เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 198 แปลกใจหรือไม่

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 198 แปลกใจหรือไม่

หลังจากนั้นไม่นาน จวินมั่วหรันก็เตะประตูห้องพักในโรงเตี๊ยม เดินเข้าไปและหันกลับมาใส่กลอนประตูอย่างรวดเร็ว

เขาวางเฟิงอู๋โยวลงบนเตียงเบาๆ หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างเป็นสุข

“เฟิงอู๋โยว เจ้าสามารถใช้ชีวิตกับผู้ชายเพียงคนเดียวไปทั้งชีวิตได้หรือไม่”

“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หากเจ้าไม่ตอบ ข้าจะถือว่าเจ้ายินยอม”

จวินมั่วหรันยืนอยู่หน้าเตียง สายตามองเฟิงอู๋โยวซึ่งหลับตาพริ้ม เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่านางดูมีเสน่ห์มากในท่านอน

แก้มสีแดงเข้มคล้ายแสงอัสดงหลังก้อนเมฆ ราวกับริมฝีปากที่เม้มแน่นกำลังส่งกลิ่นหอมหวานเย้ายวน ทำให้ผู้ที่ตบะกล้าแกร่งอย่างเขาเกือบจะสูญเสียการควบคุม

“สาม”

“สอง”

“หนึ่ง”

“อา…”

มุมปากของจวินมั่วหรันรั้งขึ้น ขณะกำลังจะโน้มตัวไปข้างหน้า ภาพตอนที่นางร้องไห้เพราะถูกไป๋หลี่เหอเจ๋อบังคับฝืนใจก็แวบยเข้ามาในหัวของเขา

ในเมื่อชอบนาง ก็ควรเคารพและให้เกียรติแก่นางถึงจะถูก

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาหยุดการกระทำของตัวเอง จากนั้นก็ขยับเก้าอี้เข้ามานั่งไขว่ห้างหน้าเตียงและมองดูนาง

“ทำไมเจ้านี่ยังไม่ตื่นอีก”

จวินมั่วหรันรู้สึกหงุดหงิด เพราะเขากำลังรอให้นางตื่นเพื่อให้คำตอบกับเขา

แต่ใครจะไปรู้ว่าเฟิงอู๋โยวกลับนอนเกือบทั้งวัน

และเมื่อนางตื่นขึ้นฟ้าก็มืดแล้ว

ทันทีที่นางลืมตาขึ้น นางก็เห็นจวินมั่วหรันจ้องมองนางอย่างไม่พอใจ ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์

“เจ้าคนสกปรก ไปไกลๆ นะ” เฟิงอู๋โยวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ นางยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นมาและพยายามเตะจวินมั่วหรันออกไป

“ข้าไม่เคยแตะต้องหลับนอนกับอู๋ฉิงมาก่อน” จวินมั่วหรันจับข้อเท้าขาวเรียวของนางแน่นด้วยมือทั้งสอง จากนั้นถึงได้สังเกตเห็นรองเท้าปักสีชมพูอ่อนที่เท้าของนาง

เขาจ้องรองเท้าของนางด้วยความสับสน และถามขึ้นเสียงขรึม “บอกมา รองเท้าคู่นี้เป็นของใคร”

เสียงของจวินมั่วหรันฟังดุดัน แรงที่ฝ่ามือของเขาเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ

เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายสงสัยว่านางทำอะไรลับหลังเขา และเผลอสวมรองเท้าของผู้หญิงคนอื่นอย่างไม่ทันสังเกต

เฟิงอู๋โยวถอดรองเท้าปักออกทันที ก่อนพูดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ “ไป๋หลี่เหอเจ๋อเอาเสื้อผ้าของข้าไป และบังคับให้ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิง และยังให้ข้าใส่รองเท้าปักลายแก่ๆ คู่นี้”

“เขาบังคับให้เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิงจริงๆ กระนั้นหรือ”

เฟิงอู๋โยวพยักหน้า “โชคดีที่ข้าไหวตัวทัน ก่อนหนีออกมาได้ถอดเสื้อผ้าฟู่เย่เฉินมาใส่ แต่กระนั้นข้าไม่ทันระวังเผลอสวมรองเท้าผู้หญิงติดออกมาด้วย”

“มีอาการบาดเจ็บหรือไม่”

“ไม่มี แต่ไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกข้าทำร้ายจนเลือดไหลไม่หยุด”เฟิงอู๋โยวเล่าให้จวินมั่วหรันฟังอย่างพึงพอใจ

เมื่อเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บจวินมั่วหรันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เดิมทีเขาต้องการสั่งให้บริกรในโรงเตี๊ยมหาซื้อรองเท้าที่เหมาะกับเฟิงอู๋โยวมาเปลี่ยน แต่ขณะกำลังจะวัดขนาดเท้าให้นาง ก็พบว่าเท้าเรียวขาวของนางนั้นสวยงามเป็นพิเศษ ทำให้อยู่ๆ หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นมาในบัดดล

“ท่านใต้เท้า?”

