ตอนที่ 141 องค์ชายเฉินป่วย
กริ๊งๆๆ!
เมื่อทุกอย่างทุกจัดเตรียมจนแล้วเสร็จ ชิงหลวนก็ตั้งสติยืดตัวตรงและพาเหล่าคนงานสี่คนที่จ้างมาเมื่อเช้าออกมายืนด้านหน้าประตูเรือนแพทย์ ก่อนพากันตีกลองลั่นกระดิ่งเรียกลูกค้ากันอย่างสุดแรง
“หมอวิเศษมากความสามารถ! เดินผ่านแต่อย่าได้ผ่านไป! อย่ากังวลเรื่องราคา รับรองไม่เข้าเนื้อ! เรือนแพทย์พยากรณ์คิดราคาสุจริตโปร่งใส ไม่ลำเอียงเอาเปรียบ!”
ชิงหลวนยืนอยู่หน้าประตู นางพาเหล่าคนงานตะโกนเรียก เพื่อพยายามผลักดันให้เฟิงอู๋โยวดูสูงส่งขึ้น
เมื่อผู้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นเรือนแพทย์พยากรณ์ที่เพิ่งเปิดใหม่บนถนนเถาหลี่ก็พากันมามุงดู
จากนั้นเสียงพูดคุยก็ดังอื้ออึงเซ็งแซ่ไปหมด
“เรือนแพทย์พยากรณ์? สรุปว่าสำหรับดูดวงหรือรักษาโรคกันแน่”
“หรือว่าหมอในเรือนเป็นผู้วิเศษที่สามารถทำนายดวงชะตาและรักษาโรคได้”
“ดูป้ายที่ติดอยู่ที่หน้าประตูสิ!”
“โรคภัยทั่วใต้หล้าย่อมมีทางรักษา? หรือว่าสามารถรักษาโรคร้ายน่าอับอายพวกนั้นได้”
“ฮ่าๆ น่าสนใจ! ไปดูกันเถิดว่าใครเป็นคนเปิดเรือนแพทย์แห่งนี้! ช่างสุดโต่งดีจริงๆ”
…
เมื่อเฟิงอู๋โยวที่ยืนอยู่ด้านหลังประตูเห็นผู้คนค่อยๆ ทยอยหลั่งไหลเข้ามากันอย่างเนื่องแน่น นางจึงเดินวางมาดออกมาจากด้านในเรือนแพทย์
นางสวมใส่ชุดคลุมสีแดงเพลิง มวยผมสีดำขลับยกขึ้นสูงและใช้ปิ่นหยกปักไว้ โดยปล่อยปอยผมลงด้านหน้าบางๆ ยามลมพัดโชยผ่านช่างดูสวยงามแบบไม่น่าเชื่อถือ
“พวกเจ้าทายถูกแล้ว! ข้าคือหมอวิเศษนักพยากรณ์แห่งเรือนแพทย์พยากรณ์แห่งนี้ ทุกคนสามารถเรียกข้าได้ว่าหมอวิเศษเฟิง หรือเรียกว่านักโหราเฟิงก็ได้”
เฟิงอู๋โยวคลี่ยิ้มอย่างมีเสน่ห์
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนถามอย่างสงสัยดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ในน้ำเสียงเจือแววสบประมาทอย่างเห็นได้ชัด “มีใครที่ไหนที่สามารถรักษาโรคและทำนายดวงชะตาได้พร้อมๆ กัน แบบนี้มันพวกสิบแปดมงกุฎชัดๆ”
จากนั้นก็มีเสียงตะโกนคล้อยตามดังขึ้นทำนองเดียวกัน
เฟิงอู๋โยวอมยิ้มก่อนพูดขึ้นอย่างฉะฉาน “เทพเจ้าผู้สร้างสรรค์สรรพสิ่ง ไม่ยุติธรรมแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว! ทุกท่านจงอย่าปล่อยให้กรอบความคิดสติปัญญาแบบเดิมๆ จำกัดจิตนาการอันไร้ขอบเขตของพวกท่าน!”
พูดจบ ชิงหลวนก็โบกมือสั่งให้เหล่าคนงานลั่นกลองและตะโกนขานรับ “พูดถูก!”
เมื่อได้รับเสียงตะโกนขานรับ เฟิงอู๋โยว ก็ยิ้มร่าอย่างมั่นใจ “ข้าไม่เพียงแต่รักษาโรคหรือทำนายดวงชะตาได้ ข้ายังสามารถทำทั้งสองอย่างควบคู่กันได้อีก ซ้ำยังรวดเร็ว แม่นยำและเห็นผล!”
น้ำเสียงสิ้นสุดลง เฟิงอู๋โยวก็ยืดตัวตรงอย่างองอาจ
ผู้คนที่มุงดูเริ่มพากันคล้อยตาม “เก่งกาจ!!”
“ท่านหมอวิเศษเฟิงผู้ช่ำชองโลกเจ้าคะ!”
หญิงโสดรุ่นแรกแย้มตะโกนสนับสนุนด้วยสีหน้าแดงก่ำ
เฟิงอู๋โยวเห็นว่าผลตอบรับไม่เลวเลยทีเดียว
ณ ห้องสำราญบนชั้นสองบ่อนพนัน จวินมั่วหรันยืนอยู่ข้างหน้าต่างและพยายามตั้งใจฟังเฟิงอู๋โยวที่กำลังพูดจาหว่านล้อมอยู่อย่างจริงจัง
จวินมั่วหรันอยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าเจ้าหมอนี่จะใช้วาทศิลป์หว่านล้อมผู้คนมากมายในสถานที่โจ้งแจ้งแบบนี้
แต่น่าเสียดาย ตรงกลางระหว่างบ่อนพนักและเรือนแพทย์พยากรณ์ถูกกั้นไว้ด้วยหอนางโลม
เขาอยากจะไปมุงดูใกล้ๆ แต่ก็ไม่อยากลดตัวลงไปทำเช่นนี้ท่ามกลางสามัญชน
อีกทั้งก่อนหน้านี้ เขาก็เพิ่งจะถูกเฟิงอู๋โยวไล่ออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก จวินมั่วหรันก็หันกลับมาหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนลงบนกระดาษอย่างบรรจง “หากคดีฆาตกรรมที่ศาลเจ้ายังไม่ได้ข้อสรุป ห้ามชุมนุมรวมตัวเด็ดขาด”
“นำไปส่งที่กรมราชทัณฑ์”
“ขอรับ”
บ่าวรับใช้ของบ่อนพนันที่ยืนอยู่ด้านหลังจวินมั่วหรัน ขานรับคำสั่งด้วยความเคารพ ต่อให้เขาไม่เข้าใจว่าคดีฆาตกรรมที่ศาลเจ้าหงเย่มันเกี่ยวอะไรกับชาวบ้านชุมนุม แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม
หลังจากก้มหน้ารับจดหมายมาจากจวินมั่วหรัน บ่าวรับใช้ก็รีบมุ่งหน้าไปที่กรมราชทัณฑ์
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ที่เรือนแพทย์พยากรณ์ก็ถูกทหารจากกรมราชทัณฑ์สลายการรวมตัว เหลือเพียงนางคนเดียวที่ยืนทำตาปริบๆ อยู่ด้านหน้าเหล่าทหาร
“พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาไล่ลูกค้าของข้า”
เฟิงอู๋โยวยืน เท้าสะเอวถลึงตาใส่พวกทหาร นางโมโหจนถกแขนเสื้อขึ้นมาและพร้อมพุ่งเข้าใส่พวกทหารทุกเมื่อ
ชิงหลวนเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้ามาดึงแขนเสื้อห้ามเอาไว้ “ท่านชายเจ้าคะ พวกเขามีมากกว่า พวกเราสู้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ลูกผู้ชายย่อมไม่บุ่มบ่ามทำอะไรที่ตัวเองเสียเปรียบนะเจ้าคะ ปล่อยมันไปเถิดเจ้าค่ะ”
“กว่าข้าจะเรียกลูกค้าให้สนใจได้ แต่กลับถูกพวกหมารับใช้ไล่ไปง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ วันนี้หากไม่อธิบายให้ชัดเจน ข้าไม่ปล่อยไปแน่!”
เฟิงอู๋โยวแย่งไม้กลองมาจากมือชิงหลวน จากนั้นก็ใช้มันชี้หน้าเหล่าทหาร พลางแผดเสียงสูง “ไม่ทราบว่าคดีฆาตกรรมที่ศาลเจ้าหงเย่กับเกี่ยวอะไรกับการเรียกลูกค้าของข้า”
คนที่เป็นหัวหน้าทหารถามกลับ “เรียกลูกค้าอะไร”
“จงตอบคำถามข้ามาก่อน การที่ยังจับตัวผู้ก่อเหตุในคดีฆาตกรรมที่ศาลเจ้าหงเย่ไม่ได้ก็หมายความว่าผู้ก่อเหตุยังคงลอยนวลอยู่ ดังนั้นยังคงเป็นอันตรายกับชาวบ้านอยู่ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียวตามลำพัง พวกเขามีอัตราถูกฆาตกรรมมากว่าผู้คนที่อยู่รวมตัวกันเสียอีก ที่ข้าพูดมาถูกหรือไม่”
“ที่พูดมาก็มีเหตุผล”
ผู้ที่เป็นหัวหน้าทหารมองป้ายเชื้อเชิญที่ติดอยู่ที่อยู่เรือนแพทย์พยากรณ์ ภายในใจคิดว่าเอาไว้วันไหนที่ไม่ค่อยมีคนจะแอบมาหาเฟิงอู๋โยวเพื่อหาทางรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของตัวเอง ดูว่าร่างกายตัวเองสามารถกลับมาปึ๋งปั๋งได้อีกหรือไม่
ดังนั้นท่าทีของเขาจึงค่อนข้างเกรงใจเฟิงอู๋โยวยิ่งนัก
เมื่อเฟิงอู๋โยวได้ยินเช่นนั้นก็โมโหจนแทบอยากจะพ่นไฟออกมา เสียงของนางแผดทะยานขึ้นสูงกว่าเดิม “ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าที่ข้าพูดมีเหตุผล แล้วทำไมต้องไล่ลูกค้าของข้าด้วย!?”
“พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง”
“คำสั่งของใคร” เฟิงอู๋โยวขมวดคิ้วอย่างสงสัย
หรือว่าจะเป็นคนชั่วร้ายที่สุดในใต้หล้าอย่างจวินมั่วหรัน
“คำสั่งของเซ่อเจิ้งหวาง” หัวหน้าทหารตอบเสียงแผ่วจนแทบจะกระซิบ
“เจ้าหมอนี่ ทำข้าโมโหอีกแล้ว!”
เฟิงอู๋โยวโมโหจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
หรือว่าจวินมั่วหรันเป็นเจ้ากรรมนายเวรจากชาติปางก่อนของนาง
ทำไมถึงตามหลอกหลอนทุกที่แบบนี้!
“ท่านชาย อารมณ์ของเซ่อเจิ้งหวางไม่ค่อยดี พวกเรายอมๆ ปล่อยไปก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”
ชิงหลวนกลัวว่าเฟิงอู๋โยวจะเลือดขึ้นหน้าถือมีดถือขวานบุกไปที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวาง แล้วทำให้เรื่องบานปลายถึงขั้นจบชีวิต
“อืม พวกหมาบ้าก็เป็นแบบนี้ ข้าไม่เอาความเขาหรอก”
เฟิงอู๋โยวพูดระบายอารมณ์ จากนั้นก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในเรือนแพทย์
ณ ห้องสำราญบนชั้นสองบ่อนพนัน จวินมั่วหรันยังคงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เขาได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นไม่หยุด แต่กลับทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้ไม่น้อย
เขายิ้มมุมปาก ก่อนนั่งลงบนก้าวอี้และยกชาขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์!
“เมื่อครู่ไปหาเจ้าที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางมา จุยเฟิงบอกว่าเจ้ามาค้างแรมที่บ่อนพนัน ทำเอาข้าไม่อยากจะเชื่อ นึกไม่ถึงว่าคนอย่างเจ้าจะซ่อนสาวงามไว้ที่นี่!”
จี้มั่วจื่อเฉินผลักประตูเข้ามาและเดินมาด้านหน้าจวินมั่วหรัน สายตามองเขาอย่างสนใจ
สายตาเยือกเย็นดุจคมมีดของจวินมั่วหรันมองหน้าจี้มั่วจื่อเฉิน ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “มีธุระอะไร”
“ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร แค่ช่วงนี้อาการโรคเก่าๆ กำเริบ ก็เลยสัมผัสตัวหญิงสาวไม่ได้ ก็แต่รู้สึกเบื่อเท่านั้น” จี้มั่วจื่อเฉินถอนหายใจพลางยกถ้อยชาของจวินมั่วหรันขึ้นมาดื่มอย่างไม่เกรงใจ
“…”
ถึงแม้ความสัมพันธ์ของจวินมั่วหรันกับจี้มั่วจื่อเฉินเป็นไปด้วยดี แต่นิสัยของพวกเขาทั้งสองคนต่างกันราวกับขั้วเหนือกับขั้วใต้
จี้มั่วจื่อเฉินเป็นคนเจ้าชู้และมักมากในกาม วันๆ เอาแต่เที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่ว
ส่วนจวินมั่วหรันไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง เขาข่มกลั้นและขัดเกลาความอยากของตัวเองราวกับบำเพ็ญตบะ นอกเสียจากเวลาอยู่กับเฟิงอู๋โยวที่อาจทำให้เขาเสียอาการบ้าง แต่โดยปกติแล้วเขาไม่คิดจะชายตามองพวกสาวงามเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่เข้าใจจี้มั่วจื่อเฉินที่ชื่นชอบเที่ยวเสพสุขที่หอนางโลมเป็นประจำ
สำหรับจวินมั่วหรันแล้ว การที่จี้มั่วจื่อเฉินติดโรคดอกหลิว ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเพราะการกระทำของตัวเขาเองทั้งสิ้น
จี้มั่วจื่อเฉินชินกับท่าทางเฉยชาของจวินมั่วหรันตั้งนานแล้ว เขาพูดพึมพำกับตัวเอง “ขณะที่เดินทางมาที่นี่ได้ยินผู้คนพูดถึงแม่ทัพเฟิงแห่งแคว้นเป่ยหลี พวกเขาลือกันว่าเฟิงอู๋โยวเปิดเรือนแพทย์แถวๆ ประตูด้านหลังหอนางโลมเพื่อรักษาโรคของ ‘ผู้ชาย’ โดยเฉพาะ อีกประเดี๋ยวไปตรวจโรคเป็นเพื่อนข้าดีหรือไม่”
“ไม่”
“เป็นอะไร เบื่อของเล่นชิ้นนี้แล้วหรือ” จี้มั่วจื่อเฉินนึกถึงความสวยงามของเฟิงอู๋โยวตอนปล่อยผมลงมา อยู่ๆ น้ำลายก็สอออกมาทันที “อาหรัน ถ้าเจ้าเบื่อแล้ว ข้าขอเล่นต่อเจ้าได้หรือไม่”
จวินมั่วหรันมองใบหน้าฉายแววหื่นกามของจี้มั่วจื่อเฉินอย่างรังเกียจ จากนั้นก็จับเขาโยนออกนอกหน้าต่างทันที “ห้ามแตะต้องเขา”
ตุบ!
“โอ้ย! อาหรัน เจ้าเปลี่ยนไปจริงๆ! หันไปชอบผู้ชายด้วยกันเสียแล้ว หึ!”
จี้มั่วจื่อเฉินถูกจวินมั่วหรันโยนลงมาจากชั้นสองจนก้นกระแทกลงบนพื้นราวกับทิ้งระเบิด ทำเอาเขาเจ็บระทมจนกัดฟันกรอด
จวินมั่วหรันที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างชั้นสองมองจากด้านบนลงมาพลางเอ่ยเสียงเย็น “ขืนริอาจสร้างปัญหาให้เขา คืนนี้ข้าจะทำลายตำหนักเฉินหวางของเจ้าให้ราบคาบ”
“แค่ไม่กี่วัน เซ่อเจิ้งหวางผู้ยิ่งใหญ่กลับต้องมนตร์สะกดของแม่ทัพรูปงามจากแคว้นเป่ยหลีแล้วหรือ ช่างน่าแปลกเสียนี่กระไร!”
จี้มั่วจื่อเฉินเงยหน้ามองใบหน้าอันเคร่งขรึมของจวินมั่วหรันพลางเดินกะเผลกๆ จากไป จนกระทั่งเดินมาถึงเรือนแพทย์พยากรณ์ที่ตั้งอยู่ตรงประตูด้านหลังหอนางโลม
เขาอยากเห็นเหลือเกินว่าเสน่ห์ที่แท้จริงของเฟิงอู๋โยวเป็นเยี่ยงไร ทำไมถึงสามารถเอาชนะใจจวินมั่วหรันได้!
“เฟิงอู๋โยว ลูกค้ารายใหญ่ของเจ้ามาแล้ว ยังไม่รีบออกมาต้อนรับอีก”
จี้มั่วจื่อเฉินเดินวางมาดเข้ามาในเรือนแพทย์ สายตามองไปที่เฟิงอู๋โยวที่กำลังนั่งหน้าบูดอยู่ที่โต๊ะ
เฟิงอู๋โยวที่กำลังอารมณ์ไม่ดีปาเข็มเงินใต้แขนเสื้อออกไปใส่เป้ากางเกงของจี้มั่วจื่อเฉินพร้อมกับตวาดลั่น “ไสหัวไป”
โชคดีที่จี้มั่วจื่อเฉินกระโดดหลบได้ทัน เขาบ่นอุบ “นิสัยเหมือนอาหรันจริงๆ!”
“อย่าเอ่ยถึงเขาต่อหน้าข้าอีก”
“เฮ้อ! อาหรันคงตามใจเจ้าจนเคยตัวแล้วสินะ”
จี้มั่วจื่อเฉินเดินจ้ำเข้ามาด้านหน้าโต๊ะนั่ง ก่อนนั่งลงฝั่งตรงข้ามเฟิงอู๋โยวและมองพินิจนางอย่างละเอียด
ดวงตาทรงกลีบดอกท้อของนางเลิกขึ้น ความสวยงามพริ้มพราวเล็ดลอดออกมา แววตาเฉียบคมเจือแววห้าวหาญ
บอกได้เลยว่าเฟิงอู๋โยวเป็นคนที่งดงามหมดจดจริงๆ แม้จะแฝงไปด้วยความห้าวหาญเยี่ยงบุรุษ แต่นางช่างสวยงามอย่างปราศจากเค้าความเป็นชายแม้แต่น้อย
เฟิงอู๋โยวมองจี้มั่วจื่อเฉินที่ทำตาลุ่มหลงอย่างเย็นชา จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ประตูพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าอารมณ์ไม่ดี ไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า ดังนั้นมาทางไหนก็จงกลับไปทางนั้นเสียเถิด”
เมื่อจี้มั่วจื่อเฉินตั้งสติกลับมาได้ก็ยกมือขยี้จมูกตัวเองแก้เขิน ก่อนกดเสียงต่ำพูดขึ้น “วันนี้ข้าไม่ได้มาเล่นกับเจ้า แต่ตรงนั้นของข้ามี ปัญหา ไม่รู้ว่าเจ้ามีความสามารถมากพอจะรักษาโรคนี้ให้ข้าได้หรือไม่”