จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1326-1330

บทที่ 1326-1330

บทที่ 1326 : การตายของเทพปรมาจารย์ (6)
  ครั้นกล่าวจบ ไป๋เสี่ยวเฉินก็ผละออกจากอ้อมกอดของไป๋หยาน ทันทีที่เขาหันหน้าไปมอง เขาก็เห็นชายชราวิปลาสยืนอยู่ข้าง ๆ เขา นัยน์ตาของเขาพลันสว่างไสวขึ้นทันที เขารีบวิ่งเข้าไปหาอย่างตื่นเต้น
  “ท่านปู่ ท่านปู่ ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ? แล้วท่านไปอยู่ที่ไหนมา ? ผู้หญิงเลวคนนั้นรังแกท่านหรือไม่ ?”
  ไป๋หยานตกใจ นางมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความประหลาดใจ “เฉินเอ๋อ เจ้ารู้จักท่านปู่ด้วยหรือ ?”
  ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างจริงจัง “หม่ามี้จำตอนที่หม่ามี้มาช่วยข้ากับหลงเอ๋อได้หรือไม่ ? ท่านปู่คนนี้ก็เกลียดชังผู้หญิงเลวคนนั้นเช่นกัน และนางก็วางกับดักเขา ข้ากังวลมาตลอดว่า เขาจะตกไปอยู่ในกำมือของนางมารร้าย”
  ชายชราวิปลาสเหมือนจะจำไป๋เสี่ยวเฉินได้เขาเกาศีรษะพลางยิ้ม “ข้าจำเจ้าได้ ข้ายังจำเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างกายเจ้าได้ด้วย เจ้ามีความสัมพันธ์เช่นใดกับหลานสาวสุดที่รักของข้า ?”
  หลานสาวสุดที่รัก ?
  ความประหลาดใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าสีชมพูของไป๋เสี่ยวเฉิน เขาหันหน้าไปมองไป๋หยาน พลันนัยน์ตาที่งงงวยของเขาก็สบเข้ากับสายตาของไป๋หยาน
  “เฉินเอ๋อ เรียกท่านปู่ทวดสิ”
  ไป๋หยานแตะศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินขณะกล่าว
  ไป๋เสี่ยวเฉินตกตะลึง “หม่ามี้บอกว่าคนผู้นี้คือท่านปู่ทวดหรือ ? ทำไมเฉินเอ๋อถึงมีท่านปู่ทวดอีกคนได้ล่ะ ?”
  คำพูดของไป๋เสี่ยวเฉินทำให้ปากของไป๋หยานกระตุก
  คำพูดของเขาหมายถึง เหตุใดไป๋เสี่ยวเฉินถึงมีปู่ทวดคนแล้วคนเล่า
  อย่างไรก็ตาม ไป๋เสี่ยวเฉินก็หันกลับไปอย่างเชื่อฟัง พลางเรียกว่า “ท่านปู่ทวด”
  “อา อา”
  ใบหน้าของชายชราวิปลาสแดงฉานด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกขนลุกทั่วร่าง ทว่าใบหน้าชราก็ไม่ได้แสดงออกถึงความลำบากใจใด ๆ “ข้า … ข้าดูเหมือนจะไม่ได้นำของขวัญติดมือมาด้วย หากเจ้ารอข้า ข้าจะกลับไปนำมา”
  ครั้นเห็นชายชราวิปลาสหันหลังกลับ ทำท่าจะผละจากไป ไป๋หยานก็รีบคว้าแขนของชายชราทันที “ท่านปู่…อย่ากลับไปตอนนี้เลย อีกไม่นานคนของเทวาคารก็จะกลับมาแล้ว ตอนนี้เรารีบออกจากที่นี่โดยเร็วก่อนเถอะ”
  “จริงด้วย” ชายชราวิปลาสตอบ พลางตบหัวตนเอง “หลานสาวของข้าพูดถูก เจ้าไม่ควรให้พวกชั่วนั่นพบเจ้า คนพวกนั้นจะรังแกเจ้าได้อีก เช่นนั้นเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
  สำหรับชายชราวิปลาสแล้ว การปล่อยให้คนพวกนั้นพบไป๋หยานอาจส่งผลร้ายกับนาง
  “หม่ามี้ เสี่ยวมี่อยู่ที่ไหน ?” ไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ยถามพลางเม้มปาก
  “แม่บอกให้พวกเขากลับไปที่วังอสูรก่อน เมื่อเสร็จภารกิจพวกเราก็จะกลับไปพบกันที่วังอสูร ที่นี่อยู่ไกลเกินไป หากให้พวกเขามาที่นี่ เกรงว่าคนที่กลับมาจากเทวาคารอาจจะพบเจอพวกเขาได้”
  ไป๋หยานขมวดคิ้ว โชคดีที่ครั้งนี้ในเทวาคารมีเทพปรมาจารย์อยู่เพียงคนเดียว หาไม่นางก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ?
  แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินสว่างไสวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะ หม่ามี้ เฉินเอ๋อคิดถึงน้องสาวมาก ๆ”
  “ไป กลับบ้าน”
  ไป๋หยานจับมือของไป๋เสี่ยวเฉิน มุมปากของนางอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
  แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนใบหน้าซีกหนึ่งของนาง ช่างงดงามมาก มากเสียจนทำให้ทุกคนมองอย่างอัศจรรย์ใจ
  *****
  ครั้นถึงเวลาที่คนจากเทวคารซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปจัดการปัญหาที่ภูเขาโอสถกลับมา ก็เป็นเวลาหลังพลบค่ำไปแล้ว
  พวกเขามองแผ่นป้ายประตูเทวาคารที่ตกอยู่กับพื้น หัวใจของพวกเขาสั่นไหว ลางสังหรณ์ไม่ดีพลันหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจ ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรง
  “รีบเข้าไปดูกันสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น !” การแสดงออกของปรมาจารย์คนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขารีบเดินเข้าไปในวิหาร
  ทันใดนั้นเอง ลานหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยเลือดก็สะท้อนเข้ามาในม่านตาของทุกคน หัวใจของพวกเขาราวถูกกระชากอย่างแรง นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่มีที่สิ้นสุดกระทั่งกลายเป็นสีแดงก่ำ
บทที่ 1327 : หยุนรั่วซีหญิงเจ้าเล่ห์ (1)
  “ปรมาจารย์หง !”
  ใบหน้าของปรมาจารย์เทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบวิ่งไปที่กองซากศพ พลิกหนึ่งในจำนวนนั้นขึ้นมา ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด ร่างของเขาพลันสั่นสะท้าน เขาเกือบจะเซล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ
  “นี่…ปรมาจารย์หง ปรมาจารย์หงถูกฆ่าตายจริง ๆ !”
  ปรมาจารย์ฮวงและปรมาจารย์อู๋เดินโซเซ ใบหน้าของพวกเขาซีด ยากที่จะยอมรับในสิ่งที่พวกเขาได้เห็นต่อหน้าต่อตา
  ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถฝ่าเข้าสู่ระดับเทพปรมาจารย์ได้ เช่นนั้นเมื่อพวกเขากลายเป็นเทพปรมาจารย์ จึงสามารถเรียกได้ว่า พวกเขาคือผู้สูงส่งซึ่งอุปมาดั่งตำแหน่งเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์
  ต้องบอกว่า ทันทีที่พวกเขาเห็นเทวาคารนองเลือด หัวใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ ทว่ายามนี้พวกเขากลับเต็มไปด้วยอาการตื่นตระหนก
  หากปรมาจารย์หงถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย ย่อมพิสูจน์แล้วว่า หากพวกเขารับมือเพียงลำพัง พวกเขาก็อาจเป็นอันตรายเช่นกัน ? แม้แต่คนของเทวาคารทั้งหมดก็ตกอยู่ในฐานะที่ล่อแหลม !
  “ผู้ใดกันที่เข่นฆ่าผู้คนจำนวนมากในเทวาคารของเรา ผู้ใดกันที่ฆ่าปรมาจารย์หง” ยามนี้นัยน์ตาของปรมาจารย์อู๋เป็นสีแดงฉาน สีหน้าของเขาเขียวคล้ำ เขากำหมัดแน่น กระทั่งนิ้วของเขาลั่นดังกิ๊ก
  ทุกคนต่างเงียบ ทั่วทั้งลานหน้าบ้านตกอยู่ในสภาพเงียบงัน กระทั่งได้ยินเสียงสายลมพัดอย่างชัดเจน
  “จริงสิ แล้วรั่วซีล่ะ !”
  ชั่วขณะนั้น ก็ดูเหมือนปรมาจารย์ฮวงจะนึกอะไรบางอย่างออก เขารีบเอ่ยถามออกมา
  อีกสองคนก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง
  “ใช่ หยุนรั่วซีเล่า รีบไปดูสิว่า หยุนรั่วซีประสบเหตุร้ายด้วยหรือไม่ ? นางคือความหวังหนึ่งเดียวของอาณาจักรสวรรค์ของเรา”
  หากรั่วซีเป็นอะไรไปจริง ๆ เทวาคารก็จะกลายเป็นคนบาปของอาณาจักรสวรรค์อย่างแน่นอน
  เช่นนั้นนางจะต้องไม่เกิดเหตุร้ายอันใด !
  ครั้นจบถ้อยคำดังกล่าว ก็มีคนไปค้นหาในกองซากศพทันที ทว่าพวกเขาค้นหาอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่พบหยุนรั่วซี
  “หากไม่พบรั่วซีที่นี่ นางอาจจะไปอยู่ที่อื่น พวกเราจงกระจายกำลังกันออกค้นหา ดูสิว่ามีผู้ใดรอด ผู้ใดตายแล้วบ้าง !”
  ปรมาจารย์ฮวงครุ่นคิด ขณะที่เงยหน้าขึ้นสายตาของเขาก็จับจ้องมองนิ่งไปเบื้องหน้า
  ถ้อยคำของเขาทำให้คนที่เพิ่งถอดใจมีกำลังใจขึ้นอีกครั้ง
  ปรมาจารย์ทั้งสามหันมองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนจะแยกจากกันไปในสามทิศทาง พร้อมกันนั้น บรรดาผู้คนจากเทวาคารที่ตามหลังพวกเขามาก็เริ่มออกค้นหาอย่างรวดเร็ว
  …
  ในขณะนี้ บนภูเขาด้านหลังเทวาคาร หยุนรั่วซีกำหมัดแน่น นัยน์ตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความโกรธ และไม่พอใจ
  สุดท้ายแล้ว นางก็เชื่อถ้อยคำของสาวใช้ รีบหลบออกจากสนามต่อสู้ เพื่อจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบใด ๆ
  แต่เมื่อหวนนึกถึงปรมาจารย์หงที่จมกองเลือด แววตาของหยุนรั่วซีก็เต็มไปด้วยความริษยา
  เหตุใด ?
  เหตุใดหญิงผู้นั้นถึงได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ ? แม้แต่สังหารเทพปรมาจารย์ หญิงผู้นั้นก็ทำได้อย่างง่ายดาย และนางเหตุใดจึงต้องด้อยกว่าเสมอ แม้ว่าจะพยายามมากเพียงไรก็ตาม !
  “คุณหนู !”
  จู่ ๆ เสียงหอบก็ดังมาจากด้านหน้า
  ครั้นหยุนรั่วซีเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นสาวใช้คนสนิทวิ่งเข้ามาหานาง
  ใบหน้าของสาวใช้แดงก่ำ นางหอบเล็กน้อย เหงื่อไหลรินออกมาจากหน้าผาก นางวิ่งตรงไปหาหยุนรั่วซีอย่างรวดเร็วโดยไม่เช็ดเหงื่อ
  ใบหน้าของหยุนรั่วซีน่าเกลียด ขณะเอ่ยถามอย่างเย็นชา “คนเหล่านั้นจากไปแล้วหรือ ? แล้วชายชราวิปลาสนั่นก็ไปด้วยกระนั้นรึ ?”
  สาวใช้พยักหน้า “พวกเขาไปกันหมดแล้ว อีกทั้งตอนนี้ปรมาจารย์เทียน และปรมาจารย์อู๋ก็กลับมาแล้วด้วย !”
บทที่ 1328 : หยุนรั่วซีหญิงเจ้าเล่ห์ (2)
  กระไรนะ ?
  ใบหน้างดงามของหยุนรั่วซีเปลี่ยนสีในทันที
  หากพวกเขากลับมาก่อนหน้านี้ พวกเขาอาจจะขวางไป๋หยานไม่ให้จากไปได้ ทว่าพวกเขากลับมาในเวลานี้
  ไป๋หยานไม่เพียงแต่จากไปแล้ว หากตอนนี้มาเห็นนางที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดอีก นางจะไม่โดนประณามว่าเป็นคนขี้ขลาดหรอกหรือ ? ในช่วงเวลาหลายปีที่นางสู้อุตส่าห์รักษาชื่อเสียงหน้าตาจะต้องมลายสิ้นอย่างแน่นอน !
  ครั้นรับรู้ถึงกลิ่นอายกดดันที่พุ่งเข้าหานางอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของหยุนรั่วซี พลันกะพริบประกายแสงดุร้าย นางยกฝ่ามือของนางขึ้น ก่อนจะกระแทกลงบนหน้าอกของตนเองอย่างแรง
  พุ่ฟ !
  หยุนรั่วซีพ่นเลือดออกมาหนึ่งคำ ใบหน้าของนางซีดเผือด ร่างของนางล้มลงกับพื้นอย่างกะทันหัน
  “คุณหนู !” สาวใช้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางรีบเดินเข้าไปหาหยุนรั่วซี ช่วยพยุงร่างของหยุนรั่วซีขึ้น พลางกัดริมฝีปากเอ่ยกล่าวว่า “คุณหนู ท่าน … “
  หยุนรั่วซีจ้องมองสาวใช้ เอ่ยกล่าวอย่างเคร่งเครียด “เจ้าหุบปากซะ ไม่ต้องพูดอะไร ! หากเจ้าพูดอีกเพียงคำ เจ้าคงจะรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร !”
  สาวใช้สั่นไปทั้งร่างด้วยความตกใจ นางก้มหน้าลงไม่กล้ากล่าวคำใดอีก
  ทันทีที่หยุนรั่วซีกล่าวจบ ร่างของปรมาจารย์ฮวงก็เคลื่อนตัวมาจากที่ไกล ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เพียงไม่ช้าก็มาหยุดต่อหน้านาง …
  ทันทีที่ปรมาจารย์ฮวงผู้อยู่บนท้องฟ้าแลเห็นหยุนรั่วซี ใบหน้าชราของเขาพลันเปล่งประกายด้วยความสุข ทว่าหลังจากเห็นร่างที่อ่อนแอของหยุนรั่วซีแล้ว ใบหน้าชราที่มีความสุขนั้นพลันเคร่งเครียด
  “รั่วซี เกิดอะไรขึ้นผู้ใดทำร้ายเจ้าเช่นนี้ ?”
  ตอนแรกเขาเห็นร่างของหยุนรั่วซีเพียงภายนอก เขาก็รู้สึกว่าโชคดีที่นางไม่เป็นอะไร หากแต่เขาก็รู้สึกผิดหวังด้วย
  อารมณ์ของเขานั้นผสมปนเป เขาหวังว่านางจะหาที่หลบซ่อนตัวได้ ทว่าเขาก็ไม่อยากให้นางเป็นคนขี้ขลาด …
  หลังจากได้เห็นอาการบาดเจ็บของหยุนรั่วซี ยามนี้หัวใจของปรมาจารย์ฮวงก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
  โชคดี…ที่นางยังคงเป็นสตรีที่เข้มแข็งกล้าหาญ และน่ารักเช่นที่พวกเขาเคยประทับใจ นางย่อมไม่มีวันทำให้พวกเขาผิดหวัง !
  “แค่ก !” น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาทั้งสองของหยุนรั่วซี นางกำแขนเสื้อของปรมาจารย์ฮวงแน่น เอ่ยถามด้วยใบหน้าซีดเซียว “ปรมาจารย์ฮวง ปรมาจารย์หงเป็นเช่นไรบ้าง ?”
  สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายหยุนรั่วซีผงะไปชั่วขณะ นางมองหยุนรั่วซีด้วยความประหลาดใจ
  คุณหนูเองก็รู้ว่าปรมาจารย์หงตายไปแล้วมิใช่หรือ ? เหตุใดจึงยังถามประโยคนี้อีกเล่า ?
  ทว่าเพราะคำเตือนของหยุนรั่วซีเมื่อครู่ ในตอนนี้สาวใช้จึงไม่กล้าถาม แม้ว่านางจะสงสัยมากเพียงใดก็ตาม นางทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ข้าง ๆ และก้มหน้าลง
  การแสดงออกของปรมาจารย์ฮวงเปลี่ยนไป เขามองใบหน้าบอบบางของหยุนรั่วซี แม้เขาเองแทบจะทนไม่ได้ หากแต่เขาก็กล่าวประโยคนั้นออกมา
  “ปรมาจารย์หง…นาง…ตายแล้ว”
  ยามนี้ปรมาจารย์ฮวงรู้สึกได้ว่ามือที่อ่อนนุ่มของหยุนรั่วซีแข็งขึ้น จากนั้นก็ค่อย ๆ เลื่อนลงไป
  นางหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น รอยยิ้ม และน้ำตารินอาบใบหน้านาง
  “เป็นความผิดของข้าทั้งหมด … ข้าโกรธมากที่ชายชราวิปลาสนั่นพาไป๋หยานมาที่เทวาคารเพื่อแก้แค้น ซ้ำยังจะทำลายเทวาคารด้วย เพื่อเทวาคารแล้ว ข้าเลยออกมาประจันหน้ากับพวกเขา หากแต่ข้าไม่คิดเลยว่าชายชราวิปลาสนั่นจะทำร้ายข้า … “
  “ปรมาจารย์หง นางพยายามปกป้องข้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้ข้าหนี ! ข้าคุกเข่าขอร้องไป๋หยานให้ปล่อยปรมาจารย์หงไป ทว่าไป๋หยานก็ปฏิเสธที่จะไว้ชีวิตนาง ! ข้าไม่อยากทิ้งปรมาจารย์หง ทว่า … ข้าเป็นความหวังหนึ่งเดียวของอาณาจักรสวรรค์ ข้าจะให้อาณาจักรสวรรค์ตกอยู่ในอันตราย เพราะความเห็นแก่ตัวของข้าได้อย่างไร !”
บทที่ 1329 : หยุนรั่วซีหญิงเจ้าเล่ห์ (3)
  นางยกมือขึ้นปิดหน้า พลางปล่อยให้น้ำตารินไหลผ่านนิ้วมือ หยาดหยดลงไปที่พื้นเบื้องหน้านาง
  ปัง !
  ความโกรธพุ่งออกมาจากหัวใจของปรมาจารย์ฮวง เขากำหมัดแน่น ความโกรธที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้กัดเซาะหัวใจของเขา
  “ตาแก่บ้านั่น … ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะกล้าช่วยหญิงผู้นั้นทำร้ายปรมาจารย์หง ! แท้จริงแล้วในทวีปนี้นอกจากราชาเทพสวรรค์ และราชาอสูรแล้ว เขาก็เป็นอีกคนที่สามารถสังหารเทพระดับปรมาจารย์ได้ ! ราชาเทพสวรรค์ไม่มีทางทำอันตรายพวกเทพเจ้าได้ ส่วนราชาอสูรตอนนี้ก็อยู่ในเมืองสัตว์อสูร ! ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมาที่นี่ !”
  ปรากฎว่าเป็นตาแก่บ้านั่นเองที่ฆ่าปรมาจารย์หง !
  เขาทรยศเทวาคารเพื่อหลานสาวบุญธรรมจริง ๆ !
  “รั่วซี ไม่ต้องเสียใจ เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด เมื่อมีคนหมายจะทำลายเทวาคาร ก็เป็นเจ้าที่พยายามออกมาปกป้องเทวาคาร นั่นย่อมพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเป็นหญิงที่มีจิตใจงดงาม ! ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเองก็ได้รับบาดเจ็บ การหลบหนีมาก็ไม่ใช่เพื่อตัวเจ้าเอง ที่เจ้าทำทั้งหมดก็เพื่อเทวาคาร ! แม้ว่าจะมิใช่ปรมาจารย์หง หากแต่เป็นคนอื่น ๆ พวกเราก็พร้อมที่จะปกป้องเจ้า ให้เจ้าได้หลบหนีก่อนอย่างแน่นอน !”
  ยามนี้ในอกของปรมาจารย์ฮวงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาจึงไม่ติดใจในคำพูดของหยุนรั่วซี
  หากไป๋หยาน และชายชราวิปลาสต้องการที่จะฆ่าหยุนรั่วซีจริง พวกเขาจะปล่อยให้นางหนีเข้ามาในภูเขาด้านหลังนี่ได้อย่างไร ? เหตุใดไม่ไล่ล่าหยุนรั่วซีต่อ หลังจากที่ฆ่าปรมาจารย์หงได้แล้วเล่า ?
  และ…
  ชายชราวิปลาสก็ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะฆ่าปรมาจารย์หง หากเขายังฟื้นคืนความแข็งแกร่งของตนเองไม่ได้ แต่หากเขาฟื้นความแข็งแกร่งของตนเองได้แล้ว เขาก็อาจสามารถจัดการระดับเทพปรมาจารย์ได้ !
  เหตุใดเขาถึงฆ่าปรมาจารย์หง และจากไปง่าย ๆ ?
  ทว่าเนื่องจากความโกรธที่อยู่ในใจของเขา รวมถึงความไว้วางใจในตัวหยุนรั่วซี เขาจึงไม่ทันฉุกคิดถึงเรื่องเหล่านี้
  นัยน์ตาของเขาเปล่งแสงสีแดงวาบอยู่เป็นเวลานาน เจตนาสังหารแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา ส่งผลให้ท้องฟ้าทั้งหมดหม่นมัว
  “ปรมาจารย์ฮวง… “ หยุนรั่วซีปล่อยมือ พลางเงยหน้าพร้อมด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมอง สีหน้าของนางแลดูน่าสงสาร และน่าสมเพช “ท่านไม่ต้องปลอบข้าแล้ว เป็นความผิดของข้าทั้งหมด คราครั้งนั้นข้าไม่ควรช่วยไป๋หยาน นางไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ทั้งจะไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอีก … “
  “ข้ารู้ว่าเลือดของลูกสุนัขจิ้งจอกสามารถช่วยข้าได้ วันนี้ข้าจึงขอร้องนางเรื่องนี้ เพราะหากไม่มีเลือดจิ้งจอกน้อย ข้าก็คงไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่ามันจะทำให้นางโกรธถึงเพียงนี้”
  หลังจากกล่าวจบ หยุนรั่วซีก็ก้มศีรษะลงอีกครั้ง พลางสะอื้นไห้ เสียงของนางนุ่มนวลเฉกเช่นเคย ทว่าหัวใจของปรมาจารย์ฮวงกลับเจ็บปวดตาม
  “หญิงผู้นั้นเป็นหมาป่าตาขาวที่ไม่สำนึกบุญคุญคนจริง ๆ ! เจ้าเคยช่วยนางไว้ นางกลับแว้งกัดมือที่เคยให้อาหาร !”
  ปรมาจารย์ฮวงกัดฟันอย่างโหดเหี้ยม เขาอยู่มานานหลายปีแล้ว ไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าด้านเช่นไป๋หยานเลย !
  ถ้าตอนแรกเป็นเขาที่รับไป๋หยานเข้ามา เขาคงจะอับอายที่เลี้ยงคนอกตัญญูเช่นนี้ ทำให้เขาทั้งเสื่อมเสีย ทั้งเสียหน้า
  หยุนรั่วซีรู้สึกยินดีที่เห็นว่าปรมาจารย์ฮวงเชื่อคำพูดของนางอย่างสนิทใจ
  “ปรมาจารย์ฮวง ข้าต้องการฟื้นฟูความแข็งแกร่ง ทั้งนี้มิใช่เพื่อตนเอง หากแต่เพื่อผู้คนในอาณาจักรสวรรค์ ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีคนเห็นแก่ตัวอีกมากมายในโลกนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะเข้าใจข้า และข้าเองก็ไม่อาจบังคับฝืนใจผู้ใดได้ เช่นนั้นข้าจึงหวังว่าทุกคนจะพยายามฝึกฝนพัฒนาตนเอง เพื่อรับกับหายนะที่กำลังจะมาถึง เพราะบางทีเมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็อาจจะกลายเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ก็ได้”
  นางใช้เครื่องรางนี้ แสร้งแทนที่ไป๋หยาน เพื่อให้ได้รับสถานะสูงสุดในเทวาคารเท่านั้น นางไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องเป็นผู้กอบกู้ ! เช่นนั้นนางจึงหวังให้ปรมาจารย์ฮวงและคนอื่น ๆ ปกป้องแดนสวรรค์มากกว่า
  ด้วยวิธีนี้นางก็ไม่ต้องสละชีวิต เพื่ออาณาจักรสวรรค์ด้วยเช่นกัน !
  หยุนรั่วซีไม่ได้แสดงสีหน้าตามความคิดที่อยู่ภายในใจ หากแต่ใบหน้าที่อ่อนหวานของนางยังคงยิ้มอย่างขมขื่น การแสดงออกของนางราวกับคนสิ้นหวัง
บทที่ 1330 : คิดร้ายกับเสี่ยวหลิงเอ๋อรึ (1)
  แววตาของปรมาจารย์ฮวงเคร่งขรึม ความแน่วแน่เป็นประกายในดวงตาของเขา เขากล่าวเบา ๆ พลางถอนใจ “รั่วซี ไม่ต้องกังวล เราจะช่วยเจ้าให้ฝึกฝนต่อไปให้จงได้ แม้ว่า ข้าจะต้องจับตี้คัง และไป๋หยานมัดไว้จนกว่าจะคลอดบุตรสาวก็ตามที”
  หัวใจของหยุนรั่วซีสั่นไหว ในปากของนางมีรสขมขื่น นางรู้สึกไม่สบายใจเลย ริมฝีปากของนางขยับสองสามครั้ง ทว่านางก็ไม่ได้กล่าวคำใด ใบหน้าที่ซีดขาว และอ่อนนุ่มของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
  “หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ อาณาจักรสวรรค์ก็จะรอดพ้นหายนะ”
  หัวใจของปรมาจารย์ฮวงอ่อนยวบลง
  ช่างเป็นสตรีที่แสนดีอะไรเช่นนี้ ทันทีที่นางรู้ว่าพวกเขาต้องการให้นางฝึกฝนต่อ ปฏิกิริยาแรกของนางไม่ใช่ตื่นเต้นเพื่อตนเอง แต่กลับเป็น…หากนางสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ นั่นเท่ากับอาณาจักรสวรรค์จะรอดพ้นจากหายนะ !
  ราชาเทพสวรรค์ช่างตาบอดมองผิดไปว่าไข่มุกเป็นตาปลา แล้วกลับมองว่าตาปลามีค่าเช่นไข่มุก เขาจึงพลาดสตรีที่ยอดเยี่ยมและจิตใจดีเยี่ยงหยุนรั่วซี
  ในวันหน้า…ราชาเทพสวรรค์จะต้องเสียพระทัยกับการตัดสินพระทัยในครั้งนั้น พระองค์จะต้องทรงเสียพระทัยไปตลอดพระชนม์ชีพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ !
  “รั่วซี เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด พวกข้าจะดูแลส่วนที่เหลือเองไม่ต้องกังวล”
  น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดู
  หยุนรั่วซีกัดริมฝีปาก พลางค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น นางวางมือข้างหนึ่งไว้บนมือของสาวใช้ น้ำเสียงของนางนุ่มนวลราวสายลม “ปรมาจารย์ฮวง จากนี้ไปท่านไม่ต้องห่วง ก่อนหน้านี้ข้าคิดถึงความรู้สึกเก่า ๆ ที่เคยมีให้นาง ข้าจึงมิอาจทำร้ายนางได้ หากแต่นางไม่สนใจมิตรภาพที่ผ่านของเราเลย ทั้งยังฆ่าปรมาจารย์หงอีกด้วย !”
  ขณะที่นางกล่าวเช่นนี้ นางก็สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าของนางแน่วแน่ นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย
  “ในเมื่อนางสังหารปรมาจารย์หง ข้า…หยุนรั่วซึ่งได้รับการดูแลจากปรมาจารย์หงมานานหลายปี ข้าย่อมต้องล้างแค้นให้ท่าน ! หากมิใช่เพื่อผู้คนของอาณาจักรสวรรค์แล้ว ข้าก็คงเลือกที่จะกอดคอตายพร้อมกับนาง”
  ครั้นเห็นท่าทีที่เด็ดเดี่ยวของหยุนรั่วซี ปรมาจารย์ฮวงก็รู้สึกยินดี โชคดีที่หญิงผู้นี้ไม่ได้ทำตามความตั้งใจที่จะตายพร้อมกับไป๋หยาน หาไม่หากวันหน้าภัยพิบัติมาถึง อาณาจักรสวรรค์ย่อมจะต้องล่มสลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ !
  อย่างไรก็ตาม หลังกล่าวจบ หยุนรั่วซีก็ไม่กล่าวคำใดอีก นางเพียงเหลือบมองปรมาจารย์ฮวง ก่อนจะก้าวออกไปที่ลานด้านหลังโดยมีสาวใช้คอยพยุง
  ร่างของนางพลิ้วไหว ราวกับเพียงถูกสายลมพัด ก็จะล้มลงได้ทุกเมื่อ และท่าทางที่อ่อนแอนั้นก็จุดเพลิงโทสะของปรมาจารย์ฮวงขึ้นมาอีกระลอก ราวกับไฟลามหญ้า นัยน์ตาของเขาคุกรุ่นด้วยไฟโทสะที่ลุกไหม้
  “หยุนรั่วซีกับไป๋หยาน คนหนึ่งเสียสละเพื่อคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงชีวิต ส่วนอีกคนกลับเห็นแก่ตัวและไร้ค่า ! ทั้งสองคนช่างแตกต่างกันอย่างมาก บางทีปรมาจารย์หลิงอาจคาดการณ์ผิดตั้งแต่ต้น เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจจะมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นเช่นหยุนรั่วซีผู้เสียสละ!”
  ปรมาจารย์ฮวงยิ้มเยาะที่มุมปาก ร่องรอยเย้ยหยันพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าชราของเขา
  “คนเยี่ยงไป๋หยานไม่สมควรถูกเรียกว่ามนุษย์เสียด้วยซ้ำ ! นางแปดเปื้อนไปด้วยกลิ่นอายของสัตว์อสูร กระทั่งไม่ต่างจากสัตว์อสูรเหล่านั้นแล้ว ! ราชาเทพสวรรค์ยอมละทิ้งอาณาจักรสวรรค์เพื่อนาง จะต้องเสียพระทัยไปตลอดพระชนม์ชีพ !”
  ปรมาจารย์ฮวงเชื่อเสมอว่า การที่เฟิงลี่เฉินไม่สนใจหยุนรั่วซีนับเป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา
  เช่นเดียวกันกับชายชราวิปลาสผู้นั้น !
  ท้ายสุด ปรมาจารย์ฮวงก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่ตั้งของเมืองสัตว์อสูรด้วยสายตาที่ถากถาง เขาสะบัดเสื้อคลุมของเขาอย่างแรง ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เชิงเขาด้านหลัง …
  *****
  ในเวลานี้ ณ ประตูเข้าเมืองสัตว์อสูร
  ชายชราทั้งสามเหาะมายืนอยู่กลางอากาศเหนือประตูเมือง อาภรณ์ของพวกเขาสะบัดพลิ้วไปมา สายตาอันแหลมคมไม่ต่างจากดาบ หรือฝนน้ำแข็งที่แหลมคมของพวกเขา จับจ้องมองลงมายังทหารยามผู้ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าประตู

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท