนางแน่น “หม่ามี้ไม่ต้องเสียใจ เฉินเอ๋อจะอยู่กับหม่ามี้ตลอดไป เฉินเอ๋อ จะเคียงข้างหม่ามี้ เพื่อทลายแดนสวรรค์ !”
  ไป๋หยานระงับความเศร้าโศกภายในใจ ก่อนจะเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “เฉินเอ๋อ แม่อยากจะถามเจ้าว่า ร่างกายของเจ้ามีความผิดปกติที่ใดบ้างหรือไม่ ?”
  นัยน์ตากลมโตของไป๋เสี่ยวเฉินแลดูว่างเปล่า เขาย่นคิ้ว จ้องมองไป๋หยานอยู่เป็นนาน “หม่ามี้ ดูเหมือนจะมีมวลพลังฉีจำนวนหนึ่งอยู่ในร่างของเฉินเอ๋อ … “
  “กระไรนะ ?”
  ไป๋หยานตกใจมาก นางสูญเสียลูกในอดีตของนางไปแล้ว บัดนี้นางไม่มีวันยอมสูญเสียไป๋เสี่ยวเฉินไปอีก …
  เช่นนั้นทันทีที่ได้ยิน นางก็รีบปล่อยพลังจิตของนางเข้าไปสำรวจร่างกายของไป๋เสี่ยวเฉิน
  ทำเช่นนี้นางจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ภายในร่างของไป๋เสี่ยวเฉินมีหมอกสีแดงห่อหุ้มแกนเวทของเขาไว้
  “เฉินเอ๋อ…เจ้ารู้สึกไม่สบายที่ใดบ้างหรือไม่ ?” ไป๋หยานเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล พลางจับมือของไป๋เสี่ยวเฉินแน่น
  ไป๋เสี่ยวเฉินส่ายหน้า “ไม่เลย”
  “เช่นนั้นเราไปหาบิดาของเจ้ากัน เขาควรจะได้เห็นหมอกสีแดงนี้”
  ไป๋หยานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
  ขณะที่นางต้องการดึงพลังจิตของตนกลับคืนนั้น นางพลันตระหนักได้ว่าหมอกสีแดงเปลี่ยนไป …
  นางเห็นหมอกสีแดงไหลเข้าไปในแกนเวทของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างช้า ๆ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกลับมาหล่อเลี้ยงร่างกายของไป๋เสี่ยวเฉิน
  แกนเวทของสัตว์อสูรก็เทียบเท่ากับจุดตันเถียนของมนุษย์ ใช้ในการกักเก็บพลังงานที่แท้จริง และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะสามารถทะลุทะลวงระดับได้
  กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือหมอกสีแดงเหล่านี้กลายเป็นพลังฉีให้ไป๋เสี่ยวเฉินดูดซับใช่หรือไม่ ?
  หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้าน
  เรื่องนี้ไม่ต้องคิดให้ซับซ้อน ก็สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดไป๋เสี่ยวเฉินถึงรู้สึกว่าร่างกายของตนผิดปกติ ?
  กลายเป็นว่า ที่เด็กคนนั้นบอกว่าจะปกป้องนาง เขาใช้วิธีนี้นี่เอง …
  มุมปากของไป๋หยานยกเป็นรอยยิ้มขมขื่น ความเกลียดชังในใจของนางที่มีต่อเทวาคารพลันรุนแรงขึ้น
  ลูก ๆ ของนางช่างกตัญญูนัก ทว่าคนในเทวาคารกลับจะสังหารพวกนางแม่ลูก ทำให้พลังแค้นซึ่งถือเป็นลูกน้อยของนางคงอยู่ในโลกนี้ได้ไม่นานนัก …
  ด้วยเหตุนี้นางไม่มีวันยอมปล่อยคนเหล่านั้นไปเป็นแน่ !
  “หม่ามี้…อย่าร้องไห้”
  หลิงเอ๋อน้อยยกมือน้อย ๆ ขึ้นเช็ดคราบหยาดน้ำตาบนแก้มของไป๋หยานเบา ๆ
บทที่ 1294 : ไป๋เสี่ยวเฉินสอนน้องชาย (3)
  ไป๋หยานเพิ่งรู้ตัวว่า ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้
  “เฉินเอ๋อ” ไป๋หยานเช็ดน้ำตา พลางยกมือขึ้นโอบกอดไป๋เสี่ยวเฉิน น้ำเสียงของนางหนักแน่น “แม่ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้วในชีวิตนี้ แม้ว่าแม่จะต้องทุ่มเทมากมายเพียงใด แม่ก็จะไม่ยอมให้คนของเทวาคารทำร้ายพวกเราได้อีก !”
  ร่างที่แข็งทื่อของไป๋เสี่ยวเฉินค่อย ๆ ผ่อนคลายลงในอ้อมกอดของไป๋หยาน เขายิ้มอย่างสดใสและไร้เดียงสา
  “อืม… เฉินเอ๋อเชื่อหม่ามี้”
  ไม่ว่าหม่ามี้พูดอะไร เฉินเอ๋อก็จะเชื่อเสมอ !
  ไป๋หยานลดสายตาลง ประกายแสงเย็นวาบผ่านนัยน์ตาของนาง ทว่าแสงเย็นยะเยือกนั้นพลันจางหาย ทันทีที่นางมองไป๋เสี่ยวเฉินและหลิงเอ๋อน้อย นางกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “ไป… ไปหาน้องชายและบิดาของเจ้ากัน”
  มุมปากของไป๋เสี่ยวเฉินงองุ้ม เห็นได้ชัดว่าเขายังคงไม่พอใจน้องชายคนนี้มาก หากมิใช่เพราะน้องชายคนนี้ หม่ามี้คงไม่ต้องทนรับความเจ็บปวดมากถึงเพียงนั้น …
  อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้หม่ามี้ไม่มีความสุข ไป๋เสี่ยวเฉินจึงอุ้มหลิงเอ๋อน้อย ก้าวออกจากกระท่อมไปอย่างช้า ๆ
  *****
  ไม่ไกลกันนักในป่าผลไม้
  สัตว์อสูรสองตัวปีนขึ้นไปบนต้นไม้เขย่ากิ่งไม้อย่างต่อเนื่องไม่หยุด ผลไม้ลูกเล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ ทั้งหมดหายเข้าไปในปากของจิ้งจอกเงินตัวน้อยที่นอนรออยู่บนพื้นดิน
  จิ้งจอกเงินตัวน้อยนอนอยู่บนพื้นอย่างเพลิดเพลิน มันรอให้ผลไม้ร่วงตกลงใส่ปาก หลังจากกินเสร็จ มันก็อ้าปากงับผลไม้ที่ร่วงหล่น …
  ครั้นไป๋หยานพาไป๋เสี่ยวเฉินเข้าไปในป่าผลไม้ นางก็เห็นจิ้งจอกเงินตัวน้อยที่ท้องกลมป่องลุกขึ้นคลานมาบนพื้นดิน บางทีอาจเป็นเพราะเขากิน และดื่มจนเต็มคราบแล้ว เขาจึงกลายร่างเป็นเด็กชายตัวน้อยผิวอมชมพู
  เจ้าเด็กน้อยใบหน้าอ้วนกลมอุดมด้วยไขมันน้อย ๆ น่ารักน่าชังมาก ผิวของเขาขาวมาก ขาวกระทั่งพุงเต่งกลมที่ราวกับลูกแตงโมนั้น ดูเหมือนจะระเบิดได้ทุกเวลา
  “หม่ามี้ หม่ามี้ … ”
  เด็กน้อยหันหน้ามามองไป๋หยานอย่างรวดเร็ว นัยน์ตากลมโตของเขาสว่างไสวขึ้นทันใด ทว่าท้องของเขาใหญ่เกินกว่าที่จะวิ่งได้สะดวก เขาจึงใช้วิธีนอนหมอบลงกับพื้นขดตัวกลมไม่ต่างจากลูกชิ้น ก่อนจะกลิ้งมาหาไป๋หยาน
  เขากลิ้งมาหยุดข้างกายไป๋หยาน จากนั้นอุ้งเท้าเล็ก ๆ ที่สกปรกของเขาก็คว้าจับกระโปรงของไป๋หยาน ทิ้งรอยเท้าดำ ๆ ไว้บนเนื้อผ้า
  “หม่ามี้ หม่ามี้ อยากกินเนื้อ เทียนจะกินเนื้อ … ”
  เทียนเทียนจ้องมองไป๋หยานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง น้ำลายสีเงินยืดย้อยอยู่มุมปาก นิ้วของเขาแตะริมฝีปากเล็ก น้ำลายจากความตะกละของเขายังคงไหลยืดหยดย้อย…
  ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นสีเข้ม “เจ้าต้องหยุดกิน จนกว่าอาหารในกระเพาะจะย่อยหมดเสียก่อน”
  เทียนเทียนเบะปากเล็ก ๆ ของตน “อีกไม่ช้า เทียนเทียนก็จะย่อยหมดแล้ว ตอนนี้เทียนเทียนอยากกินเนื้อ … เทียนเทียนอยากให้หม่ามี้ทำเนื้อให้กิน”
  อย่างไรก็ตามทันทีที่เทียนเทียนพูดจบ หลิงเอ๋อน้อยก็กระโดดออกจากอ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉิน ลงไปยืนเท้าสะเอว ท่าทางของนางแลดูสง่างามตั้งแต่อายุยังน้อย
  “พี่ใจร้าย พี่แย่งผลไม้ของหลิงเอ๋อจนหมด พี่เป็นเด็กไม่ดี ! หม่ามี้ไม่ทำเนื้อให้พี่หรอก !”
  เทียนเทียนมองไป๋หยานด้วยความผิดหวัง นัยน์ตากลมโตของเขาเต็มไปด้วยความหิวโหย น้ำลายสอ ก็เขาอยากกินเนื้อนี่ เขาจะทำเช่นไรดีล่ะ ?
  “เทียนเทียน มานี่ มาพบพี่ชายของเจ้าก่อน ตอนนี้พี่ชายของเจ้าตื่นแล้ว จากนี้ไปเจ้าทั้งสองจะต้องเชื่อฟังเขาเวลาที่แม่ไม่อยู่เข้าใจหรือไม่ ?”
  เทียนเทียนกะพริบนัยน์ตากลมโต ก่อนจะหันไปจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉิน เขาฉีกยิ้ม พร้อมกันนั้นก็ยื่นมือเล็ก ๆ ของตนออกไปคว้าแขนเสื้อของไป๋เสี่ยวเฉิน “พี่ใหญ่…ทำไมพี่นอนหลับนานจัง ? ทำไมพี่ไม่ยอมตื่นมาเล่นกับพวกเราเลย ?”
บทที่ 1295 : ไป๋เสี่ยวเฉินสอนน้องชาย (4)
  ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นมือที่สกปรกของเทียนเทียนกำลังจะสัมผัสเขา เขาก็รีบก้าวถอยหลังสองสามก้าว
  มือเล็ก ๆ ของเทียนเทียนคว้าได้อากาศที่ว่างเปล่า ไม่อาจจับตัวไป๋เสี่ยวเฉินได้ เขาเบะปากหันหน้าไปทางไป๋หยาน เอ่ยกล่าวด้วยความน้อยใจ “หม่ามี้ หม่ามี้ พี่ชายไม่ชอบข้าหรือ ?”
  ครั้งที่เทียนเทียนถือกำเนิดนั้น ไป๋หยานเจ็บปวดมากเหลือเกิน เช่นนั้นไป๋เสี่ยวเฉินจึงวางแผนที่จะสั่งสอนบทเรียนให้เด็กคนนี้หลังจากที่เขาถือกำเนิด
  ทว่าเมื่อได้เห็นเด็กน้อยกำลังจะร้องไห้ต่อหน้า หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินพลันอ่อนยวบลง
  “อย่าร้องไห้น่า” ไป๋เสี่ยวเฉินก้าวไปข้างหน้าสองก้าว พลางชำเลืองมองมือเล็ก ๆ ที่สกปรกของเทียนเทียนด้วยความรู้สึกกล้ำกลืนแทบกลั้นใจตาย “ หากเจ้าต้องการจับข้า เจ้าก็สามารถจับได้”
  หลายปีที่ผ่านมา ด้วยการอบรมสั่งสอนของไป๋หยาน ไป๋เสี่ยวเฉินจึงค่อย ๆ พัฒนานิสัยรักความสะอาด สวรรค์ย่อมทราบดีว่า เขาทรมานเพียงใดหากมือเล็ก ๆ ที่สกปรกของเทียนเทียนจะได้สัมผัสแตะต้องตัวเขา
  แล้วตอนนี้ เขาก็เลยวัยคลานไปมาทั่วพื้นแล้วด้วย
  “แต่ … ” ดวงตาของไป๋เสี่ยวเฉินกลอกไปมา “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แกล้งน้องสาวของเจ้า และเจ้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ฉกผลไม้ของนาง นางเป็นเด็กผู้หญิง ทำเช่นนั้นนางจะเสียใจ เข้าใจมั้ย ?”
  เทียนเทียนมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยแววตาสับสน ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ว่าเข้าใจ
  ไป๋เสี่ยวเฉินเป็นพี่ชายคนโต เช่นนั้นสิ่งที่พี่ชายคนโตพูดย่อมต้องมีเหตุผล
  “ถ้าเช่นนั้น … นับจากนี้ไปข้าจะให้หลิงเอ๋อน้อยกินก่อน”
  ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะตบไหล่เทียนเทียนทีท่าราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย
  “ป๊ะป๋าบอกว่าข้าเป็นลูกผู้ชาย ข้าต้องปกป้องแม่ และน้องสาว ตอนนี้เจ้าก็เป็นผู้ชายเช่นเดียวกับข้า ลูกผู้ชายอย่างเราต้องปกป้องเด็กผู้หญิง”
  เทียนเทียนพยักหน้าหงึกหงัก เอ่ยกล่าวด้วยเสียงไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมว่า “ข้าก็เป็นลูกผู้ชายเหมือนกัน”
  “เด็กดี” ไป๋เสี่ยวเฉินลูบศีรษะของเทียนเทียน “จำไว้นะว่า หากวันหน้ามีเด็กผู้ชายกล้าเข้าใกล้น้องสาวของพวกเรา จงหักขาของเขาเสียก่อน”
  ไป๋หยานได้ยินสิ่งที่ไป๋เสี่ยวเฉินสอนเทียนเทียน นางอดไม่ได้ที่จะมุมปากกระตุก นางมองหลิงเอ๋อน้อยที่ยังคงไม่เดียงสา พลันอดรู้สึกเป็นห่วงสามีในอนาคตของเจ้าตัวน้อยไม่ได้
  ชายผู้นั้นไม่เพียงต้องผ่านตี้คัง ทว่ายังต้องผ่านพี่ชายอีกสองคนที่คอยปกป้องนางไม่ต่างจากอสรพิษ และเสือร้าย หากเขาต้องการที่จะแต่งงานกับหลิงเอ๋อ เกรงว่าคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก …
  เทียนเทียนพยักหน้าอีกครั้ง เขามองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยสายตาชื่นชม ในใจของเขานั้น ทุกสิ่งที่ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวมาล้วนถูกต้อง
  “พี่ใหญ่ ป๊ะป๋าบอกว่าพี่เก่งมากเลย ต่อไปพี่ช่วยสอนข้าฝึกฝนได้มั้ย ? ข้าเองก็อยากปกป้องหม่ามี้ และน้องสาวของข้าเช่นกัน”
  “ได้สิ แต่ตอนนี้เจ้ายังเด็กเกินไป รอให้เจ้าโตกว่านี้ก่อนนะ” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม
  เทียนเทียนจับมือพี่ชาย “แล้ว … เมื่อไหร่ข้าถึงจะเรียนกับพี่ได้ล่ะ ?”
  “อืม … ” ไป๋เสี่ยวเฉินยกมือขึ้นลูบคาง “อย่างน้อย เจ้าก็ต้องมีอายุสามขวบเสียก่อน เมื่อเจ้าอายุสามขวบ ข้าจะสอนเจ้า โดยให้เจ้าติดตามข้า ทว่าตอนนี้เจ้ายังเป็นเด็กน้อยไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังทำอะไรไม่ได้มากนัก”
  ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เด็กคนนี้พูด … ราวกับตนเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอย่างนั้นแหละ
  เขาเองก็ยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเช่นกัน
  ในขณะที่ไป๋หยานกำลังจะกล่าวบางอย่าง จู่ ๆ นางก็เห็นร่างในอาภรณ์สีม่วงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
  ชายผู้นี้ในชุดเสื้อคลุมสีม่วงที่พริ้วไสวพร้อมด้วยเรือนผมสีเงินทรงเสน่ห์ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขายืนพิงต้นไม้แก่ ๆ จับจ้องมองนางพร้อมรอยยิ้ม
  รอยยิ้มของเขางดงาม งดงามมากกระทั่งทำให้หัวใจของผู้พบเห็นหลงใหล

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท