เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 210 ธาตุแท้ของราชครู ตอนที่ 211 จุดด่างพร้อย

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 210 ธาตุแท้ของราชครู / ตอนที่ 211 จุดด่างพร้อย

ตอนที่ 210 ธาตุแท้ของราชครู

ไป๋หลี่เหอเจ๋อถูกเฟิงอู๋โยวยั่วโมโหจนเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว “เฟิงอู๋โยว เจ้าไม่กลัวข้าแพร่งพรายความลับของเจ้าสู่สาธารณะแล้วกระนั้นหรือ”

รูม่านตาของเฟิงอู๋โยวหดเกร็ง สีหน้ามืดมนลงฉับพลัน

นางกลัวว่าไป๋หลี่เหอเจ๋อจะสติแตก เผยแพร่ภาพวาดของนางต่อหน้าฝูงคน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความหดหู่อย่างกะทันหันของเฟิงอู๋โยว จวินมั่วหรันก็เอื้อมมือไปบีบคอของไป๋หลี่เหอเจ๋อทันที “ไป๋เจ๋อ ขืนเจ้ายังกล้าดีสร้างข่าวลือไม่เข้าท่า ก็อย่าหาว่าข้าไร้ความปราณี ความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่เจ้าเคยประสบพบผ่าน อาจจะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะเช่นกัน”

คราวนี้ถึงตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อที่เป็นฝ่ายหน้าถอดสีบ้างแล้ว

เขาคิดว่าตัวเองเก็บซ่อนมันไว้อย่างมิดชิด แต่จวินมั่วหรันกลับรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังของเขาแล้ว

“ขอท่านใต้เท้าโปรดเมตตา!”

“ท่านใต้เท้าได้โปรดไว้ชีวิตท่านราชครูด้วยเถิด!”

“ขอท่านใต้เท้าอย่าประหารท่านราชครูเลย!”

เมื่อเห็นท่าทางโมโหของจวินมั่วหรัน ผู้คนที่อยู่ข้างหลังไป๋หลี่เหอเจ๋อจึงคุกเข่าร้องขอความเมตตา

เฟิงอู๋โยวไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์ของจวินมั่วหรันได้รับผลกระทบ ครั้นแล้วจึงดึงแขนของเขาและพยายามเกลี้ยกล่อมเขา “จริงอยู่ที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อสมควรตาย แต่เขาต้องไม่ตายด้วยมือของท่าน เชื่อกระหม่อมเถิด วันหนึ่งเขาจะต้องถูกเหล่าชาวประชาในแคว้นตงหลินที่ยกย่องศรัทธาเขาฆ่าตาย”

จวินมั่วหรันรู้สึกซาบซึ้งที่เฟิงอู๋โยวกังวลแทนเขา แต่เขาทนเห็นไป๋หลี่เหอเจ๋อข่มขู่เฟิงอู๋โยวต่อหน้าต่อตาเขาแบบนี้ไม่ได้!

เขาจับมือเล็กๆ ที่เย็นเฉียบของเฟิงอู๋โยวพลางดึงไปข้างหลัง จากนั้นก็หันไปเตือนไป๋หลี่เหอเจ๋อเสียงแข็ง “ขืนเจ้ากล้าแตะต้องเฟิงอู๋โยวอีก ข้าจะกวาดล้างผู้ที่สนับสนุนข้างหลังเจ้าให้สิ้นซาก ไม่ว่าตัวข้าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อคิดไม่ออกมาว่าทำไมทั้งที่จวินมั่วหรันรู้ว่าเขาคือไป๋เจ๋อ แต่ก็ยังปล่อยให้เขาทำอะไรตามอำเภอใจและขึ้นเป็นราชครูแห่งแคว้นตงหลินได้นานขนาดนี้

จวินมั่วหรันเป็นคนสั่งสังหารเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นเจียงหนานและผลักเขาเข้าสู่วังวนแห่งหายนะชั่วนิรันดร์ เขาจึงตัดสินใจว่าทั้งชีวิตของเขาจะขออุทิศให้กับการล้างแค้นจวินมั่วหรันไปชั่วนิรันดร์ เพื่อครอบครัวและวงศ์ตระกูลของเขา

กำจัดวัชพืชแต่ไม่ถอนรากแบบนี้จวินมั่วหรันไม่กลัวโดนเขาเอาคืนหรือ

ทันใดนั้น ชาวบ้านในหมู่บ้านหลิวเจียที่ถูกหนอนโลหิตเข้าควบคุมจนเสียสติก็โผล่ออกมาอีกระลอกและพากันวิ่งไปที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน

ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด ผิวหนังเต็มไปด้วยรอยแผล พวกเขาวิ่งไปหาชาวบ้านในเมืองหลวงที่ถือคบเพลิงเข้ามา

“เลือด ข้าต้องการดื่มเลือด!”

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ชาวบ้านในเมืองหลวงก็ต่างพากันคุกเข่าลงบนพื้นและตะโกนร้องอย่างหวาดกลัว “ท่านราชครู ช่วยด้วย!”

ยิ่งไปกว่านั้น พวกชาวบ้านบางคนได้พุ่งเข้ามา พยายามกระชากมือของจวินมั่วหรันออกจากคอของไป๋หลี่เหอเจ๋อ”ขอท่านใต้เท้าจงถอยไป หากท่านราชครูเป็นอะไรขึ้นมา แคว้นตงหลินจบเห่แน่!”

เฟิงอู๋โยวกลัวว่าจวินมั่วหรันจะโมโหที่ถูกชาวบ้านกระทำแบบนี้ จึงเอื้อมมือออกไปคว้าเอวของเขาและพูดเกลี่ยกล่อม “ท่านใต้เท้าอย่าได้ใส่ใจพวกเขาเลยขอรับ”

การฉุดรั้งกึ่งสวมกอดของเฟิงอู๋โยว ทำเอาจวินมั่วหรันยิ้มกระหยิ่มอย่างเป็นสุข ครั้นแล้วจึงปล่อยมือออกจากคอไป๋หลี่เหอเจ๋อ

เขาหันมาโอบกอดเอวบางๆ ของเฟิงอู๋โยวและกระซิบข้างหู “เช่นนั้นเจ้าก็จงเชื่อฟังข้าสักครั้งไม่ได้หรือ”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อเห็นทั้งสองโอบเอวกันต่อหน้าแบบนี้ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา

แต่ผ่านไปสักพัก เขาก็ปรับอารมณ์ตัวเองเป็นปกติได้ ก่อนหันไปมองชาวบ้านหมู่บ้านหลิวเจียที่กลายเป็นผีดูดเลือดพวกนั้น

“เห็นข้าแล้วยังไม่คิดหยุดอีก” ไป๋หลี่เหอเจ๋อเปล่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นกังวาน

ชาวบ้านผู้เสียสติที่ได้ยินเช่นนั้นต่างหยุดชะงักลงชั่วขณะ

ทว่าผ่านไปสักพักก็อ้าปากแยกเขี้ยววิ่งไปหาผู้คนอีก

ไป๋หลี่เหอเจ๋อเห็นเช่นนั้นจึงควักขลุ่ยหยกโปรยบุหงาออกมาอย่างไม่รีบร้อน แล้ววางมาดเป่าเรียกสติชาวบ้านแห่งหมู่บ้านหลิวเจียต่อหน้าคนอื่นๆ

เสียงขลุ่ยแฝงด้วยท่วงทำนองเรียบง่ายชวนให้ใจนิ่งสงบ

เมื่อได้ยินเสียงนั้น ใบหน้าของเหล่าชาวบ้านหมู่บ้านเจียหลิวที่ได้ยิน ล้วนฉายแววเคลิบเคลิ้มขึ้นมา และเมื่อเสียงขลุ่ยจบลงก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมือดังขึ้น “ไพเราะเหลือเกิน! ขอท่านราชครูอายุมั่นขวัญยืน!”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที

ตามหลักแล้ว ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านเจียหลิวที่ถูกหนอนโลหิตฝังร่างและต้องสูญเสียการควบคุมสติไม่ใช่หรือ แล้วการที่มีปฏิสัมพันธ์กับเสียงขลุ่ยของเขาเช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไร

ตอนที่ 211 จุดด่างพร้อย

ท่ามกลางแสงสว่าง ไป๋หลี่เหอเจ๋อจ้องมองหมู่บ้านหลิวเจียด้วยความสงสัย

เฟิงอู๋โยวผุดยิ้มมุมปากก่อนเอ่ย “ท่านราชครูผู้ยิ่งใหญ่ การที่ท่านบอกว่าโรคระบาดที่หมู่บ้านหลิวเจียครั้งนี้เกิดขึ้นจากจุดชีพจรมังกรของแคว้นปั่นป่วน ไม่ทราบว่าท่านมีหลักฐานหรือไม่”

ไป๋หลี่เหอเจ๋อนิ่งเงียบไม่ตอบ แต่เหล่าชาวเมืองหลวงที่อยู่ด้านหลังเขากลับเอ่ยปากตอบแทน

“จุดชีพจรมังกรได้รับความเสียหายก็เท่ากับฮวงจุ้ยเสียสมดุล จำเป็นต้องจับตัวต้นเหตุสังเวยแก่สรวงสวรรค์ เหล่าเทพเจ้าจึงจะให้อภัย แล้วสถานการณ์ของแคว้นตงหลินก็จะกลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง”

“ใช่แล้ว! นี่เป็นเรื่องสำคัญด้วย พวกเราจำเป็นต้องทำให้เหล่าเทพเจ้าสงบลงจากความโกรธ!”

“และต้นเหตุของการที่จุดชีพจรมังกรได้รับความเสียหายแบบนี้ก็เป็นเพราะเฟิงอู๋โยว จำเป็นต้องลงโทษ!”

ฟุบ!

ชายแขนเสื้อของจวินมั่วหรันโบกสะบัด ฝ่ามือสะบั้นวายุพลันพุ่งออกไปโจมตีใส่พวกชาวบ้านผู้งมงายทันที

“อ๊าก”

“ท่านใต้เท้า พวกกระหม่อมทำอะไรผิดไป ไฉนท่านจึงต้องรุนแรงกับพวกกระหม่อมด้วยขอรับ!”

“โอ้ย เจ็บ”

ชาวเมืองที่ถูกฝ่ามือสะบั้นวายุของจวินมั่วหรันโจมตีใส่จนกระอักเลือดล้มลงบนพื้น แม้ปากจะบ่นเช่นนั้น แต่ดวงตากลับเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

“พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์หรือใส่ร้ายคนของข้า”

จวินมั่วหรันพูดใส่เหล่าชาวเมืองหน้าโง่ด้วยเสียงเยือกเย็นที่แฝงด้วยอำนาจมนตร์ขลัง

เฟิงอู๋โยวกังวลว่าเขาจะกระทำเกินเลยไปมากกว่านี้ จึงรีบดึงเขามาด้านหลังทันที “ท่านใต้เท้าขอรับ ความรุนแรงใช้แก้ปัญหาไม่ได้ขอรับ”

“ฆ่าทิ้งให้หมดก็จบเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ”

ชาวเมืองที่ทั้งโง่เง่าและงมงายเหล่านี้ทำเอาจวินมั่วหรันหมดความอดทนเข้าแล้ว

ด้วยนิสัยของเขาแล้ว หากใครหน้าไหนมาต่อว่าหรือกล่าวโทษคนของเขา มีแต่ต้องฆ่าทิ้งสถานเดียว

ทำไมต้องใช้เหตุผลพูดคุยให้เสียเวลา

แต่อยู่ๆ เขาก็เกิดอยากฟังว่าเฟิงอู๋โยวจะพยายามเกลี่ยกล่อมให้เขาปล่อยชาวเมืองหน้าโง่พวกนี้ไปอย่างไร

หากเฟิงอู๋โยวยอมใช้ร่างกายเข้าเกลี้ยกล่อมเขาคงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย

แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด แต่ก็ไม่นึกว่าเฟิงอู๋โยวจะเขย่งเท้าขึ้นมาและหอมแก้มของจวินมั่วหรันอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ

ดวงตาของจวินมั่วหรันเจือแววเอ็นดูขึ้นมารำไร เขารีบคว้ากอดเฟิงอู๋โยวอย่างด้านหลังทันที

ไป๋หลี่เหอเจ๋อโมโหจนตัวสั่น เปลวไฟในดวงตาของเขาร้อนแรงพอๆ กับแสงคบเพลิง

ทว่าสายตาของชาวเมืองที่เห็นภาพเช่นนี้กลับตกใจราวกับเห็นผี

“ถึงว่าทำไมท่านใต้เท้าถึงยอมปกป้องหทารเป่ยหลีผู้ลี้ภัยคนนี้ยิ่งนัก! ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

“ถึงว่าหลายปีมานี้ เซ่อเจิ้งหวางไม่มีคิดจะสืบทอดทายาทเสียที ที่แท้ก็ชอบไม้ป่าเดียวกันนี่เอง!”

จวินมั่วหรันไม่สนใจคำพูดของชาวเมืองแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม เขากลับประกบจูบลงบนริมฝีปากของนางทันที

จนถึงตอนนี้ เขาอยากเป็นเจ้าของนางจริงๆ อยากจะชิงสุกก่อนห่ามด้วยซ้ำ

และอยากทำอย่างไรก็ได้ที่ให้ตัวเองกลายเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในชีวิตของนาง

มือของจวินมั่วหรันเริ่มอยู่ไม่สุขและปีนป่ายขึ้นมาบนหน้าอกของนางเรื่อยๆ นางตกใจและรีบผลักเขาออกไปทันที “จูบพอแล้วหรือยัง หนำใจแล้วก็ไปยืนอยู่ตรงนั้นและห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามอีก!”

จวินมั่วหรันจ้องมองมือของตัวเองอย่างนิ่งอึ้ง สัมผัสแบบนี้มันช่างแปลกเหลือเกิน

เขาคิดในใจ เอาไว้สักวันหนึ่ง ตัวเขาจะต้องสำรวจร่างกายของเฟิงอู๋โยวให้ได้

เฟิงอู๋โยวถอนหายใจขึ้นในใจ เนื่องจากมือของนางได้รับบาดเจ็บ ชิงหลวนก็ไม่อยู่ข้างกาย ไม่มีใครคอยพันผ้ารัดหน้าอกให้นาง ดังนั้นจึงได้แต่พันอย่างลวกๆ และไม่ได้แน่นหนาอะไร

ตอนนี้ หัวใจของนางเต้นแรงดั่งลั่นกลอง เพราะกลัวว่าจวินมั่วหรันจะจับพิรุธของนางได้ นางตื่นตระหนกจนแทบไม่กล้าหายใจแรง

ดวงตาของไป๋หลี่เหอเจ๋อลุ่มลึกลงเรื่อยๆ เขาคิดในใจ หากจวินมั่วหรันรู้ว่าเฟิงอู๋โยวเป็นผู้หญิงขึ้นมา จะต้องเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเขาแน่นอน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็เดินเข้าไปด้านหน้าจวินมั่วหรันและพูดท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว “เซ่อเจิ้งหวาง ท่านอาจยังไม่รู้ ก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งเดือน เฟิงอู๋โยวได้เป็นคนของข้าแล้ว ข้าคุ้นเคยกับร่างกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขา วันนั้นเขาหมดสติ พวกเราเล่นละเลงกันตั้งแต่หน้าประตูเรือนจื่อหยางไปจนถึงศาลาตี๋ซิง ข้าก็เพิ่งค้นพบตัวเองเช่นกันว่าเสน่ห์ความเป็นชายในตัวเขาช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน”

เมื่อเขาพูดออกไปเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนและสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียนออกมา

เขาจำเรื่องพวกนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย

วันนี้ไป๋หลี่เหอเจ๋อกลับมาสาธยายต่อหน้าจวินมั่วหรันอย่างละเอียดแบบนี้ ทำเอาเฟิงอู๋โยวรู้สึกขยะแขยงตัวเองและรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับจวินมั่วหรันยิ่งกว่าเดิม

จวินมั่วหรันกำมือที่เย็นเฉียบของเฟิงอู๋โยวแน่น สายตามองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของนาง นอกเหนือจากความโกรธที่สุมอก เขายังทุกข์ใจแทนนาง

ถ้าเขารู้ตัวเองเร็วกว่านี้ เขาจะสามารถปกป้องนางได้ดีกว่าตอนนี้ยิ่งนัก และจะไม่ปล่อยให้ไป๋หลี่เหอเจ๋อจอมสารเลวนั่นทำร้ายจิตใจนางเช่นนี้

“อย่ากลัวเลย” จวินมั่วหรันปลอบเฟิงอู๋โยวเสียงนุ่ม “คิดเสียว่าเจ้าถูกสุนัขกัด”

“ท่าน…ท่านไม่สนใจเรื่องนี้กระนั้นหรือ”

เฟิงอู๋โยวรู้สึกอึดอัดอย่างมาก นางรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองสกปรกเป็นทุนเดิม แต่จวินมั่วหรันกลับทำตัวเหมือนปกติและยังจับมือนางไว้แน่น

ฟุบ!

ท่ามกลางสายตาที่ส่องประกายของเฟิงอู๋โยว จวินมั่วหรันชักกระบี่สะบั้นมังกรขึ้นมาและจ่อไปที่หน้าอกของไป๋หลี่เหอเจ๋ออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ไป๋หลี่เหอเจ๋อหลุบตามองดูหยดเลือดสีแดงสดที่ซึมเป็นดวงบนเสื้อ ก่อนพูดขึ้นเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ “จวินมั่วหรัน ต่อให้ท่านปอกเปลือกหนังของเขาออก ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาได้เสียบางอย่างให้ข้าแล้ว”

“การที่เจ้ากล้าแตะต้องคนของของข้าแบบนี้ แสดงว่าเจ้าไม่กลัวตายใช่หรือไม่”

จวินมั่วหรันดึงกระบี่สะบั้นมังกรที่จ่อที่หน้าอกของไป๋หลี่เหอเจ๋อออกมา จากนั้นก็ฟาดไปที่เป้ากางเกงของเขาทันที

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท