จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1361-1365

บทที่ 1361-1365

บทที่ 1361 : ไป๋เซียวมาแล้ว (5)
ทหารรักษาประตูวังนั้นรู้จักตัวตนของเด็กหนุ่มผู้นี้ดีอยู่แล้ว บางคนอยากจะก้าวออกไปต้อนรับ แต่ครั้นรับรู้ถึงความเฉยเมยของเขาที่อยู่ห่างออกไปก็กลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้
“นายน้อยไป๋ ราชาของเราเสด็จกลับมาแล้ว คือ … “
ทหารรักษาประตูวังต้องการพาเด็กหนุ่มไปพบตี้คัง หากแต่เขาต้องกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นแววตาเย็นชาของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มผู้นี้เหมาะแล้วที่จะเป็นน้องชายของราชินี กลิ่นอายของเขาน่ากลัวเหลือเกิน
“ให้ตี้คังออกมาพบข้า ข้าจะไม่เข้าไปพบเขา !” ใบหน้าของชายหนุ่มปกคลุมไปด้วยอายเย็นยะเยือก
ความเย็นยะเยือกบนร่างของเขาไม่สามารถละลายได้แม้ในแสงแดดอันอบอุ่น
แอ๊ด !
ทันใดนั้นเองประตูเมืองที่ปิดอยู่พลันเปิดออก …
ในขณะที่ประตูเมืองค่อย ๆ เปิดออกนั้น ร่างงดงามน่าทึ่งที่เขาคิดถึงพลันปรากฏต่อสายตาเขา
ใบหน้าของชายหนุ่มแข็งค้างทันใด เขาจ้องมองหญิงสาวที่รีบก้าวออกมาจากประตูเมือง ราวภูเขาน้ำแข็งที่ตะหง่านมานานหลายพันปีได้พบกับแสงแดดอันอบอุ่น กระทั่งค่อย ๆ ละลายลง
“พี่สาว…”
คำว่า “พี่สาว” นี้ ทั้งนุ่มนวล ทั้งอบอุ่น ฝีเท้าของไป๋หยานหยุดลงตรงหน้าหนุ่มน้อย
หลังจากผ่านมาสามปี ความอ่อนเยาว์ และความเป็นเด็กบนใบหน้าของชายหนุ่มก็หายไปมาก เขาแลดูเป็นผู้ใหญ่ที่หนักแน่นมั่นคงมากขึ้น สิ่งเดียวที่ไม่แปรเปลี่ยนก็คือการแสดงออกที่จะเปลี่ยนจากน้ำแข็งเย็นยะเยือกกลายเป็นหิมะต้องแสงแดดจนละลาย เมื่อได้พบกับนางเท่านั้น
“พี่สาว !”
ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้า พลางสวมกอดสตรีที่อยู่ตรงหน้าแนบแน่น
ร่างของเขาสั่นสะท้าน และดูเหมือนว่าเขาจะมีความปรารถนามากมายไม่รู้จบที่อยากจะบอกนาง
“ในที่สุด…ข้าก็ได้พบพี่อีกครั้ง … ”
นี่คือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในโลกนี้ !
ร่างของไป๋หยานแข็งทื่อ นางยกมือขึ้นตบหลังชายหนุ่มเบา ๆ รอยยิ้มปรากฏอยู่เหนือริมฝีปากของนาง
“ เซียวเอ๋อ หลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าเป็นไงบ้าง ?”
ไป๋เซียวปล่อยสตรีที่อยู่ในอ้อมแขนของตน “เว้นแต่เรื่องคิดถึงพี่สาวมาก ๆ แล้วนอกนั้นทุกอย่างก็เรียบร้อยดี”
เพราะข้าคิดถึงนาง ความคิดถึงทั้งหมดจึงกลายเป็นแรงผลักดันสำหรับเขา
เขารู้ดีว่า เขาจะควรค่าแก่การมาพบนาง ก็ต่อเมื่อเขามีพละกำลังมากพอ !
ไป๋หยานตระหนักได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของไป๋เสี่ยว
ประสบการณ์สามปีที่ผ่านมานี้ ทำให้เด็กหนุ่มเติบใหญ่ขึ้นมาก หากแต่เมื่อหวนนึกถึงข่าวที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ แววตาของไป๋หยานพลันเคร่งขรึมลง
“เซียวเอ๋อ พี่ได้ยินมาว่ามีคนกำลังไล่ล่าเจ้า ?”