เฟิงอู๋โยวยื่นมือออกไปโบกไปมาต่อหน้าเขา “กำลังคิดอะไรอยู่”

สายตาของจวินมั่วหรันจับจ้องไปที่เท้าของเฟิงอู๋โยวที่แลดูนุ่มนวลอิ่มน้ำน่าสัมผัส ก่อนคว้าจับมันไว้ในฝ่ามืออย่างรวดเร็ว “อย่าขยับ”

“…”

เฟิงอู๋โยวจนปัญญา เมื่อเห็นจวินมั่วหรันเอาหมกมุ่นอยู่กับเท้าของนาง ก็กลัวว่าเขาอยากจะตัดเท้าของนางทิ้งจึงพูดขึ้น “ท่านใต้เท้า กระหม่อมมีกลิ่นเท้า”

“หืม?”

จวินมั่วหรันรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของเขาสูงขึ้นอย่างกะทันหัน เหมือนเขาจะไม่ค่อยไม่ได้ยินสิ่งที่เฟิงอู๋โยวพูดเท่าไร

เวลาต่อมา ดวงตาสีทองของเขาฉายแสงสีแดงประหลาด แรงบีบในมือพลันทวีความรุนแรงขึ้นในทันที

“จะทำอะไรน่ะ” เฟิงอู๋โยวร้องด้วยความตกใจ และขณะกำลังจะถอยเท้ากลับ ขากางเกงทั้งสองข้างก็ถูกถลกขึ้นมาถึงเข่า

“เฟิงอู๋โยว ไม่เจอกันนานเลย”

อยู่ๆ จวินหงหรันก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาประกายสีแดงแปลกๆ ที่เจือแววคุกคามก็จับจ้องเฟิงอู๋โยวราวกับว่าต้องการที่สูบวิญญาณของนางจนเหือดแห้ง

ร่างกายของเฟิงอู๋โยวสั่นสะท้าน นางขยับถอยเรื่อยๆ “จวินหงหรัน!”

“แปลกใจหรือไม่”

“แปลกใจ แต่ไม่เป็นสุข”เฟิงอู๋โยวเพิ่งจะเริ่มเกิดความรู้สึกดีๆ กับจวินมั่วหรันแต่กลับถูกจวินหงหรันขึ้นมาได้

ลำพังแค่รับมือกับจวินมั่วหรันก็หืดขึ้นคอเต็มทน แล้วไหนยังต้องมาเจอจวินหลานหรันกับจวินหงหรันอีก ไม่ช้าก็เร็ว นางคงถูกยับเยินเป็นแน่

“ได้เจอข้า เจ้าไม่ดีใจจนเนื้อเต้นหรอกหรือ”

จวินหงหรันตบหลังเท้านางเป็นการทำโทษ

“ปล่อยนะ!”

“กว่าข้าจะได้ออกมา เจ้าควรร้องไห้ด้วยความดีใจถึงจะถูก” เสียงของจวินหงหรันกดต่ำเจือแววน่ากลัว

เขาขมวดคิ้วหรี่ตาลง ทันใดนั้นมือของเขาก็แตะที่ฝ่าเท้าของเฟิงอู๋โยวและเกามันอย่างบ้าคลั่ง “หัวเราะ! หัวเราะดังๆ ให้ข้าฟังสิ!”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกจั๊กกะจี้ที่ฝ่าเท้า นางพยายามกลั้นหัวเราะอย่างยากลำบาก

นางแค่ไม่ต้องการให้จวินหงหรันทำแบบนี้ในที่แบบนี้ ถ้าคนอื่นรู้เข้า นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

เมื่อเห็นนางกัดฟันข่ม จวินหงหรันก็เอื้อมมืออีกข้างไปจับคางของนางแน่น “เฟิงอู๋โยว อย่าฝืนธรรมชาติสิ เจ้ามีความสุขมากที่ได้เจอข้าด้วยใช่หรือไม่”

“ปล่อยเท้าของข้าเดี๋ยวนี้ ข้ากลัวจะได้กลิ่นเท้าของตัวเอง”

“ทำแบบนี้ได้เยี่ยงไร! ไฉนเจ้าถึงทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดของข้า”จวินหงหรันโกรธจัด มือข้างหนึ่งพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของเฟิงอู๋โยวและลากไปที่ถนน

“จวินหงหรัน ข้าจะหัวเราะให้เจ้า ตกลงไหม” เฟิงอู๋โยวรู้สึกอาย นางจึงได้แต่ร้องขออีกฝ่าย

“สายไปแล้ว!”

จวินหงหรันกระโดดพุ่งตัวเพียงครั้งเดียวก็พาเฟิงอู๋โยวมาถึงที่ถนน

เขากดเข่าทั้งสองทาบบนขาทั้งสองข้างของเฟิงอู๋โยว นิ้วมือเรียวได้รูปของเขาเริ่มเกาฝ่าเท้าของนาง จนนางอดหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจวินหงหรันจึงปล่อยมือออก

ในเวลานี้พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยฝูงชนที่ได้ยินเสียง

“นั่นเซ่อเจิ้งหวางผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือ”

“ใช่จริงๆ ด้วย! ข้าไม่นึกว่าเซ่อเจิ้งหวางจะกลั่นแกล้งผู้ชายด้วยกันบนถนนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้”

“อา…เซ่อเจิ้งหวาง เซ่อเจิ้งหวาง! พี่สาวน้องสาวทั้งหลาย ออกไปกันเร็ว เซ่อเจิ้งหวางชอบเกาฝ่าเท้าคน!”

ทันใดนั้น ผู้หญิงหลายสิบคนที่แต่งหน้าจัดก็พุ่งออกมาจากฝูงชน

พวกนางพากันถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ก่อนนอนตะแคงลงข้างๆ ของจวินหงหรันแล้วเหยียดเท้าเรียวยาวมาทางเขา “ท่านใต้เท้า ทางนี้เจ้าค่ะ”

จวินมั่วหรันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลุบตามองลงไปที่ฝ่าเท้าของเฟิงอู๋โยวที่ถูกจั๊กกะจี้จนแดง ก่อนกวาดสายตาไปมองเท้าขาวๆ ที่เหยียดออกมา อยู่ๆ เกิดครึ้มใจขึ้นมาทันที “ไม่คาดคิดข้าจะได้รับความสนใจมากกว่ามั่วหรันขนาดนี้”

ในฝูงชน อยู่ๆ ก็มีสายตาที่เป็นพิษเสียดพุ่งออกมา

เฟิงอู๋โยวหันขวับไปมองทันที เห็นเป็นผู้หญิงแปลกหน้าหน้าตาสวยงามกำลังมองจ้องนางตาเขม็งอยู่

จวินมั่วหรันยังสังเกตเห็นดวงตาที่เฉียบคมของผู้หญิงคนนั้น เขาจึงรีบปล่อยมือออกเฟิงอู๋โยวและพุ่งเข้าไปหมายควักดวงตาของผู้หญิงคนนั้นทันที แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับถอยห่างและจากไปจากฝูงชน

“เฟิงอู๋โยว เจ้าไปทำให้ใครขุ่นเคืองใจมาหรือไม่” จวินหงหรันหันมาถามนางอย่างไม่พอใจ ก่อนยื่นมือออกไปหยิกแก้มของนาง

“จวินหงหรัน ขืนเจ้าทำตัวหยาบคายกับข้าอีก เชื่อหรือไม่ว่าข้าเตะเจ้าจนตูดแหกได้”

ทันทีที่เฟิงอู๋โยวพูดเช่นนี้ก็เกิดเสียงอุทานดังขึ้นรอบๆ

“เจ้าหมอนี่เป็นใครกัน ทำไมถึงกล้าพูดจากับเซ่อเจิ้งหวางเช่นนี้”

“ดูเหมือนว่าจะเป็นหมอวิเศษเฟิงจากเรือนแพทย์พยากรณ์”

“ว่ากันว่าเป็นเพราะเขา เซ่อเจิ้งหวางจึงเผาเรือนจื่อหยางด้วยความโกรธแค้น”

ในตอนนี้ เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นอย่างดุเดือด

ส่วนเหล่าผู้หญิงที่ล้อมรอบจวินมั่วหรันและเฟิงอู๋โยวอย่างเนืองแน่น ต่างก็ล้วนมีใบหน้าสะสวยทั้งนั้น

พวกนางพยายามยกผ้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาสะบัดโบกใหเจวินมั่วหรันและยักคิ้วหลิ่วตาให้อยู่เป็นเนือง

ท่ามกลางความงุนงง อยู่ๆ เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกว่าผ้าเช็ดหน้าในมือของผู้หญิงเหล่านี้มีกลิ่นหอมฉุนเกินไป

“แปลกจัง ทำไมคุ้นกับกลิ่นหอมนี้ยิ่งนัก”

เฟิงอู๋โยวครุ่นคิดเป็นเวลานาน แต่แล้วในที่สุดเมื่อนางจำที่มาของกลิ่นหอมนี้ได้ นางก็ตกใจจนจวินหงหรันพลอยสะดุ้งโหยงไปด้วย

จวินมั่วหรันมองเฟิงอู๋โยวที่กำลังตื่นตระหนกอย่างประหลาดใจ ก่อนถามเสียงทุ้ม “เกิดอะไรขึ้น เจ้าเกิดหลงใหลในตัวข้าแล้วใช่หรือไม่ หรือต้องการลงโทษข้ากันแน่”

“ฟังนะ! ผู้หญิงพวกนี้แปลกๆ จงกลั้นหายใจ ตั้งสมาธิ แล้วรีบตามข้ากลับตำหนักทันที” เฟิงอู๋โยวกระซิบข้างหูเขาเบาๆ ดวงตาทรงกลีบดอกท้ออันคมคายของนางกวาดมองไปรอบๆ

“มันก็แค่ยาปลุกกำหนัดขนานแรงก็เท่านั้น จะกลับไปทำไม เอาไว้ข้าต้านทานไม่ไหวแล้วค่อยกลับก็ได้ จากนั้นก็ปล่อยให้มั่วหรันเก็บกวาด” จวินหงหรันอมยิ้มพลางเอ่ยเบาๆ

เฟิงอู๋โยวกระวนกระวาย “เจ้าคิดว่ายาปลุกกำหนัดขนานแรงเป็นเรื่องเล่นๆ กระนั้นหรือ”

กว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมา เป็นเพราะเป่ยถางหลีอินได้วางยาปลุกกำหนัดแก่นาง จึงทำให้เธอจำเป็นต้องขืนใจจวินมั่วหรัน

แต่ว่าตอนนี้ การปรากฏขึ้นมาอีกครั้งของยาปลุกกำหนัดอันเข้มข้นนี้มีความว่าเป็นไปได้อย่างสูงว่าเป่ยถางหลีอินมาถึงแคว้นตงหลินแล้ว

หากเป่ยถางหลีอินหลบซ่อนอยู่ในความมืด มันก็จะยากเป็นพิเศษ

เห็นว่าใบหน้าของเฟิงอู๋โยวซีดขาว ในที่สุดจวินมั่วหรันก็ปัดมือใส่หญิงสาวมที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขาจนกระเด็นให้พ้นทาง จากนั้นก็อุ้มเฟิงอู๋โยวพาดไหล่ ก่อนเดินฝ่าฝูงชนไปที่ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางทันที

ข้างหลังเขา หยุนเฟยไป๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนกำลังมองแผ่นหลังที่คล้อยจากไป จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงใส “มีข่าวลือว่าเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินมีอาการป่วยทางจิต ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง”

“ฝ่าบาท จำเป็นต้องฆ่าเขาทิ้งในช่วงที่ชนมุนวุ่นวายเลยดีหรือไม่”

“เจ้าคิดว่าเซ่อเจิ้งหวางแห่งควินตงหลังมีความสามารถขนาดนี้อย่างนั้นหรือ?” ดวงตาของหยุนเฟยหดเกร็งและชำเหลียงมองไปยังคนรับใช้ที่อยู่เคียงข้างเขาอย่างไม่พอใจ

“ถ้าอย่างนั้น ยานี้มีไว้เพื่ออะไร”

“เดิมทีห้องโถงของเราได้วางแผนที่จะทดสอบทักษะของเขา ก่อกวนจิตใจของเขา และทำให้เขากลายเป็นคนโง่เง่าข้างถนน หากเขาคิดจะหนีก็หนีไป หนทางในอนาคตยังอีกยาวไกล

หยุนเฟยไป๋ยืนเอามือไพล่หลัง ดวงตาหรี่มองเฟิงอู๋โยวที่กำลังบิดตัวไปมาข้างๆ ไหล่ของจวินมั่วหรัน ริมฝีปากบางๆ ก็พลันขยับพูดเสียงแผ่ว น้ำเสียงเจือแววน่ากลัวเปล่งออกมาจากริมฝีปากของเขา “จงสืบต้นกำเนิดของเจ้าเด็กที่อยู่ข้างๆ เซ่อเจิ้งหวางมาให้ละเอียด”

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท