ตอนที่ 203 ชายเนื้อหอม
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม ฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดของจวินฝูก็เลือนหายไป
นางนอนแผ่แน่นิ่งอยู่บนเตียงในที่พักของหยุนเฟยไป๋ จ้องมองเพดานแน่นิ่งด้วยสายตาว่างเปล่า ริมฝีปากซีดเซียวสั่นระริก สภาพของนางราวกับปลาเกยน้ำตื้นใกล้ตาย
ความใคร่ในดวงตาของหยุนเฟยไป๋ค่อยๆ เลือนหาย เขาค่อยๆ สวมเสื้อผ้าอย่างสบายใจเฉิบก่อนชำเหลืองมองจวินฝูที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างดูถูก “ช่างน่าเวทนา นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ทั้งที่เป็นน้องสาวของเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินแท้ๆ แต่กลับไม่มีใครเอา”
“นี่เจ้า…”
สายน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาสิ้นหวังของจวินฝู
“ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก เกะกะลูกนัยน์ตาเสียจริง” เมื่อกินอิ่ม หยุนเฟยไป๋ก็ไล่จวินฝูกลับทันที
“เจ้าไม่กลัวท่านพี่ของข้าจะฆ่าเจ้าหรือไร” จวินฝูหันหน้ามาและพยายามลุกขึ้นจากเตียง
นางใช้มือยันเตียงพยุงตัวเองขึ้นมา ความเจ็บปวดพลันแผ่ซ่านออกมาจากปลายนิ้ว
นางไม่มีทางบอกเรื่องพรรค์นี้กับจวินมั่วหรันแน่นอน
ขืนปล่อยให้จวินมั่วหรันรู้ว่านางถูกผู้อื่นขืนใจแบบนี้ เกรงว่าจวินมั่วหรันคงไม่ต้องการนางอีกต่อไป
“เท่าที่ข้ารู้มา ดูเหมือนพี่ชายของเจ้าจะไม่ได้รักเจ้าเหมือนที่ข่าวลือเขาลือกัน ข้าจะเตือนเจ้าเอาไว้อย่าง อย่าเที่ยวพูดเรื่องนี้ไปทั่วจะดีกว่า ไม่ใช่นั้นคนที่ดูแย่จะเป็นเจ้าเอง” หยุนเฟยไป๋จับคางจวินฝูเชิดขึ้นมาพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย
ตอนแรกเขาคิดว่าจะชิงสุกก่อนห้าม แล้วขืนใจแต่งงานกับจวินฝูเพื่อหวังแย่งชิงอำนาจมาจากจวินมั่วหรัน
เพียงแต่เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน จวินฝูอยู่ในสภาพไร้สติ เอาแต่ครวญครางเรียกชื่อจวินมั่วหรันอย่างเร่าร้อน
ทำเอาหยุนเฟยไป๋ถึงกับรู้สึกสะอิดสะเอียดขึ้นมา
ถ้าไม่ได้อยู่ในถิ่นของจวินมั่วหรันล่ะก็ เกรงว่าจวินฝูคงมีชีวิตรอดไม่พ้นคืนนี้แน่นอน
“ไสหัวไป”
หยุนเฟยไป๋ยื่นมือออกไปกระชากจวินฝูลงจากเตียงทันที
จวินฝูกัดริมฝีปากเพื่อพยายามข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับนางทั้งหมดเป็นปมฝังแน่นในใจและโยนความผิดของเรื่องทุกอย่างที่นางเจอไปให้เฟิงอู๋โยว
นางสาบานในใจว่า ชาตินี้จะต้องทำให้เฟิงอู๋โยวทุกข์ทรมานกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่าให้จงได้!
…
ณ ตำหนักเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลิน
เฟิงอู๋โยวนั่งหาวอยู่บนเก้าอี้ ดวงตางัวเงียง่วงนอนหรี่ปรือมองจุยเฟิงที่กำลังแต่งกลอนอยู่ข้างๆ อย่างตั้งใจ
“ถามโลกหล้ารักนั้นเป็นฉันใด ไม่ว่าเป็นหรือตายยังขออยู่คู่เคียงกัน”
จุยเฟิงเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวที่พร่างพราวอยู่บนท้องฟ้า น้ำตาอุ่นเอ่อเคลือบดวงตาแวววาวที่เปี่ยมด้วยอารมณ์สุนทรี
เฟิงอู๋โยวจนปัญญา นางสั่งให้เขาลองแต่งกลอนเพื่อล้อเลียนจวินมั่วหรัน แต่นึกไม่ถึงว่าในหัวสมองของเขาจะมีแต่ความรักและเคารพ อย่างสุดขั้วหัวใจที่มีต่อจวินมั่วหรัน
“จุยเฟิง ถ้าเจ้าชื่นชอบเซ่อเจิ้งหวางขนาดนั้นก็ไปสารภาพต่อหน้าเขาเสีย มัวเก็บงำอยู่แบบนี้ เขาจะรับรู้หรือ!”
