ตอนที่ 98 คนแก่จอมถือดี / ตอนที่ 99 เสียบแทงเขา
ตอนที่ 98 คนแก่จอมถือดี
นิ้วมืออันซุกซนของจวินมั่วหรันลูบไล้ลงไปใบหน้าอันสะอาดหมดจนของเฟิงอู๋โยวอย่างแผ่วเบา คล้ายมีต้นกล้าหญ้าอ่อนผุดขึ้นภายในใจ ชวนให้จักจี้เกินทนไหว
เขาหลุบตาก้มมองผิวพรรณอันละเอียดลออราวกับหยกอุ่นผ่าว ดวงตาสวยงามอิ่มน้ำของนางเผยให้เห็นถึงความน่าหลงใหลชนิดที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เลื่อนสายตามองลงไป ลำคอเรียวยาวขาวพิสุทธิ์ดุจหิมะยังคงเหลือร่องรอยถูกบีบสีชมพูเรื่อประมาณหนึ่งช่วงนิ้ว มันแลดูสะดุดตา
“ใครทำ”
น้ำเสียงของจวินมั่วหรันแหบสากเกินกว่าปกติ มืออันหนาหนักของเขาคลอเคลียไปตามคอเรียวยาวขาวนวลของนางอย่างอยู่ไม่สุข
“ท่านใต้เท้าคงมีเรื่องให้ทำมากมายจนหลงลืม! นอกจากท่านแล้ว ยังมีผู้ใดกล้าแตะต้องลำคอของกระหม่อมอีก” เฟิงอู๋โยวข่มเสียงเล็กเสียงน้อย ภายในใจเริ่มหวาดหวั่นจวินมั่วหรันในสภาพตอนนี้
แม้ว่านางจะเตรียมใจมาดิบดี แต่จวินมั่วหรันจัดเป็นพวกที่คาดเดาไม่ได้
หากถูกเขามองออกว่าตัวเองเป็นสตรีจริงๆ โทษเบาหน่อยคงต้องร่วมหลับนอนด้วย โทษหนักหน่อยคงต้องจบชีวิต!
“หึ…เจ้าหนู นับวันเจ้ายิ่งกล้าดีขึ้นเรื่อยๆ”
มุมปากจวินมั่วหรันรั้งขึ้นเป็นมุมโค้ง แค่นเสียงหึเปล่งก้องในลำคอ แล้วอยู่ๆ นิ้วมือของเขาก็ปีนป่ายขึ้นมาเชิดคางนางขึ้นเล็กน้อย นิ้วหัวแม่มือพลันกดที่ริมฝีปากของนางเป็นเชิงตำหนิ
ริมฝีปากนี้ แม้ยังไม่เปล่งพูดออกมาสักคำ แต่สามารถทำให้ลุ่มหลงจนถึงตายได้เลย!
เฟิงอู๋โยวกลุ้มใจเสียเต็มประดา ร่างกายแข็งทื่อของนางถูกจวินมั่วหรันตรึงไว้ในอ้อมกอด ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้าน
ไหนบอกว่าเขาไม่เข้าใกล้สตรี
ไฉนนางรู้สึกเหมือนจวินมั่วหรันไม่ได้รังเกียจสตรีขนาดนั้น มิหนำซ้ำ…ยังรู้สึกราวกับว่าเขาชื่นชอบในกามเสียอีก!
“ท่านใต้เท้าจะทำอะไรกับกระหม่อมกันแน่ขอรับ ได้โปรดอย่าทำตัวเป็นคนแก่จอมถือดีที่ปีนเกลียวผู้ใหญ่และเอาเปรียบผู้น้อยดีกว่านะขอรับ” สีหน้าของเฟิงอู๋โยวเจือแววคล้ายอยากร้องไห้ นางกลัวเขาควบคุมตัวเองไม่อยู่จนหน้ามืดตามัวจับนางกด
คิ้วโค้งมนทรงกระบี่ของจวินมั่วหรันร่นเข้าหากัน เขาค่อนข้างหงุดหงิดกับความเรียกที่ว่า ‘ท่านอาวุโส’ ยิ่งนัก
เห็นๆ อยู่ว่านางอ่อนกว่าเขาแค่สี่ปี แล้วยังกล้าทำตัวเป็นผู้น้อยจอมถือดีมาสั่งสอนเขาอีก แบบนี้มันน่าจับลงโทษให้เข็ด!
เสี้ยวพริบตา สายตาคมกริบดุจเหยี่ยวของเขาพลันจ้องมองไปที่ริมฝีปากขมุบขมิบของเฟิงอู๋โยว แววตาเริ่มลุ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าแก่ขนาดนั้นเชียวหรือ” น้ำเสียงเริ่มหย่อนยานชวนหวาดระแวงเป็นที่สุด
“ท่านใต้เท้าอย่าได้เสียใจเลยขอรับ เกิดมามีใบหน้ากร้านโลกมากประสบการณ์หาใช่ความผิดของท่านไม่”
“เช่นนี้ก็อย่าหาว่าข้าเป็นคนแก่จอมถือดีแล้วกัน”
มุมปากของเขาผุดแววครึ้มใจ ทันใดนั้นก็โน้มตัวแนบประชิดและกัดขบริมฝีปากของเฟิงอู๋โยวไปหนึ่งที
เฟิงอู๋โยวตกใจดวงตาเบิกกว้าง เขามองใบหน้าหล่อเหลาที่ใจกล้าด้านหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
นางไม่คิดไม่ฝันว่าจวินมั่วหรันจะกล้าทำเรื่องหน้าไม่อายถึงขนาดนี้
“ท่านใต้เท้า กระหม่อมเป็นบุรุษนะขอรับ!”
จวินมั่วหรันขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าคนที่ตัวเองโอบกอดอยู่เป็นบุรุษ ภายในใจพลันอึดอัดขึ้นมาในบัดดล
เพราะยามค่ำคืนอันเปล่าเปลี่ยว เขายังคงหวนเพ้อละเมอฝันถึงเรือนรางสละสวยร่างหนึ่งอยู่
จิตใต้สำนักของเขายังคงชอบสตรีอยู่
แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเฟิงอู๋โยว เขามักจะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ และมักจะมีความใคร่อยากทำเรื่องบัดสีกับนางอยู่ร่ำไป
ช่างเถิด ปล่อยใจ ตัวเองไปก่อนแล้วกัน
หากรู้สึกว่ามอะไรผิดแปลก ค่อยบีบคอนางทิ้งก็ได้
ดวงตาของจวินมั่วหรันอึมครึมลงเขาย้อนถาม “แล้วจะทำไม”
“…”
เฟิงอู๋โยวทำท่าเหมือนจะเถียงกลับ แต่ริมฝีปากกับถูกประกบเข้าอีกครั้ง
นางตกใจจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่วนจวินมั่วหรัน มีสภาพไม่ต่างกัน ร่างกายของเขาตึงเครียดราวกับลูกธนูที่ถูกง้างคาสายธนูอันเต่งตึง
ในช่วงเวลาฉุกละหุก เฟิงอู๋โยวจำใจต้องเผยท่าไม้ตายออกมา
นางถกชายกระโปงขึ้นมาเผยให้เห็นขนหน้แข้งที่ขาและแกว่งไปแกว่งมาเหมือนไม่ตั้งใจ
จวินมั่วหรันเหลือบมองครู่อยู่พักหนึ่ง ภายในใจเริ่มไม่เป็นสุข
ตอนที่นางทำการแสดงตีลังกาอยู่บนเวทีที่หอนางโลง เรียวขาของนางยังเรียบเนียนไร้เส้นขนอยู่เลย
นี่เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่วันเอง ไฉนถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้!
“อย่าขยับ!”
น้ำเสียงของจวินมั่วหรันไม่ค่อยสบอารมณ ดวงตาอันลุ่มลึกแน่นิ่ง
เขาจ้องมองเรือนร่างอันโค้งเว้าเย้ายวนของเฟิงอู๋โยวอย่างพินิจ พลันผุดสงสัยขึ้นในใจอีกครั้ง หรือว่านางเป็นสตรีจริงๆ
เขาคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่เฟิงอู๋โยวจะเห็นเขาเป็นลิงและอยากเล่นสนุกกับเขา ครั้นแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาจนฟาดฝ่ามือเข้ากลางหน้าอกของนาง
จึก!
โชคร้ายก็คือ ฝ่ามือของเขาดันถูกเข็มเงินที่นางเสียบไว้ตรงก้อนผ้ากลมๆ ที่หน้าอกแทงเข้าอย่างจัง ทำเอาเขาชักมือกลับมาทันที ก่อนมองค้อนใส่นางที่กำลังคลี่ยิ้มอยู่อย่างนึกสนุก
ตอนที่ 99 เสียบแทงเขา
“นี่มันอะไรกัน”
จวินมั่วหรันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือเรียวยาวได้รูปของเขาถือเข็มเงินยาวประมาณคืบ น้ำเสียงเย็นขรึมให้ความรู้สึกเหมือนฝนกระหน่ำใกล้เข้ามาเยือน
“เข็มกันหมาป่า”
เฟิงอู๋โยวกอดหน้าอกตัวเองแน่นพร้อมกับจ้องจวินมั่วหรันที่โมโหจนขึ้นสมองอย่างระมัดระวัง
วินาทีต่อมา มือของเขาก็พุ่งเข้ามาบีบลำคอขาวๆ ของนางอีกครั้ง “เจ้ากล้าเล่นงานข้าอย่างนั้นหรือ!”
“ท่านใต้เท้าทำตัวไร้มารยาทกับกระหม่อมก่อนนะขอรับ”
ดวงตาทรงกลีบดอกท้อเรียวยาวของเฟิงอู๋โยวเลิกขึ้นเล็กน้อย สายตาอันเฉียบคมเจือแววห้าวหาญ
“ซ่อนเข็มไว้ตรงไหนอีก”
“ขอท่านใต้เท้าได้โปรดมีเหตุผลหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”
เฟิงอู๋โยวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนพูดระรัวออกมา “ท่านใต้เท้าเอาแต่หยามเกียรติกระหม่อมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งกัดปาก โอบเอว อีกทั้งยังแอบดูกล้ามหน้าอกของกระหม่อมอีก! คิดว่ากระหม่อมไม่มีศักดิ์ศรีแล้วอย่างนั้นหรือ กระหม่อมเป็นบุรุษแท้ๆ! หากท่านใต้เท้าไม่ลวนลามแตะต้องกระหม่อม เข็มกันหมาป่าจะเสียบเข้าที่มือปลาไหลอันล้ำค่าของท่านใต้เท้าหรือขอรับ”
“…”
จวินมั่วหรันพูดไม่ออก เพราะต้นเหตุของเรื่องมาจากเขาจริงๆ
หากเขาไม่มีอารมณ์ใคร่อยากกับนาง ก็คงไม่ถูกเข็มแทง
แต่เขาไม่ใช่คนใช้เหตุผลมาแต่ไหนแต่ไร
ต่อให้ตัวเองเป็นฝ่ายผิด ก็ต้องสงวนท่าทีเอาไว้
เขาคลายมือออกจากลำคอของนาง ก่อนมองนางด้วยสายตาเป็นใหญ่ “แก้ผ้าให้ข้าตรวจร่างกาย”
ตรวจร่างกาย?
หรือว่าอารมณ์พุ่งพล่านแล้วคิดอยากระบายอารมณ์ใส่นาง
เฟิงอู๋โยวลูบคางพลางยิ้ม นางไม่รู้สึกโกรธ ต่อให้ตัวเองจะตกเป็นรองจวินมั่วหรัน แต่นางกล้ายังเผยความกล้าออกมาให้เห็น
“ท่านใต้เท้าต้องการดูจริงๆ หรือ”
“หรือต้องให้ข้าถอดให้”
“ไม่จำเป็นขอรับ” เฟิงอู๋โยวตอบกลับพลางชี้มาที่ตัวเอง น้ำเสียงฟังดูลำบากใจอย่างชัดเจน “ท่านใต้เท้าขอรับ หากท่านเห็นอะไรที่ไม่สมควรเห็นก็อย่าได้โมโหนะขอรับ”
จวินมั่วหรันอึงงันไปชั่วขณะ เขามองนางอย่างประดักประเดิด
เฟิงอู๋โยวที่เห็นเช่นนั้นจึงถกกระโปรงขึ้นมา ก่อนเผยขนหน้าแข้งต่อหน้าเขา จากนั้นก็จงใจกดเสียงต่ำพูดขึ้น “แต่ก่อนอื่น กระหม่อมต้องขอเตือนท่านใต้เท้าเอาไว้ก่อน”
“เรื่องอะไร”
“คือว่า…ร่างกายของกระหม่อมอาจมีปฏิกิริยากับท่านใต้เท้าได้นะขอรับ”
เฟิงอู๋โยวแสร้งทำท่าขวยเขิน จากนั้นก็ใช้ชายแขนเสื้อปิดทีเป้ากระโปรงของตัวเอง ก่อนค่อยๆ อธิบายขึ้น “ขอท่านได้โปรดอย่าเข้าใจผิด กระหม่อมไม่ได้คิดอะไรกับท่านทั้งนั้น แต่พอเห็นบุรุษรูปงามทีไร กระหม่อมมักรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก”
คำอธิบายเหล่านี้ขอนางราวกับราดน้ำเย็นเฉียบใส่หัวจวินมั่วหรันก็ไม่ปาน
และแล้ว ความใคร่อยากในดวงตาเขาก็จางหาย เหลือไว้เพียงไฟโทสะที่ยังสุมอยู่เบาบาง
“เฟิงอู๋โยว เจ้าริอาจล้อเล่นกับข้าอย่างนั้นหรือ”
จวินมั่วหรันจ้องมองใบหน้าแดงเรื่อที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยของจวินมั่วหรัน ก่อนปริปากพูดขึ้นอีก “ท่านใต้เท้าพูดแบบนี้ได้เยี่ยงไรขอรับ”
นางค่อยๆ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็ควักก้อนผ้ากลมๆ ด้านหน้าหน้าอกออกมาทีละก้อน
มุมปากจวินมั่วหรันเกร็งกระตุก เขาบ่นในใจ สงสัยตัวเองบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่เกิดมีอารมณ์กับบุรุษหยาบคายคนนี้
“ท่านใต้เท้ายังอยากตรวจร่างกายกระหม่อมอีกหรือไม่”
เฟิงอู๋โยวยืนแอ่นหลัง พลางกางแขนออก นางขี้เกียจสรรหาวิธีมาปกปิดส่วนโค้งเว้าของตัวเองแล้ว
จวินมั่วหรันจ้องมองสาบเสื้อตรงหน้าอกของนางอย่างสงสัย แม้นางจะควักก้อนผ้าออกมาทั้งสองข้างแล้วก็ยังดูแปลกๆ อยู่
“ยังมองไม่พออีกหรือ”
เฟิงอู๋โยวมองเขาอย่างหงุดหงิด นางแทบอยากจะตบเข้าบ้องหูของเขาให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ว่านางไม่กล้าทำถึงขนาดนั้น
เพื่อขจัดข้อข้องใจของเขา นางจึงทำท่าราวกับจะล้วงเข้าไปที่เป้าของตัวเอง “ยังมีอีกสองลูก ท่านใต้เท้าอยากเห็นหรือไม่ขอรับ กระหม่อมจะได้ให้ดูเป็นขวัญตา”
“ป่าเถื่อน! ห้ามออกจากห้องจนกว่าข้าจะอนุญาต”
จวินมั่วหรันผละสายตาออก ก่อนซ่อนมือที่ถูกเข็มเงินเสียบจนเลือดไหลซิบๆ ไว้ด้านหลัง เขา ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ปิดประตูเก่าๆ ลงอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปพักใหญ่ เขาเพิ่งจะจำได้ว่าเฟิงอู๋โยวมีบาดแผลแตกถลอกที่หัวเข่าและข้อศอก โอสถหยกยังคงอยู่ในแขนเสื้อตัวเองอยู่เหมือนเดิม
แต่ก็ช่างเถิด ไฉนต้องเป็นห่วงนาง
แค่นั้นไม่ทำให้นางเจ็บจนตายหรอก
จวินมั่วหรันกลุ้มใจเป็นที่สุด เมื่อตัดความโมโหในใจออกไป ก็เหลือแต่ความเซื่องซึม
ในเสี้ยววินาทีนั้น อารมณ์เขาเกิดหวั่นไหว หัวใจเขาเกิดสั่นคลอนไปแล้ว
แต่ว่าเสี้ยวนาทีที่เฟิงอู๋โยวเผยขนขาและควักเอาก้อนผ้าทั้งสองก้อนออกมา กลับทำลายความสนใจที่จวินมั่วหรันมีต่อนางไปทันที
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ คำพูดที่นางพูดว่าร่างกายของนาง ‘มีปฏิกิริยา’ กับเขานั้น ทำให้ความอยากใคร่อยากที่เขามีต่อนางสลายหายไปอย่างไม่มีเหลือ
ก่อนหน้านี้ จวินมั่วหรันคิดว่าหากตัวเขาเองสนใจใครเข้า ต่อให้เป็นสตรีหรือบุรุษก็รับได้ทั้งนั้น
แต่ในความเป็นจริง เขากลับไม่อาจเอาชนะอุปสรรคในใจตัวเองได้
พอนึกภาพสรีระของเฟิงอู๋โยวที่เหมือนกับของตัวเองทุกประการ เขาก็เกิดขนลุกขึ้นมาทั้งตัว ความสนใจที่มีต่อนางในตอนนี้พลันมลายหายในบัดดล