ตอนที่ 193 ราชครูโกรธจัด
ไป๋หลี่เหอเจ๋อยืนหมดคำพูดอยู่ด้านหลัง ผมปล่อยสยายแลดูสบายตา ย่างเท้าแผ่วเบา ค่อยๆ เยื้องย่างมาจากด้านหลัง
“เขียนอะไร”
เขาเข้ามานั่งลงข้างๆ เฟิงอู๋โยว
มือทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยวถูเช็ดที่สะโพกของตัวเองและนั่งทับลงไปบนกระดาษที่น้ำหมึกยังไม่แห้ง ก่อนขยับตัวออกห่าง
ไป๋หลี่เหอเจ๋อขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด “ไฉนต้องขยับตัวออกห่างข้า”
เฟิงอู๋โยวชำเหลืองมองมือปลาไหลของไป๋หลี่เหอเจ๋อที่เอื้อมเข้ามาหมายจะจับก้นของนาง นางจึงรีบชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นมากอดเอาไว้อย่างมิดชิด
“ท่านราชครู ท่านถือเป็นคนๆ หนึ่งที่ฝึกตนบำเพ็ญเพียร ไฉนวันๆ ถึงคิดแต่เรื่องบัดสีบัดเถลิงอย่างไม่อายฟ้าอายดินแบบนี้” สีหน้าของนางนิ่งขรึมลง
เขาเดินมาด้านหน้าเฟิงอู๋โยวและนั่งลงข้างๆ นาง
เขาแค่อยากเห็นกระดาษที่นางนั่งทับอยู่ก็เท่านั้น ไม่ได้มีความคิดอย่างที่นางกล่าวหาแม้แต่น้อย
นึกไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะตีความท่าทางของเขาผิดไปเช่นนี้
บางทีเขาไม่ควรโกหกนาง
แต่ว่าสายน้ำย่อมไม่หวนกลับคืน หากอยากจะแก้ตัวตอนนี้ นางไม่มีทางเชื่อแน่นอน
หลังจากถอนหายใจเฮือกยาว ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ลุกขึ้นยืน เพื่อรักษาระยะห่างออกจากนาง เพื่อต้องการให้นางรู้สึกปลอดภัยขึ้น “เห็นเจ้าตั้งใจเขียนมาตั้งนาน กำลังแอบเขียนวรรณกรรม ‘เตือนหญิง’ อยู่หรือกระไร”
“ก็แค่เขียนกลอนหลังมื้อเช้าแก้เบื่อเฉยๆ”
“อ่านให้ฟังหน่อย”
เฟิงอู๋โยวกระแอมปรับน้ำเสียงก่อนเริ่มเปล่งเสียง “ข้าเชิญฟ้าระดมจิตคิดส่งคน ภูวดลกลับปรากฏแป้งร้อนยัดไส้เนื้อทรงเครื่อง”
“แค่กๆ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อนึกไม่ถึงว่านางจะสามารถแต่งกลอนได้ด้วย
แต่วรรคหน้ากับวรรคหลัง ความหมายต่างกับราวฟ้ากับเหว
หลังจากนิ่งขรึมไปพักหนึ่ง ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ถามเสียงขรึม “แป้งร้อนยัดไส้เนื้อทรงเครื่องคืออะไร”
ดวงตาของเขาค่อยๆ ลุ่มลึกลงเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าคำพวกนี้มีความหมายกำกวม
เมื่อพูดถึงอาหาร เฟิงอู๋โยวก็สงบศึกกับไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นการชั่วคราว นางลุกขึ้นพรวดและเริ่มอธิบายถึงรสชาติอาหารแป้งร้อนยัดไส้เนื้อทรงเครื่องที่เป็นอาหารที่มาจากต่างภพ
ก่อนหน้านี้หกปี หลังจากไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกฟู่เย่เฉินช่วยออกมาจากรังโจรรังหมาป่า เขาป่วยหนักจนสูญเสียการรับรสไปตลอดกาล
ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถจิตนาการรสชาติที่เฟิงอู๋โยวพยายามจะอธิบายได้
ไป๋หลี่เหอเจ๋อชำเหลืองไปมองกระดาษที่วางอยู่บนเตียงแทน
นิ้วมือเรียวยาวของเขาเอื้อมไปจับกระดาษขึ้นมา เขาพยายามอ่านตัวหนังสือของเฟิงอู๋โยวภายใต้แสงสลัว
เฟิงอู๋โยวเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาข้างหน้า มือข้างหนึ่งกดแผลที่หน้าผากของไป๋หลี่เหอเจ๋อเป็นการลงโทษ ส่วนมืออีกข้างก็แย่งกระดาษมา “ใครอนุญาตให้เจ้าอ่าน”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเจ็บแผลจี๊ดขึ้นมา เลือดเริ่มไหลซึมออกมาจากแผลอีกครั้ง
“เอามานี่”
ดวงตาดำสนิทของเขาฉายแววหงุดหงิด มือข้างหนึ่งคว้าจับข้อมือเฟิงอู๋โยวพลางเอ่ยเสียงเย็น “อ่าน! ถ้าอ่านผิดแม้แต่ตัวเดียว ข้าจะลงโทษเจ้า”
“อ่านก็อ่าน! แม้ข้าจะเขียนตรงไปหน่อย แต่ทั้งหมดก็คือความจริง”
เฟิงอู๋โยวยืนตัวตรงและอ่านออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด “ทรมาน อยากร้องไห้ วันนี้ควรเป็นวันที่ดีแท้ๆ กลับต้องมาเจอไอ้คนสารเลวอย่างไป๋หลี่เหอเจ๋อ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึกจนปัญญาขึ้นมาทันใด เขารู้แล้วว่าเฟิงอู๋โยวไม่พอใจเขา แต่นึกไม่ถึงว่านางจะเขียนเรื่องที่เขาทำกับนางทุกอย่างลงไปแบบนี้ ซ้ำยังละเอียดยิบ
“ท่านราชครูผู้ยิ่งใหญ่อยากฟังจริงๆ ใช่หรือไม่” เฟิงอู๋โยวเลิกคิ้วถาม อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่อยากอ่านต่อ
“อ่านมา!”
“ได้ ตามที่เจ้าต้องการ” เฟิงอู๋โยวพึมพำเสียงเล็กเสียงน้อย นางคิดในใจ…ในเมื่อเขาไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเขา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็เอ่ยปากอ่านเสียงดังฟังชัด “ไอ้สารเลวไป๋หลี่ช่างหน้าด้านจริงๆ! ยังไม่อาบน้ำ เนื้อตัวสกปรก ยังคิดให้ข้าทำแผลทายาให้อีก เหม็นจนข้าเกือบจะเป็นลม”
เมื่อนางอ่านออกไป ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาในบัดดล
เขาคิดว่าเฟิงอู๋โยวจะเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปปที่เขินอายกับเรือนร่างผู้ชาย และอายจนถึงกับหลั่งน้ำตาตอนทำแผลทายาให้เขา
แต่ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป ที่แท้นางหลั่งน้ำตาเพราะเหม็นตัวเขาจนทนไม่ไหวนี่เอง
…
แต่ว่าเขาอาบน้ำทุกวัน จะตัวเหม็นได้เยี่ยงไร
แต่ว่าบาดแผลของเขาเกิดขึ้นในที่อับ อันที่จริง…มันก็มีกลิ่นแปลกๆ อยู่!
ให้ตายเถอะ! ทำไมเฟิงอู๋โยวต้องเขียนเรื่องของเขาในแง่นี้ด้วย!
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเริ่มกระวนกระวายใจ เขารู้สึกว่ามาดเยี่ยงวีรบุรุษของเขาถูกนางบดขยี้ลงภายในพริบตา
เฟิงอู๋โยวเห็นไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่ตอบสนองอะไรก็ได้ใจอ่านต่อ “จนทุกวันนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเคยเนื้อแนบเนื้อกับเจ้าคนตัวเหม็นเน่าแบบนี้ น่าขายขี้หน้ายิ่งนัก ห้ามให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เด็ดขาด มีหวังข้ากลายเป็นตัวตลกของคนอื่นแน่นอน”
“!!!”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึกเหมือนมีก้อนหนาทึบผุดขึ้นมากลางอก เขาเลือดขึ้นหน้าจนเกือบคุมสติตัวเองไม่อยู่แล้ว
เนื้อแนบเนื้อกับเขา น่าขายขี้หน้านักหรือ
เขาเป็นถึงราชครูที่เหล่าหญิงสาวทั่วแคว้นตงหลินต่างฝันถึงเชียวนะ
“ท่านราชครูยังอยากให้ข้าอ่านต่ออีกหรือไม่” เฟิงอู๋โยวเหลือกตามองใบหน้ากึ่งแดงกึ่งเขียวของไป๋หลี่เหอเจ๋อ มุมปากรั้งขึ้นเจือแววเย้ยหยัน
“อ่านต่อ”
ไป๋หลี่เหอเจ๋ออยากรู้ว่านางจะเขียนถึงเขาได้เลวร้ายแค่ไหน
“เห้อ…ถ้าข้าเป็นหมาบ้า คงจะเห่าใส่เขาและกัดขาที่สามของเขาให้เหวอะ”
“เห้อ…ถ้าข้าเป็นหมู ข้าจะไม่มีวันเข้าใกล้รำข้าวเน่าเหม็นแบบนี้แน่นอน”
“เหอะๆ…ถ้าหากข้าเกิดเป็นหมูบ้าตัวเหม็น ข้าก็ไม่มีวันกระเดือกกินรำข้าวเหม็นเน่าแบบนี้ได้ลงแน่นอน แค่คิดก็คลื่นไส้ไปหมดแล้ว!”
เฟิงอู๋โยวอ่านอย่างออกรสออกชาติยิ่งนัก
แม้ว่านางจะเปรียบเปรยตัวเองเป็นหมูเป็นหมา แต่ของไป๋หลี่เหอเจ๋อกลับยิ่งกว่า
ครั้นนางอ่านจบ สีหน้าของไป๋หลี่เหอเจ๋อก็มืดมนเป็นสีดำราวกับก้นกระทะ
เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก แต่พักสักก็ปรับอารมณ์กลับมา
“เฟิงอู๋โยว ข้าไม่ได้เป็นเหมือนที่เจ้าพูดขนาดนั้น”
“ท่านราชครูผู้ยิ่งใหญ่มีอำนาจล้นหลาม ท่านพูดอะไรก็ถูกหมด” เฟิงอู๋โยวยิ้มร่า แต่ในสายตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อกลับเป็นการเย้ยหยัน
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรือ เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ข้าสามารถจับเจ้าถลกหนังได้เลย”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่รู้จะทำเยี่ยงไรกับเฟิงอู๋โยว เขาได้แต่พูดข่มเพื่อหวังให้นางยอมสยบ
แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าเฟิงอู๋โยวจะเมินเฉยใส่เขา เพราะนางคิดว่าสภาพบาดเจ็บสาหัสอย่างเขาไม่มีทางทำอะไรนางได้แน่นอน ซ้ำยังอ้าแขนท้าทายเขาอีก “เข้ามาสิ! คิดว่าข้ากลัวหรือ”
“เฟิงอู๋โยว แล้วเจ้าอย่านึกเสียใจภายหลัง!”
ดวงตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อฉายแววสนใจ เขาไม่ได้เป็นพวกหื่นกาม แต่เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง
แล้วจะทนกับการเชื้อเชิญอัน ‘เร่าร้อน’ ของหญิงสาวได้เยี่ยงไร เขาลุกขึ้นพรวดและพุ่งเข้าไปกอดไว้ในอ้อมกอด
เฟิงอู๋โยวยักคิ้วหยั่งเชิง นางแค่อยากรู้ว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ดูเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงจะกล้าทำเรื่องอย่างว่ากับนางหรือไม่
วันนั้น เมื่อนางตื่นขึ้นมาหลังจากหมดสติ นางรู้สึกได้ว่าร่างกายของนางยังรู้สึกเป็นปกติ
บางทีไป๋หลี่เหอเจ๋อก็แค่ต้องการขู่ขวัญนางเฉยๆ
แต่ว่าเขาในตอนนี้กลับดูไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป
นางผลักเขาออกไปอย่างผิดหวัง จากนั้นก็คว้าไปหยิบตะเกียบไม้บนถ้วยข้าวมา
เสี้ยวพริบตาต่อมา นางถือตะเกียบข้างละหนึ่งด้าม จากนั้นก็แทงเข้าไปที่ต้นขาของเขาทันที
“ฉึก”
ตะเกียบไม้แทงเข้าเนื้อของเขา ปลายตะเกียบไม้แหลมคมไม่ต่างจากปลายมีดเสียบแทงเข้าเนื้อไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างไม่ปราณี
ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเฟิงอู๋โยวถึงเกลียดเขาได้ถึงขนาดนี้ “เจ้าตั้งใจฝนปลายตะเกียบไม้ให้แหลมเพื่อต้องการใช้เป็นอาวุธเล่นงานข้ากระนั้นหรือ”
เฟิงอู๋โยวส่ายหน้าปฏิเสธ “สุภาษิตกล่าวไว้ว่า ขอแค่มีทักษะฝีมือมากพอ เหล็กทื่อก็กลายเป็นเข็มที่แหลมคมได้! การที่ข้าฝนตะเกียบไม้ให้เป็นเข็มไม้แบบนี้ ทั้งหมดก็เพื่อดึงเอาทักษะความสามารถด้านการต่อสู้ของข้าออกมาก็เท่านั้น”
“หึ…เจ้าทำแบบนี้ก็เพื่อระบายความโกรธที่มีต่อข้าต่างหาก”
ดวงตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อสะท้อนความเหี้ยมโหดออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือหนาหนั่นของเขาเอื้อมออกไปบีบคอเฟิงอู๋โยวแน่น “ในเมื่อเจ้าเลี้ยงไม่เชื่อง เช่นนั้นก็จงตายไปเสียเถิด หลังจากเจ้าตาย ข้าจะสั่งทำโลงศพแก้วเพื่อถนอมใบหน้าและกายเนื้ออันสวยงามของเจ้าไม่ให้เน่าเปื่อยเอง”
“หากข้าเชื่อฟังเจ้า เจ้าจะต้องให้อิสระแก่ข้า” เมื่อเฟิงอู๋โยวเห็นว่าสลัดไม่หลุด ก็ไม่กล้าทำตัวแข็งกร้าวกับเขาอีก
“สายไปแล้ว”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อโกรธจัดจนไม่มีสติ ในหัวของเขามีแต่สารพัดคำด่าของเฟิงอู๋โยวที่ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด