บทที่ 1321 : การตายของเทพปรมาจารย์ (1)
“แม่นางเจ้าจงใจถ่วงเวลา เพื่อให้ยาเม็ดนี้ออกฤทธิ์ใช่หรือไม่ ?” หญิงชรากัดฟันอย่างดุดัน นางจ้องมองใบหน้าที่งดงามของไป๋หยานด้วยแววตาขุ่นเคือง
สตรีในอาภรณ์สีแดงแสนสวยคนนั้นยังคงงดงามเช่นเดียวกับเมื่อพันปีก่อน ทั้งยังเป็นอัจฉริยะที่ไม่สามารถดูแคลนได้อีกด้วย
ไป๋หยานไม่ตอบคำ ร่างของนางวาบหายไปปรากฏด้านหลังของหญิงชราทันที
ในเวลาเดียวกัน
หญิงชรารู้สึกถึงสายลมรุนแรงที่พัดมาจากด้านหลัง นางรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงไขสันหลัง ขนทั่วร่างของนางลุกชูชันขึ้น ครั้นนางหันไปมอง ดาบขนาดใหญ่ก็ฟาดลงกลางศีรษะของนาง เกือบจะผ่าแยกร่างของนางออก
ชั่วขณะนี้ใบหน้าของหญิงชราเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ยามที่นางมองไป๋หยาน แววตาของนางยิ่งแลดูน่ากลัว
ท้องฟ้ามืดครึ้มเต็มไปด้วยเมฆดำทะมึน แลดูเหมือนเวทีที่ปิดฉากรูดม่านเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันมืดมน
สายลมพัดรุนแรงยิ่งขึ้น ไป๋หยานกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายลมรุนแรง ชุดสีแดงทรงเสน่ห์ถูกสายลมพัด ยิ่งแลดูงดงามน่าทึ่ง และอลังการยิ่งขึ้นกว่าเดิม !
“หึ” หญิงชราทำเสียงเยาะ “ต่อให้เจ้าทะลุเข้าสู่ระดับเทพปรมาจารย์แล้วไง ? เมื่อหลายปีก่อน ข้าได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเทพปรมาจารย์ขั้นกลาง สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ต่างกับการตีก้อนหินด้วยกรวดทราย “
แท้จริงแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไป๋หยานในวันนี้ หญิงชราเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถชนะได้ หากแต่คนของเทวาคาร มีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เว้นแต่พวกเขาจะแน่ใจว่าแพ้แน่ ๆ ในเมื่อแรงกดดันของทั้งคู่ไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากันเท่าใดนัก เช่นนั้นนางจึงไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้
โดยเฉพาะกับไป๋หยานผู้ซึ่งมีความเกลียดชังอาณาจักรสวรรค์อย่างลึกซึ้ง !
ฟ้าว !
ร่างของไป๋หยานกะพริบ ก่อนจะพุ่งเข้าหาหญิงชราอีกครั้ง …
*****
ไม่ไกลออกไปนัก หยุนรั่วซีเร้นกายอยู่ในความมืด นางมองเรือนร่างงดงามน่าทึ่งในอากาศว่างเปล่าด้วยสายตาเย็นชาพลางกำหมัดแน่นด้วยความเกลียดชัง
“เหตุใดนางถึงกลับมาได้ ?”
นางยังไม่ตาย ทว่าเหตุใดนางถึงกลับมาที่นี่อีก ?
นางมีราชาอสูรอยู่แล้วยังไม่เพียงพออีกกระนั้นรึ ? เหตุใดนางจึงต้องการฉกชิงทุกอย่างไปจากข้า ต้องการที่จะพรากราชาเทพสวรรค์ไปจากข้าด้วยกระนั้นรึ ?
หยุนรั่วซีหรี่ตาลง ความริษยาในใจของนางไม่ต่างกับมดที่กำลังแทะลำไส้ ทำให้สีหน้าของนางดำคล้ำ
“คุณหนู…”
สาวใช้ที่ติดตามหยุนรั่วซีมา เอ่ยกล่าวด้วยเสียงกระซิบกระซาบ “คุณหนู เราควรหลบซ่อนตัวให้มิดชิดกว่านี้ ?”
เพี้ยะ !
ใบหน้าของหยุนรั่วซีเปลี่ยนไป นางหันหน้ากลับไปตบสาวใช้เสียงดังมาก แต่เมื่อเทียบกับเสียงการต่อสู้เบื้องหน้าแล้วเสียงสาวใช้ถูกตบก็ถูกกลบจนสิ้น
“หุบปาก เจ้าไม่จำเป็นต้องเตือนข้า ข้ารู้ควรทำอะไร !” หยุนรั่วซี กัดฟันอย่างโกรธเกรี้ยว แววตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจและดุร้าย
เหตุใด ?
เหตุใดเมื่อหญิงผู้นั้นปรากฏตัว นางถึงต้องหลบซ่อน ?
กว่านางจะมีวันนี้ได้ สำหรับนางแล้วยากเย็นเพียงใด ? นังสาวใช้คนนี้ยังไม่เข้าใจอีกกระนั้นหรือ ? แล้วหญิงคนนั้นเหตุใดถึงยังมาปรากฏตัวที่นี่อีก ?
นั่นก็เป็นเพราะหญิงแพศยาคนนั้นต้องการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่นางกำลังจะได้รับตอนนี้ใช่หรือไม่ ?
สาวใช้ไม่กล้ากล่าวคำใดอีก หลังจากถูกตบ นางก็ก้มศีรษะลง นางไม่แม้แต่จะมองหยุนรั่วซีอีก
“หญิงผู้นั้นเป็นหญิงแพศยา เหตุใดข้าต้องกลัวหญิงแพศยาผู้นั้นด้วย” หน้าอกของหยุนรั่วซีขยับขึ้น ๆ ลง ๆ “ในตอนนั้น หากนางยอมพูดอะไรสักคำ ตาแก่บ้านั่นก็จะยอมรับข้าเป็นหลานสาว นางปฏิบัติต่อข้าราวกับข้าเป็นเพื่อนรักของนาง ทว่านางกลับไม่ช่วยพูด เพื่อข้าแม้สักคำ”
ตาแก่บ้านั่นได้ชื่อว่าเป็นเทพปรมาจารย์คนแรกในแดนสวรรค์ มีสักกี่คนในแดนสวรรค์ที่ต้องการให้เขารับเป็นศิษย์ ? มีสักกี่คนที่ต้องการเสนอบุตรสาว และหลานสาวของตนให้กับเขา ภายหลังจากที่เขาสูญเสียผู้เป็นที่รักไป ?
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ยอมรับใครเลย เขารักไป๋หยาน และปรารถนาเพียงอยู่กับนางไปชั่วชีวิต
บทที่ 1322 : การตายของเทพปรมาจารย์ (2)
ในตอนนั้นนางอยากเป็นหลานสาวของเขา ทว่าเขากลับปฏิเสธ นางจึงขอร้องไป๋หยาน หวังว่าไป๋หยานจะช่วยพูดให้นาง
หากไป๋หยานพูด ชายชราต้องยอมอย่างแน่นอน !
ทว่า … นางไม่คาดคิดเลย แม้แต่ไป๋หยานที่เคยมอบเครื่องรางให้นาง ก็ยังปฏิเสธคำขอของนาง
นับจากนั้นนางก็เกลียดไป๋หยานเข้ากระดูกดำ !
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คือผลกรรม ทั้งหมดล้วนเป็นวิบากกรรม ! หากตาแก่บ้านั่นเต็มใจยอมรับข้าตั้งแต่แรกก็คงไม่มีเรื่องบานปลายมาได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นสิ่งที่พวกเขาได้รับในวันนี้ ทั้งหมดคือกรรมตามสนอง !”
