ตอนที่ 213 ติดเชื้อ / ตอนที่ 214 รักษาความลับ
ตอนที่ 213 ติดเชื้อ
“บอกข้ามา ไฉนเจ้าถึงทำร้ายผู้บริสุทธิ์”
ฉู่สือซื่อบีบมือตัวเองอย่างไม่สบายใจ นางเงยหน้าขึ้นและมองตาของฉู่ชี หลังจากนั้นก็ทำตามสิ่งที่ฉู่ชีบอกนางเอาไว้ล่วงหน้า “เมื่อหกปีที่แล้ว เซ่อเจิ้งหวางได้สังหารราชวงศ์เจียงหนานไปจนหมด เป็นการกระทำที่อุกอาจชั่วร้ายยิ่งนัก แม้ว่าข้าจะยังเด็ก แต่สายเลือดของราชวงศ์เจียงหนานก็ไหลเวียนในร่างกายของข้าอยู่เสมอ ดังนั้นข้าต้องการล้างแค้นให้กับสายเลือดที่เสียชีวิตไป”
เหล่าขุนนางต่างพากันมองหน้ากันไปมา ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเด็กอย่างฉู่สือซื่อไม่มีทางพูดจาแบบนี้เป็นแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความซับซ่อนของกลอุบาย
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังและประชาชนที่ยังคงสนับสนุนไป๋หลี่เหอเจ๋อนั้นไม่ธรรมดา ทุกคนจึงแค่พูดออกมาอย่างเป็นกลาง “ราชวงศ์เจียงหนานยังเหลือผู้รอดชีวิตอยู่อีกหรือ”
เฟิงอู๋โยวเห็นฉู่สือซื่อแวบเดียวก็จำนางได้ในทันที
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของฉู่สือซื่อนี่แหละที่ทำให้นางตกหลุมพรางของไป๋หลี่เหอเจ๋อและลดการระวังตัวลง
อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มาจากฉู่สือซื่อ
เพราะท้ายที่สุด ฉู่สือซื่อก็เป็นเพียงเบี้ยในมือของไป๋หลี่เหอเจ๋อเท่านั้น
“สือซื่อ ไฉนเจ้าถึงกลายเป็นคนแบบนี้” ไป๋หลี่เหอเจ๋อกุมหน้าอกตัวเองและไอกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่สือซื่อก็ตกใจมากและเริ่มร้องไห้ขึ้นมาอีกระลอก “นายท่านเจ้าคะ ฉู่สือซื่อผิดไปแล้ว อย่าโกรธสือซื่อเลยนะเจ้าคะ”
ต่อมาไป๋หลี่เหอเจ๋อยืนขึ้นทันที มือคว้ากระบี่จากเอวของฉู่ชีและแทงเข้าไปที่หน้าอกของฉู่สือซื่ออย่างรวดเร็ว “ในเมื่อเรื่องเลวร้ายทั้งหมดเกิดขึ้นจากคนของข้า ดังนั้นข้าจะกำจัดเศษซากของราชวงศ์เจียงหนานที่เหลือเอง ทั้งนี้ก็เพื่อความยุติธรรมของเซ่อเจิ้งหวาง”
ฉู่สือซื่ออยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
ฉู่ชีเป็นคนบอกเองว่าหากพูดตามที่บอก ฉู่ชีจะพานางไปซื้อขนมหวาน
นางจ้องมองฉู่ชีด้วยแววตาราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง ปากของนางพึมพำเพียงเล็กน้อย “อย่าเศร้าไป ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”
ก่อนจะพูดจบ ไป๋หลี่เหอเจ๋อกังวลว่านางจะเผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าออกมา ดังนั้นเขาจึงชักกระบี่ออกมาและแทงเข้าไปที่หน้าอกของนางอีกครั้ง
ครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งแรกเป็นสิบเท่า ทำเอาร่างเล็กๆ ของฉู่สือซื่อกระเด็นลอยออกไปไกล
เฟิงอู๋โยวคิดอยากจะเข้าไปช่วย แต่การเคลื่อนไหวของไป๋หลี่เหอเจ๋อเร็วมาก
เมื่อนางตั้งสติกลับมาได้ ฉู่สือซื่อก็นอนแน่นิ่งจมกองเลือดไปเสียแล้ว
กระบี่ในมือของไป๋หลี่เหอเจ๋อตกลงสู่พื้นส่งเสียงเคล้ง ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเฟิงอู๋โยวที่เต็มไปด้วยความแววโศกเศร้า ก่อนยิ้มอย่างไร้หัวใจ “ข้าเลี้ยงดูสั่งสอนนางไม่ได้เอง แม่ทัพเฟิงอย่าได้ใส่ใจเลย”
“เจ้ายังมีหัวใจความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อเห็นแววรังเกียจที่แสดงขึ้นมาบนดวงตาของนางอย่างชัดเจน ไม่ว่าเขาจะอธิบายด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้า สุดท้ายเขาก็เป็นคนเลวในสายตาของนางอยู่ดี
แต่ไม่เป็นไร ถูกเกลียดแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ยิ่งความเกลียดชังฝังลึกเท่าไร ความประทับก็ยิ่งฝังแน่นในใจนางมากขึ้นเท่านั้น
“เฟิงอู๋โยว วันนั้นข้าไม่ได้ทำเจ้าเจ็บใช่หรือไม่”
“…”
“รู้หรือไม่ว่าข้าเสพสำราญกับเจ้าเป็นเวลากี่ชั่วยาม”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อหลบตาจากใบหน้าของนาง “ทุกส่วนบนร่างกายของเจ้าช่างสมบูรณ์แบบหมดจดจริงๆ”
เฟิงอู๋โยวกำหมัดแน่น ภายในใจอึดอัดเป็นที่สุด แต่กระนั้นก็ไม่มีร่องรอยของความเปราะบางปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง
ไม่นาน นางก็มองไปที่เป้ากางเกงของไป๋หลี่เหอเจ๋อและพูดอย่างเย็นชา “อย่าชะล่าใจเร็วไป ระวังเป้ากางเกงมันจะเน่าเฟะอย่างไม่รู้ตัว”
“เจ้าทำอะไรลงไป” ไป๋หลี่เหอเจ๋อรู้สึกไม่สบายที่ขึ้นมาทันที เฟิงอู๋โยวพูดขึ้นมาแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
“ข้าลืมบอกเจ้าไปอย่าง ตอนที่ข้าทายาพันแผลให้เจ้าวันนั้น ข้ามีผ้าฝ้ายไม่เพียงพอ ก็เลยใช้ผ้าฝ้ายขององค์ชายเฉินทำความสะอาดแผลของเจ้าแทน”
เฟิงอู๋โยวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“นี่เจ้า!”
ไป๋หลี่เหอเจ๋อไม่คิดว่าเฟิงอู๋โยวจะเหลือไพ่แบบนี้เอาไว้เล่นงานเขาอยู่
เมื่อคิดว่าตัวเองอาจมีโอกาสติดเชื้อโรคดอกหลิว ไป๋หลี่เหอเจ๋อก็ทั้งโกรธและกระวนกระวายใจเป็นที่สุด เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากอีกระลอก ก่อนล้มหงายหลัง ตากรอกกลับทันที
ตอนที่ 214 รักษาความลับ
“อาเจ๋อ!”
ฟู่เย่เฉินรีบเดินเข้ามาข้างๆ ไป๋หลี่เหอเจ๋อที่หมดสติอยู่ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่เคยคิดว่าคนอย่างไป๋หลี่เหอเจ๋อจะติดโรคดอกหลิว
จี้มั่วจื่อเฉินยิ้มร่าอย่างสะใจ “อู๋โยว มีแค่เจ้าเท่านั้น! มีแค่เจ้าเท่านั้นจริงๆ ที่ทำให้อาหรันเดือดดาลอยู่ไม่สุข ซ้ำยังสามารถทำให้ไป๋หลี่เหอเจ๋อที่ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงติดโรคดอกหลิวได้!”
เฟิงอู๋โยวนิ่งเงียบไม่ตอบกลับ
นางพยายามหลบสายตาของจวินมั่วหรันก่อนจากไป
เมื่อรู้ว่าเฟิงอู๋โยวอารมณ์ไม่ดี จวินมั่วหรันจึงตามนางไปติดๆ เพื่ออยากจะปลอบนาง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
“ท่านใต้เท้าหยุดตามกระหม่อมได้หรือไม่”
“ข้าไม่รู้จักทางที่นี่”
“กระหม่อมอยากอยู่คนเดียว” เฟิงอู๋โยวนั่งดอกเข่าลงบนพื้นเหมือนสัตว์ที่หลงทางในป่า แลดูตัวเล็กและบอบบาง
จวินมั่วหรันนั่งยองข้างๆ นาง จากนั้นก็กอดร่างเย็นเยียบของนางอย่างระมัดระวัง “เด็กดี ทุกอย่างจบลงแล้ว”
“แต่กระหม่อมทนไม่ได้ ตราบใดที่กระหม่อมหลับตาลง ในหัวก็จะเต็มไปด้วยภาพที่ไป๋หลี่เหอเจ๋อกระทำมิดีมิร้ายกับกระหม่อม”
“เป็นเพราะข้าปกป้องเจ้าไม่ดีเอง”
เฟิงอู๋โยวผลักแขนอันทรงพลังของจวินมั่วหรันออก ก่อนพูดอย่างเย็นชา “อย่าแตะต้องตัวกระหม่อม แม้แต่ตัวกระหม่อมเองยังรู้สึกว่าตัวเองสกปรก”
เมื่อเห็นแบบนี้จวินมั่วหรันก็ลุกขึ้นพรวดและถอดเสื้อผ้าออก
เฟิงอู๋โยวมองด้วยความประหลาดใจ แก้มทั้งสองข้างเริ่มร้อนผ่าว “ท่านใต้เท้าคิดจะทำอะไร”
“ข้าก็เหมือนกับเจ้า ข้าถูกหญิงสาวหัวขโมยพรากความบริสุทธิ์ไปอย่างไม่มีเหตุผล แต่แล้วอย่างไรล่ะ ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อได้”
“กระหม่อมถามว่าท่านใต้เท้าถอดเสื้อผ้าทำไม” เฟิงอู๋โยวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ด้วยการกระทำของจวินมั่วหรันแบบนี้ ทำเอาเฟิงอู๋โยวถึงกับเสียสมาธิ ตอนนี้นางรู้สึกเพียงว่าหัวใจของนางไม่ได้ตายด้านเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
จวินมั่วหรันยังคงตอบเสียงขรึม “เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ปล่อยมันไปเถิด มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ในใจของข้า เจ้าคือบัวหิมะที่บริสุทธิ์เสมอ หากเจ้ายังไม่อยากถูกข้าแตะต้อง ข้าก็จะเดินล่อนจ้อนทั่วเมืองหลวงอย่างนี้ ให้ผู้คนมองข้าพวกเป็นพวกโรคจิตลามก ถึงคราวนั้น เจ้าอย่าได้รังเกียจข้าแล้วกัน”
เฟิงอู๋โยวรู้ดีว่าจวินมั่วหรันทำแบบนี้ก็เพราะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้นางเข้าใจ
นางเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายของเขาขึ้นมาให้เขา “อย่าทำแบบนี้ ถ้ามีคนเห็นเข้า ชื่อเสียงของท่านในแคว้นตงหลินอาจเสียหายได้”
จวินมั่วหรันสวมเสื้อผ้าอย่างลวกๆ ก่อนคว้านางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน “เฟิงอู๋โยว ดูเหมือนว่าข้าจะหลงรักเจ้าเข้าแล้ว”
หัวใจของเขาเต้นเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสารภาพรักกับใครสักคนอย่างจริงจัง ตอนนี้เขารู้สึกประหม่าเป็นที่สุด
เขารอท่าทีของอีกฝ่ายเป็นเวลาสักพักใหญ่ๆ แต่คนในอ้อมแขนของเขาก็ยังคงไม่ทีท่าตอบสนองใดๆ
จวินมั่วหรันรู้สึกใจเสียเป็นอย่างมาก และเมื่อเขาผละออกก็พบว่าเฟิงอู๋โยวหลับไปในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว
นางเหมือนลูกแมวไม่มีผิด ตาของนางปิดสนิท มือข้างหนึ่งยังคงกำเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น
ขนตายาวและโค้งงอนของนางคล้ายพัดใต้เปลือกตา มันไหวกระเพื่อมตามท่วงทำนองของลมหายใจราวกับปีกผีเสื้อ
เมื่อเห็นภาพแบบนี้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนหัวใจหลุดพุ่งขึ้นมากลางลำคอ สายตาค่อยๆ มองพินิจนางที่อยู่ในอ้อมแขน ดวงตาเริ่มลุ่มลึกลงไปเรื่อยๆ ก่อนหยุดนิ่งที่บริเวณเนินอก
เขาเลื่อนมือไปหมายปลดสาบเสื้อด้านหน้าของนางเพื่อค้นหาคำตอบในบางเรื่อง แต่น่าเสียดายที่นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ทันใดนั้น ท่าทีเป็นปรปักษ์ฉายขึ้นในดวงตาสีเข้มของนางทันที
จวินมั่วหรันชักมือออกแทบจะในเวลาเดียวก่อนอธิบายด้วยความลำบากใจ “อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าแค่สงสัยในสัดส่วนร่างกายของเจ้าเท่านั้น เอวบางเกินไป แต่ในบางที่กลับอวบอ้วนอย่างน่าประหลาด”
เฟิงอู๋โยวที่อยู่ในอ้อมแขนของจวินมั่วหรันรีบผละตัวเองออกและรักษาระยะห่างทันที
นางกอดหน้าอกแน่นและจ้องมองที่จวินมั่วหรันอย่างหวาดระแวง “เดี๋ยวกระหม่อมหาทางลดน้ำหนักเอง”
“ไม่ต้อง ข้าอุ้มเจ้าในตอนนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไร และข้าก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าอ้วน แต่แค่คิดว่าสัดส่วนร่างกายของเจ้ามันแปลกๆ ก็เท่านั้น”
“…”
เฟิงอู๋โยวกลัวว่าจวินมั่วหรันจะพบพิรุธบนร่างกายนาง “ท่านใต้เท้าหยุดมองกระหม่อมแบบนั้นได้หรือไม่ การที่กระหม่อมเป็นผู้ชายแบบนี้ ซ้ำยังมีกล้ามเนื้อบางส่วนผิดรูปมาแต่กำเนิด แค่นี้กระหม่อมก็อายเกินพอแล้ว”
ก่อนหน้านี้จวินมั่วหรันคิดว่านางเป็นเหมือนพวกขันทีในวัง เป็นเพราะความไม่สมดุลของหยินและหยางทำให้ร่างกายของนางดูเป็นผู้หญิง
ตอนนี้ หลังจากได้ยินสิ่งที่เฟิงอู๋โยวพูดแล้วจวินมั่วหรันก็ยิ่งเชื่อในสิ่งที่เขาคิดอยู่เดิมมากขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะรักษาความลับเรื่องนี้ของเจ้าเอาไว้”
“ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง”
“ข้าชื่นชอบในร่างกายของเจ้าเป็นยิ่งนัก แต่ถ้าเจ้าไม่มีความสุขกับร่างนี้ ข้าสามารถสั่งให้แพทย์หลวงซูช่วยผ่าตัดแก้ไขให้ได้”
เฟิงอู๋โยวรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแทบไม่ต้องคิดทันที “ไม่จำเป็นขอรับ อดข้าวสองมื้อก็กลับเป็นปกติแล้ว”