เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 158 ตีนหมู ตอนที่ 159 เสี่ยวอิ้นอิ้นถูกลอบเล่นงาน

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 158 ตีนหมู / ตอนที่ 159 เสี่ยวอิ้นอิ้นถูกลอบเล่นงาน

ตอนที่ 158 ตีนหมู

“เต้าหู้เหม็นจ้า เต้าหู้เหม็น เต้าหู้เหม็น ถ้าไม่เหม็นจริงไม่คิดเงิน เงินมาของไป รับประกันว่าเหม็นจนทหารแคว้นเป่ยหลีต้องเผ่นหนีแน่นอน!”

บนฝั่งคูเมือง พ่อค้าแม่ค้าริมถนนตะโกนขายของจอแจ เสียงของพวกเขาดังทะลุเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ของเหล่าผู้คนพลุกพล่านมากมายที่กำลังเดินไปมาบนท้องถนนและตรอกซอก

จวินมั่วหรันขมวดคิ้ว เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปบีบคอพ่อค้าขายเต้าหู้เหม็นทันที “ไหนลองพูดอีกครั้งสิ”

“ท่านใต้เท้า ไม่เป็นไรขอรับกระหม่อมจะชิมมันก่อน ถ้ากลิ่นแย่จริง ๆ ค่อยยกโทษให้เขา”

เฟิงอู๋โยวยิ้มจางๆ คืนพระจันทร์เต็มดวงในเทศกาลไหว้พระจันทร์ นางไม่ต้องการเห็นเลือด

“ไม่ได้”

จวินมั่วหรันพูดเสียงเย็น เขาไม่ยอมให้คนที่เขาชอบได้ตัวกลิ่นเด็ดขาด

แต่น้ำเสียงของเขายังไม่ทันสิ้นสุดลง เฟิงอู๋โยวและจี้มั่วอิ้นเหรินก็ยัดเต้าหู้เหม็นเข้าปากไปเสียแล้ว

“อร่อยจัง!”

จี้มั่วอิ้นเหรินพยักหน้าเห็นด้วยและยกนิ้วให้คนขาย

เฟิงอู๋โยวก็ทำแบบเดียวกัน นางพยักหน้าราวกับร่างทรง “น้องชาย เต้าหู้เหม็นของเจ้าเหม็นจนสามารถไล่ทหารแห่งเป่ยหลีได้จริงๆ!”

มุมปากจวินมั่วหรันเกร็งกระตุก เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังหาเรื่องโดยเปล่าประโยชน์ จากนั้นก็รีบพาคนงี่เง่าสองคนเดินผ่านย่านค้าขายไปทันที

เดิมทีเขาต้องการที่จะบีบคอคนขายเพื่อระบายอารมณ์แทนเฟิงอู๋โยว

แต่พอเห็นเฟิงอู๋โยวเรียกเจ้าพ่อค้าปากดีนั่นว่าน้องชายอย่างไม่คิดอะไร เขาก็รีบชักมือออกทันที!

ในเวลานี้ เย่เชี่ยวที่เสียเงินไปมากในการพนันชนไก่ พบว่าตัวเองถูกโกงจึงกำลังโกรธจัดและกำลังทะเลาะวิวาทกับคนอื่นอยู่ข้างคูเมือง

ทว่ากระบวนท่าไร้ความหนักแน่นประหนึ่งแมวย่องของเย่เชี่ยว กลับทำอะไรพวกนักเลงหัวพนันไม่ได้

นางถูกเตะอย่างรุนแรงหลายครั้งจนเสียศูนย์ถอยหลังโซเซมาล้มใส่จวินมั่วหรัน

จวินมั่วหรันที่เพิ่งจะชักมือที่มาจากคอของพ่อค้า เขาหันกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและย้ายมือของเขามาพยุงเย่เชี่ยวอย่างเป็นธรรมชาติ

เมื่อเห็นเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกว่าเต้าหู้เหม็นในปากของตัวเองไร้รสชาติขึ้นมาทันที

แววหงุดหงิดฉายขึ้นในดวงตาทรงดอกท้อของนาง ก่อนคว้าแขนของชิงหลวนและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

จวินมั่วหรันจ้องมองแผ่นหลังของเฟิงอู๋โยวด้วยความประหลาดใจระคนความหงุดหงิด

นับวันเจ้าหมอนี่เริ่มเอาแต่ใจขึ้นเรื่อยๆ แล้ว บังอาจมาโกรธต่อหน้าแบบนี้!

ที่สำคัญก็คือ เขาไม่รู้ว่าตัวเองไปยั่วโมโหนางตอนไหน

“ขอบพระคุณท่านใต้เท้าที่ช่วยชีวิตหม่อมฉัน”

เย่เชี่ยวอุ้มไก่ชนสีดำเงาในมือ นางขอบคุณจวินมั่วหรันด้วยใบหน้าแดงเรื่อ

จวินมั่วหรันทำเป็นไม่ได้ยิน เขารีบสืบเท้าตามหลังเฟิงอู๋โยวไปทันที รังสีเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมารอบๆ ตัวเขาทำเอาแผ่นหลังของคนรอบข้างสั่นสะท้านวูบวาบไปตามๆ กัน พวกเขาต่างพากันถอยหลีกทางไปทีละคน

เย่เชี่ยวมองตามแผ่นหลังจวินมั่วหรันพลางพึมพำกับตัวเอง “บุญคุณครั้งนี้ เพียงคำขอบคุณคงไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องตอบแทนด้วยร่างกาย”

“องค์หญิงเจ้าคะ เซ่อเจิงหวางแค่ช่วยเหลือพยุงองค์หญิงเพียงเล็กน้อย จะนับเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงได้เยี่ยงไร” ชิวเซียง สาวใช้ส่วนตัวของเย่เชี่ยวถามอย่างไม่เข้าใจ

เย่เฉียวยิ้มร่า นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของนางเปี่ยมด้วยอารมณ์ “จริงอยู่ที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กระนั้นเซ่อเจิ้งหวางก็หล่อเหลางามสง่าเป็นที่สุด การที่เขาปรากฏตัวเข้ามาในช่วงชีวิตขององค์หญิงองค์หนึ่งอย่างข้าแบบนี้ ถือเป็นพรจากสวรรค์ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจะต้องเป็นเพราะกุศลบุญจากชาติที่แล้วหนุนนำข้าให้มาพบกับบุรุษผู้งดงามดุจเทพบุตรอย่างเซ่อเจิ้งหวางผู้นี้เป็นแน่”

ขณะที่หัวใจของเยีเชี่ยวกำลังพองโต ใบหน้าของจวินมั่วหรันกลับมืดมนและเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระชากแขนเฟิงอู๋โยวกลับมา ก่อนพูดขึ้นเสียงเย็น “อยากเจ็บตัวนักหรือ”

“เจ้าตีนหมู! ใจดีกับผู้หญิงอื่น แต่กลับใจร้ายกับกระหม่อม”

“เจ้าตีนหมู หมายความว่าอะไร”

“หมายความว่าเจ้าผู้ชายกะล่อน” เฟิงอู๋โยวพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ

แม้แต่นางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโกรธเขา

สาวคนไหนที่เขาชอบ ไม่เกี่ยวอะไรกับนางสักหน่อย

ทันใดนั้น จวินมั่วหรันก็ตระหนักได้ว่าเฟิงอู๋โยวก็ใส่ใจตัวเขาอยู่เหมือน

สาเหตุที่นางโกรธน่าจะเป็นเพราะนางหึง

เมื่อคิดได้เช่นนี้ มุมปากของจวินมั่วหรันก็ผุดยิ้มขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหยิกแก้มของเฟิงอู๋โยว เบาๆ “เฟิงอู๋โยว คืนนี้เจ้าทำตัวน่ารักเหลือเกิน”

“หะ?”

เฟิงอู๋โยวมองที่เขาอย่างนิ่งอึ้ง ผ่านไปสักพักถึงจะตั้งสติกลับมาได้ว่าจวินมั่วหรันกำลังลวนลามหยิกแก้ตัวเองอยู่

นางกระทืบเท้าอย่างโมโห “ห้ามชมกระหม่อมว่าน่ารัก! กระหม่อมเป็นลูกผู้ชายห้าวหาญนะขอรับ”

ตอนที่ 159 เสี่ยวอิ้นอิ้นถูกลอบเล่นงาน

ฟุบ!

ขณะที่พวกเขากำลังใช้เวลาร่วมกันนั้น คนสวมงอบได้พุ่งเข้ามาหมายคว้าตัวจี้มั่วอิ้นเหริน

เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา เฟิงอู๋โยวที่กำลังต่อปากต่อคำกับจวินมั่วหรันกันตอบสนองโดยการหันกลับไปคว้าตัวจี้มั่วอิ้นเหรินมาไว้ข้างหลังนางทันที

ในเวลาเดียวกัน จวินมั่วหรันรีบเข้ามาอุ้มจี้มั่วอิ้นเหรินที่หมดสติ

เฟิงอู๋โยวมองคนสวมงอบที่ซ่อนตัวเข้าไปปะปนกลางฝูงชนอย่างเยือกเย็น “การที่มันกล้าเล่นงานเสี่ยวอิ้นอิ้นอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เบื้องหลังมันจะต้องไม่ธรรมดา”

จุยเฟิงที่ไล่ตามมา ชำเลืองมองจี้มั่วอิ้นเหรินที่หมดสติในอ้อมแขนของจวินมั่วหรันก่อนพูดอย่างเป็นห่วง “ท่านใต้เท้าขอรับ กระหม่อมได้รับรายงานมาว่า นางสนมคนใหม่ในเรือนขุนนางจิ้นเชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ หนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้นางแอบออกมาจากประตูหลังเรือนขุนนางจิ้น สันนิษฐานว่าคนที่ลงมือกับองค์ฮ่องเต้ จะต้องเป็นนางสนมแห่งเรือนขุนนางจิ้นที่เพิ่งมาใหม่อย่างแน่นอน”

“ไม่เป็นไร วางยาพิษไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รีบพาฮ่องเต้กลับวังหลวงเร็วเข้า”

จวินมั่วหรันส่งจี้มั่วอิ้นเหรินให้จุยเฟิง จากนั้นก็มองไปที่เฟิงอู๋โยวที่อยู่ข้างหลัง “พอจะป้องกันตัวเองได้หรือไม่”

“แน่นอน”

เฟิงอู๋โยวตอบอย่างมั่นใจ แม้ว่านางไม่มีกำลังภายใน แต่นางก็มีพลังพิเศษในการต่อสู้ระยะประชิด ต่อให้ต้องรับมือกับจวินมั่วหรัน นางก็สามารถปัดป้องได้…แต่ก็แค่สองครั้งเท่านั้น

“จำเอาไว้ ก่อนที่ข้าจะกลับมา จงหลีกเลี่ยงฟู่เย่เฉิน”

เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แต่นางก็รู้ดีว่าจวินมั่วหรันรีบร้อน จึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

แต่ทันทีที่จวินมั่วหรันจากไป ฟู่เย่เฉินก็พาเหล่าสุนัขล่าเนื้อหลายตัวมาล้อมรอบเฟิงอู๋โยว

ชิงหลวนที่ถูกกันออกจากวงล้อม หวาดกลัวจนขาสั่น น้ำตาไหลพรากเหมือนสายฝน

ผู้คนรอบๆ ถอยห่างออกไปทีละคน เพราะพวกเขากลัวสุนัขล่าเนื้อที่เห่าไม่หยุด

เฟิงอู๋โยวจ้องมองฟู่เย่เฉินในชุดสีแดงเพลิงก่อนเอ่ยเสียงเย็น “อะไรกัน คิดจะปล่อยให้สุนัขกัดข้าอย่างนั้นหรือ”

“เฟิงอู๋โยว เหตุฆาตกรรมที่ศาลเจ้าหงเย่เป็นฝีมือเจ้าแค่คนเดียวอย่างนั้นหรือ”

มุมปากฟู่เย่เฉินผุดขึ้นเป็นมุมโค้ง ดวงตาเฉี่ยวกึ่งยิ้มฉายแววชั่วร้าย

เฟิงอู๋โยวคิดในใจว่าคืนที่เกิดเหตุตัวเองอยู่ด้านนอกศาลเจ้า

แม้นางจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่กลิ่นของนางที่บังเอิญทิ้งไว้ในในศาลเจ้าหงเย่กลับหนีไม่พ้นจมูกของสุนัขล่าเนื้อ

เมื่อเห็นว่าเฟิงอู๋โยวเงียบไม่ตอบ ฟู่เย่เฉินจึงสั่งให้ทหารจากศาลาว่าการคลี่ภาพเสมือนในมือออก

เขาพูดขึ้น “เฟิงอู๋โยว จงเบิกตาดูว่ารูปฆาตกรที่ก่อเหตุในศาลเต้าหงเย่ดูเหมือนเจ้าหรือไม่”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่จะข้ามมิติมา นางเคยได้ยินมาว่าขุนนางที่ทำหน้าที่สืบคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยก่อนมีประสบการณ์โชกโชนจนสามารถวาดภาพเหมือนของฆาตกรได้จากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สถานที่เกิดเหตุ ล้วนใหญ่ล้วนแม่นยำถูกต้องเกือบทั้งหมด

แม้ว่าภาพเหมือนของฆาตกรที่ฟู่เย่เฉินวาดมาจะดูเหมือนนาง แต่ในรายละเอียดหลายๆ อย่าง มันดูค่อนข้างคล้ายกับนักบวชที่นั่งยองๆ แทะกระดูกอยู่ตรงมุมกำแพงศาลเจ้าในคืนที่ฝนตกมากกว่า

“ฟู่เย่เฉิน เจ้ากล่าวหาและตัดสินข้าเพียงแค่จมูกของสุนัขล่าเนื้อเพียงไม่กี่ตัวอย่างนั้นหรือ”

ในที่สุด เฟิงอู๋โยวก็เข้าใจว่าทำไมจวินมั่วหรันถึงบอกให้นางระวังฟู่เย่เฉิน เพราะเจ้าหมอนี่ชั่วร้ายและเลวทรามยิ่งกว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อเสียอีก

แต่ในเมื่อนางหนีอีกฝ่ายไม่พ้น นางก็กล้าที่จะเผชิญหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

ฟู่เย่เฉินหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงของเขาแฝงมนต์เสน่ห์ของปีศาจ “เฟิงอู๋โยว สวรรค์ต่างรู้เห็น ผู้ที่ฆ่าช่วงชิงชีวิตคนอื่นแบบนี้ คิดว่าเพียงอำนาจชั่วขณะของเซ่อเจิ้งหวางจะสามารถปกป้องเจ้าไปได้ตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ”

“ฟู่เย่เฉิน เจ้าอย่าทำเป็นอวดดีเกินไป บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมรอดผ่านไม่ได้[1] ในเมื่อเจ้ามีความสามารถสืบหาฆาตรกรรมตัวจริงจากปากสุนัขล่าเนื้อพวกนี้ได้ เช่นนั้นข้าก็มีวิธีที่จะทำให้พวกนักบวชผู้ล่วงลับในศาลเจ้าอ้าปากบอกความจริงต่อหน้าผู้คนได้เช่นกัน”

เฟิงอู๋โยวพูดอย่างฉะฉานด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ความจริงจะถูกเปิดเผยต่อชาวประชาในที่สุด อย่างไรก็ตาม ข้าจะไม่กลับไปที่ศาลาว่าการกับเจ้าเด็ดขาด หากคิดจะจับกุมข้า ก็จงแสดงหมายจับ”

“แม่ทัพเฟิง ไฉนไม่ไปนั่งพูดคุยถึงวันเก่าๆ กับข้าที่ศาลาว่าการสักหน่อย”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อปรากฏตัวขึ้นมา เสียงของเขาเยือกเย็น สีหน้าของเขาสะท้อนแววเป็นใหญ่

เฟิงอู๋โยวแอบถอนหายใจ นางรู้สึกว่าคำว่า ‘ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ’ คือเรื่องจริง และนางก็เริ่มรู้สึกว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อคนนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่เต็มไปหมด

ในคืนที่เกิดเหตุ ไป๋หลี่เหอเจ๋ออยู่ที่นั่นเช่นกัน

ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าเฟิงอู๋โยวไม่ใช่ฆาตกร แต่กระนั้นก็ยังต้องการใช้อำนาจของราชครูแห่งแคว้นตงหลินกดขี่บดขยี้นาง

เฟิงอู๋โยวอยากจะถามถึงมโนธรรมในใจเขา แต่เมื่อใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้ก่อเหตุฆาตรกรรมที่วัดหงเย่มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเล่นงานจี้มั่วอิ้นเหริน

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน คนที่วางยาพิษจี้มั่วอิ้นเหรินอย่างโจ่งแจ้งในวันนี้จะต้องเป็นนางสนมผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาพิษที่เพิ่งเข้ามาในเรือนขุนนางจิ้นตามที่จุยเฟิงรายงานแน่นอน

ส่วนผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเหตุฆาตรกรรมที่ศาลเจ้าหงเย่ หากข้อสันนิษฐานนางไม่ผิด ก็น่าจะเป็นนางสนมของขุนนางจิ้นเช่นกัน

เหตุใดฟู่เย่เฉินและไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงปรากฏตัวที่นี่…จุดประสงค์ของการเข้าล้อมของพวกเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่คนชั้นผู้น้อยอย่างนางแน่นอน แต่พวกเขาต้องการเล่นงานจวินมั่วหรันและช่วงชิงอำนาจของจวินมั่วหรันมากกว่า

ดวงตาของเฟิงอู๋โยวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งพันปี นางมองไป๋หลี่เหอเจ๋อที่แสร้งเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างเฉยเมยและพูดกึ่งแสยะยิ้มขึ้น “วิธีการของท่านราชครูผู้ยิ่งใหญ่ช่างปราดเปรื่องลึกล้ำเสียจริง”

“พูดเช่นนั้นได้เยี่ยงไร”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อหงุดหงิดกับท่าทีเฉยเมยใส่เขาของเฟิงอู๋โยว ครั้นแล้วจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ฆาตรกรรมตัวจริงที่อยู่ในเหตุฆาตรกรรมของศาลเจ้าหงเย่ และผู้ที่ลอบเล่นงานฮ่องเต้ข้างถนนคงเป็นนางสนมคนใหม่ของขุนนางจิ้นสินะ สำหรับที่มาที่ไปของนางสนมคนนั้น ราชครูอย่างท่านน่าจะรู้ดีกว่าข้า ในเมื่อพวกท่านต้องการจะล้มอำนาจของเซ่อเจิ้งหวางแต่กลับไม่กล้าเผชิญหน้ากับเซ่อเจิ้งหวางซึ่งๆ หน้า ดังนั้นจึงลากขุนนางจิ้นเข้ามาพัวพันและใช้เขาเป็นหมากและเป็นโล่ป้องกันความผิดให้พวกท่านเอง ข้าพูดถูกใช่หรือไม่”

“พูดต่อสิ”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ปฏิเสธหรือยอมรับ เขามองจวินมั่วหรันอย่างไม่ละสายตา ดวงตาพลันลึกล้ำและร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“หากตัวตนของนางสนมขุนนางจิ้นถูกเปิดเผย ท่านจะสามารถราดน้ำสกปรกลงบนตัวขุนนางจิ้นได้และตัวเองก็ลอยหน้าลอยตาเป็นคนดีดูสง่างาม แต่ถ้าหากท่านจัดการนางสนมยาพิษนั่นก่อนที่ตัวตนของนางจะถูกเปิดเผย เซ่อเจิ้งหวางอาจถูกตั้งข้อหาว่าจงใจลอบสังหารฮ่องเต้ และข้าก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุฆาตรกรรมของศาลเจ้าหงเจ่ เมื่อถึงตอนนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะเซ่อเจิ้งหวางได้ในทันที แต่ทั้งสองเหตุการณ์จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเซ่อเจิ้งหวางทั่วแคว้นตงหลินได้อย่างใหญ่หลวงจนอาจถึงขั้นสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตัวเขาได้เลย…สุดท้ายการที่พวกท่านลากข้าเข้ามาที่วังวนนี้ เหตุผลคงมีเพียงหนึ่งเดียว ในสายตาพวกท่านคิดว่าข้าเป็นคนสำคัญที่มีผลต่อหัวใจเซ่อเจิ้งหวาง ใช่หรือไม่”

ฟู่เย่เฉินกลัวไป๋หลี่เหอเจ๋อจะใจอ่อนจนแผนการกลับตาลปัตร จึงพูดแทรกเสียงขรึม “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐาน เฟิงอู๋โยว แคว้นตงหลินไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะละเลงสีแปดเปื้อนได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ”

เฟิงอู๋โยวครุ่นคิดกับสิ่งที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อทำกับนาง ความผิดหวังภายในใจของนางยิ่งทวีคูณ

นางเดินไปด้านหน้าไป๋หลี่เหอเจ๋อและถามอย่างเน้นย้ำทีละคำ “คืนนั้น ทั้งๆ ที่ท่านมาที่ศาลเจ้าหงเย่ และท่านก็รู้ว่าข้าไม่ใช่ฆาตกรอยู่แก่ใจ ไฉนทำถึงใส่ร้ายข้าได้หน้าตาเฉย”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อนิ่งเงียบ เขาไม่ได้ตั้งใจจะลากนางเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เขาปรารถนาอยากเอาชนะจวินมั่วหรันสักครั้งเหลือเกิน

“พวกท่านกำลังรอให้เซ่อเจิ้งหวางบุกเข้าไปในศาลาว่าการเพื่อช่วยเหลือข้าอยู่อย่างนั้นหรือ…หากเขามาช่วยเหลือฆาตกรอย่างข้า ก็จะถูกกล่าวหาในโทษฐานอารักขาอย่างประมาทเลินเล่อ จนองค์ฮ่องเต้ถูกเล่นงาน ในเวลาเดียวกันก็จะถูกโยงเข้าไปเกี่ยวกับเหตุฆาตรกรรมของศาลเจ้าหงเย่อยู่ดี…ใช่หรือไม่”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อตอบเสียงทุ้ม “เฟิงอู๋โยว สิ่งที่เจ้าพูดมาถูกต้องทั้งหมด แต่ต่อให้เจ้าจะรู้เกี่ยวกับแผนของข้า มันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี”

ทันทีที่เขาพูดจบก็คว้านางไว้ในอ้อมแขนในบัดดล

มือของเขาโอบรัดเอวอันเล็กคอดของนาง เขาไม่ได้ใช้กำลังแต่อย่างใด แต่เนื่องจากพลังภายใน ทำให้เฟิงอู๋โยวสลัดไม่หลุด

“ไป๋หลี่เหอเจ๋อ เจ้าอย่าได้ใจไปหน่อยเลย”

“เฟิงอู๋โยว ข้าไม่มีเจตนาทำร้ายเจ้า ตราบใดที่เจ้าให้ความร่วมมือแต่โดยดี เจ้าจะปลอดภัย”

[1] บนโลกนี้ไม่มีกำแพงที่ลมรอดผ่านไม่ได้ หมายถึงบนโลกนี้ไม่มีเรื่องใดปกปิดไว้ได้ ต่อให้เป็นความลับสุดยอดแค่ไหนก็รั่วไหลออกมาได้

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน