จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1316-1320

บทที่ 1316-1320

บทที่ 1316 : ยาเทพปรมาจารย์ (1)
“เจ้าหมายถึงข้ากระนั้นหรือ ?”
ครั้นชายชราวิปลาสได้ยินคำถามของไป๋หยาน เขาก็ผงะไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างลังเล
ชายชราวิปลาสตกตะลึง ยามนี้เขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ไหว หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินลงมา ภายใต้กระแสลมแรงร่างชราของเขาสั่นสะท้าน ราวกับใบไม้ที่ร่อนคว้างกลางสายลม
“ไป๋ไป๋ ! เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ ? ข้าเป็นท่านปู่ของเจ้าไง เพราะพวกเขาใช่หรือไม่ ? ที่ทำให้เจ้าสูญเสียความทรงจำ มันต้องเกี่ยวกับไอ้คนใจร้ายพวกนั้นอย่างแน่นอน ต้องเป็นพวกมัน !”
ชายชราวิปลาสตัวสั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว นัยน์ตาสีเทา ๆ ของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม แลดูดุดันบ้าคลั่ง เขาหันกลับไปมองเทวาคารที่อยู่ด้านหลัง
เพียงไม่นาน เขาก็หันกลับมาจ้องไป๋หยาน น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและนุ่มนวล เขามองสตรีที่อยู่กลางอากาศว่างเปล่าด้วยความรัก เปี่ยมเมตตา
“หลานสาวที่รัก อย่าได้กลัวพวกคนใจสัตว์เหล่านั้นเลย ปู่จะปกป้องเจ้าเอง จะไม่ปล่อยให้สัตว์ร้ายเหล่านั้นทำร้ายเจ้าได้อีก”
ท่าทางใจดีมีเมตตาของชายชรา ทำให้หัวใจของไป๋หยานสั่นสะท้าน ความรู้สึกเศร้าพลันแผ่ซ่านออกมาจากหัวใจของนาง กระทั่งนางไม่อาจระงับได้ …
นางยกมือขึ้นกุมหัวใจแน่น ยามนี้นางรู้สึกราวกับจะหายใจไม่ออก นางต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบจิตใจ
ไม่…นางจะเสียเวลาอีกไม่ได้ นางต้องอาศัยประโยชน์ก่อนที่พวกปรมาจารย์จะกลับมาจัดการกับคนเหล่านี้เสียก่อน
ครั้นนึกได้เช่นนี้ ประกายแสงที่แน่วแน่พลันฉายวาบในดวงตาของไป๋หยาน “ข้าไม่ใช่หลานสาวของท่าน ท่านจำคนผิดเสียแล้ว ตอนนี้ข้ามีเรื่องอื่นที่ต้องรีบเร่งจัดการ ท่านออกไปจากที่นี้ก่อนจะได้หรือไม่ ?”
จำคนผิดกระนั้นรึ ?
แววตาของชายชราวิปลาสหม่นหมอง “ไม่…ปู่จะจำคนผิดได้อย่างไร ? เจ้าเป็นหลานสาวที่แสนดีของปู่ ที่เจ้าไม่ยอมรับปู่ เพียงเพราะเจ้ายังโกรธปู่อยู่ใช่หรือไม่ ? ที่ปู่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ ? ปู่ผิดเอง เจ้าอย่าได้ปฏิเสธปู่เลย … “
เขายื่นมือออกมาปรารถนาที่จะจับไป๋หยาน ถ้อยคำที่อ่อนโยน และนุ่มนวลของเขาทำให้หัวใจของไป๋หยานราวถูกฉุดกระชาก
“ฮือฮือ หลานรัก ปู่รู้ตัวแล้วว่าปู่ผิด อย่าทิ้งปู่ไปเลย … “ ชายชราวิปลาสสะอื้นไห้ ราวกับว่าเขากำลังระเบิดความเจ็บปวด และความขมขื่นทั้งหมดออกมา
จิ้งจอกฟ้ารับรู้ได้ถึงความลังเล และความใจอ่อนของไป๋หยาน มันจึงรีบแลบลิ้นเลียใบหน้าไป๋หยาน ราวกับจะเตือนไป๋หยานว่า เวลากำลังจะหมดลงแล้ว …
ผู้ที่ไปแดนอสูรอาจจะกลับมาช้า ทว่าพวกอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นจะกลับมายังเทวาคารทันทีที่เสี่ยวมี่ และไป๋เสี่ยวเฉินผละจากไป เช่นนั้นนางจึงต้องรีบจัดการทั้งหมดให้ทันเวลา !
ลิ้นอุ่น ๆ ของจิ้งจอกฟ้าทำให้ไป๋หยานได้สติ นางเหลือบมองชายชราที่อยู่ด้านหลัง พลางกวาดตาไปมองทหารยามอีกครั้ง
“จิ้งจอกฟ้า เจ้าช่วยพาชายชราคนนี้ออกไปจากที่นี่ก่อน รอจนกว่าข้าจะจัดการที่นี่เสร็จ”
“วู้วู้”
จิ้งจอกฟ้าตอบรับสองครั้ง จากนั้นก็กระโดดลงจากไหล่ของไป๋หยาน มันงับชายชราวิปลาส พร้อมทั้งออกแรงพยายามที่จะพาชายชราคนนี้ออกไปจากที่นี่
ชายชราวิปลาสยังคงจ้องไป๋หยานด้วยความงุนงง เขาไม่ได้ตอบสนองใด ๆ กระทั่งถูกจิ้งจอกฟ้าลากตัวออกไปได้ระยะหนึ่งจึงเริ่มรู้สึกตัว ครั้นรู้สึกตัวเขาก็พยายามสลัดจิ้งจอกฟ้า จากนั้นก็รีบก้าวเข้าไปหาไป๋หยาน
“ไป๋ไป๋ หลานสาวที่รักของปู่ ปู่จะไม่มีวันทิ้งเจ้า ชั่วชีวิตนี้ปู่จะไม่จากเจ้าไปอีก … “
ปัง !
ทันใดนั้นเองไป๋หยานก็นำดาบล่าเทวดาออกมาอีกครั้ง พลังดาบแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ร่างของชายชราวิปลาสพลันถูกผลักถอยร่นไปสองสามก้าว
ควันและฝุ่นปกคลุมทั่วท้องฟ้า
“เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้ !” หวู่หลิงยิ้มเยาะ พลางยกมือขึ้น พลันดาบยาวก็ตกลงมาในมือของเขา
ร่างของเขาราวกับสายฟ้า กระโจนเข้าใส่ไป๋หยานอย่างรวดเร็ว ดาบยาวในมือของเขาตัดผ่านท้องฟ้า ก่อนจะตกลงบนศีรษะของไป๋หยาน …
บทที่ 1317 : ยาเทพปรมาจารย์ (2)
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นทันที นางยกดาบล่าเทวดาในมือขึ้น ต้านรับดาบยาวของคู่ต่อสู้ทันที
พร้อมเสียงดังเคร้ง พื้นใต้ฝ่าเท้าของไป๋หยานพลันแยกออก ภายใต้พละกำลังของคู่ต่อสู้ ร่างของนางค่อย ๆ จมลง
แต่แล้ว…
ไป๋หยานก็หยิบขวดยาออกมาจากถุงเก็บของ
นางเทเม็ดยาสีเขียวมรกตออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็กินมัน เพียงไม่ช้าร่างของนางก็หายวับ ภายใต้คมดาบของหวู่หลิงราวกับสายลมพัด
ยาเม็ดสลาตัน ! ความเร็วของผู้กินจะเพิ่มขึ้น เว้นแต่คู่ต่อสู้จะอยู่ในระดับที่สูงกว่ากันมาก หาไม่หากอยู่ในระดับเดียวกันก็ไม่มีผู้ใดตามความเร็วของนางได้ทัน !
ในยามนี้ เทพทั้งหมด ณ ที่นี้ มีเพียงเทพปรมาจารย์ขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถปราบนางได้
ในทำนองเดียวกัน เนื่องจากยาเม็ดนี้เป็นยาเม็ดระดับที่สิบสอง จึงมีประโยชน์กับผู้ที่อยู่ระดับต่ำกว่าเทพขั้นปรมาจารย์เท่านั้น หากระดับขั้นสูงกว่านี้ยาเม็ดสลาตันนี้ก็แทบไม่ส่งผลใด ๆ
ครั้นเห็นความเร็วของไป๋หยาน ที่ไม่ต่างจากสายลมพัด เพียงพริบตานางก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา หวู่หลิงตกตะลึงนิ่งงัน แต่ครั้นเขารู้สึกตัวก็มีลมระเบิดออกมาทางด้านหลังเขา พร้อมกับกลิ่นอายสังหารที่แข็งแกร่ง ใบหน้าของเขาพลันซีดลง
พร้อมเสียงดังเปรี้ยง ดาบล่าเทวดาก็โบกสะบัดอยู่เบื้องหลังเขา
หากมิใช่เพราะเขาหายตัวได้ไว เกรงว่าดาบจะฟันลงมาที่ตัวเขาแล้ว …
ครั้นเห็นไป๋หยานและหวู่หลิงกำลังต่อสู้กัน บรรดาหารยามที่เหลือต่างก็รีบกรูกันขึ้นมาล้อมไป๋หยานไว้ตรงกลาง
ภายใต้การโจมตีของเทพสวรรค์จำนวนมาก แม้แต่ชายผ้าของไป๋หยานก็ยังไม่เคยถูกคนพวกนั้นสัมผัสได้ เรือนผมของนางมิได้ยุ่งเหยิง ทั้งใบหน้าที่สวยงามของนางก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนเลยนับแต่เริ่มต้นจนจบ
เหงื่อเย็นบนหน้าผากของหวู่หลิงพลันไหลริน ที่สุดความตื่นตระหนกก็ฉายไปทั่วดวงตาของเขา เขาเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นผู้ใดเกี่ยวข้องอันใดกับไป๋หนิง ? เหตุใดเจ้าถึงมาที่เทวาคารของเรา ?”
เดิมทีเขาคิดว่าไป๋หยานจะไม่ตอบคำถามของเขา ทว่าผู้ใดจะคาดคิด ไม่นานหลังจากที่ถ้อยคำถามจบลง เสียงเยาะเย้ยก็ดังก้องในกลุ่มเมฆ
“ข้าเป็นชายาของราชาอสูร ราชินีแห่งอาณาจักรอสูร ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อแก้แค้นเท่านั้น !”
ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อแก้แค้นเท่านั้น !
สายลมพัดผ่าน พาเอาถ้อยคำเหล่านี้กระทบหัวใจทุกผู้คน ทำให้หัวใจพวกเขาสั่นไหว ใบหน้าของพวกเขาซีดลงทันที
ชายชราวิปลาสลืมความเศร้าโศกที่ไป๋หยานปฏิเสธเมื่อครู่เสียสิ้น เขามองผู้คนในเทวาคารที่ค่อย ๆ ล้มลงเรื่อย ๆ พร้อมกับปรบมือลั่น “ตีมันเลย ตีมันให้ตายเลย ฆ่าไอ้ลูกกระจ๊อกพวกนี้ให้หมด พวกมันรังแกหลานสาวที่แสนดีของข้า !”
เขากระโดด พลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะหัวเราะร่า ทว่าไม่นานก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“ทุกคนที่รังแกหลานสาวของข้าสมควรตาย หลานสาวของข้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ เหตุใดพวกเขาถึงยังรังแกนางได้อีก ? นอกจากนี้ยังมีนังหยุนรั่วซีที่น่ารังเกียจนั่นอีก นางน่ารังเกียจไม่ต่างจากไอ้กระจ๊อกพวกนี้เลย !”
ครั้นต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของไป๋หยาน หวู่หลิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่บ้าคลั่งของชายชราวิปลาส
ชายชราวิปลาสผู้นี้ก็มาจากเทวาคารเช่นกัน ไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในเทวาคารที่เป็นเหตุให้เขาบ้าคลั่งมากถึงเพียงนี้ ทั้งยังกลายเป็นเกลียดเทวาคารไปได้
หากมิใช่เพราะความเกลียดชัง ตาเฒ่านี่จะต้องการให้พวกเขาทั้งหมดตายได้อย่างไร ?
ว่าแต่เทวาคารทำสิ่งใด เขาจึงเกลียดชังมากมายถึงเพียงนี้ หากเพียงพูดเพราะความบ้าคลั่งก็ไม่น่าที่จะแฝงความเกลียดชังเช่นนั้นได้ …
นอกจากนี้เขายังได้ยินมาว่าชายชราผู้นี้เคยเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในเหล่าปรมาจารย์ ทว่าโชคไม่ดีที่เขาเสียสติ ทั้งไม่สามารถแม้แต่จะแสดงความแข็งแกร่งดั้งเดิมของตนออกมาได้ ทำให้ตำแหน่งอันดับ 1 หายไปจากเทวาคาร
เพียงเพราะชายชราคนนี้เคยแข็งแกร่งมาก เช่นนั้นกระทั่งถึงตอนนี้ แม้ว่าพวกปรมาจารย์จะรำคาญเขา ทว่าคนพวกนั้นก็ยังไม่กล้าที่จะมีปัญหากับเขา
บทที่ 1318 : ยาเทพปรมาจารย์ (3)
ฟิ้ววววว !
จู่ ๆ สายลมก็พัดมาจากท้องฟ้า สายลมนั้นพัดมาปะทะหน้าไป๋หยาน
ชั่วขณะนั้นนัยน์ตาของไป๋หยานพลันหรี่ลง นางก้าวถอยกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นสายลมก็พัด แล้วร่างหนึ่งก็ร่วงตกลงมาตรงหน้านาง ราวกับมีดพุ่งปัก ก่อเกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่บนพื้นดิน
ชั่วขณะนั้นใบหน้าของไป๋หยานพลันเคร่งขรึม นางเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงงัน
ภายในช่วงเวลาหนึ่ง ร่างนั้นก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในอากาศว่างเปล่า
นางคือหญิงชราคนหนึ่ง จากรูปลักษณ์ของนางยังไม่สามารถบอกอายุขัยที่แท้จริงได้ แต่เมื่อพิจารณาจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของหญิงชราผู้นี้ นางได้เข้าถึงระดับเทพปรมาจารย์แล้ว และนางก็เป็นหนึ่งในปรมาจารย์แห่งเทวาคารนี้ด้วยเช่นกัน !
การหายใจของไป๋หยานเริ่มตึงเครียด นางเดาได้แต่แรกแล้วว่า นางไม่สามารถดึงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทั้งหมดในเทวาคารออกไปได้ทั้งหมดด้วยแผนการของนางเพียงอย่างเดียว เช่นนั้นนางจึงเตรียมยาเทพปรมาจารย์มาด้วย
อย่างไรก็ตาม นางไม่รู้ว่ายังมีอีกกี่คนที่อยู่ในระดับเทพปรมาจารย์ในเทวาคารนี้ !
“ไปเถอะ !”
ชายชราวิปลาสจ้องมองหญิงชราที่ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า พลางรีบก้าวไปอยู่ข้างกายไป๋หยาน เขาจับมือนางเอ่ยกล่าวว่า “หลานรัก เจ้ารีบหนีไปไว ๆ หญิงผู้นี้เลวมาก นางจะรังแกเจ้า”
หญิงชราลดสายตาลงจ้องมองใบหน้าที่วิตกกังวลของชายชราวิปลาส ประกายแสงเย็นวาบผ่านแววตาของนาง
ตาบ้านี่จำนางได้จริง ๆ หรือ ?
“ตาแก่บ้า เจ้าลืมไปหรือไม่ว่าเจ้าก็เป็นคนของเทวาคารด้วยเช่นกัน ?” น้ำเสียงของนางแหบแห้ง และสากราวกับเอานิ้วไปถูกับเปลือกไม้ไม่น่าฟังเอาเสียเลย
ชายชราวิปลาสกระทืบเท้าด้วยความโกรธเกรี้ยว “ผู้ใดเป็นคนของเทวาคารกัน ข้าต้องการแค่หลานสาวที่รักของข้าเท่านั้น เช่นนั้นข้าจะไม่สมคบคิดกับคนสารเลวพวกนั้น !”
หญิงชราหรี่ตา พลางยิ้มอย่างประชดประชัน “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่า เจ้าบ้าจริงหรือแกล้งบ้า ในเมื่อเจ้ายังรู้จักคำว่า “สมคบคิด”
ชายชราวิปลาสจ้องหญิงชราอย่างดุร้าย “เจ้าสิบ้า ครอบครัวของเจ้าก็บ้า ! พวกบ้า…เจ้าห้ามรังแกหลานสาวสุดที่รักของข้านะ !”
“ฮ่าฮ่าฮ่า !” หญิงชราเยาะเย้ย “ตาแก่บ้า หากเป็นเมื่อพันปีก่อน ข้าอาจจะกลัวเกรงเจ้า ทว่าเพราะเหตุการณ์ในครานั้นทำเจ้าเสียใจอย่างหนักกระทั่งเสียสติ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของเจ้าลดลงไม่เหมือนเดิม เจ้ายังคิดว่า ตอนนี้ข้ายังต้องกลัวคนล้มเหลวเช่นเจ้าอยู่อีกกระนั้นหรือ ? หากมิใช่เป็นเพราะคบหากันมานานหลายปี เจ้ายังจะมีโอกาสอยู่ในเทวาคารอีกกระนั้นหรือ ?”
ชายชราขยี้ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของตน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองยามจ้องมองหญิงชรา ภายหลังจากจ้องมองเพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็พุ่งเข้าไปหาหญิงชราอย่างรวดเร็ว
ในยามนี้หญิงชราได้เดินลงมาจากอากาศว่างเปล่าแล้ว นางจ้องมองชายชราวิปลาสด้วยอาการเย่อหยิ่ง พลางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “เสียใจกระนั้นหรือ ? อยากกลับไปอยู่ … “
ไปอยู่…?
ก่อนที่ถ้อยคำสุดท้ายจะถูกเปล่งออกมา นางก็เห็นชายชราวิปลาสถุยน้ำลายใส่หน้า เขาหัวเราะฮ่า ๆ พร้อมกันนั้นก็ตบต้นขาตนเองไปด้วย
“เช่นนี้ ใบหน้าของเจ้าก็จะได้สะอาดขึ้นฮ่า ๆ ๆ “
ใบหน้าของหญิงชราโกรธบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาว นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายที่ชายชราวิปลาสถ่มใส่ พลันเกิดเสียงดังโครม เมื่อหมัดที่หนักหน่วงชกชายชราวิปลาส
“ระวัง !”
หัวใจของไป๋หยานแทบจะกระโจนออกจากอก ปฏิกิริยาตอบสนองของนางรวดเร็วมาก นางพยายามดึงร่างชายชราวิปลาสออกจากฝ่ามือของหญิงชรา
ทว่านางยังคงช้าไปก้าวหนึ่ง หญิงชราได้ฟาดฝ่ามือลงบนไหล่ของชายชราวิปลาสเสียแล้ว
ไป๋หยานจับร่างของชายชราวิปลาส พลางถอยหลังกลับไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว ครั้นตั้งหลักได้ นางก็รีบหันไปมองชายชราวิปลาส เอ่ยถามอย่างตระหนก “เป็นเช่นไรบ้าง ?”
บทที่ 1319 : ยาเทพปรมาจารย์ (4)
ชายชราวิปลาสน้ำตาเอ่อล้น เขามองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร “เจ็บจัง ข้าเจ็บ จังเลย… “
“ท่านรอที่นี่ก่อนนะ”
ไป๋หยานวางชายชราวิปลาสลง นัยน์ตาของนางแผ่รังสีร้อนแรงด้วยไฟโทสะ นางค่อย ๆ หันศีรษะไปมองหญิงชรา
หญิงชราไม่สนใจความโกรธในแววตาของไป๋หยาน นางยังคงยิ้มเยาะ “สาวน้อย เจ้าเป็นราชินีแห่งแดนอสูร ข้าต้องขอบอกว่า เจ้ากล้าหาญมาก เป็นเพียงเทพขั้นสูงระดับต่ำ ยังกล้ามาสร้างปัญหาที่เทวาคาร !”
“ข้าไม่ได้มาที่เทวาคารนี่เพื่อสร้างปัญหา ข้ามาที่นี่เพื่อสังหารเจ้า !”
น้ำเสียงของนางฟังดูเย่อหยิ่งผยอง สายตาของนางเต็มไปด้วยพลังอำนาจ ประหนึ่งราชินีผู้อยู่เหนือโลกหล้า
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !” หญิงชราหัวเราะอย่างดุร้าย “สาวน้อย…เมื่อพันปีก่อนเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา และตอนนี้เจ้าก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก หากปราศจากการปกป้องจากราชาอสูร เจ้าก็ไม่มีค่าพอที่จะเอ่ยถึงด้วยซ้ำ… เอาล่ะข้าเองก็ไม่อยากเสียเวลา อีกไม่นานก็จะเกิดหายนะครั้งใหญ่ ข้าจึงจะเสนอโอกาสรอดให้กับเจ้า แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าเต็มใจที่จะยอมรับหรือไม่ !”
ไป๋หยานครุ่นคิด ยาเม็ดในถุงเก็บของปรากฏขึ้นในมือของนาง
ยาชนิดนี้สามารถรับประทานได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต ทว่าครั้งนี้ เพื่อจัดการกับคนของเทวาคารผู้นี้แล้ว นางไม่เสียใจเลย !
“โอกาสอะไร ?” นางกลืนเม็ดยา พลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าว่างเปล่า
หญิงชราเองก็เห็นนางกลืนยา ทว่าก็ไม่ได้คิดมาก เพราะไม่ว่านางจะใช้ยาเม็ดใด นางก็ไม่มีทางที่จะรับมือกับพลังของเทพปรมาจารย์ได้ !
“ในอดีตแม่นางรั่วซีถูกเจ้าทำร้าย ทำให้ความแข็งแกร่งของนางหยุดนิ่ง หากต้องการฟื้นฟูร่างกายของนาง มีเพียงเลือดของจิ้งจอกอันบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ และต้องเป็นจิ้งจอกตัวเมีย”
นางเชิดริมฝีปากขึ้นอย่างเฉยเมย “หาก…เจ้าเต็มใจที่จะมีบุตรสาวกับราชาอสูร และมอบเด็กหญิงผู้นั้นให้กับเทวาคารของเรา ข้าก็จะยกโทษให้เจ้า และละเว้นแดนอสูรด้วย ว่าไง ?”
ชั่วขณะนั้นหัวใจของไป๋หยานพลันตึงเครียดขึ้น คนจากเทวาคารผู้นี้กล้าคิดร้ายกับเสี่ยวหลิงเอ๋อได้อย่างไร ?
ไม่ !
ไม่…นางจะต้องรีบจัดการคนพวกนี้อย่างเร็วที่สุด นางจะไม่ปล่อยคนของเทวาคารไว้ ไม่ปล่อยคนที่คิดร้ายกับเสี่ยวหลิงเอ๋อไว้แน่
ทว่า…
ต่อหน้าหญิงชรา ไป๋หยานไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ การแสดงออกของนางยังคงเฉยเมยเฉกเช่นเคย
“ทำไม ?”
ทำไมนางต้องเสียสละบุตรีของนางเพื่อสตรีของเทวาคาร โดยเฉพาะคนพวกนี้เป็นศัตรูของนาง ? นางไม่เคยเห็นคนหน้าด้านเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต !
“อย่างที่ข้าพูดไว้ ความหายนะกำลังจะบังเกิดขึ้น และรั่วซีก็เป็นคนเพียงผู้เดียวที่สามารถแก้ปัญหาภัยพิบัติครั้งนี้ได้ !” หญิงชราขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพยายามอดกลั้น “ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่จิ้งจอกน้อยแรกเกิด เจ้าและนางก็ไม่ได้ผูกพันอะไรมากมายนัก เปรียบเทียบกันแล้วโลกนี้มีความสำคัญยิ่งกว่า ! หากภัยพิบัติมาถึง ไม่เพียงแต่อาณาจักรสวรรค์เท่านั้น ทว่ายังรวมไปถึงแผ่นดินใหญ่ และอาณาจักรอสูรด้วยที่ไม่อาจจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ !”
ความหมายก็คือ ใช้ชีวิตบุตรสาวของนางแลกชีวิตชาวบ้านมากมาย…คุ้มออก !
นี่เจ้าเห็นแก่ความตายของคนในอาณาจักรอสูร และแผ่นดินใหญ่ด้วยกระนั้นรึ ?
ไป๋หยานยิ้มเยาะ พลางกล่าวว่า “มีสิ่งใดสำคัญสำหรับข้ากระนั้นรึ ? ถึงขนาดที่ข้าต้องเสียสละบุตรสาวของตน เพื่อปกป้องชีวิตของพวกเจ้า ข้าไม่ทำเช่นนั้นแน่ !
“เหตุใดเจ้าถึงได้ดื้อดึงนักนะ ?” หญิงชราตวาดอย่างโกรธ ๆ “เจ้าไม่เห็นด้วย แล้วตี้คังจะไม่เห็นด้วยเหมือนกันกระนั้นหรือ ? ก็แค่สละจิ้งจอกน้อยสักตัวย่อมดีกว่าสละชีวิตคนในแดนอสูรทั้งหมด เจ้าสามารถมั่นใจได้ว่า ขอเพียงเจ้ามีส่วนทำให้หายนะสลายไป ข้าสัญญากับเจ้าว่า ความเป็นศัตรูระหว่างอาณาจักรสวรรค์ของเรา และอาณาจักรอสูรจะถูกกำจัดไปด้วย !”
ไป๋หยานยิ้ม รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยอาการประชดและดูถูก
บทที่ 1320 : ยาเทพปรมาจารย์ (5)
“เจ้าบอกว่า ความเป็นศัตรูระหว่างอาณาจักรสวรรค์และอาณาจักรอสูรจะถูกกำจัดไปงั้นหรือ ? ขอโทษนะ ระหว่างเราสองอาณาจักรต้องมีเหลือแค่หนึ่งเท่านั้น และคนที่ตายก็ต้องเป็นพวกเจ้า ส่วนพวกข้าจะต้องเป็นผู้ที่อยู่รอด !”
“ฮ่าฮ่าฮ่า !” ความโกรธในดวงตาของหญิงชราไม่ได้จางหายไป นางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเกรงว่า จะไม่เป็นไปตามความต้องการของเจ้า หากเจ้าไม่มาที่เทวาคาร เจ้าอาจจะยังมีโอกาส แต่เมื่อเจ้ามาหาเรื่องถึงประตูเราเอง เราก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยเจ้าไป”
“เมื่อหลายพันปีก่อน ทักษะการปรุงยาของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ทว่าตอนนี้ข้าเกรงว่าจะไม่ดีเท่าเก่า ยาที่เจ้าเพิ่งกินเมื่อครู่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลใด” หญิงชราหัวเราะเยาะ
“งั้นหรือ ?” ไป๋หยานหรี่ตา ใบหน้าอันเศร้าโศกของเด็กน้อยในชุดสีม่วงพลันปรากฏขึ้นในความคิดของนาง จากนั้นก็มีภาพชายชราวิปลาสที่โดนชกเมื่อครู่ ชั่วขณะนั้นเองนางก็ระเบิดแรงผลักดันที่รุนแรงกว่าคราก่อนออกมา
ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าที่ยาเม็ดเทพปรมาจารย์จะละลายและออกฤทธิ์ นางจึงกล่าวเรื่องไร้สาระกับหญิงชราเพื่อถ่วงเวลา หาไม่เพื่อที่จะสะสางปัญหาให้ราบรื่น ก่อนที่คนเหล่านั้นจะกลับมา นางคงลงมือไปนานแล้ว
“เจ้า…”
ใบหน้าของหญิงชราที่แต่เดิมหยิ่งผยอง หลังจากรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนแปลงไปของไป๋หยาน ใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนไปทันที นางมองไป๋หยานด้วยความประหลาดใจ พลางกัดฟันเอ่ยถามว่า “เจ้ากินยาอะไร ?”
ริมฝีปากสีแดงของไป๋หยานเอ่ยออกมาเบา ๆ “ยาเทพปรมาจารย์”
ยาเม็ดเทพปรมาจารย์ก็ตรงตามชื่อ มันคือยาที่สามารถทำให้ผู้ฝึกฝนบุกเข้าสู่ระดับเทพปรมาจารย์ได้ในพริบตา ทว่ามันก็มีเวลาจำกัดเช่นกัน ขีดจำกัดนี้คือครึ่งชั่วยาม และภายในครึ่งชั่วยามทุกเรื่องต้องจัดการให้เสร็จสิ้น หาไม่นางอาจจะกลายเป็นอัมพาตชั่วขณะ
ใบหน้าของหญิงชราน่าเกลียดมาก นางกล่าวอย่างขมขื่นว่า “คราวนี้เป็นข้าที่ประมาทเจ้าจนเกินไป !”
นางเองก็เป็นหมอปรุงยาเช่นกัน และเหตุผลที่นางประมาทก็เพราะนางไม่รู้สึกถึงความผันผวนจากเม็ดยาในมือของไป๋หยาน เช่นนั้นนางจึงไม่เห็นยาเม็ดนั้นในสายตา
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับยาเม็ดเทพปรมาจารย์นี้มาก่อน …
ทันใดนั้นความแข็งแกร่งของไป๋หยานก็ทะลุทะลวงจากเทพขั้นสูงไปสู่เทพปรมาจารย์ แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากยาสลาตัน นางก็พุ่งเข้าหาหญิงชราอย่างรวดเร็ว ดาบล่าเทวดาในมือของนางฟาดฟันลงทันที พลันท้องฟ้าก็เปลี่ยนแปรผัน สายลมพัดกระโชกแรง
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงนี้ แม้แต่ท้องฟ้า และพื้นดินก็ยังเปลี่ยนสี เมฆดำแผ่ปกคลุมไปทั่ว ท้องฟ้ามืดมนลงทันที
ชายชราวิปลาสรีบลุกขึ้นจากพื้น เขามองไป๋หยานที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาของเขาฉายประกายแห่งความลังเล “ความแข็งแกร่งของหลานรักเปลี่ยนไปได้อย่างไร ? หากนางฝืนทำเช่นนี้ … จะเป็นการทำลายร่างกายของนางหรือไม่ ?”
เขาขมวดคิ้วพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ เส้นผมสีขาวของเขายุ่งเหยิง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
จิ้งจอกฟ้าหันกลับไปมองชายชราวิปลาสโดยไม่รู้ตัว ชายชรานี่เสียสติจริง ๆ หรือ ? เหตุใดเขาจึงรู้ดีจัง ?
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเรียกเจ้านายของมันว่าหลานสาวที่รัก ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายหญิงคืออะไร ?
หัวเล็ก ๆ ของจิ้งจอกฟ้า ไม่สามารถบรรจุความคิดอะไรได้มากนัก เช่นนั้นมันจึงหยุดคิดถึงเรื่องนี้ มันเลือกที่จะหันหน้าไปมองไป๋หยานแทน
“ใช่สิ !”
จู่ ๆ ชายชราวิปลาสที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตบศีรษะตนเองอย่างฉับพลัน ในขณะที่หญิงชราไม่ทันสังเกต เขาก็วิ่งเข้าไปในเทวาคาร …
จิ้งจอกฟ้าตกใจการกระทำของชายชราวิปลาส กระทั่งถึงกับผงะ ครั้นมันหันเหลียวมองโดยรอบ ชายชราวิปลาสก็หายตัวไปแล้วอย่างรวดเร็ว มันต้องการที่จะไล่ตามไป หากแต่ก็อดเป็นห่วงนายตนไม่ได้ เช่นนั้นมันจึงหยุดคิดเรื่องนี้ไปก่อน …
ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมน หญิงชราพยายามรับมือดาบล่าเทวดาของไป๋หยานด้วยมือเปล่า อย่างไรก็ตามหลังจากรับรู้ถึงกลิ่นอายกดดัน กระทั่งแทบหายใจไม่ออกของดาบล่าเทวดาแล้ว หน้าผากของนางก็ท่วมไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ โดยไม่รู้ตัว …

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท