ตอนที่ 220 ทำไปเพราะชอบเจ้าจากใจจริง / ตอนที่ 221 ดวงความรักกุด
ตอนที่ 220 ทำไปเพราะชอบเจ้าจากใจจริง
น้ำเสียงของจวินมั่วหรันทั้งหนาแน่นและทุ้มต่ำ เจือแรงดึงดูดและแฝงด้วยเสน่ห์เหลือล้น
เฟิงอู๋โยวมองใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของจวินมั่วหรันอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย ก่อนเอ่ยปากถามออกไปอย่างงงๆ “ต้องทำเยี่ยงไร”
“ถอดออก”
“หะ…กระหม่อมหรือ”
เฟิงอู๋โยวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ถ้านางเป็นผู้ชายจริงๆ ป่านนี้คงถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้ว
แต่ประเด็นคือนางไม่ใช่ผู้ชาย
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานก็ปฏิเสธข้อเสนอของจวินมั่วหรันอย่างปวดใจ เพราะพลาดโอกาสทำเงินมหาศาลไปต่อหน้าต่อตา “ไม่ เรือนร่างของท่านใต้เท้าดูดีกว่าของกระหม่อมยิ่งนัก กระหม่อมไม่อยากรู้สึกด้อยไปกว่านี้อีกแล้ว”
จวินมั่วหรันคาดเดาปฏิกิริยาของเฟิงอู๋โยวในลักษณะนี้เอาไว้แล้ว เมื่อไม่มีความคาดหวังในใจ เขาก็ไม่รู้สึกผิดหวังอะไรนัก
“ข้าจะเป็นฝ่ายถอดเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยทั้งนั้น แต่ต้องเบิกตามองเห็นให้ชัดเจน”
“…” อยู่ๆ เฟิงอู๋โยวก็รู้สึกเหมือนมีเสียงฟ้าร้องผ่าลงมาจากท้องฟ้า
จวินมั่วหรันก็ดูเหมือนคนปกติ แต่ทำไมเขาถึงมีนิสัยแบบนี้ได้!
แต่ก็อย่างว่า ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
แม้ว่าเขาจะเป็นเซ่อเจิ้งหวางผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นตงหลิน แต่คนอย่างเขาก็ยังมีรสนิยมและนิสัยแปลกประหลาดที่คนทั่วไปไม่อาจล่วงรู้
เมื่อเห็นว่เฟิงอู๋โยวไม่ปฏิเสธ จวินมั่วหรันก็ฉีกเสื้อคลุมบนร่างของตัวเองออกดัง “แคว่ก” สองจังหวะ
เฟิงอู๋โยวหลับตาอย่างรวดเร็ว และมองรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของเขาผ่านซอกนิ้วมือ
“ลืมตาดู หนึ่งในสี่ชั่วโมงราคาหนึ่งล้านตำลึงเงิน”
หูของจวินมั่วหรันแดงก่ำ หากไม่เป็นเพราะต้องการให้นางปรับตัวเข้าหาได้เร็วๆ เขาคงไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่นอน
แต่ถึงกระนั้น เฟิงอู๋โยวก็ยังไม่ยอมปล่อยมือที่ปิดตานางออก
นางได้แต่มองผ่านซอกนิ้วของนางพร้อมกับพยายามสะกดตัณหาที่ผุดขึ้นมาในใจ
ถ้านางเอามือออก อารมณ์ตัณหาเหล่านั้นจะพลุ่งพล่านเกินกว่าจะควบคุม และอาจทำให้นางมีความคิดที่นางไม่ควรคิด
ตัวอย่างเช่น กดเขาลงบนเตียงและขอให้เขาอ่านออกเสียงบทละครลามกเมื่อครู่
หรือให้เขานอนบนโต๊ะอาหารและปล่อยให้เขานอนแผ่ยืดแขนกางขานิ่งๆ เพื่อยลโฉมของเขา
หรือไม่ก็ทำแบบครั้งแรกที่เจอเขา ขึ้นคร่อมขี่บนร่างกายและเสพสำราญจากร่างกายเขาอย่างเร้าอารมณ์
…
ใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของเฟิงอู๋โยวผุดรอยยิ้มลามกจางๆ ขึ้นมา
เพี้ยะ!
เฟิงอู๋โยวตระหนักว่าตัวเองตกหลุมพรางความงามของจวินมั่วหรันอย่างสมบูรณ์ ครั้นจึงยกมือขึ้นและตบแก้มตัวเองจนแดง
“รูปคือว่างเปล่าโดยแม่นมั่น ว่างเปล่าโดยแม่นมั่นคือรูป”
“คนที่ลุ่มหลงในกามราคะย่อมนำพาชีวิตสู่หายนะได้โดยง่าย”
นางพึมพำอยู่พักหนึ่งก่อนสงบลง จากนั้นก็หยุดภาพเย้ายวนใจตรงหน้านาง
เมื่อเห็นว่าแผนการใช้ความงามของเรือนร่างเข้ายั่วยวนใช้ไม่ได้ผล จวินมั่วหรันก็เริ่มเสียขวัญ
เขาเริ่มใจร้อนเล็กน้อยและชี้ให้นางมองไปที่เงินกระดาษบนเตียง “เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าต้องทำเยี่ยงไร สำหรับเจ้าแล้ว นี่ไม่ใช่งานยาก หลังจากทำเสร็จแล้ว เงินกระดาษทั้งหมดจะเป็นของเจ้าทั้งหมด”
“ต้องขอยอมรับในความกล้าของท่านใต้เท้าจริงๆ แต่ท่านไม่คิดหรือว่าการต่อรองของพวกเราดูแปลกๆ ไปหน่อย ท่านจ่ายด้วยเงิน กระหม่อมจ่ายด้วยเรือนร่าง แบบนี้มันเป็นการค้าประเวณีไม่ใช่หรือ”
เฟิงอู๋โยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ท่านใต้เท้าขอรับ กระหม่อมหวังว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่กระหม่อมได้รับจะสะอาด และสักวัน กระหม่อมจะคืนเงินล้านตำลึงเงินที่ท่านมอบให้กระหม่อมก่อนหน้านี้”
จวินมั่วหรันยิ่งทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาแม้แต่น้อย แม้แต่เงินที่นางชอบก็ยังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมนางได้
“อย่าเข้าใจข้าผิดไป ข้าไม่มีเจตนาดูแคลนเจ้า ข้าทำไปก็เพราะชอบเจ้าจากใจจริงๆ อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เจ้าพูด ถึงต่อให้เจ้าจะไม่ทำอะไรเลย ข้าผู้นี้ก็ยินดีจะมอบทุกอย่างให้เจ้าอยู่ดี”
ตอนที่ 221 ดวงความรักกุด
ทันใดนั้น หัวใจของเฟิงอู๋โยวเต้นเร็วดั่งลั่นกลอง
จวินมั่วหรันพูดด้วยจริงจังแบบนี้ ไม่มีทางเป็นเรื่องโกหกแน่นอน
เขาบอกว่าที่ทำมาทั้งหมดก็เพราะชอบนาง ดังนั้นจึงพยายามทำทุกวิธีที่ทำได้เพื่อเอาชนะใจนาง
เขายังบอกอีกว่าต่อให้นางไม่ทำอะไรให้เขา เขาก็พร้อมที่จะมอบทุกอย่างที่เขามีให้นาง
เฟิงอู๋โยวรู้สึกรื้นจมูกขึ้นมาทันที เพราะนางประทับใจเจือซาบซึ้งใจกับคำพูดและการกระทำของจวินมั่วหรันเป็นที่สุด
นางคิดภายในใจว่า หรืออาจเป็นเพราะตัวเองเป็นคนหลงใหลในเงินทองเป็นทุนเดิม ดังนั้นเลยประทับใจกับความใจป้ำของจวินมั่วหรันแบบนี้โดยง่าย
“เฟิงอู๋โยว ข้ารอเจ้าได้”
เมื่อจวินมั่วหรันเห็นนางนิ่งงันเจือแววตกใจ ก็เอื้อมมือออกไปจับปอยผมของนางอย่างอ่อนโยน “เจ้ามีข้าเป็นที่พึ่ง ดังนั้นอยากทำอะไรก็ทำไปเถิด”
ไม่ว่าจะเป็นก่อนข้ามมิติหรือหลังข้ามมิติมาก็ไม่เคยมีใครเต็มใจเป็นที่พึ่งพาให้กับนาง
ดังนั้น คำพูดที่ปราศจากกลอุบายแฝงอยู่ของจวินมั่วหรันแบบนี้ มันทรงพลังและน่าซาบซึ้งใจจนทำให้นางน้ำตาร่วงได้เลย ทำเอานางที่เคยผ่านเรื่องราวร้ายมาก่อนหน้านี้ น้ำตารื้น ขอบตาแดงขึ้นมาทันที
“ท่านใต้เท้าขอรับ วันใดวันหนึ่ง หากกระหม่อมสามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านได้อย่างสมฐานะขึ้นมาจริงๆ กระหม่อมจะพิจารณาคำพูดของท่านอย่างจริงจังขอรับ”
น้อยครั้งที่เฟิงอู๋โยวจะพูดออกมาจากใจจริงแบบนี้
ในความเห็นของนาง ความสัมพันธ์และความรู้สึกทั้งหมดต้องคิดตรงกัน แต่ทุกความสัมพันธ์และความรู้สึกจำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน
แม้ว่าจวินมั่วหรันจะไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงยังคงดื้อรั้นอยู่เช่นนี้ แต่เมื่อเห็นว่านางได้ตัดสินใจแล้ว เขาจึงทำได้เพียงเคารพในสิ่งที่นางตัดสินใจ
หากนางไม่ต้องการถูกเขาปกป้องไว้ข้างหลัง เช่นนั้นเขาก็จะช่วยเป็นมือเป็นไม้ให้นางอีกแรงแล้วกัน
เอาไว้วันหลัง เขาจะทูลขอให้จี้โม่อิ้นเหรินแต่งตั้งให้นางเป็นแม่ทัพพิทักษ์แคว้น เผื่อสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้นางมีความสุข
“ข้าใต้เท้าขอรับ กระหม่อมยังมีสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นขอตัวก่อนขอรับ” พูดจบ เฟิงอู๋โยวก็รีบเดินจ้ำออกจากเรือนมั่วหรันทันที
เฟิงอู๋โยวกลัวว่าขืนปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในห้วงภวังค์ความอ่อนโยนของจวินมั่วหรันต่อไป นางจะใจอ่อนเข้าให้จริงๆ
ตอนนี้ นางไม่มีอะไรทั้งสิ้น ขืนตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีแต่เขาเป็นฝ่ายให้ฝ่ายเดียว เกรงว่ามันคงกลายเป็นความสัมพันธ์ที่น่าสังเวชเกินไปสำหรับนาง
ครั้นจวินมั่วหรันตั้งสติกลับมาได้ เขาก็หยิบเงินกระดาษปึกหนามาปึกหนึ่ง ก่อนรีบเดินตามนางออกไป “รอก่อน อ่ะนี่ เงินเดือนของเจ้า”
เขาเพิ่งเดินออกมาจากเรือนมั่วหรันได้สักพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าตัวเองรีบร้อนจนลืมใส่เสื้อผ้า
จุยเฟิงและเถี่ยโส่วที่กำลังยืนคุยกันอยู่ที่หน้าประตูมองไปที่จวินมั่วหรันอย่างตกใจราวกับเห็นผีเป็นสายตาเดียวกัน
จวินมั่วหรันสังเกตเห็นดวงตาลามกของพวกเขาทั้งสองคน จึงมองค้อนให้พวกเขาก่อนปิดประตูดัง “ปัง”
เถี่ยโส่วที่อยู่ด้านนอกประตูทำหน้าเศร้าหมองลงเล็กน้อย
ตอนแรกจุยเฟิงคิดว่าเถี่ยโส่วดูเศร้าลงเพราะเห็นว่าเฟิงอู๋โยวกับจวินมั่วหรันใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นทุกวัน จึงเดินเข้าไปปลอบโยน “ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีทุกข์ ใจขื่นขมระทมทุกข์ชั่วนิรันดร”
เถี่ยโส่วทำเป็นไม่ได้ยิน เขาถอนหายใจกับตัวเอง “มันยิ่งใหญ่เหลือเกิน! ไม่แปลกใจเลยที่แม่ทัพเฟิงตัวน้อยจะรับของท่านใต้เท้าไม่ไหว ท่านใต้เท้าน่าสงสารจริงๆ แค่เห็นรูปร่างที่งดงามของเขา ก็รู้แล้วว่าท่านใต้เท้าดวงความรักกุด ครั้งที่แล้วที่ข้าเห็นของท่านใต้เท้า มันไม่ได้ ‘ใหญ่’ จนน่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย”
จุยเฟิงจนปัญญา ที่แท้เถี่ยโส่วกังวลแทนจวินมั่วหรันนี่เอง
“ท่านใต้เท้ารูปร่างดีจนเป็นที่อิจฉาของทุกคนขนาดนั้นจะดวงความรักกุดได้เยี่ยงไร”จุยเฟิงส่ายหัว แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าเถี่ยโส่วเป็นไร้เดียงสาและน่ารัก แต่บางทีก็ดูโง่เกินไป
ในเวลานั้น เฟิงอู๋โยวได้ ยกมือขึ้นกุมแก้มที่แดงระเรื่อของนางและรีบวิ่งออกจากตำหนักเซ่อเจิ้งหวางทันที
“นี่ข้าถูกเจ้าจวินมั่วหรันแกล้งเล่นอีกแล้วหรือ”
“มันน่าอายจริงๆ”
…
นางรีบวิ่งอย่างรีบร้อนจนชนคนเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ภาพที่พุ่งเข้ามาในดวงตาคือเสื้อคลุมสีม่วงหรูหราที่โบกสะบัดอย่างงดงาม ประกายดิ้นเงินดิ้นทองที่ปักอย่างวิจิตร สะท้อนแววระยิบระยับยามต้องแสง
มันสวมอยู่บนร่างกายของหยุนเฟยไป๋ ขับเสน่ห์ของผู้สวมใส่ให้ดูโดดเด่นเป็นยิ่งนัก
เฟิงอู๋โยวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างงุนงง เห็นเพียงหยุนเฟยไป๋ในสภาพเรียบร้อยก้มมองนางด้วยรอยยิ้มกระหยิ่ม