นั่นคือตอนที่ไป๋เซียวอยู่ในเมืองชายแดน ไป๋หยานได้ยินเรื่องนี้มาจากคนที่นั่น และคนที่ไล่ล่าเซียวเอ๋อก็มาจากอาณาจักรสวรรค์ด้วย !
ไป๋เซียวยิ้มน้อย ๆ “พี่สาวยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องนี้ ข้าจะพาพี่ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
ไป๋หยานถึงกับผงะ “ไป…เหตุใดเจ้าถึงอยากพาพี่ไป ?”
“ข้าได้ยินเรื่องทุกอย่างตอนมาที่นี่เมื่อคราก่อน ครั้งนี้ข้ามาที่เมืองสัตว์อสูร ก็เพื่อลองเสี่ยงโชคดูว่าพี่กลับมาหรือยัง ? หากพี่กลับมาแล้ว ข้าก็จะพาพี่ไปจากที่นี่ทันที !”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไป๋เซียวไม่เคยหยุดตามหาไป๋หยาน เขาเดินทางไปทั่วอาณาจักรสวรรค์ ทว่าก็ไม่พบนางแม้เงา เช่นนั้นเขาจึงเลือกเสี่ยงกลับมาที่เมืองสัตว์อสูรอีกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าไป๋หยาน และตี้คังจะกลับมาแล้วจริง ๆ !
เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่เขาได้ยินมานานกว่าหนึ่งปี หัวใจของไป๋เซียวพลันลุกเป็นไฟ การแสดงออกของเขาเย็นชาลง
“พี่สาวของข้าแสนดีถึงเพียงนี้ไม่มีชายใดในโลกนี้เหมาะสมคู่ควรกับพี่ด้วยซ้ำ เหตุใดข้าจึงต้องปล่อยให้พี่สาวของข้าอยู่ที่นี่ด้วยความผิดหวังเล่า ไปจากที่นี่เถิด ข้าจะหาพ่อเลี้ยงดี ๆ ให้เฉินเอ๋อเอง !”
หากเป็นเพียงข่าวลือในตลาด บางทีไป๋เซียวอาจจะยังไม่เชื่อ นี่เป็นเหตุที่ว่าไยเขาถึงต้องมาที่เมืองสัตว์อสูรทันทีเพื่อค้นหาความจริง
บทที่ 1362 : ไป๋เซียวมาแล้ว (6)
ทว่า…
แม้กระทั่งลูกน้องของตี้คังเองก็ยังยอมรับว่าตี้คังต้องการรับพระสนม กระทั่งทำให้พี่สาวของเขาโกรธจนพาเฉินเอ๋อหนีออกจากบ้าน !
จะอภัยให้ตี้คังได้อย่างไร ?
พี่สาวของเขา ไม่ควรต้องผิดหวังจากคนไร้หัวใจเช่นนี้ นางสมควรคู่เคียงกับบุรุษที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาล !
“เจ้ากล้าก็ลองดู !”
ขณะที่ไป๋หยานกำลังนิ่งงัน น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
ชั่วขณะนั้นบุรุษเรือนผมสีเงินผู้หล่อเหลาไร้ที่เปรียบก็เดินออกมาจากประตูเมือง
เขามองไป๋หยานที่ถูกไป๋เซียวดึงตัวไปไว้ข้าง ๆ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะหยุดลงที่ใบหน้าโกรธเกรี้ยวของไป๋เซียว
“น้องเขย ไม่ได้พบเจอกันสามปีแล้ว วันนี้เจ้ามาเยือนถึงเมืองสัตว์อสูรก็เพื่อหาพ่อเลี้ยงให้บุตรชายของข้ากระนั้นรึ ?”
ตี้คัง ยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ไป๋เซียวพูด หัวใจของเขากำลังจะปะทุ ราวภูเขาไฟระเบิด
หากมิใช่เพราะไป๋เซียวเป็นน้องชายของไป๋หยาน อีกทั้งยังมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนาง บางทีเพียงได้ยินเด็กหนุ่มพูดเช่นนั้น เขาก็คงอดไม่ได้ที่จะลงมือ !
ไป๋เซียวหัวเราะเยาะ “ท่านเองก็คัดเลือกพระสนมไว้แล้ว เหตุใดถึงยังต้องการเก็บพี่สาวของข้าไว้อีก ตอนนั้นที่ข้ายอมมอบพี่สาวของข้าให้ท่าน ก็เพียงเพราะท่านลุ่มหลงอยู่แต่เพียงนาง แต่ในเมื่อท่านไม่สามารถให้ความสุขกับนางได้ตลอดไป เหตุใดไม่ปล่อยนางไป เหตุใดไม่ให้เฉินเอ๋อมีพ่อเลี้ยงเล่า ?”
ไป๋หยานตกตะลึง สายตาที่ตกตะลึงของนางหันไปสบกับไป๋เซียว
นางกำลังจะอธิบาย ทว่าน้ำเสียงเย็นชาของตี้คังก็ดังลอยมาตามสายลม
“ข้าคัดเลือกสนมตั้งแต่เมื่อใด ?”
“ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านพูดเอง จะผิดได้อย่างไร ? ในเมื่อท่านทอดทิ้งพี่สาวของข้าไปมีพระสนม ข้าย่อมต้องแค้นแทนพี่สาวของข้าเป็นธรรมดา !”
ตี้คังขมวดคิ้วน้อย ๆ นัยน์ตาที่เย็นชาของเขากวาดไปยังกลุ่มทหารที่ก้มหน้างุด ๆ ไม่กล้ากล่าวคำใด
“ผู้ใดเป็นคนบอกว่า ข้าต้องการคัดเลือกพระสนม จงออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ !”
เขาเองก็สงสัยว่าเหตุใดไป๋เซียวถึงอยากจะพาไป๋หยานไปจากเขา แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าเพราะพวกงี่เง่านี่เอง !
เมื่อได้รู้เช่นนี้ใบหน้าของตี้คังก็เริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทหารรักษาประตูวังผู้หนึ่งยืนตัวสั่นเทา เขารีบคุกเข่าลงบนพื้น
“ฝ่าบาทได้โปรดประทานอภัยให้กระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงมีพระประสงค์ที่จะคัดเลือกพระสนม กระหม่อมมิทันได้ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่จึงได้กล่าวออกไปเช่นนั้น ได้โปรดประทานอภัยให้กระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ
“เพียงได้ยินคนอื่นพูดมากระนั้นหรือ ?” ตี้คังยิ้มเยาะ “เพราะเจ้าใช้เวลาหลายร้อยปีในอาณาเขตลับแห่งแดนอสูร สมองของเจ้าจึงโง่ทึ่มไม่จบไม่สิ้น ? เพียงฟังคนอื่นพูด หรือจะเท่าได้ยินจากปากข้า ? ข้าเคยบอกหรือว่าต้องการหาพระสนม ?”
ทหารรักษาประตูวังยกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อเย็น … ราชามิได้มีรับสั่งใดเลย
เหตุใดพวกเขาถึงโง่เขลาเชื่อไปได้ ?
“ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้ใดก็ตามที่เผยแพร่เรื่องนี้จะต้องถูกลงทัณฑ์ ข้าต้องการให้คนโง่พวกนี้ฉลาดขึ้นสักที คนพวกนี้โง่มากจริง ๆ !” เสียงของตี้คังเย็นชา ทว่าก็ทำให้ทุกคนเหงื่อแตก
สายลมกระโชกแรงพัดผ่าน กระทั่งพวกเขาหนาวสั่น
“พ่ะย่ะค่ะ”
อาวุโสใหญ่เช็ดเหงื่อ พลางก้มหน้าลง
หลังจากที่ตี้คังกล่าวจบ เขาก็หันไปหาไป๋เซียวอีกครั้ง “ข้าไม่เคยบอกว่าจะรับสนม”
ไป๋เซียวสะดุ้ง เขาเม้มริมฝีปากบาง ๆ ของตน หลังจากมองตี้คังแล้ว เขาก็หันไปจ้องไป๋หยาน
เขาไม่เชื่อตี้คัง สิ่งเดียวที่เขาเชื่อก็คือไป๋หยาน
ครั้นเห็นสายตาที่จ้องมองมาของไป๋เซียว ไป๋หยานก็พยักหน้าเล็กน้อย “เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เพราะมีคนเจตนากุข่าว ที่ข้าจากไปในวันนั้นก็เพราะเฉินเอ๋อ หาได้เป็นเช่นที่พวกเขาพูดไม่”
“ในเมื่อพี่สาวยืนยัน ข้าก็เชื่อพี่”
ใบหน้าที่ตึงเครียดของไป๋เซียวผ่อนคลายลงในที่สุด
รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม
ราวกับว่ามีเพียงอยู่ต่อหน้าไป๋หยานเท่านั้นที่เขาจะทำเช่นนี้
“อย่างไรก็ตาม หากเขารังแกพี่ ข้าก็จะพาพี่หนีอย่างแน่นอน ! พี่คือพี่สาวของข้า พี่สาวที่ข้าต้องทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้อง !”
ตราบใดที่นางมีความสุข เขาก็สบายใจ …
บทที่ 1363 : ความโกรธเกรี้ยวของปรมาจารย์หลิง (1)
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ข้ามีความสุขมาก”
ไป๋หยานหันไปสบตาตี้คัง
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม มีเพียงร่างของอีกฝ่ายเท่านั้นที่สะท้อนอยู่ในแววตา
ในที่สุด ความอัดอั้นในใจของไป๋เซียวก็คลายลง และเมื่อเห็นการแสดงออกของตี้คัง เขาก็ยิ้มออกมาได้
“พี่เขย ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าเข้าใจพี่เขยผิด”
จะว่าไปแล้ว ไป๋เซียวเองก็ชอบตี้คังมากมาแต่แรก และเชื่อเสมอว่าตี้คังมีคุณสมบัติพอที่จะอยู่เคียงข้างไป๋หยาน
หากมิใช่เพราะคนของตี้คังอ้างว่าตี้คังต้องการรับสนม เขาคงจะไม่แสดงท่าทีเย็นชาใส่ และต้องการที่จะพาไป๋หยานจากไปด้วยกัน
ตอนนี้เมื่อแก้ไขความเข้าใจผิดได้แล้ว ประโยคขอโทษก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเอ่ยกล่าว
“ท่านน้า !”
เนื่องจากไป๋เสี่ยวเฉินต้องอุ้มเสี่ยวหลิงเอ๋อมาด้วย ความเร็วของเขาจึงช้ากว่าไป๋หยาน และตี้คังเล็กน้อย
ทันทีที่เขาเห็นชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ต่อหน้าไป๋หยาน เพียงแว่บเดียวนัยน์ตากลมโตของเขาก็สว่างไสวขึ้น เขาวางเสี่ยวหลิงเอ๋อลงบนพื้นพลางรีบวิ่งเข้าไปหาไป๋เซียว เขากระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของไป๋เซียว
“ท่านน้า เฉินเอ๋อคิดถึงท่านมากเลย ท่านน้าคิดถึงเฉินเอ๋อบ้างหรือไม่ ?”
ครั้นเห็นเด็กชายตัวเล็กที่เนื้อตัวนุ่มนิ่มผู้นี้ การแสดงออกของไป๋เซียวก็อ่อนโยนมากขึ้นไปอีก มือใหญ่ของเขาแตะศีรษะของไป๋เสี่ยวเฉินเบา ๆ พลางยิ้มขณะกล่าวว่า “ผ่านมาก็ตั้งสามปีแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่โตขึ้นเลยล่ะ ? เจ้าดูไม่ต่างจากเมื่อสามปีที่แล้วเลย”
ใบหน้าของไป๋หยานดูละอายเล็กน้อย “เซียวเอ๋อ…ข้าบอกเจ้าแล้วว่า ข้าออกจากเมืองสัตว์อสูรครั้งก่อนก็เพื่อเฉินเอ๋อ น่าเสียดายที่เขานอนหลับลึกนานกว่าหนึ่งปีแล้ว นั่นส่งผลให้ร่างกายของเขาไม่เจริญเติบโต”
ครั้นได้ยินคำอธิบายของไป๋หยาน ไป๋เซียวก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็เห็นหลิงเอ๋อ และเทียนเทียนที่กำลังเดินเตาะแตะมา ประกายแสงวาบในดวงตาของเขา “เฉินเอ๋อ พวกเขาคือ … “
“ท่านน้า” ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้ม “นี่คือ ตี้หลิงเอ๋อน้องสาวของข้าและนั่นก็คือตี้จินเทียนน้องชายของข้า พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน พวกเขาอายุหนึ่งขวบแล้วปีนี้”
ใบหน้าของไป๋เซียวตกตะลึง เวลาเพียงสามปี นี่พี่สาวของเขามีลูกเพิ่มอีกสองคนแล้วกระนั้นรึ ?
ทั้งยังเป็นฝาแฝดอีกด้วย ?
“ท่านน้า”
เสี่ยวหลิงเอ๋อร้องเรียก
เสียงของนางสดใสไพเราะ กระทั่งทำให้ผู้คนไม่สามารถทนนิ่งเฉยอยู่ได้
เสี่ยวเทียนเทียนมองเสี่ยวหลิงเอ๋ออย่างสงสัย จากนั้นก็หันไปมองไป๋เซียว เขาเม้มริมฝีปากเล็ก ๆ ของตน ก่อนจะตะโกนออกมาว่า “ท่านน้า”
หลิงเอ๋อเรียกว่าท่านน้าแล้ว เขาก็ต้องเรียกตามสิ
คำเรียกขานของเด็กน้อยทั้งสองนี้ ทำให้หัวใจของไป๋เซียวอ่อนยวบลง เขารู้สึกรัก และเอ็นดูเด็กน้อยทั้งสองมากขึ้นเรื่อย ๆ การแสดงออกของเขาพลันอ่อนโยนลงเรื่อย ๆ
“พี่สาว…ข้าไม่ได้พบพี่มาสามปี เห็นพี่กับพี่เขยรักกันมากเช่นนี้ ข้าก็โล่งใจ ครานี้ข้าเพียงผ่านมาพบท่าน หลังจากได้พบกันแล้ว ข้าก็มีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำต่อ”
ไป๋เซียวยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยานพลางกล่าว
“มีสิ่งใดต้องทำหรือ ?” ไป๋หยานตะลึง “เจ้าต้องการให้พี่ช่วยบ้างหรือไม่ ?”
ไป๋เซียวส่ายศีรษะ “ไม่…พี่สาว ข้าจะแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตนเอง ข้าบอกแล้วไงว่าสิ่งที่ข้าต้องการ ก็คือปกป้องพี่ด้วยพละกำลังของข้าเอง มิใช่อยู่เพื่อให้พี่ปกป้องข้า”
ไม่ว่าตอนนี้ไป๋หยานจะแข็งแกร่งสักเพียงใด เขาก็เต็มใจที่จะโอบอุ้มนางไว้ใต้ปีก เพื่อปกป้องนางเหมือนแม่นกกางปีกปกป้องลูก ๆ ของมัน
เช่นนั้นเขาจึงปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในปีนั้น และเขาก็ไม่ต้องการพึ่งพาพี่สาว เพื่อคุ้มครองชีวิตเขาตลอดเวลา
ครั้นได้เห็นความตั้งใจมั่นของไป๋เซียว ไป๋หยานก็ไม่กล่าวคำใดอีก
นางพยักหน้าเล็กน้อย “เซียวเอ๋อ เวลานี้ข้าจะอยู่ในเมืองสัตว์อสูร หากเจ้ามีเรื่องใดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ อย่าลืมแวะมาหาข้า เจ้าเป็นน้องชายของข้า เราพึ่งพากันและกันมานับแต่เรายังเยาว์วัย ในโลกใบนี้ เจ้าเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับข้า”
“เข้าใจแล้ว…พี่สาว”
ไป๋เซียวยิ้ม เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้า นัยน์ตาของเขาค่อย ๆ เผยความเศร้า “นี่ก็สายมากแล้ว ข้าควรไปเสียที”
บทที่ 1364 : ความโกรธเกรี้ยวของปรมาจารย์หลิง (2)
“ท่านน้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินหน้ามุ่ย พลางดึงแขนเสื้อของไป๋เซียวอย่างน่าสงสาร
“ท่านเพิ่งมาก็จะไปแล้วหรือ ? เป็นเพราะท่านไม่รักเฉินเอ๋ออีกต่อไปแล้ว เลยไม่ต้องการอยู่ต่ออีกสักสองสามวันใช่หรือไม่ ?”
เสี่ยวหลิงเอ๋อจ้องไป๋เซียวอย่างกระตือรือร้น
“ท่านน้า ท่านอยู่เล่นกับหลิงเอ๋อก่อนได้เปล่า ?”
เทียนเทียนมองไป๋เสี่ยวเฉินกับเสี่ยวหลิงเอ๋อ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ ทว่าเขาเรียนรู้รวดเร็ว ครั้นเห็นว่าทั้งสองคนคว้าแขนเสื้อของไป๋เซียว เขาก็จับแขนเสื้อของไป๋เซียวบ้าง
“ท่านน้า อย่าทิ้งพวกเรา หากท่านน้าไม่ทิ้งพวกเรา เทียนเทียนจะกินน้อย ๆ จะเหลือให้ท่านน้าเยอะ ๆ เลย”
ไป๋เซียวก้มลงมองเทียนเทียนพลันมุมปากของเขาก็กระตุก เพียงเพราะคำพูดของเด็กน้อยทั้งสาม หัวใจของไป๋เซียวจึงอบอุ่นขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋หยาน สายตาของเขาเหมือนทำอะไรไม่ถูก
“พี่สาว…”
เด็กน้อยทั้งสามช่างมีผลต่อหัวใจของเขามากมาย กระทั่งเขาไม่สามารถผลักไสเด็ก ๆ ออกไปได้
ไป๋หยานยิ้ม “กว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันก็แสนยาก เช่นนั้นเจ้าควรอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน คงไม่แตกต่าง หากเจ้าจะจากไปช้าอีกเพียงไม่กี่วัน”
ไป๋เซียวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็จะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน เขาได้อยู่กับพี่สาวของเขานานอีกสักหน่อยก็ดี
“เอาล่ะ พี่สาว ไว้อีกสักสองสามวันข้าค่อยไปก็ได้”
ไป๋หยานยกยิ้ม
หากไป๋เซียวยอมอยู่ นางก็สามารถใช้ช่วงเวลาสองสามวันนี้ ค้นหาว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขาบ้าง และหากนางแน่ใจว่าไม่มีอันตรายมากนัก นางก็จะปล่อยไป๋เซียวไป …
ท้ายสุดแล้ว ในโลกนี้ นางก็มีน้องชายคนนี้เพียงคนเดียว
นางจะเต็มใจให้เขาเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายได้อย่างไร ?
“เยี่ยมไปเลย”
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ตื่นเต้นของไป๋เสี่ยวเฉินแดงระเรื่อ เขาดึงมือของไป๋เซียวพลางยิ้ม
“ท่านน้า ข้าคิดถึงท่านจริง ๆ นะท่านไม่รู้หรอกว่ามีคนเลวร้ายมากแค่ไหนในโลกนี้ แต่หม่ามี้ก็ได้ตอบโต้ไปหมดแล้ว “
ไป๋เซียวยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน เด็กคนนี้ยังคงน่ารักเฉกเช่นเดิม
“อาวุโสใหญ่ ท่านไปเตรียมการเถอะ” ไป๋หยานหันไปมองผู้อาวุโสใหญ่ แววตาของนางเคร่งขรึมลง
“อย่างไรเสียไป๋เซียวก็เป็นน้องชายของข้า ผู้ใดกล้าดูหมิ่นเขา ! ต้องโดนลงโทษอย่างรุนแรง !”
มนุษย์เกลียดสัตว์อสูร และสัตว์อสูรก็เกลียดมนุษย์เช่นกัน นางจึงขู่คาดโทษเอาไว้ก่อน
นางจะไม่ยอมให้เซียวเอ๋อเสียใจอย่างเด็ดขาด !
“พ่ะย่ะค่ะ ราชินี”
ผู้อาวุโสใหญ่ ตอบรับด้วยความเคารพ จากนั้นก็เอ่ยเชิญไป๋เซียว
“นายน้อยไป๋ โปรดมาทางนี้”
ไป๋เซียวพยักหน้า เขามองไป๋หยาน ก่อนจะก้าวตามผู้อาวุโสใหญ่ผ่านเข้าประตูเมือง
ครั้นเห็นไป๋เซียวจากไปแล้ว ไป๋หยานก็หันไปหาเจ้าแป้งนึ่งเล็ก ๆ สามก้อนพร้อมรอยยิ้ม
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก”
รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน เขารู้ว่ามารดาของเขาคงไม่เต็มใจที่จะปล่อยท่านน้าของเขาไป
“หม่ามี้ชมหลิงเอ๋อ ชมหลิงเอ๋ออีก”
เสี่ยวหลิงเอ๋อถลาเข้าไปหาอ้อมแขนของไป๋หยาน ร้องขอคำชมเชย
แววตาของนางฉลาดเฉลียวมาก รอยยิ้มของนางก็น่ามองเป็นพิเศษ
“หลิงเอ๋อยอดเยี่ยมมาก” ไป๋หยานแตะศีรษะเล็ก ๆ ของหลิงเอ๋อ พลางยิ้มกว้างขึ้น
หลังจากได้รับคำชมแล้ว เสี่ยวหลิงเอ๋อก็หัวเราะเบา ๆ ในอ้อมแขนของไป๋หยาน
มีเพียงเสียงหัวเราะคิกคักอันสดใสไพเราะของนางเท่านั้นที่ดังก้องฟ้า
“หม่ามี้ชมแต่หลิงเอ๋อ ไม่เห็นชมเทียนเทียนเลย”
แม้ว่าเทียนเทียนจะไม่รู้เรื่อง หากแต่เขาก็รู้ว่ามารดาของเขามีความสุขมาก ตราบใดที่มารดาของเขามีความสุข นั่นย่อมแสดงว่าพวกเขาทำได้ดี
“เทียนเอ๋อ ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน”
ไป๋หยานเอื้อมมือไปดึงเสี่ยวเทียนเทียนเข้ามาในอ้อมแขนพลางจูบแก้มเขา
“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าต้องช่วยกันรั้งท่านน้าไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่แม่จะได้มีเวลาหาให้พบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง เข้าใจหรือไม่ ?”
บทที่ 1365 : ความโกรธเกรี้ยวของปรมาจารย์หลิง (3)
นางเคารพการตัดสินใจของเซียวเอ๋อ ขณะเดียวกันนางก็ต้องปกป้องความปลอดภัยของเขาด้วย
นอกจากนี้นางยังอยากรู้อีกว่า ผู้ใดกันที่กล้าแตะต้องน้องชายของนาง !
สัมผัสแห่งเจตนาสังหารแวบผ่านดวงตาของไป๋หยาน กลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่านั้นชัดเจนมาก กระทั่งเจ้าแป้งนึ่งสองก้อนในอ้อมแขนของนางตกใจ
เด็กทั้งสองมองไป๋หยานด้วยความงุนงง เทียนเทียนไม่เข้าใจว่า เหตุใดหม่ามี้ของเขาถึงได้ดูไม่มีความสุข ?
“หลิงเอ๋อ เทียนเทียน แม่เสียใจที่ทำให้พวกเจ้าตกใจ” ไป๋หยานสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไปเล่นกับพี่ชายของเจ้าเถอะ เฉินเอ๋อช่วงนี้อย่าพาหลิงเอ๋อออกจากเมืองสัตว์อสูรนะ”
หากอยู่ในเมืองสัตว์อสูร แม้ว่าคนในเทวาคารจะรู้ว่ามีหลิงเอ๋อ ก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้ แต่หากนางออกจากเมืองสัตว์อสูร นางอาจตกอยู่ในอันตราย
แววตาของไป๋หยานเคร่งขรึม มุมปากของนางยกยิ้มเยาะหยัน เมื่อหวนนึกถึงใบหน้าคนไร้ยางอายที่อยู่เทวาคาร
“หม่ามี้ เฉินเอ๋อทราบแล้ว”
ไป๋เสี่ยวเฉินย่อมรู้จุดประสงค์ของผู้คนในเทวาคาร ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาแสดงให้เห็นถึงความทรงอำนาจ “เฉินเอ๋อจะปกป้องน้องสาว จะป้องกันไม่ให้คนชั่วร้ายเหล่านั้นฉวยโอกาสได้”
“ดี”
ไป๋หยานยิ้มนน้อย ๆ นางปล่อยตัวแป้งนึ่งสองก้อนในอ้อมแขนของนางลง “เจ้าพาน้องชายกับน้องสาวของเจ้าไปได้”
“อืม…”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะปกป้อง เสี่ยวหลิงเอ๋อเอง !
*****
ทันทีที่ปรมาจารย์หลิง และปรมาจารย์ซวนเดินเข้าไปในเทวาคาร พวกเขาก็เห็นว่าเทวาคารที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง บัดนี้ได้กลับกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว
ทั้งสองบีบกำปั้นแน่น ใบหน้าของพวกเขาเขียวคล้ำ
เพียงเวลาไม่นานปรมาจารย์ฮวงก็รีบเดินออกมาจากลานหลังบ้าน ทันทีที่เขาเห็นปรมาจารย์หลิงนัยน์ตาของเขาก็สว่างไสวขึ้น เขาเอ่ยทักทายคนทั้งสองอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ปรมาจารย์หลิงกำลังโกรธ เพราะพวกเขาไม่เพียงจะสูญเสียเทพปรมาจารย์ไป ทว่ายังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเทวาคาร
และถ้อยคำของไป๋หยานก็ก้องสะท้อนอยู่ในใจของเขาในเวลานี้ …
เกิดสงครามกลางเมืองในเทวาคาร และปรมาจารย์หงตาย !
คำว่า “สงครามกลางเมือง” ดังก้องอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา เช่นนั้นทันทีที่เขาเห็น ปรมาจารย์ฮวงเดินมาอย่างรวดเร็ว ความโกรธพลันฉายวาบในดวงตาของเขา หมัดของเขาที่ห่อหุ้มด้วยแรงผลักดันกระแทกเข้าที่หน้าอกของปรมาจารย์ฮวงดังปัง
ปรมาจารย์ฮวงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ก็ต้องโดนฝ่ามือนี้ นอกจากนี้เขายังไม่ทันได้ป้องกันใด ๆ เขาจึงถอยหลังไปสองสามก้าว ความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาตวาดขึ้นด้วยความโกรธ
“ปรมาจารย์หลิง ท่านทำอะไร ?”
เขายอมรับว่าความแข็งแกร่งของเขายังตามหลังปรมาจารย์หลิงเล็กน้อย ทว่าเขาก็เป็นเทพปรมาจารย์คนหนึ่งเช่นกัน เหตุใดปรมาจารย์หลิงจึงกระทำกับเขาเช่นนี้ ?
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ไม่เต็มใจที่จะให้เกิดเรื่องเช่นนี้ในเทวาคารสักหน่อย ปรมาจารย์หลิงถือสิทธิ์ใดมาทำร้ายเขา
“เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น ? ข้ากับปรมาจารย์ซวนผละจากที่นี่ไป เทวาคารก็เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นแล้ว พวกที่เข้าร่วมในสงครามกลางเมืองล่ะ ไปเรียกตัวพวกเขาทั้งหมดออกมาพบข้าโดยเฉพาะคนที่ฆ่าปรมาจารย์หง !”
ปรมาจารย์หลิงกำหมัดแน่น เอ่ยกล่าวรัวเร็วด้วยความโกรธเกรี้ยว
สีหน้าของปรมาจารย์ซวนที่อยู่ข้าง ๆ ก็เป็นสีเขียวเช่นกันเขามองปรมาจารย์ฮวงผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความสับสน
ประเดี๋ยวนะ…สงครามกลางเมืองกระนั้นรึ ?
สงครามกลางเมืองอะไรกัน ?
ปรมาจารย์ฮวงนิ่งอึ้ง เทวาคารเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นเมื่อใดกัน ? ปรมาจารย์หลิงไม่พอใจเขาเลยจงใจหาเรื่องเขาใช่หรือไม่ ?
ครั้นนึกได้เช่นนี้ ปรมาจารย์ฮวงก็ลุกขึ้นยืน สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้ใบหน้าของเขาแลดูไม่ดีเท่าไร เขากล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “ปรมาจารย์หลิง ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้าเลยจงใจหาข้ออ้างทำร้ายข้า คนอย่างข้าไม่ใช่คนรักตัวกลัวตาย ! ในฐานะเทพปรมาจารย์ข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านนัก !”

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท