เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 59 ท่านใต้เท้าออกโรงปกป้องอีกครั้ง ตอนที่ 60

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 59 ท่านใต้เท้าออกโรงปกป้องอีกครั้ง / ตอนที่ 60 จับหัวขโมย

ตอนที่ 59 ท่านใต้เท้าออกโรงปกป้องอีกครั้ง

จวินมั่วหรันคลี่ยิ้มมุมปากและจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังวิ่งหนีอย่างลนลาน ภายในใจเกิดครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมาทันที

“อาหรัน เจ้าไปหาเจ้าหมอนี่มาจากไหน เอวบาง สะโพกผาย แต่นิสัยหยาบโลน!” จี้มั่วจื่อเฉินเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ จวินมั่วหรัน และมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังวิ่งหนีตาเหลือกไปทั่วอย่างสนใจ

จวินมั่วหรันจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น สีหน้าฉายแววไม่สบอารมณ์ “เจ้ามาที่นี่ทำไม”

“ก็เป็นห่วงเจ้าอย่างไรล่ะ ทำไมกัน เหตุใดยังตามหาสตรีหัวขโมยที่ขโมยกางเกงชั้นในเจ้าไม่เจออีก” จี้มั่วจื่อเฉินถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา สายตาจับจ้องเฟิงอู๋โยวอย่างไม่ละสายตา

“แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า”

สายตาเยือกเย็นดุจคมดาบมองกวาดจี้มั่วจื่อเฉิน ก่อนวางคันธนูกลับไปไว้ที่เดิมอย่างหน่ายอารมณ์

“อ่า! อาหรัน เจ้าคงไม่ได้ถูกใจเจ้าเด็กผู้ชายบอบบางที่วิ่งกอดเป้าธนูฟางอยู่ใช่หรือไม่”

จี้มั่วจื่อเฉินเกิดนึกสนุกขึ้นมา ครั้นแล้วจึงหยิบธนูขึ้นมาง้างยิงไปที่ปิ่นปักผมบนศีรษะของเฟิงอู๋โยว

เฟิงอู๋โยวสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา นางทิ้งเป้าธนูฟางในอ้อมกอดลงและโต้ตอบกลับด้วยเข็มเงินใต้แขนเสื้อ

ฟุบ ฟุบ ฟุบ

ในช่วงเสี้ยวพริบตา เข็มสามเล่นพุ่งเข้าโจมตีเป้ากางเกงจี้มั่วจื่อเฉินทันที เจ็บปวดจนเขาต้องกัดฟันกรอด

ส่วนเฟิงอู๋โยวก็หลบการโจมตีของจี้มั่วจื่อเฉินไม่ทัน ปิ่นปักผมหยกบนศีรษะแตกหัก ทำให้ผมยาวสลวยทิ้งตัวลงประบ่า ขับให้ใบหน้าของนางสวยงามโดดเด่นเกินกว่าใคร

นางโมโหยิ่งนัก นางวิ่งเข้าไป ย่อตัวเค้นแรงไปที่ขา จากนั้นก็เตะงัดไปที่เป้ากางเกงจี้มั่วจื่อเฉินทันที

“หัวขาดเลือดออกยอมได้ แต่ทรงผมห้ามยุ่งเหยิง ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีก อย่าหาว่ากระหม่อมไร้ความปราณี!” เฟิงอู๋โยวจ้องมองจี้มั่วจื่อเฉินอย่างเหี้ยมโหด จากนั้นก็หันกลับไปมองจวินมั่วหรัน

จวินมั่วหรันมองมายังนางอย่างไม่ละสาย นางในสภาพปล่อยผมลงมาช่างเหมือนสตรียิ่งนัก

ในความสวยงามแฝงด้วยความสง่าเยี่ยงวีรบุรุษชวนจับตามอง

“ท่านใต้เท้าขอรับ กล้าให้กระหม่อมเปลี่ยนเป็นฝ่ายยิงธนูหรือไม่ขอรับ” เฟิงอู๋โยวเลิกคิ้วยั่วยุจวินมั่วหรัน

ในขณะนั้นเอง จี้มั่วจื่อเฉินที่กำลังกุมเป้ากางเกงตัวเองอยู่ก็จำเฟิงอู๋โยวได้ทันที ก่อนตะโกนขึ้นอย่างโมโห “เป็นเจ้านี่เอง! เจ้าตัวดี ไม่นึกว่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง!”

เฟิงอู๋โยวหันกลับมอง และเมื่อนึกดูดีๆ ก็นึกออกว่าตัวเองเคยเจอเขาที่หน้าประตูเมือง

นางตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ “เป็นกระหม่อม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่านขอรับ”

จี้มั่วจื่อเฉินดึงเข็มที่ปั่กอยู่ตามร่างกายออกอย่างทรมาน ก่อนเดินมาอยู่ด้านหลังจวินมั่วหรัน และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “อาหรัน อย่าปล่อยเขาไปเด็ดขาด! วันนั้นที่ประตูเมือง เขาพูดจาไม่ให้เกียรติกางเกงชั้นในของเจ้าและเรียกมันว่าไอ้ของพรรค์นี้!”

จวินมั่วหรันเกร็งกระตุกเพราะเขาไม่อยากจำเรื่องกางเกงชั้นในที่ถูกขโมยไป

เฟิงอู๋โยวมองไปยังจวินมั่วหรันอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนรีบพูดอธิบายขึ้น “ท่านใต้เท้าขอรับ โปรดอย่าเข้าใจผิด กระหม่อมไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นออกไป กางเกงชั้นในของท่านดูดีเหลือเกิน หมูที่วาดอยู่ด้านบนก็ดูดี กระหม่อมยังตั้งชื่อให้มันอีกด้วย ท่านใต้เท้าอยากฟังหรือไม่ขอรับ”

“เฟิงอู๋โยว เจ้าอยากตายนักหรือ”

จวินมั่วหรันยื่นมือของเขาออกไปบีบคอเรียวยาวของเฟิงอู๋โยวอีกครั้ง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เฟิงอู๋โยวในสภาพผมกระเซิงอยู่ตรงหน้าเขาทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก

เขารู้สึกว่าตรงช่องท้องของตัวเองร้อนวูบวาบเกินกว่าจะระงับ และคอบางๆ ที่เขาจับอยู่นั้นนุ่มลื่นอย่างไม่น่าเชื่อ

ก่อนที่เขาจะรู้ตัว จวินมั่วหรันก็รู้สึกสนุกกับการสัมผัสใกล้ชิดกับนาง

เฟิงอู๋โยวสัมผัสได้ว่าแรงของมือบนคอนางเริ่มผ่อนลง จากการบีบกระชับแน่นเปลี่ยนเป็นการลูบสัมผัส ครั้นแล้วจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ท่านใต้เท้ามีอารมณ์กับบุรุษด้วยกันแบบนี้ ท่านไม่รู้สึกละอายใจหรือ”

จวินมั่วหรันสีหน้านิ่งลง ก่อนค่อยๆ ดึงมือกลับมา ก่อนเช็ดมือตัวเอง “มัดผมเจ้าเสีย ผมยุ่งเหยิงแบบนี้มันน่าอาย”

“ใช่ มันน่าอาย!”

จี้มั่วจื่อเฉินพยักหน้าตามอย่างหนักแน่น ถ้าไม่เห็นแก่จวินมั่วหรัน ป่านนี้เขาจัดการนางไปตั้งนานแล้ว

ผู้คนทั่วใต้หล้าต่างรู้ดีว่าองค์หกแห่งแคว้นตงหลินอย่างจี้มั่วจื่อเฉินเป็นคนตัณหาจัด ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายก็ต่างไม่ไว้หน้า

เฟิงอู๋โยวเหลือบมองจี้มั่วจื่อเฉินที่แผ่รังสีออกมาราวกับหมาป่าล่าเหยื่อ ก็รีบแย่งผ้าที่เอวของเขาอย่างรวดเร็ว และรวบมัดผมตัวเองขึ้น

จี้มั่วจื่อเฉินตกใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะกล้าดีเช่นนี้

เขาดึงเสื้อจวินมั่วหรันอย่างไม่พอใจ “อาหรัน เจ้าปล่อยให้เขาทำตัวแบบนี้กับข้าอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าเป็นฝ่ายรังแกเขาก่อนไม่ใช่หรือ”

จวินมั่วหรันมองจี้มั่วจื่อเฉินอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็หันกลับไปสั่งคนให้พาตัวเขาออกจากตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง

ตอนที่ 60 จับหัวขโมย

“อาหรัน เจ้าตำหนิข้าเพื่อบุรุษป่าเถื่อนคนนี้อย่างนั้นหรือ!”

“ข้าอยากให้เจ้ารู้ แม้ภูผาพังทลาย สายธาราเหือดแห้ง อัสนีบาตร่ำร้องกลางเหมันต์ หิมะโปรยปรายยามคิมหันต์ นภาโลการวมเป็นหนึ่ง ก็ขอสูญสิ้นไปพร้อมกัน”

“อาหรัน เจ้ายังจำน้องเฉินที่เติบโตมากับเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

จี้มั่วจื่อเฉินถูกทหารองครักษ์สองคนประกบข้าง ก่อนหิ้วแขนทั้งข้างพาตัวออกไป

แต่ปากของเขายังพูดขึ้นอย่างไม่ยอม

เดิมที เขาอยากให้จวินมั่วหรันประทับใจในตัวเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจวินมั่วหรันจะไม่เออออเล่นด้วย

ด้วยเหตุนี้ จี้มั่วจื่อเฉินจึงเปลี่ยนแผน มือทั้งสองข้างกุมเป้ากางเกงและแสร้งทำเป็นเจ็บปวดร้องโอดโอย “อาหรัน ข้าเจ็บเหลือเกิน เป่าให้ข้าหน่อย”

เฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองใบหน้าเรียบนิ่งของจวินมั่วหรันอย่างแปลกใจ

ผู้คนทั่วใต้หล้าต่างรู้ว่าจวินมั่วหรันไม่ชอบเข้าใกล้สตรี แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าเขาไม่ชอบบุรุษ

บางทีจวินมั่วหรันกับจี้มั่วจื่อเฉินอาจจะมีอดีตอัน ‘เร้าใจ’ ร่วมกันมาก่อน

เมื่อเฟิงอู๋โยวนึกถึงภาพฉากตอนที่จวินมั่วหรันย่อตัวเป่าลมปลอบตรงจุดที่จี้มั่วจื่อเฉินได้รับบาด ก็รู้สึกวูบวาบขึ้นมาทันที

“เห้อ น่าเสียดายที่ไม่มีฉากสนุกๆ!” เฟิงอู๋โยวอุทานอย่างเสียดาย ความโกรธในใจพลันค่อยๆ หายไป

“หายโกรธแล้วอย่างนั้นหรือ”

ดวงตาดำสนิทของจวินมั่วหรันมองไปที่ใบหน้าเฟิงอู๋โยวที่ฉายแววเสียดายออกมา น้ำเสียงชั่วร้ายทรงเสน่ห์จึงดังขึ้น

“หายโกรธที่ไหน ท่านใต้เท้าชอบแกล้งกระหม่อม ถ้าคนสนิทของกระหม่อมเห็นเข้าจะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน” เฟิงอู๋โยวขมุบขมิบปาก

“อยากให้ข้าฝึกธนูกับเจ้าหรือไม่ ครั้งนี้ให้ข้าเป็นเป้าธนูให้เจ้าเป็นเยี่ยงไร”

จวินมั่วหรันยื่นมือออกมาสัมผัสใบหน้าของเฟิงอู๋โยวอีกครั้ง

เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าจวินมั่วหรันคิดว่าใบหน้าตัวเองเป็นแป้งนวด ยิ่งนวดยิ่งออกแรง

นางเกิดโมโหขึ้นมาอีกครั้ง ครั้นแล้วจึงอ้าปากกัดเข้าไปที่ข้อมือจวินมั่วหรันทันที

“เฟิงอู๋โยว เจ้าเกิดปีหมาหรืออย่างไร”

จวินมั่วหรันสีหน้านิ่งลง มืออีกข้างจับเข้าไปที่ท้ายทอยของนางจนเกือบออกแรงบีบจนเกินมือ

“ท่านใต้เท้า ตอนนี้รู้แล้วใช่หรือไม่ว่า ‘อะไรที่ตัวเองไม่ชอบ จงอย่าทำกับคนอื่น’ เป็นอย่างไร การกระทำของท่านช่างโหดร้ายกว่าของกระหม่อมหลายเท่ายิ่งนัก”

เฟิงอู๋โยวครุ่นคิด หากอยู่ฝึกธนูกับเขา คนที่เสียเปรียบไม่ใช่จวินมั่วหรันแน่นอน นางจึงทำเป็นเมินเฉยกับข้อเสนอของเขา

“เจ้ากำลังสั่งสอนข้าอยู่อย่างนั้นหรือ”

ดวงตาจวินมั่วหรันผุดแววเย็นและออกแรงบีบแก้มของนางอีกครั้ง

บีบจนแก้มขาวๆ ของนางกลายเป็นสีแดงจึงปล่อยมือออก

นางพยายามระงับอารมณ์ที่อยากตะโกนด่าออกไป จึงได้ตาถลึงตาใส่จวินมั่วหรัน “เจ็บนะ ท่านใต้เท้าเบามือหน่อยไม่ได้หรือ”

“อ่อนแอ”

ปากจวินมั่วหรันก็พูดไปแบบนั้น แต่กลับขัดแย้งกับใจของตัวเอง

เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเฟิงอู๋โยวไม่เหมือนจี้มั่วจื่อเฉิน ผิวของนางบอบบางกว่าและทนต่อแรงบีบแรงๆ ไม่ได้

เฟิงอู๋โยวพยายามขัดขืน ต่อให้โมโหอยู่เต็มอกแต่ก็ไม่อาจระบายออกมาได้ ซ้ำยังต้องบีบเสียงให้นุ่มนวลอีก “ท่านใต้เท้า ถ้าอยากให้กระหม่อมอยู่ฝึกธนูด้วย ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเราทั้งสอง ท่านลองคิดดูว่าพอจะมีวิธีใดที่พอจะปล่อยให้กระหม่อมเป็นอิสระได้”

พึ่บ

จวินมั่วหรันสะบัดชายแขนเสื้อ เงินกระดาษหลายร้อยใบโปรยปลิวราวกับใบไม้ร่วงหล่นละลานตาของเฟิงอู๋โยว

“โห! ดูร่ำรวยเหลือเกิน!”

“ท่านใต้เท้า ทุ่มปึกเงินกระดาษใส่กระหม่อมให้ตายไปเลยก็ได้นะขอรับ!”

“ท่านใต้เท้า ท่วงท่าตอนโปรยเงินกระดาษของท่านช่างดูสง่ากว่าตอนที่ท่านกั๋วซือโยนถุงตำลึงเงินอีกขอรับ!”

เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นอย่างประจบประแจงเพราะในความเป็นจริง นางไม่เคยมองจวินมั่วหรันด้วยสายตาปกติ

นางคลี่ยิ้มเล็กน้อยพลางนั่งยองๆ เก็บเงินกระดาษขึ้นมา

เงินกระดาษหนึ่งใบมีค่าเท่ากับหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน นึกไม่ถึงว่านางจะเก็บเงินกระดาษได้ทั้งหมดหนึ่งล้านตำลึงเงินได้อย่างง่ายดาย

ทั้งที่รู้ว่าเฟิงอู๋โยวกำลังประจบอยู่ แต่จวินมั่วหรันก็สนุกกับมันมาก

เขาเอามือไพล่หลังพลางมองเฟิงอู๋โยวที่นั่งยองๆ น้ำลายไหลอยู่ที่พื้น “อยากได้หรือไม่”

“ท่านใต้เท้าไม่ได้มอบให้กระหม่อมหรอกหรือ” เฟิงอู๋โยวเงยหน้าขึ้นมาและทำท่าราวกับแม่ไก่หวงรัง นางปกป้องกองเงินกระดาษที่อยู่ตรงเท้านางอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ภายในสามวัน จงตามหาสตรีหัวขโมยที่ลักลอบเข้าตำหนักเซ่อเจิ้งหวางยามวิกาลให้ได้ แล้วเงินทั้งหมดนี้จะตกเป็นของเจ้า”

“ถ้าตามจับไม่ได้ล่ะขอรับ”

เฟิงอู๋โยวรู้ดีว่าหากตัวเองจะลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง เงินที่เป็นสิ่งของนอกกายพรรค์นี้สำคัญกับนางมากยิ่งนัก

ด้วยเหตุนี้ ต่อให้นางไม่อยากอาศัยอยู่ที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง แต่เงินที่นางควรได้รับ สมบัติที่นางควรได้เก็บก็ลดให้ไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว

“ถ้าจับไม่ได้ก็ให้ความตายเป็นสิ่งชดใช้แล้วกัน ข้าไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อยู่ข้างกาย”

ริมฝีปากบางๆ ของจวินมั่วหรันขยับพูด ท่าทางของเขายังคงสงวนแววดูถูกเหยียดหยามในแบบของผู้สูงส่ง

พอเฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้นก็ร่นถอยกลางคัน “ไม่ต้องการเงินทุจริต”

“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะเจ้าจะเลือกทางไหนก็ตายอยู่ดี”

“เจ้า!” เฟิงอู๋โยวพูดไม่ออก นางรู้ว่าทางเลือกที่จวินมั่วหรันให้ล้วนเป็นทางเลือกที่เปล่าประโยชน์กับนาง “ท่านใต้เท้า วิธีตามจับของแคว้นตงหลินดูฟุ่มเฟือยจริงๆ ตามจับโจรทั้งทีจำเป็นต้องเสียเงินให้ แม่ทัพอายุน้อยแห่งแคว้นเป่ยหลีเยอะขนาดนี้เชียวหรือ! แบบนี้ท่านไม่คิดว่าเป็นการใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายเพียงเพื่อเรื่องเล็กน้อยหรือ”

“ภายในสามวันนี้จะมีทหารองครักษ์เงาคอยติดตามรับใช้เจ้า”

ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อไม่อยากให้เฟิงอู๋โยวหนีห่างไปจากเขา

รอไว้เขาเล่นสนุกกับเฟิงอู๋โยวจนหนำใจแล้วค่อยส่งนางไปที่ชอบที่ชอบ

เมื่อจวินมั่วหรันคิดได้เช่นนี้ ก็มองเฟิงอู๋โยวด้วยสายตาดูถูกอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเวทนาขึ้น

เฟิงอู๋โยวรู้สึกหนาววูบวาบขึ้นมาทันที รู้สึกว่าสายตาของจวินมั่วหรันที่มองมาที่นางเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้มองนางเป็นเหยื่อ แต่ตอนนี้มองนางเป็นเหยื่อที่ป่วยใกล้ตาย…

พอคิดไปคิดมา เฟิงอู๋โยวก็ตัดสินใจไม่ต่อกรกับจวินมั่วหรันเป็นการชั่วคราว

เพราะเขาเป็นขุนนางที่มีอำนาจสูงสุดแห่งแคว้นตงหลิน กุมอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือ ซึ่งไม่ใช่อำนาจที่นางจะต่อกรได้วันนี้วันพรุ่ง

นอกเหนือจากนี้ เป้าหมายของนาง ณ ตอนนี้ก็คือการลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง และแก้แค้นให้เจ้าของร่างเดิม ซึ่งเรื่องการแก้แค้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับจวินมั่วหรันเลยแม้แต่น้อย

“แม่ทัพเฟิงได้คำตอบว่าอะไร”

“เป็นอันตกลงขอรับ!” เฟิงอู๋โยวกัดฟันยอมรับข้อตกลง

เพราะว่าไม่มีใครเข้าใจสตรีหัวขโมยที่ลักลอบเข้าเรือนเซ่อเจิ้งหวางไปมากกว่านางอีกแล้ว

ถึงตอนนั้นค่อยหาศพสตรีมอบให้เขาก็ได้ หากตัวต้นเหตุตายก็ยากที่จะหาหลักฐาน

เฟิงอู๋โยวเก็บหอบเงินกระดาษ จากนั้นก็เข้ามาขวางจวินมั่วหรันอย่างไม่กลัวตาย “ต้องขอบอกไว้ก่อนนะขอรับ หากกระหม่อมจับสตรีหัวขโมยได้ ท่านใต้เท้าต้องรับปากว่าจะปล่อยให้กระหม่อมเป็นอิสระ”

“อืม”

จวินมั่วหรันคิดว่าอย่างมากที่สุด ตัวเองคงสนใจเฟิงอู๋โยวได้อีกไม่เกินสามวัน ดังนั้นจึงรับปากอย่างไม่คิดอะไรมาก

“ท่านใต้เท้า หากท่านกลับคำพูด กระหม่อมขอสาปแช่งให้ท่านสิ้นสุดทายาท” เฟิงอู๋โยว ไม่วางใจ นางทำท่าวางเขื่องชี้ไปที่เป้ากางเกงของจวินมั่วหรัน

“…”

ทำเอาจวินมั่วหรันถึงกับเส้นเลือดปูดขึ้นที่มุมหน้าผาก เขากำลังคิดว่าควรทำป้ายสุสานให้เฟิงอู๋โยวดีหรือไม่

ในฐานะที่นางเป็นคนชอบหาเรื่องเขาแล้วยังมีชีวิตรอดได้นานขนาดนี้

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน