ตอนที่ 155 นางเดิมพันไม่ไหว / ตอนที่ 156 เจ้าเป็นแค่หมอ
ตอนที่ 155 นางเดิมพันไม่ไหว
จวินมั่วหรันลุกขึ้นพรวดและค่อยๆ ปลดเข็มขัดผ้าปักดิ้นทองรอบเอวด้วยมือเรียวยาวได้รูป
แววความขี้เล่นผุดขึ้นที่มุมปากของเขา ดวงตาเฉี่ยวคมจับจ้องไปที่เฟิงอู๋โยวที่กำลังตัวสั่นเทา ความเย้ายวนทรงเสน่ห์ของเขาทำเอาผู้ที่ได้เห็นต้องจมดิ่งจนโงหัวไม่ขึ้น
“เป็นถึงหมอวิเศษที่ไม่มีโรคไหนรักษาไม่ได้ ในเมื่อเลือกที่จะเปิดเรือนแพทย์แล้ว ไฉนไม่เตรียมใจรับมือกับเรื่องนี้”
“ดูก็ดู! ถอดออกมาเลย!”
เฟิงอู๋โยวรวบรวมความกล้ากลั้นใจพูดออกไป
เพราะถึงอย่างไร ใช่ว่านางไม่เคยเห็นมาก่อน
“เหอะ…”
จวินมั่วหรันอมยิ้ม เสียงของเขาช่างรื่นหูเป็นที่สุด
เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังไล่ต้อนเจ้าหมอนี่อยู่
แต่ว่าเมื่อเขานึกถึงเหล่าสตรีรอบๆ ตัวเฟิงอู๋โยว อยู่ๆ จวินมั่วหรันก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่าตอนนี้ เขายังยอมรับไม่ได้ว่าคนที่เขาชอบเป็นผู้ชาย แต่เขาก็อย่างให้เฟิงอู๋โยวรู้สึก ‘คุ้นเคย’ กับบรรยากาศแบบนี้
ในเมื่อนางแข็งแกร่งกร้านโลกแบบนี้ ดังนั้นความสามารถในการปรับตัวของนางก็ต้องยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน
จวินมั่วหรันถอดเสื้อคลุมผ้าไหมสีขาวนวลบนไหล่ลง จากนั้นเลิกคิ้วขึ้นพลางถามเสียงทุ้มต่ำ “ในเมื่อหมอวิเศษรับข้าไปมากมายเช่นนั้น ดังนั้นการตรวจข้าในสภาพเปลื้องผ้าของข้า คงไม่ใช่คำขอที่มากเกินไปหรอกกระมัง”
“ตามกระหม่อมมา”
เฟิงอู๋โยวถลึงตามองจวินมั่วหรัน นางรู้ดีว่าเขาตั้งใจแกล้งนาง
แต่นางไม่มีทางเลือก
ช่างเถอะ ก็คือตรวจร่างไม่ใช่หรือ
มองเขาว่าเป็นคนไข้ทั่วไปก็สิ้นเรื่อง!
เฟิงอู๋โยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก จากนั้นก็พาจวินมั่วหรันเดินมาที่เตียงตรวจด้านหลังผนังกั้นกันลม
จวินมั่วหรันยืนเอามือไพล่หลัง สายตาจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่อยู่ห่างเพียงคืบหนึ่ง แต่แล้วก็คว้านางเข้ามากอด
“…”
เฟิงอู๋โยวลดสายตามองดูมือหนาใหญ่ที่วางอยู่บนเอว ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ไหนท่านใต้เท้ารับปากว่าจะไม่ล้ำเส้นก้าวก่าย แบบนี้กระหม่อมยังเชื่อคำพูดของท่านได้อยู่หรือไม่”
“เฟิงอู๋โยว เอวเจ้าคอดบางเกินไป”
“ทำไมท่านถึงดูหื่นกามแบบนี้ กระหม่อมไม่ชอบ”
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จวินมั่วหรันก็วางคางของเขาลงบนศีรษะของเฟิงอู๋โยว ริมฝีปากบางๆ ของเขาพลันขยับพูดด้วยน้ำเสียงงุนงงเล็กน้อย “เฟิงอู๋โยว เจ้าชอบผู้ชายหรือไม่”
เหตุผลที่เขาโอบนางไว้ในอ้อมแขนก็เพื่อป้องกันไม่ให้นางเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้
ต่อหน้าคนอื่น จวินมั่วหรันมักวางมาดสูงส่งราวกับเทพเจ้ามาจุติ สีหน้าแววตาเย็นชาและไร้ความรู้สึก
แต่เมื่ออยู่กับเฟิงอู๋โยว เขามักจะลดท่าทางเหล่านั้นลงอย่างไม่รู้ตัวเพื่อเข้าหานางให้แยบยลที่สุด
เฟิงอู๋โยวไม่ตอบ แต่ถามจวินมั่วหรันกลับ “ท่านใต้เท้าชอบผู้หญิงหรือไม่”
“ดูเหมือนว่าข้าจะสนใจแต่เจ้าเท่านั้น”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็ยืนอึ้งอยู่นาน
จนกระทั่งมือของจวินมั่วหรันเลื่อนขึ้นมาจากเอวของนางเรื่อยๆ
เพี้ยะ!
เฟิงอู๋โยว ตั้งสติกลับมาและตบมือของเขาออกอย่างไม่ลังเล
นางหันขวับกลับไป จากนั้นก็หันกลับมาเงยหน้ามองจวินมั่วหรันด้วยแววตาลึกล้ำ “ท่านใต้เท้า ตามความเห็นของกระหม่อม ท่านสุขภาพแข็งแรงดี หากรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ โปรดถอยหลังกลับไปที่หอนางโลม ที่นั่นสามารถรักษา ‘โรค’ ของท่านใต้เท้าในตอนนี้ได้ กระหม่อมทำให้ไม่ได้ขอรับ”
มีวูบหนึ่งที่เฟิงอู๋โยวอยากจะบอกความจริงทั้งหมดกับเขา
แต่นางเดิมพันไม่ไหว
ความแค้นยังไม่ถูกชำระ ดังนั้นนางต้องไม่เปิดเผยตัวเองเพราะจะทำให้สถานการณ์อันตรายขึ้น
“เฟิงอู๋โยว เจ้ากลัวอะไร” จวินมั่วหรันมองนางแน่นิ่ง ในใจรู้สึกหงุดหงิด
“ใครบอกว่ากระหม่อมกลัว หากท่านอยากถอดก็ถอด!”
เฟิงอู๋โยวตอบกลับบ่ายเบี่ยง เพราะกลัวเขาจะสงสัยความเป็นผู้ชายของนาง ครั้นแล้วนางจึงถลกแขนเสื้อขึ้นและทำท่าจะถอดเสื้อผ้าให้เขา
นางยืนเขย่งเท้าพยายามปลดกระดุมคอเสื้อของเขาอย่างยากลำบาก
หนึ่งเม็ด สองเม็ด สามเม็ด…
จนกระทั่งลงมาถึงเม็ดสุดท้าย ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อบางๆ
“ท่านใต้เท้าป่วยจริงใช่หรือไม่”
เฟิงอู๋โยวถอยกลับไปอีกครั้ง อยู่ๆ ความกลัวก็ปรากฏขึ้นในใจนางรำไร
ตอนที่ 156 เจ้าเป็นแค่หมอ
“เฟิงอู๋โยว เจ้าเป็นหมอแค่หมอ”
จวินมั่วหรันจ้องมองเฟิงอู๋โยวอย่างแน่นิ่ง แม้ว่าเขาไม่อยากทำให้นางอับอาย แต่เขาก็ไม่อยากให้นางต่อต้านเขาเช่นนี้
“ท่านใต้เท้าจะไม่ล้ำเส้นก้าวก่ายกระหม่อมจริงๆ ใช่หรือไม่” เฟิงอู๋โยวถามอย่างระวัง
“อืม”
“ท่านอย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนแก่กร้านโลกมากประสบการณ์ แล้วจะทำตัวยกตนข่มท่านเชียวนะ แม้กระหม่อมจะเป็นคนกล้าหาญ แต่บางครั้งก็กลัวเป็น”
“เฟิงอู๋โยว ข้าทำร้ายเจ้าตอนไหน ไฉนเจ้าถึงกลัวข้าขนาดนี้”
จวินมั่วหรันคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรกับเฟิงอู๋โยวเกินเลย ก่อนหน้านี้ต่อให้เขาจะโมโหเลือดขึ้นหน้าแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าลงมือสั่งสอนเฟิงอู๋โยวขั้นเด็ดขาด
แล้วพักหลังๆ มานี้ เขาแทบไม่ค่อยตะคอกขึ้นเสียงใส่นางแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่เข้าใจแป็นอย่างยิ่งว่าเฟิงอู๋โยวกลัวอะไร
เฟิงอู๋โยวนับจำนวนครั้งที่จวินมั่วหรันลงมือกับนางด้วยนิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตระหนักว่าทุกครั้งที่จวินมั่วหรันโกรธจนหน้ามือ ตัวเองไม่ได้บาดเจ็บถึงแก่ชีวิตเลยสักครั้ง
“ท่านใต้เท้าช่างใจกว้างและเปี่ยมด้วยเมตตา แล้วทำร้ายกระหม่อมโดยไม่มีเหตุผลได้เยี่ยงไร เเหะๆ เช่นนั้นกระหม่อมจะถอดเสื้อผ้าให้ท่านเองนะขอรับ”
เฟิงอู๋โยวยิ้มประจบ จากนั้นก็ค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมสีดำหนาลวดลายมังกรออกให้เขาอย่างงุ่มง่าม
เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวเชื่อฟัง จวินมั่วหรันก็อารมณ์ดีขึ้นมาและยกมือขึ้นเพื่อลูบไล้ผมสีดำสนิทของนาง
ภายในห้องที่มีแสงเทียนริบหรี่ บรรยากาศเริ่มคลุมเครือขึ้นเรื่อยๆ
เงาร่างของพวกเขาที่สะท้อนลงบนผนังกั้นกันลมส่องทาบเข้าหากัน แลดูกลมกลืนเป็นยิ่งนัก
ทันใดนั้นเอง จี้มั่วอิ้นเหรินก็โผล่หัวขึ้นมาจากผนังกั้นกันลมครึ่งตัว
ในมือของเขาถือม้วนภาพวาด ดวงตาเป็นประกาย “เฟิงอู๋โยว รูปร่างของเจ้าน่าสนใจจริงๆ!”
ทันทีที่จี้มั่วอิ้นเหรินพูดจบ เขาก็เห็นว่าเฟิงอู๋โยวกำลังเปลื้องผ้าให้จวินมั่วหรัน จึงถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “เฟิงอู๋โยว เจ้ากับท่านใต้เท้ากำลังทำเรื่องสำส่อนตอนกลางวันแสกๆ อยู่อย่างนั้นหรือ”
สีหน้าของจวินมั่วหรันมืดอึมครึม เขาดึงเฟิงอู๋โยวไว้ข้างหลังเขาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาโหดเหี้ยมจ้องหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของจี้มั่วอิ้นเหริน “ข้าบอกเจ้าว่าหากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามออกจากวังหลวงไม่ใช่หรือ?!”
“ตอนว่าราชกิจเมื่อเช้าวันนี้ ท่านใต้เท้าเป็นคนสั่งยกเลิกโทษให้ข้าเองไม่ใช่หรือ ไฉนผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วยามถึงลืมแล้วล่ะ หากท่านไม่เชื่อก็ลองถามเหล่าขุนนางชั้นสูงดูก็ได้!”
จี้มั่วอิ้นเหรินพูดปกป้องตัวเองอย่างฉะฉาน ใบหน้าของเขาภายใต้แสงเทียนสีเหลืองอบอุ่น ขับความน่ารักของเขาให้เด่นชัดมากขึ้น
แล้วจวินมั่วหรันก็นึกออก แต่จี้มั่วอิ้นเหรินกลับรู้สึกโมโหขึ้นมารำไร
เฟิงอู๋โยวรู้ว่าจวินมั่วหรันไม่สามารถปล่อยให้นางตรวจร่างกายต่อหน้าจี้มั่วอิ้นเหรินได้ นางรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที จากนั้นรีบส่งเสื้อคลุมกลับไปให้เขา
ในช่วงที่จี้มั่วอิ้นเหรินถูกกักบริเวณ เขาอยากจะแอบออกจากวังเพื่อมาเล่นกับเฟิงอู๋โยวมากๆ
วันนี้ ในที่สุดก็ได้เจอนางอีก เขาจึงดีใจจนแย้มแก้มปริ
เขาจับแขนของนางและชี้ไปที่กองภาพวาด ก่อนถามด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม “เฟิงอู๋โยว รูปร่างของเจ้าช่างงดงามล้ำค่าราวกับเครื่องบรรณาการเลย”
“ก็ประมาณนั้น”
“แล้วปกติ เจ้ายัดเจ้านี้เก็บไว้ตรงไหน” จี้มั่วอิ้นเหรินถามอย่างเหลือเชื่อ
จวินมั่วหรันที่กำลังจัดระเบียบเสื้อผ้าอยู่ เงี่ยหูฟังที่พวกเขาคุยกัน
เฟิงอู๋โยวยกนิ้วชี้ป้องปากเพื่อสั่งให้เงียบๆ และแสร้งทำเป็นท่าทางคึกคัก “ใช้ผ้าพันเก็บเอาไว้รอบเอว”
“…”
จี้มั่วอิ้นเหรินและจวินมั่วหรันมองไปที่เอวเล็กคอดของนาง ทั้งสองคนล้วนไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูด
ต่อให้เฟิงอู๋โยวจะเป็นคนหน้าด้านแค่ไหน นางก็ไม่สามารถโกหกผู้ชายตัวใหญ่และตัวเล็กตรงหน้าของนางอย่างซึ่งๆ หน้าแบบนี้ได้
นางหันกลับอย่างทำตัวไม่ถูก และรีบเดินออกจากห้องไป “ข้าต้องเตรียมจ่ายยาให้องค์ชายเฉิน ทั้งสองท่านโปรดทำตัวตามสบาย”
จี้มั่วอิ้นเหรินเดินเข้ามาขวางตรงหน้าเฟิงอู๋โยว ก่อนพูดขึ้นอย่างใสซื่อ “วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์พอดี อยู่คนเดียวในต่างแดนโดยไม่มีใครคงเหงาแย่ เช่นนั้นให้ข้าไปปล่อยโคมลอยข้างคูน้ำเป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่”