ตอนที่ 88 เจ้ามีจิตใต้สำนึกหรือไม่
“เฟิงอู๋โยว มานี่”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อลุกขึ้นพรวด จากนั้นก็พุ่งไปที่ปากถ้ำอย่างรวดเร็วราวกับขี่เมฆ
สีหน้าของเขายังคงเจือแววห่างเหิน แต่ดวงตากลับฉาบเคลือบไปด้วยความหนาวเหน็บชนิดที่ใครเห็นก็ต้องหวาดกลัว
เมื่อเหล่าบุรุษที่ล้อมรอบเฟิงอู๋โยวก่อนหน้านี้เห็นการเคลื่อนไหวของไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ต่างมองหน้ากันไปมา ก่อนทยอยถอยหลังออกห่างไปหลายก้าวและได้แต่มองไป๋หลี่เหอเจ๋อผู้งามสง่าดุจเทพเซียนอยู่ไกลๆ
เฟิงอู๋โยวเงยหน้ามองไปหาเขา
ใบหน้าของเขาขาวซีด มุมปากมีคราบเลือดซึม แลดูคล้ายคนเป็นวัณโรคยิ่งนัก
“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ เจ้าไม่ได้เป็นวัณโรคแล้วจะเอามาติดข้าหรอกนะ”
“มานี่”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อสัมผัสได้ว่าเฟิงอู๋โยวพยายามรักษาระยะห่างจากเขา ภายในใจพลันไม่เป็นสุข
เขาไม่เคยเจอสตรีที่หัวแข็งแบบเฟิงอู๋โยวมาก่อน
หรือว่าราชครูอย่างเขาไม่น่าเชื่อถือเท่ากับขอทานพวกนี้
มุมปากเฟิงอู๋โยวรั้งขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเจือแววเยือกเย็น “คนที่ส่งข้ามายังชานเมืองรกร้างนี้คือเจ้าสินะ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับตกใจขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเรียวบางประกบเข้าหากันแน่น
เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเฟิงอู๋โยวจะถามเขาแบบนี้
“อยากเห็นภาพฉากร่วมเพศของข้าอย่างนั้นหรือ”
ดวงตาเฟิงอู๋โยวผุดแววเย็น จากนั้นก็พุ่งเข้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าไป๋หลี่เหอเจ๋อด้วยความเร็วเหนือแสง นิ้วมือคีบเข็มเงินจ่ออยู่ที่หน้าอกเขาอย่างแม่นยำ
ไป๋หลี่เหอเจ๋อมองใบหน้าเจือแววโมโหของเฟิงอู๋โยวอย่างสงสัย เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองมองนางไม่ออก
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เขาจึงละสายตาออกจากนางพลางตอบเสียงเรียบ “ข้าไม่เคยคิดเช่นนี้”
“หึ!”
เฟิงอู๋โยวแค่นเสียงหึในลำคอ จากนั้นก็จิ้มเข็มเงินปักลงไปที่หน้าอกเขาเล็กน้อย “เสียแรงที่เกิดเป็นคนรูปงาม ข้าก็คิดว่าเจ้าจิตใจดีเหมือนหน้าตาเสียอีก!”
“เฟิงอู๋โยว เจ้าอย่าได้ใจไปหน่อยเลย”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อหลุบตามองเลือดที่ซึมออกมาจากเสื้อ ในใจพลันเริ่มหงุดหงิด
“แค่จิ้มเข้านิดๆ หน่อยๆ จะเป็นอะไรไป”
เฟิงอู๋โยวตีมึนไม่สนใจ ดวงตาเย็นชาจ้องมองไป๋หลี่เหอเจ๋อพลางพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “หากข้าตื่นขึ้นมาไม่ทันกาล ปานนี้ท่อนล่างของข้าคงยับเยินเป็นแน่ และอาจจ้องจบชีวิตลงตรงที่แห่งนี้ไปตลอดกาล เจ้าคิดว่าแบบนี้มันน่าแทงเจ้าให้ตายไปเลยดีหรือไม่”
“เจ้าอ่อนแอขนาดนั้นเชียวหรือ” สีหน้าไป๋หลี่เหอเจ๋อเรียบนิ่ง แต่กลับบ่นในใจว่าเฟิงอู๋โยวเป็นพวกชอบเหลิงใจ
เฟิงอู๋โยวยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม จึงระเบิดอารมณ์ออกมายกใหญ่
“พูดจาหมาไม่แดกอะไร!”
“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับความอ่อนแอของข้าด้วยหรือ”
“ไฉนเจ้าจึงเอาความแค้นส่วนตัวที่มีต่อจวินมั่วหรันมาลงที่ข้าแบบนี้ เจ้ามีจิตใต้สำนึกบ้างหรือไม่”
…
ไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกนางระดมยิงคำถามเข้ามาจนพูดไม่ออก
เข็มเงินที่เฟิงอู๋โยวคีบอยู่ เสียบลงไปที่หน้าอกไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างไร้ความปราณี
“เจ้าไม่มีจิตสำนึกหรือ ถ้าไม่มี ข้าจะแทงเจ้าจนกว่าจะสำนึก จะได้รู้ว่าความเจ็บใจมันเป็นเช่นไร!”
ท่าทางอันดุร้ายเหี้ยมโหดเช่นนี้ประหนึ่งปีศาจร้ายกลางสมุทรยิ่งนัก
กัดฟันกรอด โกรธจัดจนใบหน้าบิดเบี้ยวแทบไม่เหลือเค้าเดิม
เฟิงอู๋โยวในท่าทางเหี้ยมโหดอำมหิตเช่นนี้ ทำเอาเหล่าบุรุษที่คิดจะลวนลามนางก่อนหน้านี้หวาดกลัวไปตามๆ กัน และไม่คิดจะเข้าใกล้ไปมากกว่านี้
เฟิงอู๋โยวโกรธจนถึงขีดสุด
ขอบตาแดงเรื่อ ตัวสั่นเทิ้ม
“เจ้าตีข้า ด่าข้าได้ แต่ไฉนคิดจะให้คนพวกนี้ข่มขืนหยามเกียรติข้า”
“ข้าเข้มแข็งมากพอที่จะทนรับคำด่าจากคนอื่น ข้าแข็งแกร่งมากพอที่จะถูกรุมทำร้ายร่างกาย แต่ที่ข้ารับไม่ได้เลยก็คือการถูกคนอื่นใช้เท้าสกปรกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของข้า”
“เชี่ยเอ๋ย ทำเอาข้าโคตรโมโหเลย!”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเอาแต่เงียบและปล่อยให้เฟิงอู๋โยวระเบิดอารมณ์อันคลุ้มคลั่งใส่
ทุกคนล้วนคิดว่านางเป็นพวกหน้าไม่อาย ไม่เกรงกลัวอะไร แต่ไม่คิดว่านางก็มีช่วงเวลาที่หวาดกลัวด้วยเช่นกัน
ซึ่งก็คือเสี้ยววินาทีที่นางลืมตาขึ้นมา แล้วพบกับเหล่าขอทานที่รายล้อม ใบหน้าของพวกเขาดูหื่นกาม ตัวเหม็นหึ่ง ซ้ำยังมองนางอย่างน้ำลายไหลย้อย
ตอนนั้นนางคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้ว นางทั้งโกรธทั้งเสียใจจนอยากจะจบชีวิตตัวเองไปพร้อมกับคนพวกนี้…
เมื่อไป๋หลี่เหอเจ๋อเห็นอารมณ์ของเฟิงอู๋โยวที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คิ้วงามได้รูปก็ค่อยๆ ร่นเข้าหากัน เขาตระหนักได้ว่าตัวเองทำเกินไปจริงๆ
“ข้า…”
เขาอยากแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมถึงพูดออกไปอีกอย่าง “เจ้าสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ ถ้าสนใจเรื่องนี้แล้วรู้ว่าพวกเขาคิดจะทำไม่ดีไม่ชอบกับเจ้า ไฉนเจ้าต้องยิ้มแย้มพูดคุยกับพวกเขาด้วย”
“เฟิงอู๋โยว เจ้าก็น่าจะอ่านสถานการณ์ออกไม่ใช่หรือ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึกกระอักกระอ่วนภายในใจ ประดักประเดิดจนทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่ควรใจอ่อนกับสตรีคนนี้
แต่เมื่อสบตากับนาง บรรยากาศชวนอึดอัดบังเกิดขึ้นอีกครั้ง
มันเหนี่ยวรั้งอยู่เช่นนี้อยู่สักพักหนึ่ง แต่ก็นานพอที่ทำให้อารมณ์ของเฟิงอู๋โยวค่อยๆ สงบลง
ดวงตาของนางสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ชิงพูดขึ้น “ไป๋หลี่เหอเจ๋อ”
“มีอะไร”
นางกัดฟัน แม้ลำบากใจแต่ก็พยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไปตรงๆ “หลังจากที่ข้าหมดสติไป เขาไม่ได้กระทำไม่ดีไม่ชอบกับข้าใช่หรือไม่”
“เจ้าอยากได้ยินคำตอบแบบไหน” ไป๋หลี่เหอเจ๋อถามย้อนกลับ
“หยุดพูดจาเหลวไหลแล้วตอบข้ามาตรงๆ”
“หึ…”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อแสยะยิ้ม เขาสัมผัสได้ถึงเสี้ยวความกลัวที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเฟิงอู๋โยวแวบหนึ่ง ภายในใจพลันค่อยๆ สงบลง
ที่แท้นางก็รู้จักความกลัวเช่นกัน
เขาคิดว่าการที่นางปลอมตัวเป็นบุรุษแล้วจะไม่คิดอะไรกับเรื่องเสียตัว
เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นเขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก็ว้าวุ่นใจขึ้นมาทันที “พูดมา! เจ้าทำอะไรกับข้าไปบ้าง”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อตอบเสียงเรียบ “ข้าไม่สนใจเจ้า”
เฟิงอู๋โยวที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ดูเหมือนว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจะไม่ได้แตะต้องตัวนาง
ผนวกกับท่าทางของเขาที่ให้ความร่วมมือ ก็ทำให้นางรู้สึกพึงพอใจเป็นยิ่งนัก ความอึดอัดกลัดกลุ้มภายในใจก่อนหน้า พลันสลายหายไปเกือบครึ่ง
“เฟิงอู๋โยว พาข้ากลับไปที่ศาลาจื่อหยางด้วย”
ตอนแรกไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่อยากจะพูดเช่นนี้ออกไป แค่ก่อนหน้านี้เขาถูกจวินมั่วหรันโจมตีจนซี่โครงหักไปสามซี่ จากนั้นก็ถูกเฟิงอู๋โยวโจมตีซ้ำ ดังนั้นสภาพร่างกายของเขาตอนนี้จึงไม่ค่อยสู้ดีนัก
เฟิงอู๋โยวเลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกสนุก “ใช่ว่าจะพาเจ้ากลับไปส่งไม่ได้ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องรับมือกับพวกบุรุษข้างหลังข้าแทนข้าเสียก่อน”