เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 53 เกลี่ยกล่อมให้หานางสนม ตอนที่ 54

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 53 เกลี่ยกล่อมให้หานางสนม / ตอนที่ 54 กระหม่อนเป็นโรค ท่านไม่กลัวหรือ

ตอนที่ 53 เกลี่ยกล่อมให้หานางสนม

จวินมั่วหรันที่เอนกายบนเก้าอี้นอนก็ต้องการรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมเช่นกัน

ดังนั้น เขาจึงหลับตาลงเบาๆ แต่ด้วยความที่หูดีผิดมนุษย์ เขาจึงตั้งใจฟังการวิเคราะห์ของจุยเฟิง

ในเวลาเดียวกัน เถี่ยโส่วก็หันไปมองจุยเฟิงด้วยดวงตาเป็นประกาย เขามองจุยเฟิงที่กำลังเงยหน้ารับแสงตะวันแผดเผาด้วยความชื่นชม

เถี่ยโส่วยกมือขึ้นบังแสงตะวันแยงตาจุยเฟิงอย่างเป็นห่วง “ไร้สาระ ไฉนเจ้าต้องจ้องมองดวงตะวันอยู่แบบนี้ ดูสิ ขอบตาแดงหมดแล้ว น้ำตาใกล้ไหลออกมาแล้ว”

จุยเฟิงเช็ดน้ำตาจากหางตาของเขาพลางพึมพำ “ไปกันเถิด บุรุษย่อมมีเลือดออกแต่ห้ามน้ำตาไหล! สิ่งที่อยู่ในดวงตาของข้าไม่ใช่น้ำตา มันคือความรักความปลาบปลื้มที่ข้ามีต่อแม่ทัพเฟิง”

หลังจากฟังจบ ภายในใจของจวินมั่วหรันก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ เฟิงอู๋โยวเป็นบุรุษแท้ๆ แล้วเขาจะตกหลุมรักบุรุษได้เยี่ยงไร

ถึงแม้เขาจะไม่ชอบใกล้ชิดสตรี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิถีเพศของเขามีปัญหา

ยกตัวอย่างสตรีหัวขโมยที่หยามหมิ่นเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้จวินมั่วหรันอยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกนั้น…ค่อนข้างรู้สึกดีเหลือเกิน

หลังจากนั้นเพียงครู่หนึ่ง จวินมั่วหรันที่พยายามนิ่งเฉยมาตลอดก่อนหน้านี้ก็กลับมาว้าวุ่นใจอีกครั้ง

เมื่อนึกถึงสตรีหัวขโมยป่าเถื่อนคนนั้น จวินมั่วหรันก็ตัวสั่นขึ้นทั้งร่าง ไฟโทสะกลับมาสุมขึ้นกลางอกอีกครั้ง

จะว่าไปก็ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ

ก่อนหน้านี้เขาคิดอยากจะฆ่าสตรีหัวขโมยนั่น แต่วันนี้กลับระลึกถึงนางในแง่ดี

หากต้องโทษใครสักคน คงต้องโทษเฟิงอู๋โยวที่ทำตัวน่าสนใจเกินไป ทำเอาเขาเกือบลืมเรื่องที่ตัวเองถูกสตรีหัวขโมยน่าไม่อายคนนั้นหยามหมิ่น ถูกยื่นปลายเท้าให้ชิม ถูกตีก้นและถูกขโมยกางเกงชั้นใน

พึ่บ

เขาอัดอั้นยิ่งนัก ครั้นแล้วจึงระรัวฝ่ามือวายุที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารออกมาใต้แขนเสื้อหลายระลอก ระดมฟาดฟันไปทั่วทุกทิศราวกับคมดาบหลายพันเล่ม เพื่อระบายอารมณ์

เพียงพริบตา ต้นไม้ใบหญ้าในสวนลานตำหนักก็แหลกสลาย เหลือเพียงเศษซากกลาดเกลื่อน และเหล่าผู้รอถูกเชือดที่ยืนตะลึงไม่เป็นสุข

มวลอารมณ์ที่โหมคลั่งยังไม่ทันจางหาย จวินมั่วหรันก็ลุกขึ้นพรวดก่อนเดินเข้าไปหาเฟิงอู๋โยวที่ตกใจจนขวัญกระเจิง

จวินฝูเห็นเช่นนั้นก็คิดว่าเฟิงอู๋โยวยั่วโมโหจวินมั่วหรัน ในใจเกิดดีใจและเดินตามหลังจวินมั่วหรันเพื่อใส่ไฟเพิ่ม “ท่านพี่ อย่าปล่อยเขาไปเจ้าค่ะ! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการกระทำชั่วช้าที่เขาฆ่าเซียงเซียง ลำพังแค่ทำลายสร้อยกุญแจอายุยืนที่ท่านลุงมองเป็นของขวัญวันเกิดให้ข้า ก็มากพอที่จะฆ่าเขาเจ็ดชั่วโคตรแล้ว!”

จวินมั่วหรันที่ได้ยินเช่นนั้นหยุดฝีเท้าลงชั่วขณะ

“ของขวัญที่ท่านขุนนางยู่ชินให้เจ้าไม่ใช่กุญแจอายุสั้นหรอกหรือ เขาเคยคิดวางยาน้องสาวข้า หรือข้าควรไปเรือนของเขาตอนนี้ดี”

น้ำเสียงชั่วร้ายของจวินมั่วหรันดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับจิตสังหารอันเปี่ยมล้น เท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้คนที่ได้ยินหวาดหวั่นไปตามๆ กัน

จวินฝูนึกไม่ถึงว่าเรื่องกุญแจอายุยืนนี้จะไปสะกิดแผลใจของจวินมั่วหรัน ทำเอานางกระวนกระวายใจขึ้นทันที

หากว่ากันตามเหตุผล จริงๆ แล้วนางควรคล้องสร้อยกุญแจอายุยืนไว้กับตัวเองถึงจะถูก ไม่ใช่เอาไปคล้องไว้ที่คอเป็ด

“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับของขวัญที่ขุนนางยู่ชินมอบให้ข้าแม้แต่น้อย ข้าไม่ดูแลเซียงเซียงให้ดีเอง”

จวินฝูตกใจกลัวจนนั่งคุกเข่าลงไปที่พื้นพร้อมกับจับชายเสื้อจวินมั่วหรัน

“กลับเรือนไปพิจารณาตัวเองเสีย”

จวินมั่วหรันออกคำสั่งเด็ดขาดกับจวินฝูด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“เช่นนั้นข้าขอตัวเจ้าค่ะ”

จวินฝูเงยหน้าเขม็งตาใส่เฟิงอู๋โยว ก่อนขอตัวจากไปอย่างไม่เต็มใจ

เฟิงอู๋โยวแสร้งทำเป็นไม่เห็นดวงตาอันขุ่นเคืองของจวินฝูและยักไหล่อย่างเฉยเมย

เพราะสุดท้าย หลังจากตำหนักเซ่อเจิ้งหวางไป นางไม่มีทางไปมาหาสู่เข้ากับจวินฝูอยู่แล้ว

“เฟิงอู๋โยว ตามข้าเข้ามาในเรือน”

จวินมั่วหรันเดินไปหาเฟิงอู๋โยวและมองนางด้วยสายตาดูแคลน

ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขามักรู้สึกว่าริมฝีปากของนางช่างเหมือนกับสตรีหัวขโมยที่หยามหมิ่นเขาวันนั้นเหลือเกิน

เฟิงอู๋โยวกระโดดไปข้างหลังทันที นางยกมือสองข้างขึ้นกอดอกพร้อมกับจ้องมองใบหน้าอึมครึมของจวินมั่วหรัน “ท่านใต้เท้า หากท่านมีประสงค์ ท่านสามารถมองหานางสนมสองสามคนไปร่วมห้องไม่ดีกว่าหรือขอรับ กระหม่อมเกรงว่าไม่อาจรับใช้ท่านใต้เท้าในเรื่องนั้นได้ขอรับ”

ตอนที่ 54 กระหม่อนเป็นโรค ท่านไม่กลัวหรือ

จี้มั่วอิ้นเหรินที่ยืนอยู่ด้านหลังเฟิงอู๋โยวรีบพูดเสริมขึ้นทันที “ไม่เหมาะสม แม่ทัพเฟิงไม่เหมาะสมหรอก!”

จี้มั่วอิ้นเหรินอยู่ในวัยกำลังแตกหนุ่ม ถึงแม้จะฟังความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเฟิงอู๋โยวไม่ออกทั้งหมด แต่พิจารณาจากสีหน้าที่ตื่นตะหนกลนลานของเฟิงอู๋โยวและคำพูดที่กำกวมของจวินมั่วหรัน เขาคิดว่าจวินมั่วหรันกำลังคิดไม่ดีไม่ร้ายกับเฟิงอู๋โยวอยู่แน่นอน

เขาลังเล หากจวินมั่วหรันเป็นคนที่เป็นห่วงผู้อื่น มันก็อีกเรื่อง

แต่จวินมั่วหรันเป็นพวกเหี้ยมโหด ขืนเฟิงอู๋โยวทำอะไรไม่เข้าตา ความตายของนางก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ก่อนหน้านี้ มีสาวรับใช้ในตำหนักเซ่อเจิ้งหวางเปลือยกายเข้าไปในเรือนมั่วหรัน นางต้องการหว่านเสน่ห์ให้ลุ่มหลงและขึ้นเป็นท่านหญิงแห่งตำหนัก แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อจวินมั่วหรันเห็นนางเปลือยร่างกายอยู่บนเตียง ก็โกรธจัดสั่งให้คนจับสาวรับใช้คนนี้ถลกหนัง

ก่อนหน้านี้หลายเดือน ขุนนางเหลียงโจวเข้ามายังเมืองหลวงเพื่อรายงานหน้าที่ พร้อมกับพาลูกสาวคนสวยของเขามาเป็นของกำนันให้จวินมั่วหรัน สตรีคนนี้เป็นคนเย่อหยิ่งและใจร้อนบุ่มบ่าม หมายพึ่งพาอำนาจของพ่อตัวเองขึ้นเป็นใหญ่ ครั้นแล้วจึงวางยาใส่เหล้าของจวินมั่วหรัน หลังจากจวินมั่วหรันรู้เข้า เขาก็ตัดมือของนางและเอาไปโยนให้สุนัขกิน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ จี้มั่วอิ้นเหรินก็เสียวสันหลังขึ้นมาทันที ครั้นแล้วจึงรวบรวมความกล้าเข้ามาขวางด้านหน้าเฟิงอู๋โยว “เซ่อเจิ้งหวาง แม่ทัพเฟิงเพียบพร้อมทั้งการต่อสู้และทักษะวิชา เราควรทะนุถนอมเขา”

จวินมั่วหรันแค่นเสียงหึในลำคอ “จุยเฟิง ส่งแขก”

เมื่อจุยเฟิงได้ยินคำสั่งเช่นนั้น ก็ทำได้แต่ฝืนเข้ามาประกบเพื่อพาตัวจี้มั่วอิ้นเหรินออกจากตำหนัก

“เซ่อเจิ้งหวาง หากท่านไม่เห็นแก่แม่ทัพเฟิงก็ควรเห็นแก่ชื่อเสียงของตัวเอง ท่านไม่กลัวราษฎรแห่งแคว้นตงหลินนินทาว่าท่านเป็นพวกบังคมข่มขูสตรี ข่มเหงบุรุษหรอกหรือ” จี้มั่วอิ้นเหรินตะเบ็งเสียงเล็กๆ ของเขาออกมา

หากเป็นก่อนหน้านี้ ต่อให้จี้มั่วอิ้นเหรินกินหัวใจเสือดาวจอมห้าวหาญเข้าไป ก็ไม่กล้ายุ่ง เผชิญหน้ากับจวินมั่วหรันเช่นนี้

แต่เขาชื่อชอบคนอย่างเฟิงอู๋โยวจริงๆ

นางดัดแปลงซ่อมพู่กันจากขนสุนัขจิ้งจอกเพื่อให้การคัดลงโทษของเขาเป็นไปอย่างราบรื่น

นอกเหนือจากนี้ นางยังรู้จักวิธีย่างเป็ดให้กรอบนอกนุ่มใน แม้รสชาติจืดชืด แต่ก็โอชะกว่าอาหารใดๆ ทั้งปวง

และที่สำคัญกว่านั้น นางยังเป็นคนที่มีวาทศิลป์เยี่ยมยอด

ยกตัวอย่างเช่นบทสวดศพเป็ด มีขุนนางคนไหนบ้างในราชสำนักที่สามารถแต่งวลี ‘ผงธุลีหุ้มห่อกายอันงดงามของเจ้าไว้ใต้พื้นพสุธา’ ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

สรุปก็คือ เฟิงอู๋โยวในสายตาของจี้มั่วอิ้นเหริน เก่งทั้งศิลปะการต่อสู้และวิชาการ ช่างเป็นผู้เพียบพร้อมในทุกด้าน!

คนที่มหัศจรรย์แบบนี้สมควรกลายเป็นเสาหลักค้ำจุนแคว้น แล้วจะปล่อยให้กลายเป็นศพบนเตียงเซ่อเจิ้งหวางได้เยี่ยงไร

จี้มั่วอิ้นเหรินกระวนกระวายใจยิ่งนัก เขาหันไปขอร้องจุยเฟิง “จุยเฟิง ปล่อยให้ข้าเข้าไปเดี๋ยวนี้ ข้าต้องไปช่วยแม่ทัพเฟิง!”

จุยเฟิงที่สีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก จับจี้มั่วอิ้นเหรินออกจากตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง แต่กระนั้นก็โค้งคำนับอย่างเคารพนับถือ “ขออภัยขอรับ”

ปึ่ง

ทันทีที่น้ำเสียงของจุยเฟิงสิ้นสุดลง จี้มั่วอิ้นเหรินก็ถูกกันเอาไว้อยู่ด้านนอกประตูอย่างไร้เยื่อใย

“นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเสี่ยวอิ้นอิ้นจะยึดมั่นในมนุษยธรรมขนาดนี้!”

เฟิงอู๋โยวบ่นพึมพำพลางมองประตูสีแดงของตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง ที่บัดนี้ได้ปิดสนิทแน่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จวินมั่วหรันไม่อยากทนเห็นความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของเฟิงอู๋โยวกับจี้มั่วอิ้นเหริน ครั้นแล้วจึงหามนางขึ้นพาดไหล่และพาตัวเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว

“ท่านใต้เท้าคงไม่คิดจะกระทำมิดีมิชอบกับกระหม่อมจริงๆ ใช่หรือไม่”

“กระหม่อมปากเหม็น รักแร้เหม็น เท้าเหม็น ท่านใต้เท้าอย่าเข้าใกล้กระหม่อมไปมากกว่านี้เสียดีกว่า”

“ไม่เพียงแค่เหม็น แต่กระหม่อมยังเป็นโรคอีกนะขอรับ กระหม่อมเป็นโรค ท่านใต้เท้าไม่กลัวหรือขอรับ”

เฟิงอู๋โยวจับไหล่เขาและพยายามดิ้นให้หลุด

นางไม่เคยทำเรื่องที่ทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย แต่เมื่อเทียบกับการถูกกระทำมิดีมิร้ายแล้ว นางจำเป็นต้องเลือกก้มหัวให้ความจริง

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท