ตอนที่ 223 อู๋โยวถูกทำร้าย
เฟิงอู๋โยวมองไปทางต้นเสียง เห็นเป็นเป่ยถางหลีอินที่กำลังจับแขนของเป่ยถางหลงถิง พวกเขากำลังยืนอยู่ที่ทางเข้าเรือนแพทย์พยากรณ์
“ถ้าไม่ใช่เพราะหม่อมฉัน แม่ทัพเฟิงคงไม่ต้องมาลงเอยที่นี่ ถ้าเขาจะโกรธ มันก็สมเหตุสมผลแล้ว พวกเรากลับกันเถิด หม่อมฉันไม่อยากมีเรื่องกับเขา”
เป่ยถางหลีอินกระซิบ เสียงของนางแผ่วเบาไพเราะ
“ลูกสาวหัวแก้วหัวแก้วของข้าจะลดตัวไปมีเรื่องกับหมาจรจัดแบบนี้ได้เยี่ยงไร”
เป่ยถางหลงถิงแค่นเสียงในลำคอ ก่อนบุกเข้าไปในเรือนแพทย์พยากรณ์
เมื่อเฟิงอี้เห็นเป่ยหลี่หลงถิง ที่พุ่งเข้าหาเฟิงอู๋โยว ก็รีบเข้ามาขว้างข้างหน้าทันที “อู๋โยว เจ้ากลับไปข้างในก่อน มีพี่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว”
เฟิงอู๋โยวส่ายหัวและพูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่ใช่ชาวแคว้นเป่ยหลี่อีกต่อไป ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี่ทำอะไรข้าไม่ได้แล้ว”
ขณะที่พูด เป่ยถางหลงถิงได้ผลักเฟิงอี้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเฟิงอู๋โยวออกไป ดวงตาของเขาวาวเป็นประกาย
เฟิงอู๋โยวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสง่างามหล่อเหลาของเป่ยถางหลงถิงอย่างไม่เกรงกลัว
เขาดูค่อนข้างหนุ่ม อายุราวๆ สามสิบปี หน้าอกหนากว้าง แลดูแข็งแรงไร้เทียมทาน
“เฟิงอู๋โยว เจ้ากล้าดีมาก!”
คำพูดของเป่ยถางหลงถิงหนักแน่นทรงพลัง ราวกับจะสั่นคลอนผืนฟ้าได้เลย
เฟิงอู๋โยวตอบอย่างเมินเฉย “มันไม่เกี่ยวกับความกล้าดีของข้า หากจะมาหาหมอ เจ้าต้องจ่ายเงินมัดจำมาหนึ่งหมื่นตำลึงเงินก่อนแต่ถ้าเจ้าจะเอาลูกสาวเจ้ามาขาย ก็ได้โปรดพากลับไปและเอาไปขายที่หอนางโลมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเสีย”
“ก่อนหน้านี้ เจ้าส่งคนไปทำร้ายลูกสาวของข้าใช่หรือไม่”
แววหลากอารมณ์ซับซ้อนฉายผ่านดวงตาของเป่ยถางหลงถิง อันที่จริง เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเฟิงอู๋โยวเท่าไร
เพราะก่อนหานี้เป่ยถางหลงถิงให้ความสำคัญกับเฟิงอู๋โยวเป็นอย่างมาก
ในบรรดาแม่ทัพใหญ่ๆ คนที่ดูมีฝีมือมากที่สุดคือเฟิงอู๋โยว ทั้งอายุน้อยและมีอนาคตไกล นิสัยเด็ดเดี่ยว ระห่ำ เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญและสติปัญญา
น่าเสียดายที่เฟิงอู๋โยวคิดจะมีสัมพันธ์อย่างว่าเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขา
เฟิงอู๋โยวแค่นเสียงในลำคอก่อนเอ่ย “ถ้าข้าบอกว่าไม่ เจ้าจะเชื่อหรือไม่”
“ไม่เชื่อ”
“ก็แค่นี้ ในเมื่อไม่เชื่อ แล้วจะถามทำไม”
เฟิงอู๋โยวกำมือแน่น นางหวังว่านางจะเอาชนะชายชราที่อยู่ตรงหน้านางซึ่งไม่รู้ถูกผิด
“เจ้า!”
เป่ยถางหลงถิงโกรธมาก เขาจับคอเรียวยาวของเฟิงอู๋โยวแน่นด้วยมือข้างเดียว ก่อนพูดอย่างดุดัน “บอกมา ทำไมเจ้าถึงส่งคนไปทำร้ายลูกสาวของข้า”
เมื่อเห็นเช่นนี้หลิงเทียนฉีจึงก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลงต่อหน้าเป่ยถางหลงถิง “ฝ่าบาท แม่ทัพเฟิงเป็นคนมีคุณธรรมสูงส่ง เขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่นอนขอรับ”
“ตระกูลเฟิงของหระหม่อมภักดีต่อราชวงศ์มาหลายชั่วอายุคน และให้ความสำคัญกับแคว้นเป็นอันดับแรกเสมอ น้องชายของกระหม่อมต่อสู้ในสนามรบมาหลายปีและมีส่วนร่วมอย่างมากต่อแคว้นเป่ยหลี เขาไม่ควรมาลงเอยในสภาพเช่นนี้ด้วยซ้ำ” เฟิงอี้กล่าวอย่างชอบธรรม
เป่ยถางหลีอินก้าวออกไปข้างหน้า ดึงแขนของเป่ยถางหลงถิงเบาๆ “เสด็จพ่อ หม่อมฉันมองคนไม่เป็น จากนี้ไปหม่อมฉันจะจำเป็นบทเรียน หม่อมฉันจะอยู่ห่างจากแม่ทัพเฟิงเข้าไว้ ดังนั้นเรื่องวันนี้ ลืมมันไปเสียเถิดเจ้าค่ะ”
“ลูกสาวของข้าถูกรุมทำร้ายทั้งคน แล้วจะให้ข้าลืมมันไปได้เยี่ยงไร”
เฟิงอู๋โยวมองเป่ยถางหลงถิงอย่างเย็นชาและพูดขึ้นทีละคำ “ไม่คิดว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยหลี่จะโง่เขลาถึงขนาดนี้! เจ้าเป็นถึงบุคคลสำคัญผู้มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ ไฉนถึงมองกลอุบายของลูกสาวตัวเองไม่ออก ข้าไปดูถูกเป่ยถางหลีอินตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะเชื่อเรื่องไร้สาระของนาง!”
“บังอาจ!”
“นี่คือแคว้นตงหลิน ไม่ใช่แคว้นเป่ยหลี ต่อให้ข้าจะอวดดีแค่ไหน เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ลงโทษข้า” เฟิงอู๋โยวปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า ก่อนฟันมือเข้าไปที่แขนของเป่ยถางหลงถิงเต็มแรง
ทว่าแขนของเป่ยถางหลงถิงนั้นแข็งราวกับเหล็ก
ฝ่ามือของเฟิงอู๋โยวไม่เพียงทำร้ายเขาไม่ได้ แต่นางกลับเป็นฝ่ายเจ็บตัวแทน
“เจ้ากล้าดี คิดสู้กับข้ากระนั้นหรือ”
ครั้งหนึ่งเป่ยถางหลงถิงเคยชื่นชอบการลงมืออย่างเด็ดขาดของเฟิงอู๋โยวเป็นที่สุด แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความดื้อรั้นไม่เจียมตัวในสายตาของเขา
แต่กระนั้น เขาก็ยังยอมรับในความสามารถของเฟิงอู๋โยวอยู่ หากนางยินดียอมรับฟังเขาแต่โดยดี เขาจะไม่ทำอะไรกับนางแน่นอน
น่าเสียดายที่เฟิงอู๋โยวปฏิเสธความผิดของตัวเองตามที่เขาเพิ่งกล่าวไป ทั้งที่ไหว้วานมือสังหารจากสำนักหนึ่งอนันต์ไปทำร้ายเป่ยถางหลีอินจนสภาพดูไม่ได้แบบนี้ แล้วยังมาทำปากแข็งอีก
เขาทั้งใช้ยาทาลดบวมทั้งตำหนักเป่ยถางถึงจะสามารถรักษาอาการบวมช้ำบนใบหน้าสวยๆ ของเป่ยถางหลีอินเอาไว้ได้
ปั้ง!
กู่หนานเฟิงถีบเปิดประตูอีกครั้ง เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากเป่ยถางหลงถิงก็พลันโกรธจัดขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะถึงอย่างไรเฟิงอู๋โยวก็เป็นถึงคนโปรดของจวินมั่วหรัน เขาก็สัญญากับจวินมั่วหรันแล้วว่าจะดูแลนางอย่างดีและจะไม่ปล่อยให้นางถูกรังแก
ฟุบ!
“เฟิงอู๋โยวกลั้นหายใจ!”กู่หนานเฟิงโปรยผงกระดูกอ่อนลงบนใบหน้าของเป่ยถางหลงถิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
“แค่กๆ”
เป่ยถางหลงถิงหลบไม่ทัน ทำให้เผลอสูดผงกระดูกอ่อนเข้าไปหลายเฮือก ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนเส้นลมปราณทั่วร่างกายถูกปิดกั้น ส่งผลให้ไม่สามารถรีดเค้นกำลังภายในออกมาได้
“เสด็จพ่อ เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ”เป่ยถางหลีอินก้าวเข้าประคองเป่ยถางหลงถิงอย่างระมัดระวัง
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยอ่อนโยน คิ้วโก่งงามได้รูปรับกับจมูกของนาง ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนขับนางให้ดูเหมือนดอกไม้ และขับผิวพรรณให้ดูขาวพิสุทธิ์กว่าหิมะ
“ไม่เป็นอะไร”
เป่ยถางหลงถิงกลั้นลมหายใจพลางตั้งสติกลับคืนมา และเนื่องจากเขาพยายามใช้กำลังภายในสภาพที่เส้นลมปราณในร่างกายถูกปิดกั้น ทำให้กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“เทียนหลง ตี้หู ส่งแขก”
เฟิงอู๋โยวเอ่ยอย่างเย็นชา นางคิดไม่ถึงว่าเป่ยถางหลงถิงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงเทพเจ้าสงครามแห่งแคว้นเป่ยหลีจะมีสภาพเป็นแบบนี้
เป่ยถางหลงถิงตั้งใจที่จะจากไปเอง เพราะต้องบอกเลยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเฟิงอู๋โยวได้มีส่วนร่วมอย่างมากต่อความมั่นคงและสันติภาพของแคว้นเป่ยหลี
วันนี้เขาตั้งใจจะมาสอนบทเรียนให้นางในโทษฐานทำร้ายเป่ยถางหลีอินแต่เขาไม่เคยคิดที่จะปลิดชีวิตนาง
“แม่ทัพเฟิง ข้าจะไม่ถือสากับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะวางมือจากเรื่องชั่วช้าและกลับตัวกลับใจเดินอยู่บนทางที่ถูกต้องก็เท่านั้น” เป่ยถางหลีอินก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“เป่ยถางหลีอิน ข้าแค่อยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อใส่ร้ายข้า”เฟิงอู๋โยวมองเป่ยถางหลีอินอย่างรังเกียจ
“อ๊าย”
เป่ยถางหลีอินกรีดร้องเสียงหลงอย่างตกใจ
น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน คล้ายเจือเสียงสะอื้นขึ้นมา “แม่ทัพเฟิง ไฉนต้องแทงข้าด้วยเข็มเงิน”
ทันใดนั้น นางดึงเข็มสีเงินเปื้อนเลือดสองเล่มออกจากแขนเสื้อของนาง
เป่ยถางหลงถิงเห็นเช่นนั้นก็โกรธจัดขึ้นมาอีกระลอก ครั้นแล้วจึงพยายามเค้นกำลังภายในทั้งหมดในร่างกายของตัวเองโคจรขึ้นเป็นฝ่ามือวายุ โจมตีเข้าใส่หน้าอกของเฟิงอู๋โยวอย่างเต็มแรง
เฟิงอู๋โยวรีบยกแขนขึ้นเพื่อป้องกันหน้าอกของนางตามสัญชาตญาณ ก่อนเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
แต่ทันทีที่นางเพิ่งหลบไปอย่างหวุดหวิด เป่ยถางหลงถิง ได้เหวี่ยงแขนเสื้อของเขาออกกว้าง และปล่อยฝ่ามือวายุสังหารอีกลูกเข้าใส่กลางหลังของเฟิงอู๋โยวอย่างจัง
“อั่ก!”
เฟิงอู๋โยวถูกโจมตีจนกระเด็นล้มไถลลงไปนอนกับพื้น เลือดกลบเต็มปาก
“อู๋โยว!”
“สหายอู๋โยว!”
เฟิงอี้กับหลงเทียนฉีหน้าถอดสีลงทันที พวกเขาพุ่งเข้าไปพยุงเฟิงอู๋โยวนอนอยู่บนพื้นคนละข้าง
เป่ยถางหลงถิงไม่คิดว่าเฟิงอู๋โยวจะบาดเจ็บขนาดนี้ ภายในใจถึงรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เมื่อเขาเห็นแขนที่เปื้อนเลือดของเป่ยถางหลีอินหัวใจของเขาก็เยือกเย็นลงและเหี้ยมโหดขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็เตือนเฟิงอู๋โยวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เฟิงอู๋โยว ถ้าเจ้าริอ่านรังแกหลีอินอีกครั้ง ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าด้วยมือของข้าเอง”
“อ๋าวฮู๋ว…”
เมื่อเห็นเฟิงอู๋โยวได้รับบาดเจ็บ อาหวงจึงพุ่งเข้าไปกัดเป่ยถางหลงถิงทันที
“อาหวง กลับมา!”
เฟิงอู๋โยวกลัวว่าอาหวงจะถูกเป่ยถางหลงถิงตบจนตาย ดังนั้นจึงตะโกนเรียกมันกลับมา
เป่ยถางหลงถิงกำลังจะตบอาหวงเพื่อระบายอารมณ์ แต่กู่หนานเฟิงตาไวและมือไวกว่า คว้าอาหวงไว้ในอ้อมแขนของเขาเอาไว้ทัน
“เป็นถึงฮ่องเต้ แต่กับคิดลงกับสุนัข มันช่างน่าไม่อาย”
แม้ว่ากู่หนานเฟิงจะไม่ชอบอาหวง แต่เขาไม่ชอบเป่ยถางหลงถิงและเป่ยถางหลีอินยิ่งกว่า
เป่ยถางหลงถิงไม่มองกู่หนานเฟิงในสายตาแม้แต่น้อย สายตาเพียงจ้องมองไปที่เฟิงอู๋โยวอย่างน่าเกรงขาม “เฟิงอู๋โยว ถ้าเจ้ายอมขอโทษหลีอินอย่างจริงใจ ข้าจะอนุญาตให้เจ้ากลับไปรับตำแหน่งเดิมของเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รูม่านตาของเป่ยถางหลีอินก็หดเกร็งทันที นางกัดริมฝีปากล่างแน่น สายตาจ้องมองเฟิงอู๋โยวที่มีเลือดไหลออกจากมุมปากอย่างอาฆาต นางไม่เข้าใจว่าทำไมเป่ยถางหลงถิงถึงต้องใจอ่อนกับเฟิงอู๋โยวทุกครั้งไป
“เป่ยถางหลงถิง เจ้าอยากตายนักหรือ”
ทันใดนั้น จวินมั่วหรันในเสื้อคลุมสีดำก็กระโดดลงมาจากท้องฟ้า
เขาเดินเข้าไปหาเฟิงอู๋โยว ก่อนจะสวมกอดและพยุงนางขึ้นมา “โทษทีที่ข้ามาสาย”
“ท่านใต้เท้าขอรับ ไอ้สารเลวเป่ยถางหลงถิงมันทำร้ายกระหม่อมขอรับ!” เฟิงอู๋โยวพยายามกลั้นน้ำตาไม่ได้ร้องไห้ มือทั้งสองข้างกุมหน้าอกแน่น พร้อมกับบีบตัวห่อไหล่อยู่ด้านหน้าจวินมั่วหรัน
“บังอาจ!”
เป่ยถางหลงถิงไม่คิดว่าเฟิงอู๋โยวจะกล้าเรียกเขาว่า “ไอ้สารเลว”
“คนที่กล้าดีคือเจ้าต่างหาก”
จวินมั่วหรันค่อยๆ เช็ดเลือดที่มุมปากของเฟิงอู๋โยว จากนั้นก็ชักกระบี่สะบั้นมังกรชี้หน้เป่ยถางหลงถิง “ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคนของข้า ผู้นั้นต้องตายสถานเดียว”
เป่ยถางหลีอินจ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่ติของจวินมั่วหรัน หัวใจของนางก็พลันเต้นแรงขึ้น
นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว มือเรียวๆ ของนางลูบไล้ไปบนใบดาบ “ท่านคือเซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงหลินใช่หรือไม่ หม่อมฉันคือเป่ยถางหลีอินจากแคว้นเป่ยหลี ขอคารวะเจ้าค่ะ”