จุยเฟิงแอบถอนหายใจ อยู่ๆ เขาก็คิดว่าเฟิงอู๋โยวเป็นพวกไร้ความรู้สึกยิ่งกว่าจวินมั่วหรันเสียอีก
พักหลังๆ มานี้ จวินมั่วหรันยิ่งแสดงความรู้สึกชื่นชอบในตัวเฟิงอู๋โยวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เฟิงอู๋โยวกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองแม้แต่น้อย!
จุยเฟิงกลัวว่า หากจวินมั่วหรันไม่ได้รับการตอบกลับอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ สักวันคงจะยอมแพ้ ดังนั้นเขาจึงอยากจะเตือนเฟิงอู๋โยวเพื่อให้นางรีบคว้าโอกาสดีๆ แบบนี้เอาไว้ให้แน่น
นึกไม่ถึงว่าเฟิงอู๋โยวจะเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อผิด
“เฮ้อ! คนนี้กู่ไม่กลับจริงๆ” จุยเฟิงส่ายหน้าอย่างหมดปัญญา อยู่ๆ ก็รู้สึกห่อเหี่ยวแทนจวินมั่วหรันขึ้นมา
ดูจากสถานการณ์แล้ว ความสัมพันธ์ของจวินมั่วหรันในครั้งนี้จะดูเหมือนรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว
“จุยเฟิง อย่าทำตัวเสียมารยาท”
“…”
จวินมั่วหรันเดินออกมาจากเรือนมั่วหรันอย่างเออละเหย เขาตำหนิจุยเฟิงทันที ก่อนจับแขนเฟิงอู๋โยวและกระชากเข้ามากอด
เฟิงอู๋โยวกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง จากนั้นก็มองจวินมั่วหรันในชุดว่าราชกิจอย่างตะลึงงัน ท่าทางของเขาดูน่าเกรงขาม รังสีอำนาจความยิ่งใหญ่แผ่ซ่านทั่วตัว “ท่านใต้เท้าจะทำอะไร”
“ไปส่งข้าที่ประตู”
ได้เห็นสีหน้าของเฟิงอู๋โยวตอนงุนงงจวินมั่วหรันก็มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านั้นเขาเคยคิดว่าเฟิงอู๋โยวดูธรรมดาๆ
แต่ตอนนี้ เขาตกหลุมรักดวงตาที่งุนงงของเฟิงอู๋โยวเข้าเสียแล้ว
มุมปากของจวินมั่วหรันเผยยิ้มกระหยิ่ม เขาลูบจมูกของเฟิงอู๋โยว”ไว้รอข้ากลับมาป้อนเจ้าให้อิ่มท้อง”
“…”
มุมปากของเฟิงอู๋โยวเกร็งกระตุก นางบ่นเสียงแผ่ว “ท่านใต้เท้าอย่าได้ฝันกลางวันไปเลย ชาตินี้คงไม่วันนั้น”
“จุ๊ๆ”
จวินมั่วหรันยกมือป้องปาก ก่อนโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูของเฟิงอู๋โยว “เฟิงอู๋โยว เชื่อข้าเถิด คนเราเอาชนะสวรรค์ได้”
เฟิงอู๋โยวพยายามหนีออกจากอ้อมกอดของเขาจนหลุด หันกลับมากอดเสาหินที่หน้าประตูตำหนัก ก่อนเริ่มพูดขึ้นอย่างเวทนา “ภูเขาสูง ผืนฟ้าแผ่นดินมาบรรจบ หินผาแกร่งกล้า สายฝนกลายเป็นเข็มก็พร้อมบุกฝ่าฟันเมฆฝนร่วมกัน”
จวินมั่วหรันส่ายหัวอย่างจนปัญญา ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่านางต่อต้านหนักขนาดนี้ เขาคงไม่ทำอะไรแบบนี้ต่อหน้านางหรอก
“ท่านพี่”
จวินฝูซวนเซเข้ามาในอ้อมกอดของจวินมั่วหรัน น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาที่เหนื่อยล้าอีกครั้ง
จวินมั่วหรันขมวดคิ้วยืดตัวตรง เขาทั้งไม่พยุงและยังผลักจวินฝูออกไป
สภาพของนางในตอนนี้ดูเหมือนจะรับบาดเจ็บมาไม่น้อย
“เจ้าเป็นอะไร” จวินมั่วหรันถามเสียงเย็น
“เดินตากน้ำค้างจนรู้สึกไม่สบายตัวเจ้าค่ะ”
จวินฝูไม่ได้บอกจวินมั่วหรันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหยุนเฟยไป๋ ตอนที่นางเสียบริสุทธิ์ครั้งที่แล้วเป็นเพราะตัวเองทำเองกับมือ และจวินมั่วหรันก็รับรู้
ดังนั้น ขอแค่นางไม่บอกเรื่องที่นางเจอมาเมื่อวานกับจวินมั่วหรัน ในอนาคตหากมีโอกาสได้แต่งงานกับจวินมั่วหรันจริงๆ เขาก็จะไม่เอะใจอะไร
“กลับเข้าเรือนฟางฮว๋าเพื่อสำนึกตัวเองเสีย”
จวินมั่วหรันพูดอย่างเฉยเมย และในที่สุดก็ผลักจวินฝูออกไป
จวินฝูพยายามระงับแววเกลียดชังในดวงตา นางหยุดเลิกคิ้ว พยักหน้าและเดินเข้าเรือนฟางฮว๋าอย่างขมขื่น
เฟิงอู๋โยวเห็นท่าเดินแปลกๆ ของจวินฝูก็ดูออกทันที
ในช่วงสองชั่วยามก่อนหน้านี้ เกรงว่าจวินฝูจะเสียความบริสุทธิ์ของนางเข้าแล้วจริงๆ
จวินมั่วหรันสังเกตเห็นท่าเดินแปลกๆ ของจวินฝูด้วยเช่นกัน จึงเอ่ยถามซือมิ่ง “เมื่อคืนจวินฝูไปไหนมา”
“ต้องขออภัยที่กระหม่อมละเลยหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างยิ่งขอรับ เมื่อคืนท่านใต้เท้าถูกวางยาปลุกกำหนัด กระหม่อมมัวแต่คุมเหล่าทหารองครักษ์ให้เฝ้าประจำการอยู่ที่เรือนมั่วหรัน ทำให้กระหม่อมไม่ได้ติดตามจวินฝูขอรับ”
“ไปสืบมา”
จวินมั่วหรันขมวดคิ้วแล้วพูดเสริม “สั่งให้อู๋ฉิงคอยจับตาดูหยุนเฟยไป๋ไว้ให้ดี”
“ขอรับ” ซือมิ่งตอบเสียงทุ้ม
เฟิงอู๋โยวรู้สึกตะหงิดใจขึ้นมาทันที เดิมทีคิดว่าจวินมั่วหรันแค่ไหว้วานสำนักหนึ่งอนันต์เพื่อตามหานางเฉยๆ
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ดูเหมือนจวินมั่วหรันกับอู๋ฉิงจะรู้จักกันมานานแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาสนิทกันจนถึงขั้นไหน
เฟิงอู๋โยวชำเลืองมองจวินมั่วหรันด้วยสายตาเฉียบคม นางอยากจะถามเขาว่าอู๋ฉิงเป็นอะไรกับเขากันแน่ แต่เมื่อคำพูดมาถึงปาก แต่กลับพูดไม่ออก
ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับจวินมั่วหรันก็ยังไม่ได้สนิทกันจนถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคืนตอนที่จวินมั่วหรันถูกยาปลุกกำหนัดเล่นงาน ตัวนางก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้แม้แต่น้อย
ตอนนี้นางจะมีหน้ามาถามเขาได้เยี่ยงไร?
โชคดีที่จวินมั่วหรันมองทะลุความคิดของนางออกในทันที จึงอธิบายอย่างเนิบๆ “ข้ากับอู๋ฉิงไม่มีอะไรกันทั้งนั้น”
“เข้าใจแล้ว”
มุมปากของเฟิงอู๋โยวยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นางมองตามจวินมั่วหรันที่กำลังเดินขึ้นราชรถหยกไป ภายในใจพลันรู้สึกหวานชื่นรื่นรมย์ขึ้นมา
นางไม่รู้ว่าตัวเองคิดเยี่ยงไรกับจวินมั่วหรันกันแน่ นางคิดว่ามันเป็นความหวงแหนและไม่สามารถทนเห็นเขามีความสัมพันธ์แบบเนื้อแนบเนื้อ หรือยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นได้ก็เท่านั้น
“ไอ้เจ้าผู้ชายเนื้อหอม”
เฟิงอู๋โยวยกมือทั้งสองข้างกุมหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง ใบหน้าดูกังวลเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีแววความสุขซ่อนอยู่ในความกังวล