หยุนรั่วซีหัวเราะอย่างสะใจ นางหันไปมองสตรีที่อยู่ในอาภรณ์สีแดงซึ่งอยู่ไม่ไกล ประกายตาดุร้ายวาบเข้ามาในดวงตาของนาง
หลังจากนั้น นางก็ไม่ได้ทำอะไร นางหันหลังเดินไปทางเทวาคาร ไม่ช้าก็เร็วหญิงผู้นี้จะต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเทวาคาร
*****
ในอากาศว่างเปล่า ใบหน้าของหญิงชราแลดูตกใจมากขึ้น เรื่อย ๆ ภายใต้การโจมตีของไป๋หยาน นางเริ่มไม่สามารถต้านทานได้ นางรู้สึกอ่อนแอลง
“ไป๋หยาน… เจ้ามันสุนัขเนรคุณ !” ชั่วขณะนั้นใบหน้าของหญิงชราพลันเคร่งขรึมลง นางกัดฟันกล่าว “ไม่ต้องพูดถึงความแค้นระหว่างอาณาจักรสวรรค์กับแดนอสูร หากแต่เป็นข้อพิพาทระหว่างเจ้ากับหยุนรั่วซี เจ้าก็ควรจะส่งบุตรสาวของเจ้ามาช่วยชีวิตนางแล้ว”
นัยน์ตาที่เย็นชาของไป๋หยานกวาดไปมองหญิงชรา ใบหน้าของนางยังคงเงียบ ไร้ซึ่งการแสดงออกใด ๆ
เพียงแต่ดาบล่าเทวดาในมือของนางนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งแรงกดดันของมันก็ไม่ต่างจากคลื่นลูกใหญ่สามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ได้
“ครั้งนั้นเพื่อช่วยเจ้าแล้ว ร่างกายของหยุนรั่วซีได้รับความเสียหายหนักมาก กระทั่งผ่านมานานหลายปีก็ยังไม่อาจฟื้นฟู เจ้าควรเสียสละบุตรสาวในครรภ์ของเจ้าเพื่อนางบ้างมิใช่หรือ ?”
ไป๋หยานหยุดชะงัก ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงเยาะ ๆ “หยุนรั่วซีที่เจ้าพูดถึงคือผู้ใด ? นางช่วยข้ากระนั้นรึ ? ช่วยข้าอย่างไรเล่า ?”
นี่เป็นบทสนทนาแรกที่นางกล่าวกับหญิงชรานับตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น
หญิงชรากัดฟันกล่าวว่า “ลืมไปแล้วกระนั้นหรือ ? ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เจ้ายังไม่ได้ทรยศต่ออาณาจักรสวรรค์ เจ้าถูกสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ล่า เป็นหยุนรั่วซีที่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเจ้า ! หากแต่เพื่อสัตว์อสูรเหล่านั้นเจ้ากลับทรยศต่ออาณาจักรสวรรค์ ทอดทิ้งหยุนรั่วซี ! เจ้าไม่ควรสละจิ้งจอกตัวน้อยเพื่อช่วยนางกระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานยกยิ้มอย่างเฉยเมย “ประการแรกสัตว์อสูรจะไม่มีวันไล่ล่าข้า และประการที่สองหากหยุนรั่วซีเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าจริง ๆ ข้าเชื่อว่าสวามีของข้าคงจะไม่คิดเข่นฆ่าทุกผู้คนในเทวาคารเป็นแน่”
“และสาม … “ ไป๋หยานหยุด “สิ่งที่เจ้าพูดถึงไม่ใช่ตัวข้า ข้าคือบุตรสาวของไป๋หนิงมีชื่อว่าไป๋หยาน ไม่ใช่คนที่เจ้ารู้จัก”
นางสามารถรับรู้เรื่องราวบางอย่างในชีวิตก่อนหน้านี้ผ่านห้วงฝันหลายครั้งหลายครา ทว่านางก็ยังจำทุกอย่างไม่ได้
อย่างไรก็ตามนางเชื่อตี้คัง !
“รั่วซีจะเล่าเรื่องเท็จได้อย่างไร ?” หญิงชราเยาะเย้ย “เริ่มแรกเจ้าหลงใหลในความหล่อเหลางดงามของราชาอสูร แม้ว่าสัตว์อสูรจะไล่ล่าเจ้า เจ้าก็จำต้องปกป้องอาณาจักรอสูร เจ้าจึงปฏิเสธเรื่องนี้อย่าหัวเด็ดตีนจาด รวมถึงปฏิเสธว่ารั่วซีพยายามช่วยชีวิตของเจ้าด้วย รั่วซีย่อมเชื่อถือได้มากกว่าเจ้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์อสูรพวกนั้น”
ไป๋หยานหรี่ตา หากนางจำได้ไม่ผิดก็คือ ผู้ที่ไล่ตามเฉินเอ๋อเป็นคนจากเทวาคาร
ดูเหมือน … นางจะมีชื่อว่าหยุนรั่วซีใช่หรือไม่ ?
ไป๋หยานเบ้ปากใส่ทันที นางอยากเห็นเหลือเกินว่าหยุนรั่วซี หญิงสารเลวนี่เป็นใคร !
ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม…
อาศัยช่วงจังหวะที่หญิงชราลืมตัว นัยน์ตาของไป๋หยานพลันกะพริบฉายประกายเย็นยะเยือก พร้อมเสียงดังปัง ดาบล่าเทวดาก็เปล่งประกาย กลิ่นอายของมันเพียงพอที่จะทำลายโลกทั้งโลก มันพุ่งเข้าโจมตีหญิงชราราวกับพายุ
บทที่ 1323 : การตายของเทพปรมาจารย์ (3)
ทันทีที่หญิงชรารู้สึกตัว นางก็ไม่มีเวลาที่จะต่อต้าน ร่างแก่ชราลอยละลิ่วก่อให้เกิดรอยโค้งในอากาศราวกับลูกศรถูกดีดออกจากคันธนู ก่อนกระแทกลงบนพื้นจนฝุ่นคละคลุ้ง
เลือดทะลักออกจากปากของนาง ใบหน้าของนางซีดเผือด นางยกมือขึ้นเกาะกุมหน้าอกของตนเอง ก่อนจะค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนจากพื้น
“ไป๋หยาน เจ้าคิดว่า เจ้ามีพลังมากจริง ๆ หรือหากมิใช่เพราะยานั่น กับดาบที่อยู่ในมือของเจ้า เจ้าก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า !”
ไป๋หยานกุมดาบล่าเทวดา พลางก้าวเข้าหาหญิงชราอย่างช้า ๆ
“ข้าเคยบอกแล้วว่า สักวันข้าจะทำลายล้างเทวาคารให้สาสมกับที่พวกเจ้าเคยทำกับข้าไว้ !”
มือของไป๋หยานกระชับดาบล่าเทวดาแน่น นางส่งพลังลมปราณทั้งหมดเข้าสู่ดาบล่าเทวดา
ชั่วขณะนั้นดาบล่าเทวดาพลันสั่นสะท้าน ราวกับตอบสนองต่อความโกรธในใจของไป๋หยาน …
แววตาของหญิงชราตึงเครียดขึ้น นางมองดาบล่าเทวดาที่ค่อย ๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ใหญ่กระทั่งกลายเป็นเสาค้ำฟ้าด้วยความประหลาดใจ
จากนั้นเสานั่นก็ตกลงมาจากอากาศฟาดเข้าใส่หญิงชราที่ต้องการหลบเลี่ยง ทว่าตอนที่นางต่อสู้กับไป๋หยานเมื่อครู่นางใช้พลังมากจนเกินไป ยามนี้แม้แต่เดินนางก็ยังโซเซ
และเป็นเพราะนางหยุดชะงัก ดาบล่าเทวดาจึงฟาดใส่นาง คมดาบปักทะลุศีรษะของนาง เลือดพวยพุ่งราวกับน้ำพุ อาบพื้นดินให้ชุ่มฉ่ำไปด้วยเลือด
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงส่งผลให้ใบหน้าของหญิงชราบิดเบี้ยว ร่างของนางสั่นสะท้านสองสามครั้ง จากนั้นนางก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังโครม
เทพปรมาจารย์ผู้ทรงพลังที่โลกกล่าวยกย่อง กลับกลายเป็นฝุ่นผงสูญสลายหายไปจากโลก
ร่างของไป๋หยานก็สั่นสะท้านเช่นกัน นางยกดาบล่าเทวดาที่อยู่ในมือขึ้น พร้อมกับกวาดตามอง ก่อนจะหยุดจับจ้องไปที่ร่างของหวู่หลิง
ความตื่นตระหนกปรากฏในแววตาของหวู่หลิง เขาก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัวที่รุนแรง ร่างของเขาสั่นเทาด้วยความตกใจ ขณะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ปรมาจารย์หงตายแล้วกระนั้นรึ ?
ขนาดปรมาจารย์หง ยังตายด้วยน้ำมือของหญิงผู้นี้กระนั้นหรือ ?
หนี !
หวู่หลิงกลับหลังหันทันที เขาต้องการที่จะหนีออกทางด้านหลัง ทว่าไป๋หยานยกฝ่ามือขึ้น พลันดาบล่าเทวดาก็ไล่ติดตามเขาไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงดังซวบเบา ๆ มันก็แทงหลังของเขาทะลุหน้าอก
ชุดเกราะเปื้อนเลือดถูกย้อมด้วยสีแดงสด
ร่างของหวู่หลิงค่อย ๆ ทรุดลงไปในกองซากศพ
“วู้วู้ !”
ครั้นจิ้งจอกฟ้าเห็นว่าร่างของไป๋หยานกำลังจะล้มลง มันก็รีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หวังให้ไป๋หยานล้มทับร่างของมัน
แววตาของมันเต็มไปด้วยความห่วงใย มันมองไป๋หยานอย่างเป็นกังวล
“ข้าไม่เป็นไร… “ เสียงของไป๋หยานแหบลงเล็กน้อย นางยิ้มอย่างขมขื่น “นี่เป็นผลข้างเคียงของยาเม็ด และนี่เป็นครั้งแรกที่ข้ากินยาเม็ดนี้ ก็แค่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้น”
หากต้องกินอีกเป็นครั้งที่สอง … เกรงว่าร่างกายของนางจะเสียหายหนักมาก
“แค่ก !”
ไป๋หยานไอออกมา พร้อมกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก นางเช็ดมุมปากพลางเผยรอยยิ้มอ่อนแรงบนใบหน้า
“จริงสิ ชายชราคนนั้นอยู่ไหนแล้ว ?”
จิ้งจอกฟ้าตกใจ มันส่ายหัวให้ไป๋หยาน
แท้ที่จริงมันเกลียดผู้ชายมาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแก่ แต่หากไป๋หยานสั่งให้มันดูแลเขา มันก็ต้องทำตามคำสั่งของไป๋หยาน
ทว่าตอนที่ชายชราคนนั้นหายตัวไป มันก็ไล่ตามไปไม่ทัน …
“เจอแล้ว”
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
ไป๋หยานหันหน้าไปมอง นางเห็นชายชราวิปลาสคนเดิมในมือถือขวดลายคราม รีบวิ่งเข้ามาหานาง
บทที่ 1324 : การตายของเทพปรมาจารย์ (4)
“หลานรัก ดื่มนี่สิ คนดีของปู่”
ไป๋หยานตกตะลึง นางมองขวดลายครามที่ชายชรายื่นมาตรงหน้า พลางถามว่า “นี่อะไร ?”
ชายชราตกตะลึง เขาเอ่ยตอบอย่างอ่อนแรง “หลานรัก นี่คือสิ่งที่เจ้ามอบให้ปู่ในตอนนั้นไง เจ้าลืมไปแล้วหรือ ?”
“ท่านจำคนผิดหรือไม่ ?” ไป๋หยานขมวดคิ้ว
หากเดาไม่ผิด ทั้งผู้อาวุโสใหญ่ ทั้งท่านราชครูดูเหมือนจะรู้เรื่องเมื่อหลายพันปีก่อนเป็นอย่างดี หากแต่พวกเขาไม่ได้บอกนางว่า นางมีปู่อยู่ในเทวาคารด้วย เช่นนั้นชายชราผู้นี้ต้องจำคนผิดเป็นแน่
“เจ้าคือหลานสาวสุดที่รักของปู่ ปู่ย่อมจำไม่ผิดคนแน่ ! เอาล่ะเจ้าเชื่อฟังปู่ดื่มสิ่งนี้ซะ จากนั้นร่างกายของเจ้าก็จะหายเป็นปกติ นี่คือสิ่งที่เจ้ามอบให้ปู่ ทว่าปู่ไม่เคยดื่มมันเลย”
ชายชราวิปลาสมอบขวดเคลือบให้ไป๋หยาน ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง
ครั้นเห็นแววตาของเขา แม้ไป๋หยานจะไม่เชื่อในสรรพคุณของยาในขวดลายครามก็ตามที ทว่านางก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาผิดหวัง เช่นนั้นนางจึงรับขวดลายครามมา และค่อย ๆ ใช้นิ้วดันฝาขวดเปิดออก
ชั่วขณะนั้น กลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายออกมาจากขวดเคลือบ กลิ่นนั้นทำให้นางรู้สึกสดชื่น
“นี่มัน…”
ไป๋หยานถึงกับผงะ
ของเหลวในขวดเคลือบมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวน้ำนม มีความมันวาวจาง ๆ ซึ่งดูราวกับน้ำนมขาวบริสุทธิ์
ชายชราวิปลาสเกาศีรษะ “ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร ? เมื่อครั้งที่เจ้าให้ข้านั้น ข้าก็ลังเลที่จะดื่มมัน”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็มองไป๋หยานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง ราวกับเฝ้ารอให้นางดื่ม
ไป๋หยานไม่รีรออีกต่อไป นางเงยหน้าขึ้นดื่มของเหลวสีขาวขุ่นในขวดลายคราม ทันทีที่ของเหลวล่วงเข้าสู่ร่างกาย นางรู้สึกได้ว่าร่างกายที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ของนางกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัว
“เกษียรศิลา นี่คือเกษียรศิลา !”
หลังจากรับรู้ได้ถึงประสิทธิภาพของของเหลวนั่น ไป๋หยานก็กล่าวด้วยความยินดี
เกษียรศิลา หากเป็นคนธรรมดาก็สามารถเสริมสร้างร่างกาย และช่วยพัฒนาการฝึกฝนของพวกเขาได้ ทว่าสำหรับไป๋หยานที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เนื่องจากผลข้างเคียงของยาอายุวัฒนะ หลังจากดื่มมันก็จะสามารถฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น
แน่นอนแม้ว่าจะมีเกษียรศิลา หากแต่ไป๋หยานก็ไม่กล้าลองยานี้อีกเป็นครั้งที่สอง หาไม่ในครั้งต่อไป นางอาจจะเป็นอัมพาตจริง ๆ ทั้งจะไม่มีสิ่งใดสามารถช่วยนางได้อีก !
“ขอบคุณ … “ ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นมองชายชราวิปลาส นางขยับปากเอ่ยเบา ๆ
ชายชราวิปลาสยิ้ม “เจ้าเป็นหลานรักของปู่ หลานสาวสุดที่รักของปู่ ขอเพียงเจ้ากลับมา ปู่จะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
ไป๋หยานรู้สึกหัวใจห่อเหี่ยว นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ข้ามิใช่หลานสาวของท่านจริง ๆ”
“ไม่ เจ้าพูดจาไร้สาระ หลานสาวของข้า ข้าไม่มีวันจำผิด !” ชายชราวิปลาสเริ่มมีท่าทีตื่นเต้น เขากดมือลงบนไหล่ของไป๋หยาน น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมาก
ไป๋หยานยิ้มอย่างขมขื่น พลางส่ายหน้า หลังจากที่นางกลับคืนสู่วังอสูร นางจะต้องให้พวกเขายืนยันอีกสักครั้งว่าเมื่อพันปีก่อนนางมีปู่หรือไม่ ?
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสใหญ่ และวิหคอัคคีต่างก็ไม่เคยบอกนางเกี่ยวกับเรื่องนี้
“หลานสาว … “ ครั้นเห็นว่าไป๋หยานไม่กล่าวคำใด สีหน้าของชายชราวิปลาสก็แปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง เขากล่าวอย่างน่าเวทนา “ปู่รู้ว่าปู่ผิดไปแล้ว ปู่ไม่อาจปกป้องเจ้าได้ แต่เจ้าอย่าทิ้งให้ปู่อยู่คนเดียวอีกเลยจะได้หรือไม่ ?”
ท่าทางของเขาแลดูน่าสงสารมาก หัวใจของไป๋หยานแทบทนไม่ไหว
“ท่านปู่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทิ้งท่านอีก … “
ช่างเถิด ในเมื่อหลานสาวของเขาไม่อยู่แล้ว เพียงแสร้งเป็นหลานสาว เพื่อให้เขามีความสุขจะเป็นไรไป
ถ้อยคำของไป๋หยานทำให้ชายชราวิปลาสยิ้มออกมาทันที “หลานรักของปู่ ปู่จะไม่ปล่อยให้คนเลวพวกนั้นรังแกเจ้าได้อีกแล้ว ปู่จะปกป้องเจ้าเอง …”
บทที่ 1325 : การตายของเทพปรมาจารย์ (5)
ไป๋หยานเลิกคิ้วเล็กน้อย หากจำไม่ผิดดูเหมือนหญิงชราจะบอกว่าร่างกายของชายชรามีปัญหา อีกทั้งความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว
“ท่านปู่ ท่านให้ข้าตรวจร่างกายของท่านหน่อยจะได้หรือไม่ ?” ไป๋หยานกล่าวอย่างนุ่มนวล น้ำเสียงของนางอ่อนโยนมาก
“ได้ ได้สิ” ชายชราวิปลาสพยักหน้าอย่างเร่งรีบ “ข้าต้องทำอย่างไรบ้างล่ะ ?”
“ข้าจะส่งพลังจิตเข้าไปตรวจร่างกายของท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพียงแค่ไม่ขัดขืนก็พอ”
ไป๋หยานค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้นพลางกล่าว
หลังจากนางกล่าวจบ นางก็ปล่อยพลังจิตของนางบุกเข้าไปในร่างของชายชราวิปลาสทันที
ชั่วขณะนั้น สภาพร่างกายของชายชราวิปลาสก็เข้ามาในความคิดของนาง …
“เอ่อ ?”
ไป๋หยานขมวดคิ้ว หลังจากนั้นไม่นานนางก็ดึงพลังจิตตนเองกลับคืน ในแววตาของนางปรากฏร่องรอยแห่งความสงสัย
“โดยทั่วไป หากความแข็งแกร่งของท่านหยุดนิ่ง เส้นลมปราณของท่านจะต้องถูกปิดกั้น และหากความแข็งแกร่งของท่านถดถอย จุดตันเถียนของท่านก็จะเสียหาย ทว่าภายในร่างกายของท่านไม่มีปัญหาใด ๆ เหตุใดท่านถึงได้เสียสติ อีกทั้งยังไม่สามารถใช้พลังของตนเองได้ ?”
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ?
ชายชราวิปลาสมองไป๋หยานด้วยความงุนงง พลางส่ายหน้า “ปู่ไม่ได้บ้าเหตุใดเจ้าจึงคิดว่าปู่บ้าเหมือนพวกเขาล่ะ ? ปู่ไม่ได้บ้า ปู่เพียงอยากพบเจ้า”
ครั้นเห็นการแสดงออกที่ขมขื่นของชายชราแล้ว หัวใจของไป๋หยานพลันอ่อนลง “อืม…ท่านไม่ได้บ้า คนเหล่านั้นใส่ความท่าน”
“ใช่…พวกเขาล้วนใส่ความปู่ ปู่ไม่ได้บ้า”
ชายชราทำปากจู๋ ฮึ ! คนพวกนั้นใส่ความเขา เขาบ้าเมื่อไหร่กัน ?
“ในเมื่อท่านยังไม่รู้จะไปที่ใด เช่นนั้นก็กลับไปพร้อมข้าจะดีหรือไม่ ?” ไป๋หยานหันไปมองชายชราพลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ชายชราพยักหน้าทันที “เอาสิ ข้าจะตามหลานรักไปทุกที่”
ไป๋หยานยิ้ม
อย่างไรเสีย รอให้นางพาชายชรากลับไปที่โน่นก่อน จากนั้นนางก็จะตรวจสอบสภาพร่างกายของเขาอย่างละเอียดอีกที
“หม่ามี้ !”
จู่ ๆ เสียงแผ่วเบาก็ดังมาจากด้านหลังไป๋หยาน ทันทีที่ไป๋หยานหันหน้าไปมอง ไป๋เสี่ยวเฉินก็พุ่งเข้าหาอ้อมแขนของนางราวกับลมพายุ
ไป๋หยานกอดร่างที่อ่อนนุ่มนี้ พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง “เฉินเอ๋อ…เจ้ากลับมาแล้วหรือ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินกะพริบนัยน์ตากลมโต พร้อมกับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าสีชมพูของเขา
“หม่ามี้ หลงหยัน จุดไฟเผาภูเขาโอสถ และฆ่าคนของเทวาคารทุกคนที่เฝ้าอยู่ที่ภูเขาโอสถนั่น ดังนั้น เฉินเอ๋อจึงรีบหนีกลับมา ก่อนที่พวกปรมาจารย์จะมาถึงที่นั่น”
น่าเสียดายที่ภูเขาโอสถดี ๆ เช่นนี้ถูกหลงหยันทำลายสิ้น
จะดีสักเพียงใด หากสามารถนำภูเขาโอสถกลับมาให้มารดาของเขาได้ ?
ไป๋หยานสังเกตท่าทีของไป๋เสี่ยวเฉิน นางลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเขา “ภูเขาโอสถที่นี่ไม่ได้ดีนักหรอก เมื่อเทียบกับหุบเขาบนภูเขาเทียนซานแล้ว มันก็ไม่สำคัญเลยสักนิด”
สมุนไพรที่มีอยู่มากมายในหุบเขานั้น ภูเขาโอสถไม่มีเลย เช่นนั้นไป๋หยานจึงไม่เห็นภูเขาโอสถอยู่ในสายตา
“จริงหรือ ?” นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเป็นประกายแวววาวยิ่งกว่าดวงดาว “หลงหยันฉกฉวยสมุนไพรบางอย่างกลับมาได้ และเฉินเอ๋อก็ต้องการให้หม่ามี้ปรุงยาให้เฉินเอ๋อกินด้วย”
ไป๋หยานยิ้มพลางกล่าวว่า “ได้สิ ก็นับว่าไม่เสียเปล่า ไว้แม่มีเวลา แม่จะปรุงสมุนไพรเหล่านั้นให้เป็นเม็ดยาดีหรือไม่ ?”
จุ๊บ
ไป๋เสี่ยวเฉินจูบไป๋หยาน พลางยิ้มอย่างไร้เดียงสาและสดใส “หม่ามี้ดีที่สุด เฉินเอ๋อรักหม่ามี้มากที่สุดเลย”
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1321-1325
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์
นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้
ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย
มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก
ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก
แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…
จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”