เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 139 ไม่ต้องการนางสนมตลอดกาล ตอนที่ 140

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 139 ไม่ต้องการนางสนมตลอดกาล / ตอนที่ 140 เดิมพัน

ตอนที่ 139 ไม่ต้องการนางสนมตลอดกาล

ริมฝีปากเรียวบางของจวินมั่วหรันประกบเข้ากับปากกระจับได้รูปของเฟิงอู๋โยวเล็กน้อย เดิมทีเขาแค่ต้องการหยอกเล่นๆ แต่ในเมื่อเนื้อรสเลิศตกเข้าปากเช่นนี้แล้ว แล้วเขามีเหตุผลอะไรที่จะไม่อยากลิ้มลองต่อ

เขาบีบนางเข้ามุมกำแพง มือสองข้างโอบเอวอันเล็กคอด ส่วนสูงของนางก็พอเหมาะ เพราะยามนางเงยหน้ารับ ริมฝีปากของนางจะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกที่ควรทันที

จะบอกว่าเงยหน้ารับก็ไม่ถูก เพราะอันที่จริง…จวินมั่วหรันจับคางนางเชิดขึ้น!

ท่ามกลางเรือนแสงไฟสลัว ดวงตาทั้งสองข้างของจวินมั่วหรันหลับพริ้ม สีหน้าอ่อนโยน คิ้วทรงกระบี่แลดูผ่อนคลาย ดูเหมือนกำลัง ดื่มด่ำกับอาหารรสชาติโอชะ

เงาร่างหนาใหญ่ของเขาส่องทาบกลบร่างกายเฟิงอู๋โยวจนมิดชิด ขนตางอนยาวพาดผ่านปลายจมูก มันแผ่วเบาราวขนหงส์ ทำเอาหัวใจของเฟิงอู๋โยวสั่นระทวย

นางปรือตาทรงกลีบดอกท้อ แลมองจวินมั่วหรันในสีหน้าดื่มด่ำ หัวใจพลันเต้นระรัว

ความรู้สึกหัวใจสั่นระทวยเช่นนี้…ไม่เลวเหมือนกัน

เฟิงอู๋โยวยกมือขึ้นมาที่หน้าอกก่อนพยายามดันตัวจวินมั่วหรันที่เสียการควบคุมออกอย่างไม่รู้ตัว

จวินมั่วหรันไม่พอใจ มือข้างหนึ่งของเขารีบยกขึ้นมาจับมือที่ชุ่มเหงื่อเย็นของนางไพล่หลังและพันธนาการเอาไว้แน่นไม่ให้ขยับ

เฟิงอู๋โยวส่งเสียงต่อต้านในลำคอ กลิ่นเครื่องร่ำหอมหวนที่แผ่ซ่านมาจากบนร่างกายเขาค่อยๆ พรากสติของนางไปเรื่อยๆ

นางฉุกคิดในใจ…ขืนปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป จุดจบไม่ดีแน่

เพราะจวินมั่วหรันในตอนนี้หลุดออกจากห้วงเวลาแห่งความเป็นจริงไปแล้ว

อันตราย แบบนี้คืออันตรายอย่างแท้จริง!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวจึงกัดริมฝีปากเขาจนปริแตก กลิ่นเลือดคลุ้งปาก นางถูกจวินมั่วหรันผลักออกจากห้วงพันธการอันหอมหวาน ลมหายใจถอดถอนอย่างโล่งอกประหนึ่งยกภูเขาออกจากอก

“เกิดปีจออย่างนั้นหรือ”

“อยากจะทำอะไรกันแน่…จวินมั่วหรัน ติดจะหยอกเล่นก็ควรมีขอบเขตบ้าง”

“เฟิงอู๋โยว เจ้าควรรู้ที่ต่ำที่สูงบ้าง”

นางเอือมกับการถูกเขาเย้าหยอก นางเอือมกับการกระทำอันสนิทชิดใกล้อย่างเลยเถิด ครั้นจึงถามกลับไปอย่างโมโห “กระหม่อมทำอะไรผิด…กระหม่อมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงตรงไหน”

ดวงตาดำสนิทของจวินมั่วหรันวาวประกาย เพราะตระหนักได้ว่าเจ้าหมอนี่เริ่มต่อต้านตัวเองอีกแล้ว ทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

ได้ยินมาว่าเมื่อคืนเฟิงอู๋โยวนอนกอดชิงหลวนทั้งคืน

ทำให้เข้าใจได้ว่า ภายในใจของเฟิงอู๋โยวคิดว่าจวินมั่วหรันอย่างเขามีค่าเทียบกับชิงหลวนจอมขี้แยนั่นไม่ได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็โกรธจัด

คนอย่างเขาสู้สาวรับใช้ธรรมดาๆ คนหนึ่งไม่ได้อย่างนั้นหรือ?!

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าห้ามร่วมหลับนอนกับสาวรับใช้”

“กระหม่อมไม่ได้ทำอะไรกับนางทั้งนั้น แค่นอนด้วยกันไม่ได้หรือ” เฟิงอู๋โยวตวาดเสียงลั่น สีหน้าฉายแววไม่พอใจในแบบของผู้หญิงอย่างชัดเจน

“ไม่ได้”

“ท่านใต้เท้า ท่านคิดว่าการที่กระหม่อมทำตัวไม่สำรวมและเที่ยวเสพสุขแบบนี้ แล้วท่านคิดจะทำอะไรกับกระหม่อมก็ได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ”

จวินมั่วหรันเม้มปากไม่พูดอะไร ดวงตาจ้องมองท่าทางโมโหของนางอย่างแน่นิ่ง

เขาไม่เคยมีเจตนาดูถูกนางเลยแม้แต่น้อย

เขาก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ นาง อยากรู้สึกใจสั่นในแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็เท่านั้น

แต่นึกไม่ถึงว่านางจะเข้าใจเจตนาของเขาผิดไปอย่างมหันต์

เฟิงอู๋โยวเห็น จวินมั่วหรันนิ่งเงียบไม่พูดอะไรก็ลุกพรวดขึ้นมาจากพื้นอย่างห้าวหาญ แล้วชี้นิ้วไปที่หน้าอกเขา “อายุอานามขนาดนี้แล้ว ได้โปรดอย่าเอาเปรียบลิดรอนคนตัวเล็กตัวน้อยได้หรือไม่…ทำตัววางมาดยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่รับนางบำเรอ ไม่เอานางสนม วันๆ เอาแต่คิดเรื่องลวนลามผู้ชายทั้งแท่งอย่างกระหม่อม”

“หากข้าไม่ต้องการนางสนมตลอดกาล เจ้ายินดีจะอยู่กับข้าหรือไม่” จวินมั่วหรันอยากรู้คำตอบของนาง จึงถามหยั่งเชิงออกไป แต่ก็อยากรู้จริงๆ ว่านางจะตอบเยี่ยงไร

“ไม่ ท่านใต้เท้าอย่าได้คิดลึกเกินเลย แรกเริ่มเดิมที ท่านก็แค่อยากจะกลั่นแกล้งเล่นสนุกของกระหม่อมเท่านั้น และไม่เคยคิดจะรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นใช่หรือไม่ คิดจะทำอะไรก็ต้องมีสติรู้ตัวบ้าง ท่านก็น่าจะรู้ดีว่าการเล่นกับความรู้สึกของคนมันบาปกรรม ระวังตัวสักวันบาปกรรมนั้นจะกลืนกินท่านเข้าให้!”

จวินมั่วหรันแสยะยิ้ม “กลืนกิน? เฟิงอู๋โยว ไหนลองบอกข้ามาซิ ทั่วใต้หล้านี้มีอะไรที่ทำร้ายข้าได้บ้าง…การที่เจ้ามาพูดเรื่องบาปกรรมจะกลืนกินข้าต่อหน้าข้าแบบนี้ มันช่าง…แลดูอ่อนต่อโลกจริงๆ”

ตอนที่ 140 เดิมพัน

เฟิงอู๋โยวโมโหจนหัวเราะออกมา ก่อนกัดฟันพูดขึ้น “ท่านใต้เท้าจงจำคำพูดวันนี้เอาไว้ให้ดี!”

ดวงตาเฉียบคมของจวินมั่วหรันฉายแววเย็น เขาไม่ชอบให้คนข้างตัวพูดจาสามหาวต่อหน้าแบบนี้

การที่เขาไม่ลงมือกับนาง ก็เป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของนางถูกใจเขาเป็นยิ่งนัก นิสัยก็ตรงกับรสนิยมของเขาเช่นกัน

สองมือยกขึ้นเท้าสะเอว เฟิงอู๋โยวยื่นข้อเสนอให้ด้วยท่าทางจริงจัง “เดิมพันกันหน่อยเป็นเยี่ยงไร”

“เดิมพันเรื่องอะไร”

“เดิมพันความรู้สึก ท่านเท้าใต้เท้าห้ามตกหลุมรักกระหม่อม! ไม่เช่นนั้น ถ้าท่านถูกกระหม่อมถลกหนัง อย่ามาหาว่ากระหม่อมเลือดเย็น”

จวินมั่วหรันมองเฟิงอู๋โยวในท่าทางโอหังอย่างดูแคลน เรียวปากขยับพูด “เฟิงอู๋โยว เจ้าแพ้ราบคาบแน่นอน”

เฟิงอู๋โยวไม่สนใจผลลัพธ์ นางแค่ต้องการยื้อเวลา หลังจากนางจัดการเป่ยถางหลีอินเสร็จแล้ว นางจะหนีไปให้ไกลทันที

แคว้นตงหลินมีแต่พวกอสรพิษ ขืนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไป ชีวิตไม่มีวันมีความสุขอย่างแน่นอน

หากเป็นไปได้ นางอยากออกท่องโลกกว้าง ออกตามหาสถานที่ใกล้แม่น้ำ ภูเขาและใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ สงบสุข

“พูดผลแพ้ชนะตอนนี้ไม่เร็วไปหน่อยหรือ กำหนดระยะเวลาการเดิมพันเป็นหลังจากงานเลี้ยงบัณฑิตเป็นเยี่ยงไร” นางค่อยๆ พูดขึ้น ดวงตากึ่งยิ้มจ้องมองจวินมั่วหรันอย่างไม่ละสายตา

แม้นางจะตัวเล็กกว่าเขา แต่ท่าทางไม่เล็กสมตัว ความกล้าหาญไม่แพ้ใครจริงๆ

“หากก่อนหน้านั้นเจ้าเที่ยวเจ้าชู้หว่านเสน่ห์ไปทั่ว อย่าหาว่าข้าใจดำก็แล้วกัน”

คนอย่างจวินมั่วหรันจะมองลูกไม้ตื้นๆ ของเฟิงอู๋โยวไม่ออกได้เยี่ยงไร

ตอนนี้เขาแค่ไม่อยากกดดันนางไปมากกว่านี้ก็เท่านั้น

เพราะเขาไม่อยากเห็นนางจนโกรธและงอน หรือทำร้ายจิตใจนางจนร้องไห้เหมือนครั้งที่แล้ว

ตอนที่อยู่ที่ศาลาว่าการ ท่าทาง น้ำตาคลอเบ้าของนางทำเอาเขาปวดใจอยู่นาน ความรู้สึกที่อยากขอโทษ แต่ให้ตายอย่างไงก็ไม่กล้าเสียหน้าแบบนั้นมันช่างอึดอันที่สุด

“รู้แล้ว หากไม่มีธุระอะไรอีก เรียนเชิญกลับทางเดิมด้วยขอรับ”

“พรุ่งนี้ยามเหมา อย่าลืมไปสอนวาทศิลป์แต่งกลอนให้จุยเฟิงที่ตำหนักด้วย”

“รู้แล้ว หากไม่มีธุระอะไรอีก เรียนเชิญกลับทางเดิมโดยเร็ว….ด้วยขอรับ” เฟิงอู๋โยวไล่เขาอย่างหมดความอดทน

“ห้ามนอนห้องเดียวกันกับชิงหลวน เข้าใจหรือไม่”

เฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้นจึงถามขึ้นอย่างหงุดหงิด “ตกดึกยิ่งเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเกินกว่าข่มตานอน ท่านใต้เท้าไม่อยากกอดผู้หญิงนุ่มๆ กลิ่นหอมๆ หลับนอนหรือ?”

จวินมั่วหรันมองเฟิงอู๋โยวอย่างเยือกเย็นโดนไม่พูดอะไร

เขาไม่สนใจผู้หญิงนุ่มๆ กลิ่นหอมอะไรทั้งนั้น เขาแค่สนใจเฟิงอู๋โยวที่นุ่มๆ กลิ่นหอมเท่านั้น

แต่ว่าจวินมั่วหรันเข้าใจว่าความสนใจนี้เป็นเพียงนิสัยแย่ๆ ของผู้ชายก็เท่านั้น

อะไรที่ไม่ได้ดั่งใจก็มักจะไม่ยอมเลิกราไปตลอดกาล

และก็เป็นเพราะยังไม่ได้มา เขาถึงเอาแต่ตามรังควานเฟิงอู๋โยวไม่เลิก

ประจันหน้ากันสักพัก จวินมั่วหรันก็เปล่งเสียงขึ้น “คำสั่งก็คือคำสั่ง!”

น้ำเสียงแข็งกร้าวเจือความน่าเกรงขามห้ามปฏิเสธ

“รู้แล้วๆ หากไม่มีธุระอะไรอีก เรียนเชิญกลับทางเดิมโดยเร็ว”

เฟิงอู๋โยวกรอกตาใส่ ในใจคิดว่าคืนนี้นางยังอยากกอดชิงหลวนนอนหลับอีก เพราะนางเคยชินกับการเข้านอนแบบนี้แล้ว

จวินมั่วหรันไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับเฟิงอู๋โยวอีก

เพราะตอนนี้เขาไม่อยากฟังอะไรจากปากของนางอีก

ครั้นจวินมั่วหรันย่างเท้าจากไป เฟิงอู๋โยวก็เช็ดปากตัวเองอย่างรังเกียจ

“ถุ้ย! เจ้าหมาบ้า! เป็นถึงเซ่อเจิ้งหวาง แต่ทำตัวอย่างกับขาดผู้หญิง”

ชิงหลวนผลักประตูเข้ามา นางมองเฟิงอู๋โยวอย่างดีใจ “นายหญิงกับเซ่อเจิ้งหวางทำอย่างนั้นกันหรือยังเจ้าคะ”

“ไม่”

“เป็นไปได้เยี่ยงไร เห็นๆ อยู่ว่าเซ่อเจิ้งหวางใจร้อนขนาดนั้น เขาทนได้เยี่ยงไร”

เฟิงอู๋โยวเห็นใบหน้าชิงหลวนฉายแววผิดหวังออกมาก็รู้สึกเอือมระอาขึ้นรำไร “หากข้าทำเรื่องอย่างนั้นกับเขาขึ้นมาจริงๆ เจ้าคิดว่าจะได้เห็นข้ามีชีวิตอยู่ตัวเป็นๆ แบบนี้อยู่หรือมา”

“ก็จริง”

ชิงหลวนทำได้แค่เออออตาม นางรู้สึกว่าเกิดเป็นเฟิงอู๋โยวมันช่างลำบากเหลือเกิน

หากเฟิงอู๋โยวยอมเซ่อเจิ้งหวางและแต่งงานเข้าตำหนักตั้งแต่แรกคงจะดีไม่น้อย

แต่ก็กลัวว่าเซ่อเจิ้งหวางจะเป็นพวกกินแล้วเผ่นหนีไม่รับผิดชอบ

“พรุ่งนี้ข้าจะไปสืบความชื่นชอบของเซ่อเจิ้งหวางมาจากลูกน้องของเขา” ชิงหลวนพูดพึมพำกับตัวเอง เมื่อนึกถึงจุยเฟิงขึ้นมา หน้าของนางก็แดงเรื่อ

“สืบเรื่องความชอบอะไรจากใคร”

“สงสัยนายหญิงคงหูฝาดไปแล้วเสียกระมัง”

ชิงหลวนยิ้มร่า ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “จริงสิ เมื่อครู่ชิงหลวนได้รับจดหมายนกพิราบมาจากท่านชายอี้ ท่านชายบอกว่าคิดถึงนายหญิงมากๆ หวังว่านายหญิงจะดูแลสุขภาพของตัวเอง อย่าได้เที่ยวสร้างเรื่องสร้างปัญหา ส่วนเรื่องนั้น ท่านชายจะพยายามหาวิธีแก้ไขอย่างดีที่สุด”

เฟิงอี้เป็นคนนิสัยอ่อนโยนเป็นยิ่งนัก แตกต่างจากพ่อจอมละโมบและแม่จอมเสแสร้งราวกับฟ้ากับเหว

เมื่อนึกถึงเฟิงอี้ เฟิงอู๋โยวก็พูดออกไป “ท่านพี่จะต้องคิดถึงท่าทางมีความสุขและสดใสของข้าแน่นอน ชิงหลวนตอบจดหมายกลับไปแทนข้าด้วยว่า ‘น้องชายคนนี้ก็คิดถึงท่านพี่มากๆ เช่นกัน’”

“นายหญิง ท่านชายอี้บอกว่าอีกสองสามวันต้องเข้าเฝ้าเป่ยถางหลีอิน จากนั้นต้องเดินทางออกจากเมืองหลวงของแคว้นเป่ยหลีเป็นเวลาครึ่งเดือน เพื่อเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงบัณฑิตที่แคว้นตงหลิน ตอบจดหมายกลับไปตอนนี้ ท่านชายอี้ไม่ได้รับแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ท่านพี่ก็จะมาด้วยหรือ”

เดินทางจากแคว้นเป่ยหลี่มายังแคว้นตงหลินด้วยราชรถม้าต้องใช้เวลาเกือบยี่สิบกว่าวัน

หากใช้ม้าเร็วหน่อย เจ็ดแปดวันก็น่าจะถึง

เฟิงอู๋โยวรู้จักเจ็บก้นแทนเฟิงอี้ จึงได้แต่บ่นพึมพำ “เพื่อปกป้องนางองค์หญิงหลีอินงี่เง่านั้น ก้นของท่านพี่ต้องบอบช้ำเป็นสิบๆ วันเชียวหรือ ก้นของท่านพี่ช่างน่าสงสารจริงๆ”

แล้วทันใดนั้น เฟิงอู๋โยวก็ตระหนักถึงปัญหาที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน

ในวันที่ตัวนางย้อนข้ามมิติมา เป็นวันที่เจ้าของร่างเดิมร่างนี้จบชีวิตลงที่ค่ายทหารที่ตั้งอยู่ระหว่างแคว้นเป่ยหลีกับเขตชายแดนของแคว้นตงหลิน

การที่เฟิงอู๋โยวสามารถหลบหนีมายังแคว้นตงหลินได้ภายในครึ่งเดือนแบบนั้น หลักๆ เป็นเพราะเมืองหลวงของแคว้นตงหลินอยู่ใกล้กับเขตชายแดน

ตอนนี้ เฟิงอู๋โยวเริ่มไม่เข้าใจว่าทำไมเมืองหลวงของแคว้นตงหลินต้องสร้างขึ้นใกล้ๆ พื้นที่เสี่ยงแบบนี้ด้วย แต่ก็ทำให้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมมือสังหารของเป่ยถางหลีอินถึงสามารถสะกดรอยตามและแอบเข้ามายังแคว้นตงหลินได้พร้อมนางแบบนั้น

แรกเริ่มเดิมที เฟิงอู๋โยวคิดว่าเป็นเพราะนางปฏิเสธเป่ยถางหลีอิน จึงทำให้นางแค้นจนต้องส่งมือสังหารมาฆ่านางหลายระลอก

แต่พอมาไตร่ตรองและคำนวณช่วงเวลาดูอย่างละเอียด เฟิงอู๋โยวก็พบว่ามีความเป็นไปได้ว่าตอนที่เป่ยถางหลีอินรีบร้อนเดินทางไปยังค่ายทหารแคว้นเป่ยหลีตอนนี้ นางได้นำองครักษ์ผ้าแพรหลายร้อยคนจากวังหลวงติดตามไปด้วย

มีแต่ต้องวางแผน จัดเตรียมและออกคำสั่งมาตั้งแต่ตอนอยู่วังหลวง เป่ยถางหลีอินถึงจะสามารถส่งมือสังหารให้ตามฆ่าเฟิงอู๋โยวในคืนวันเดียวได้ ซ้ำยังเคลื่อนไหวโดยที่เป่ยหลีหลงถิงไม่ทันสังเกตเห็นอีกด้วย ดูเหมือนว่านางจะวางแผนนี้มาตั้งนานแล้ว

เมื่อได้ข้อสันนิษฐานเช่นนี้มา ดูเหมือนว่าเป่ยถางหลีอินจะไม่ได้ตามฆ่านางเพียงแค่เหตุผลเรื่องปมความรักเท่านั้น แต่นางโกรธแค้นเฟิงอู๋โยวมาตั้งแรกอยู่แล้ว

ไม่เช่นนั้น องค์หญิงแคว้นเป่ยหลีอย่างเป่ยถางหลีอินคงไม่ยอมลดตัวลงมือปลอมตัวเป็นคนรับใช้และใช้แผนการที่ทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองเสื่อมเสียแบบนั้นแน่นอน

เพียงแต่ เฟิงอู๋โยวนึกไม่ออกว่าไปทำอะไรให้เป่ยถางหลีอินโกรธเกลียดนางเช่นนั้น

หากเป็นชาติตระกูล เฟิงอู๋โยวเทียบเป่ยถางหลีอินไม่ติดแน่นอน

เป่ยถางหลีอินเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวในตระกูลเชื้อพระวงศ์

ส่วนเฟิงอู๋โยวเป็นเพียงลูกเมียน้อยในตำหนักแม่ทัพชั้นสูงเท่านั้น โดยความสำเร็จและคุณูปการที่สร้างให้แก่แคว้น ล้วนสร้างมาจากเลือดเนื้อของตัวเองทั้งสิ้น

เป่ยถางหลีอินเกิดมาก็มีทุกอย่าง ส่วนเฟิงอู๋โยว แม้แต่เพศกำเนิดของตัวเองยังต้องเก็บเป็นความลับ

“น่าแปลก เป่ยถางหลีอินไม่มีความจำเป็นต้องมาอิจฉาคนอย่างข้า!”

เฟิงอู๋โยวปวดขมับ คิดแล้วคิดอีกก็คิดถึงแรงจูงใจของเป่ยถางหลีอินไม่ออก

ชิงหลวนนั่งยองๆ พลางยกมือทั้งสองข้างเท้าคางลงข้างๆ เฟิงอู๋โยวที่นิ่งอยู่ พร้อมกับพูดเสียงเบา “ถ้านายหญิงชอบนั่งอยู่แบบนี้ก็ควรหุบขานั่งนะเจ้าคะ หากคนอื่นผ่านมา พวกเขาจะรู้ว่าเป้ากางเกงของนายหญิงว่างเปล่าเอานะเจ้าคะ”

“หึ! ดูถูกนายหญิงของตัวเองอยู่หรือ”

เฟิงอู๋โยวหยุดคิดเรื่องของเป่ยถางหลีอินชั่วคราว จากนั้นก็ควักมัดกิ่งไม้ออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนยัดเข้าไปที่เป้ากางเกง

“ดูสิ ตอนนี้นายหญิงของเจ้ากลายเป็นท่านชายแล้วเห็นไหม”

“…”

ชิงหลวนรีบเบนหน้าหนี ก่อนพูดขึ้นหน้าแดงเรื่อง “นายหญิงก็ไม่ควรโอ้อวดเกินไปนะเจ้าคะ”

เฟิงอู๋โยวอมยิ้มพลางคว้าชิงหลวนเข้ามากอด “ไปกันเถิด ออกไปให้ทุกคนได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเจ้าโลกข้า”

“ไม่ใช่ของจริง นายหญิงไม่ควรมั่นใจเกินไปนะเจ้าคะ!”

“เรื่องนี้เจ้าไม่เข้าใจหรอก” เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “เมืองหลวงแคว้นตงหลินมีแต่คนเก่ง มีแพทย์เก่งๆ มากมาย ข้าจึงทำได้แค่เปิดเรือนแพทย์เฉพาะทางที่รักษาเฉพาะโรคดอกหลิว และต้องการจะมีชื่อแผนขึ้นจากด้านนี้ เจ้าลองคิดดู หากหมอที่รักษาโรคนี้มีขนาดเจ้าโรคที่ใหญ่โตและเป็นความฝันของชายหลายๆ คนแบบนี้ พวกเขาจะต้องสนใจและแห่กันมาไขข้อสงสัย แบบนี้ยังต้องกลัวว่าเรือนแพทย์ของพวกเราจะไม่มีคนไข้อีกหรือ”

ชิงหลวนพยักหน้าตาม นางเข้าใจแล้วว่า ไม่ว่าคำพูดอะไรออกจากปากเฟิงอู๋โยวก็ดูเหมือนจะถูกต้องไปหมด

แต่ปัญหาก็คือ เฟิงอู๋โยวสามารถรักษาโรคพวกนี้ได้จริงๆ หรือ

ชิงหลวนสงสัยกับเรื่องนี้เป็นยิ่งนัก “นายหญิงรักษาโรคดอกหลิวเป็นจริงๆ หรือ”

“เดิมทีโรคดอกหลิวเป็นโรคที่ไม่ต้องรักษา แค่พยายามรักษาให้เต็มที่ก็พอ”

“หะ”

ชิงหลวนได้ยินเช่นนั้นก็แตกตื่นขึ้นมา “แบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ! หากรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้นก็ว่าไปอย่าง แต่หากเกิดมีคนจายขึ้นมา ชิงหลวนจะกำพร้านายหญิงเอานะเจ้าคะ ฮือๆๆ แบบนี้ไม่ได้!”

อันที่จริง ใช่ว่าเฟิงอู๋โยวจะรักษาโรคดอกหลิวไม่เป็น เพียงแค่นางไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ชิงหลวนฟังเยี่ยงไร

เมื่อชาติที่แล้ว นางไม่เพียงเป็นแค่หัวหน้าของสี่ทหารชั้นสูง ตอนที่นางไม่ได้ออกไปทำภารกิจ นางยังเป็นถึงแพทย์บุรุษเวชศาสตร์ชื่อเสียงโด่งดัง ดังนั้นโรคดอกหลิวเป็นเพียงโรคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับนางเท่านั้น

“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเปลี่ยนชื่อ ‘เรือนแพทย์อู๋โยว’ เป็น ‘เรือนแพทย์พยากรณ์’ เจ้าคิดว่าเยี่ยงไร” เฟิงอู๋โยวเช็ดน้ำตาบนหน้าชิงหลวน พร้อมกับพูดอย่างมั่นใจ

ชิงหลวนคิดว่าตัวเองหูฝาดไป นางยกมือขึ้นมาขยี้หูตัวเอง “นายหญิงเจ้าคะ ศาสตร์พยากรณ์กับศาสตร์การแพทย์มันคนละแขนงกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ!”

เฟิงอู๋โยวเลิกคิ้วก่อนพูดขึ้นอย่างลึกซึ้ง “แล้วมันจะอยู่ด้วยกันไม่ได้หรือ หากข้ามีโรคที่รักษาไม่ได้จริงๆ ก็จะช่วยคนไข้ทำนายและบอกพวกเขาว่าพวกเขาโชคไม่ดี แบบนี้ก็ได้แล้ว”

“แบบนี้ก็ได้หรือเจ้าคะ”

“ตรรกศาสตร์กับโหราศาสตร์ ทำเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม แบบนี้จะไม่ดีได้เยี่ยงไร”

ดวงตาเฟิงอู๋โยวเป็นประกาย นางเดินเข้ามาด้านหน้าโต๊ะ จากนั้นก็ดึงเอาป้ายกระดาษสีแดงใต้ชั้นวางหนังสือออกมาเขียนตัวหนังสือลงไปเป็นแนวตั้งอย่างพลิ้วไหว

“โรคภัยทั่วใต้หล้า?” ชิงหลวนมองตัวหนังสือที่เขียนตวัดราวกับยันต์ไล่ผี ก่อนถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “หมายความว่าเยี่ยงไรหรือเจ้าคะ”

“เด็กผู้หญิงรู้มากไม่ดี”

เฟิงอู๋โยวขี้เกียจอธิบาย จากนั้นก็เขียนคำว่า “ย่อมมีทางรักษา” ลงไปบนกระดาษสีแดงต่อ

นางเป่าน้ำหมึกที่ยังไม่แห้งเบาๆ ก่อนยิ้มอย่างพอใจ “คำคล้องนี้ไพเราะหรือไม่”

“ชิงหลวนไม่เข้าใจ”

“ช่างเถิด อย่างไรก็ต้องมีคนเข้าใจ”

เฟิงอู๋โยวอารมณ์ดีเป็นยิ่งนัก คุร่นคิดครู่หนึ่ง นางคิดว่ายังขาดป้ายกระดาษติดประตูแนวนอน ครั้นแล้วจึงเขียนคำว่า “หัตถาศักดิ์สิทธิ์แห่งอู๋โยว” ลงไปเป็นแนวนอนอีกหนึ่งประโยค

“อันนี้ชิงหลวนเข้าใจ”

ในที่สุดใบหน้าของชิงหลวนก็แสดงแววดีใจออกมา จากนั้นก็หยิบป้ายกระดาษแนวตั้งและแนวนอนพวกนี้เดินไปที่วงกบประตู

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท