จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – บทที่ 1366-1370

บทที่ 1366-1370

บทที่ 1366 : ความโกรธเกรี้ยวของปรมาจารย์หลิง (4)
ปัง !
ครานี้ปรมาจารย์หลิงไม่ได้กล่าวอะไรมาก เพียงพริบตาเขาก็เหินร่างไปปรากฏกายข้างหลังปรมาจารย์ฮวง
ฝ่ามือของเขามาพร้อมกับแรงผลักดันรุนแรงไม่ต่างจากพายุ
ในช่วงเวลาที่ลมพวยพุ่งออกจากฝ่ามือของเขา ปรมาจารย์ฮวงก็พุ่งหมัดรับเสียงดังโครมคราม หมัดทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ ราวกับกองกำลังปะทะกันสนั่น อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืน
อาคาร และต้นไม้โดยรอบถูกสายลมพัดแรง กระทั่งลอยละลิ่วไปตามลม
ทั้งสองต่อสู้กันชนิดไม่มีใครยอมใคร
ปรมาจารย์ฮวงมองใบหน้าที่เย็นชาของปรมาจารย์หลิง พลันความโกรธในอกของเขาก็ไม่สามารถควบคุมได้ไม่ต่างจากภูเขาไฟระเบิด
“นั่นพวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน ?”
การต่อสู้ดึงดูดผู้คนจากเทวาคารให้ออกมา ครั้นแลเห็นคนทั้งสองเผชิญหน้ากัน พวกเขาต่างก็ขมวดคิ้วพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจ นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
“ปรมาจารย์หลิง” ปรมาจารย์อวี้เอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าถึงได้ทำร้ายปรมาจารย์ฮวงทันทีที่กลับมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
ปรมาจารย์หลิงมองปรมาจารย์หลายคนที่เข้ามารายล้อมอย่างเย็นชาพลางหัวเราะเยาะ “ถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังถามข้าอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น ? ปรมาจารย์ซวนกับข้าจากไปเพียงแค่ไม่กี่วัน พวกเจ้าก็ทำสงครามกลางเมืองกันแล้ว พูดมาสิว่าพวกเจ้าคนใดที่สังหารปรมาจารย์หง ? ออกมาพบข้า ให้ข้าฆ่าซะดี ๆ !”
“พูดบ้าอะไร !”
ปรมาจารย์ฮวงสงบใจไม่ไหวแล้ว ความโกรธปะทุขึ้นในใจของเขากระทั่งเจียนระเบิด เขาชี้ไปที่ปรมาจารย์หลิงเสียงของเขาสั่นสะท้าน “เหตุใดเจ้าถึงคอยหาเรื่องคนอื่นเสมอ ปรมาจารย์หลิง ข้าเห็นมาตลอดว่าสายตาของเจ้าไม่พอใจข้า เช่นนั้นเจ้าจึงจงใจหาเรื่องข้าโดยเฉพาะ”
พวกเขาเริ่มทำสงครามกลางเมืองกันเมื่อใด ? เหตุใดพวกเขาจึงไม่รู้เรื่อง ในทางกลับกัน เมื่อปรมาจารย์หลิงกลับมาก็ลงมือโดยไม่ถามไถ่อะไรสักคำ เห็นได้ชัดว่าเจตนาเริ่มต้นหาเรื่องก่อน !
“เจ้าทั้งสองหยุดเดี๋ยวนี้เลย !” นัยน์ตาของปรมาจารย์ซวนเคร่งขรึมลง เขาเหลือบมองปรมาจารย์หลิง และประมาจารย์ฮวง จากนั้นก็หันไปจ้องปรมาจารย์อวี้และคนอื่น ๆ “นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้นในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่ ? แล้วปรมาจารย์หงล่ะตายยังไง ?”
ปรมาจารย์หลิงยังตามืดมนด้วยความโกรธ หากเทวาคารเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นจริง สภาพคงจะไม่ใช่อย่างที่เป็นเช่นในตอนนี้ ดังนั้นต้องมีบางอย่างที่พวกเขายังไม่รู้
“ปรมาจารย์ซวน” ปรมาจารย์อวี้ครุ่นคิดสักพัก “ไม่นาน หลังจากที่เจ้าจากไปในวันนั้น สถานที่ฝึกฝนเหล่าอัจฉริยะและภูเขาโอสถของเราก็ถูกโจมตี พวกเราทุกคนออกไปจับกุมคนเหล่านั้น เหลือเพียงปรมาจารย์หงปกป้องที่นี่”
กำปั้นของปรมาจารย์หลิงลดลงอย่างช้า ๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตาที่เศร้าหมองของเขาหันไปมองปรมาจารย์อวี้
ปรมาจารย์อวี้กล่าวต่อ “ไม่คาดคิดว่าหญิงผู้นั้นจะกลับมา ! และไม่เพียงแต่กลับมาเท่านั้น นางยังพาชายชราวิปลาสมาด้วย ไม่รู้ว่าพลังของชายชราวิปลาสนั่นกลับคืนมาได้ยังไง เช่นนั้นเพื่อปกป้องรั่วซีปรมาจารย์หงจึงต้องสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือของคนพวกนี้”
กระไรนะ ?
ถ้อยคำของปรมาจารย์อวี้ราวสายฟ้าฟาด ทำให้สองคนที่เพิ่งมาถึงตาค้างทันที
“เจ้าบอกว่าปรมาจารย์หงถูกชายชราวิปลาสสังหารกระนั้นรึ ?” ปรมาจารย์หลิงกำหมัดแน่น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ชายชราคนนั้นฟื้นพลังได้อย่างไร ?
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน !
“ใช่แล้ว ตามที่รั่วซีกล่าวมาก็เป็นจริงตามนี้ เจ้าก็รู้จักอุปนิสัยของรั่วซีดี นางเป็นคนใจดีและอ่อนโยน นางไม่ใช่คนโกหก และเพราะการตายของปรมาจารย์หง รั่วซีก็เอาแต่โทษตนเอง หากมิใช่เพราะภาระในการกอบกู้อาณาจักรสวรรค์ ข้าเกรงว่า ในวันนั้น นางอาจเลือกที่จะตายไปพร้อมปรมาจารย์หงแล้ว”
ปรมาจารย์อวี้ถอนหายใจเบา ๆ
นางเป็นสตรีที่แสนดีเช่นนี้ เหตุใดราชาเทพสวรรค์ถึงไม่ชอบนาง ?
เมื่อเทียบกับไป๋หยานแล้ว หญิงผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถือรองเท้า ให้หยุนรั่วซีด้วยซ้ำ !
บทที่ 1367 : ความโกรธเกรี้ยวของปรมาจารย์หลิง (5)
หญิงสองคน คนหนึ่งคือท้องฟ้าอีกคนหนึ่งคือธุลีดิน คนหนึ่งบริสุทธิ์ราวปุยเมฆขาว ส่วนอีกคนก็สกปรกเละเทะไม่ต่างจากโคลนเลน
และหญิงสาวที่บริสุทธิ์ อีกทั้งงดงามเช่นนี้ก็คู่ควรกับราชาเทพสวรรค์ น่าเสียดาย ที่ในใจของราชาเทพสวรรค์มีเพียงไป๋หยานเท่านั้น !
“ว่าแต่ สงครามกลางเมืองที่เจ้าเพิ่งพูดถึงคืออะไร ?” ปรมาจารย์อวี้ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกจึงเอ่ยถาม
อย่างไรก็ตามหลังจากเขากล่าวจบลง การแสดงออกของปรมาจารย์ซวน และปรมาจารย์หลิงก็ยิ่งดูน่าเกลียด สีหน้าของทั้งสองซีดมาก
“ก่อนหน้านี้ ตอนที่เราอยู่ในเมืองสัตว์อสูร ไป๋หยานบอกว่าเทวาคารเกิดสงครามกลางเมือง และปรมาจารย์หงสิ้นชีวิตแล้ว กอรปกับที่เราได้รับข่าวจากปรมาจารย์ฮวง เราจึงคิดว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นในเทวาคาร เช่นนั้น … “
ใบหน้าของปรมาจารย์ซวนเคร่งขรึมลงเล็กน้อย เขารู้ว่าพวกเขาทั้งหมดถูกไป๋หยานวางกับดักแล้ว
เมื่อเทียบกับปรมาจารย์ซวนแล้ว ใบหน้าของปรมาจารย์หลิงนั้นแลดูน่ากลัวและบิดเบี้ยวมากกว่า นัยน์ตาของเขาเป็นสีแดงราวเพลิงที่ลุกโชน
อาณาจักรอสูร ไป๋หยาน ตี้คัง !
ไอ้พวกสารเลว ไอ้พวกชั่วช้า !
“ข้าไม่คิดว่าไป๋หยานจะกล้าโกหกข้าเช่นนี้ !” ปรมาจารย์หลิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พลางกัดฟันกรอด
ปรมาจารย์ฮวงเช็ดเลือดที่มุมปากของตน พลางหัวเราะเยาะ “นี่คงเป็นเหตุที่ว่า ไยเจ้าถึงลงมือกับข้าโดยไม่ไถ่ถามแม้สักคำ หลังจากที่เจ้ากลับมาแล้วงั้นสิ ?”
ปรมาจารย์หลิงเริ่มไม่พอใจ เขามีทีท่าราวจะโกรธมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อถูกปรมาจารย์ฮวงเอ่ยถาม และมองเขาอย่างเย็นชา “เมื่อเจ้ารู้ว่านี่เป็นความเข้าใจผิด เหตุใดเจ้าถึงไม่อธิบาย ?
เนื่องจากความแข็งแกร่งของชายชราวิปลาสลดทอนลงไป ยามนี้เขาจึงเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเทพปรมาจารย์ เช่นนั้นเขาจึงยโสโอหังมาตลอด ทั้งจะไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง แม้ว่าเขาจะทำผิดก็ตาม !
นอกจากนี้เขาก็ไม่เคยคิดว่าตนเองผิดด้วย !
ต่อให้เขาเข้าใจผิดแล้วไงล่ะ ? เหตุใดตาแก่นี่ไม่แก้ตัวล่ะ ? หากตาแก่นี่อธิบายจะเกิดเรื่องเกิดราวได้อย่างไร ?
“หลิงหยุน !”
ปรมาจารย์ฮวงโกรธมาก เขากัดฟันอย่างดุดัน และถึงกับเรียกชื่อ และแซ่ของปรมาจารย์หลิง “นี่เจ้าหมายความว่าไง ? เป็นเจ้าที่ลงมือก่อนโดยไม่แม้จะเอ่ยถามสักคำ ข้าคิดว่า เจ้ากำลังพยายามหาเรื่องข้าไงล่ะ ? ผู้ใดจะรู้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แทนที่จะรีบขอโทษ เจ้ายังทำยโสเช่นนี้อีก !”
“เฮอะ !” ปรมาจารย์หลิงตะคอกอย่างเย็นชา ประกายแสงดูถูกฉายในแววตาของเขา เขากล่าวออกมาอย่างเย่อหยิ่ง “แม้ว่านี่จะเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด หากแต่เทวาคารก็สูญเสียผู้คนไปตั้งมากมาย หากไม่นับเรื่องเข้าใจผิด เจ้าก็ควรจะโดนหมัดนั่นอยู่ดี !”
เลือดของปรมาจารย์ฮวงแทบจะพุ่งออกมา เขาไม่เคยเห็นชายชราคนไหนไร้ยางอายเช่นปรมาจารย์หลิงคนนี้เลย
“พอแล้ว พวกเจ้าสักคนหนึ่ง ช่วยพูดให้น้อยลงกว่านี้สักคนละคำสองคำเถอะ !” ปรมาจารย์ซวนขัดจังหวะทั้งสองอย่างรวดเร็ว “เรื่องสำคัญของเราตอนนี้ก็คือ การบูรณะเทวาคาร และหาวิธีจัดการกับคนในแดนอสูรนั่นมากกว่า”
ปรมาจารย์อวี้ผงะ เขาเอ่ยถามอย่างลังเล “ราชาเทพสวรรค์ จะทรงยอมให้เราทำเช่นนั้นหรือ ?”
ปรมาจารย์ซวนยิ้มน้อย ๆ “อาณาจักรอสูรมาหาเรื่องถึงหน้าประตู ซ้ำยังสมคบกับชายชราวิปลาสฆ่าปรมาจารย์หงของเราอีก จะให้เรานั่งเฉย ๆ ไม่สนใจอะไรอยู่ได้อย่างไร ? นอกจากนี้นับแต่นี้เราควรวางแผนที่จะโจมตีอาณาจักรอสูรและเลิกใส่ใจราชาเทพสวรรค์กันก่อนเถอะ”
หากเป็นเวลาปกติ พวกเขาอาจจะเกรงใจคำสั่งราชาเทพสวรรค์อยู่บ้าง
ทว่า…
หายนะกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ไม่สามารถรั้งรอได้อีกต่อไป
มีเพียงให้หยุนรั่วซีฟื้นฟูร่างกายของนางเท่านั้นที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของผู้คนนับพันในอาณาจักรสวรรค์ได้ !
เช่นนั้นราชาเทพสวรรค์ควรรู้ว่าต้องเลือกอะไร ?
“ปรมาจารย์หลิง” ปรมาจารย์ซวนหันหน้าช้า ๆ ไปมองหลิงหยุน “เราควรส่งคนออกตามหาราชาเทพสวรรค์ด้วย เพราะดูจากท่าทีของราชาอสูรแล้ว แม้ว่าแดนอสูรจะมีองค์หญิงน้อยจริง ๆ เขาก็อาจจะไม่ยอมมอบนางให้กับเรา บางทีมีเพียงราชาเทพสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำได้ … “
บทที่ 1368 : ความโกรธเกรี้ยวของปรมาจารย์หลิง (6)
น่าเสียดายที่ราชาเทพสวรรค์อยู่ไม่เป็นที่ ครั้งสุดท้ายกว่าจะหาตัวเขาพบก็แสนยาก และก่อนที่พวกปรมาจารย์เหล่านี้จะทันได้พบเขา เขาก็หายตัวไปอีกแล้ว …
เช่นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พบเขา
“แล้วอย่าลืม ส่งคนไปคอยปกป้องหยุนรั่วซีเพิ่มอีกสักสองสามคนด้วย” ปรมาจารย์ซวนขมวดคิ้ว “หญิงผู้นี้ละเอียดอ่อน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความผิดของนาง ทว่านางกลับสำนึกผิดและโทษตนเอง หากไป๋หยานมีความเมตตา และมีเหตุผลได้สักครึ่งหนึ่งของนาง เรื่องราวคงจะไม่เป็นเช่นนี้”
ทุกคนต่างเงียบ ขณะนี้ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยความเงียบอย่างประหลาด
หญิงสาวที่มีจิตใจดีเช่นนี้ กลับไม่ได้รับความรักจากคนที่นางรัก นี่ช่างเป็นสิ่งที่เศร้าใจอย่างยิ่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ปรมาจารย์หลิงหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าราชาเทพสวรรค์ไม่ชอบรั่วซีใช่หรือไม่ ? ดูแปลก ๆ ใช่มั้ย ? เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าอาจเกี่ยวกับนิสัยเฉยเมย และเย็นชาของนาง ? นางจะเอาชนะความร้ายกาจ และเจ้าเล่ห์ของไป๋หยานได้อย่างไร ?”
มุมปากของปรมาจารย์อวี้ขยับเล็กน้อย เขาอยากจะกล่าวบางอย่าง ทว่าสุดท้ายก็ไม่สามารถกล่าวออกมาได้
ปรมาจารย์หลิงพูดถูก รั่วซีดูเฉยเมยห่างเหิน อีกทั้งนางก็เรียบง่ายราวกับดอกบัวขาวที่ไม่แปดเปื้อนเรื่องทางโลก มีหรือที่นางจะสู้หญิงเจ้าเล่ห์ผู้นั้นได้ ?
เรื่องนี้เรื่องเดียว นางก็แพ้แล้ว !
อย่างไรก็ตาม ด้วยความใจดีมีเมตตาของหยุนรั่วซี พวกเขาย่อมต้องช่วยเหลือนางไม่ว่ากรณีใด พวกเขาก็จะต้องช่วยให้นางสมหวังกับสิ่งที่นางปรารถนามายาวนาน
ในชีวิตนี้ไม่มีใครควรค่าพอที่จะทำให้นางผิดหวัง !
*****
ณ ลานหลังเทวาคาร
หยุนรั่วซีนั่งอยู่ข้างศาลา สาวใช้ยืนข้าง ๆ นางกำลังรายงานสิ่งที่ปรมาจารย์หลิง และคนอื่น ๆ เพิ่งพูดกัน
หยุนรั่วซีรับฟังพลางหัวเราะเบา ๆ
“แท้จริงแล้วสิ่งที่ปรมาจารย์หลิงพูดมานั้นไม่ผิด ข้าไม่แยแสสิ่งใดในโลกจริง ๆ ข้าไม่เหมือนไป๋หยาน นางเป็นห่วงและเอาใจใส่เรื่องต่าง ๆ มากเกินไป นางต้องการขึ้นไปยืน ณ จุดสูงสุดคอยยืนมองสรรพชีวิตต่าง ๆ บนโลกใบนี้ ทว่าสำหรับข้า สิ่งเดียวที่ข้าต้องการ ก็คือเฟิงลี่เฉินผู้เดียวเท่านั้น”
ไป๋หยานต้องการครองโลก นางต้องการยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดในอาณาจักรสวรรค์
ทว่าสิ่งเดียวที่หยุนรั่วซีต้องการก็คือ เฟิงลี่เฉิน
หากแต่หยุนรั่วซีลืมไปว่า ถึงไป๋หยานจะต้องการครอบครองโลกใบนี้ ทว่านางก็พยายามไขว่คว้าด้วยความสามารถ และความแข็งแกร่งของนางเอง
นางไม่มีวันแย่งชิงทุกอย่างไปจากผู้อื่น …
“แต่ … ” หยุนรั่วซีหรี่ตาลงช้า ๆ รอยยิ้มกระเพื่อมบนริมฝีปากของนาง “ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ข้าพบนาง ดูเหมือนว่านางจะกำลังตั้งครรภ์ด้วย”
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่แวบเดียว หากแต่ … หยุนรั่วซีก็ยังสังเกตเห็นหน้าท้องส่วนล่างที่ยื่นออกมาของไป๋หยาน
ทว่าครั้งสุดท้ายที่ข้าได้พบนาง หน้าท้องส่วนล่างของนางกลับมาแบนราบ เห็นได้ชัดว่านางให้กำเนิดลูกแล้ว
หากไป๋หยานคลอดบุตรสาว และคนในเทวาคารรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะต้องไปนำบุตรสาวของนางมาอย่างแน่นอน และเด็กหญิงคนนั้นก็จะไม่พ้นชะตากรรมน่าอนาถ !
แววตาของหยุนรั่วซีเคร่งขรึมลง นางสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังว่า “ไปสืบมาสิว่า ไป๋หยานคลอดบุตรสาวหรือไม่ ? หากนางให้กำเนิดบุตรสาวก็กลับมาแจ้งข้าด้วย”
ถ้าเดาไม่ผิด ปรมาจารย์หลิงอาจรู้เรื่องการตั้งครรภ์ของไป๋หยานมาก่อนหน้า ทว่าไม่นานมานี้มีหลายสิ่งเกิดขึ้นมากมายเกินไป เขาเลยจำเรื่องนี้ไม่ได้ และนางก็จะไม่มีโอกาสฆ่าเด็กคนนั้นเสียก่อน
ด้วยวิธีนี้ นางก็ไม่ต้องเผชิญกับหายนะที่กำลังจะมาถึง …
ประกายแสงวาบวับในดวงตาของหยุนรั่วซี ผู้คนในแดนสวรรค์ต่างมองว่านางเป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นจากหายนะ มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่า นางเป็นผู้ช่วยตัวปลอม หากนางไม่อาจฟื้นฟูพลังได้ นางก็ยังมีข้ออ้างที่จะขอความคุ้มครองจากพวกเขา
แทนที่จะวิ่งออกไปรนหาที่ตายเอง …
คนเหล่านั้นจะปกป้องนางด้วยความหวังเล็ก ๆ ความหวังสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ !
บทที่ 1369 : เด็กสร้างบ้านทั้งนั้น (1)
“ไปได้…”
หยุนรั่วซีผ่อนลมหายใจออกอย่างช้า ๆ เกิดแสงเย็นวาบในดวงตาของนาง “รอจนกว่าข่าวนี้จะได้รับการยืนยัน แล้วรีบมาแจ้งให้ข้าทราบ”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
สาวใช้ทำความเคารพจากนั้นก็ก้าวถอยหลังผละไป
เหลือเพียงหยุนรั่วซีตามลำพังในลานหลังบ้าน นางเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าอย่างเงียบ ๆ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยประกายแสงชั่วร้าย
“ไป๋หยาน เจ้าตำหนิข้าไม่ได้นะ หากจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าให้กำเนิดบุตรสาว เช่นนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะมีบุตรชาย”
ชั่วขณะนี้ ร่างในชุดคลุมสีดำก็ร่อนลงมาจากด้านหลังหยุนรั่วซี ผู้มาใหม่จ้องมองนางด้วยแววตาที่ซับซ้อน
“เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่ได้ ?” แววตาของหยุนรั่วซีเปลี่ยนไป ประกายเบื่อหน่ายส่องชัดในดวงตาของนาง “ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือไรว่า เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวโดยปราศจากคำสั่งของข้า เจ้าทำเป็นหูทวนลมกับคำพูดของ
ข้ากระนั้นหรือ ?”
ชายในชุดดำยืนอยู่ด้านหลังหยุนรั่วซี ลำตัวของเขายืดตรงราวรูปปั้นไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้า” เสียงของเขาแหบแห้ง ทว่าก็ฟังออกไม่ยากว่าเป็นเสียงของชายหนุ่ม “ข้าพบที่อยู่ของราชาเทพสวรรค์แล้ว”
หัวใจของหยุนรั่วซีอึดอัดขึ้นทันใด สัมผัสแห่งความตื่นเต้นพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“เจ้ารู้จริง ๆ หรือว่าพี่เฟิงอยู่ที่ใด ?”
นับแต่วันนั้นที่จู่ ๆ เฟิงลี่เฉินก็ปรากฏตัว และเตือนนางว่า อย่าได้คิดทำร้ายไป๋หยาน จากนั้นเขาก็หายตัวไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่าตราบใดที่เขาไม่เต็มใจที่จะปรากฏตัวก็จะไม่มีผู้ใดพบเขา
ทว่า…
ทว่าหยุนรั่วซีก็ไม่ยอมแพ้ ในเมื่อเฟิงลี่เฉินหลบหน้านาง นางก็พยายามให้คนอื่นออกตามหาที่อยู่ของเขา
ไม่คาดคิดเลยว่า แม้แต่พวกปรมาจารย์เหล่านั้น กระทั่งเบาะแสก็ยังไม่พบ ทว่านางกลับพบเบาะแสของเขา !
หยุนรั่วซีกะพริบตา “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปได้”
ชายในชุดคลุมสีดำเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ชั่วขณะนี้ใบหน้าของเขาพลันโผล่ออกมาจากใต้เสื้อคลุมสีดำ
ชายผู้นี้หล่อมาก ทว่าดูละเอียดอ่อนราวกับอิสตรี ครั้นเห็นทีท่าที่หนักแน่นของหยุนรั่วซี เขาก็ตกใจเล็กน้อย เขากล่าวว่า “รั่วซี เจ้าปล่อยวางจากเขาไม่ได้จริง ๆ หรือ ?”
“ขอเพียงเจ้าวางเรื่องเขาลงได้ และออกจากเทวาคารแห่งนี้ไปพร้อมกับข้า ข้าจะทำให้เจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขตลอดไป”
ใบหน้าของหยุนรั่วซีเคร่งขรึมขึ้นทันที “เจ้ามีคุณสมบัติใดถึงมาทักท้วงข้า อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นเพียงสุนัขที่ข้าช่วยไว้ในตอนนั้น ! เจ้าไม่มีทางเทียบพี่เฟิงได้ เหตุใดข้าต้องติดตามเจ้าด้วย ?”
อย่าลืมนะ เจ้าก็เป็นแค่สุนัขที่ข้าเคยช่วยไว้ตอนนั้น …
ชายในชุดดำกำหมัดแน่น หัวใจของเขาราวถูกบีบด้วยมือจนแน่น กระทั่งเขาหายใจไม่ออกด้วยความเจ็บปวด
เขาค่อย ๆ หลับตาลง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาภายใต้เสื้อคลุมสีดำแลดูเจ็บปวดเล็กน้อย
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอโทษด้วยรั่วซี ข้าถือวิสาสะมากเกินไป”
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลืมตาขึ้น เสียงแหบ ๆ ของเขาเจือความขมขื่นเล็กน้อย
“นอกจากนี้ หากเจ้ามีสิ่งใดก็บอกกับสาวใช้ของข้า อย่ามาเสนอหน้าต่อหน้าข้าอีก เดี๋ยวปรมาจารย์พวกนั้นจะมาเห็นเข้า !”
แววตาของหยุนรั่วซีจริงจัง มีแสงเย็นวาบวับผ่านนัยน์ตาของนาง “นอกจากนี้ เจ้าก็เป็นได้แค่คนที่ไม่อาจออกมาสู่แสงสว่างได้”
ชายชุดดำเม้มริมฝีปากบาง ๆ ไม่กล่าวคำใดอีก
รั่วซีพูดถูก เขาเป็นคนที่ไม่อาจออกมาพบแสงสว่างได้
เช่นนั้น…
เขาจึงไม่สมควรยืนเคียงข้างนาง !
ครั้นเห็นว่าชายหนุ่มไม่กล่าวคำใดอีก การแสดงออกของหยุนรั่วซีก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ในเมื่อครั้งนี้เจ้าก็มาถึงที่นี่แล้ว ข้าเองก็เพิ่งบอกให้สาวใช้ของข้าออกไปสืบข่าว เมื่อเจ้ามาที่นี่แล้ว เรื่องนี้ก็ให้เจ้าไปจัดการก็แล้วกัน”
“อะไรรึ ?”
“เจ้าจงไปที่เมืองสัตว์อสูร ไปดูสิว่าราชินีแห่งอาณาจักรอสูรให้กำเนิดบุตรหรือไม่ ? หากนางให้กำเนิดบุตรสาวก็จงอย่าได้รอช้า รีบจัดการกับเด็กคนนั้นเสีย !”
บทที่ 1370 : เด็กสร้างบ้านทั้งนั้น (2)
ชายชุดดำตัวแข็งค้าง เขาเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาจับจ้องมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวของหยุนรั่วซี
“รั่วซี นั่นเป็นเด็กนะ”
มีความซับซ้อนในแววตาของเขา “เจ้าควรจำไว้ว่า ข้าจะไม่ฆ่าคนสองประเภท หนึ่งคือไม่ฆ่าคนชราที่บริสุทธิ์ และอีกหนึ่งคือไม่ฆ่าเด็ก”
“หยูยี่ !” สีหน้าของหยุนรั่วซีเปลี่ยนไปทันที จากนั้นนางก็หัวเราะเยาะ “เด็กนั่นไม่ใช่เด็ก แต่เป็นสัตว์อสูร เจ้าจะไม่ผิดกฎของเจ้าแน่ หากเจ้าฆ่าสัตว์อสูร นอกจากนี้อย่าลืมสิว่าข้าเคยช่วยเจ้าไว้ !”
นอกจากนี้อย่าลืมสิว่าข้าช่วยเจ้าไว้ในตอนนั้น –
หัวใจของหยูยี่สั่นสะท้าน มือที่ไพล่อยู่ข้างหลังของเขาก็กำหมัดแน่น
หลายครั้ง…เขาต้องการที่จะปฏิเสธคำขอของรั่วซี ทว่าทุกครั้งเขาก็ไม่อาจปฏิเสธนางได้ …
ไม่ว่า…หยุนรั่วซีจะโหดร้ายเพียงใด เขาก็จะไม่มีวันลืมเสียงกระซิบอันอ่อนโยนในเวลานั้น
ท้ายสุดแล้ว หญิงผู้นี้แหละที่ทำให้เขามีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เขาตามหานางมานานหลายปี ตามหานางเพื่อตอบแทนนาง เหตุใดนางถึงกลายเป็นคนโหดร้ายถึงเพียงนี้ได้ ?
ในใจของเขา นางยังคงเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขาเนิ่นนานหลายวันในโลกแห่งความมืดมิดนั้น …
“รั่วซี มอบเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ” นัยน์ตาของหยูยี่ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น “ข้าบอกแล้วไงว่า ชีวิตนี้ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้ามีความสุข เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำลายความสุขของเจ้าเป็นแน่”
แม้ว่าเขาจะต้องหมดสิ้นทุกอย่าง เขาก็ไม่เกรงกลัว
ในที่สุด หยุนรั่วซีก็ยิ้มออกมาได้ รอยยิ้มของนางอ่อนหวานมาก “หยูยี่ เมื่อครู่ข้าหงุดหงิดมาก ข้าจึงทำร้ายใจเจ้าโดยไม่เจตนา ขอเพียงเจ้าช่วยข้าทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ข้าให้สัญญาว่าข้าจะให้เจ้าได้ทุกสิ่ง เท่าที่ข้าทำได้ … “
เสียงของนางหยุดลงชั่วขณะ เจตนาสังหารจางหายไปจากนัยน์ตาที่สวยงามของนาง
“ข้าจะสังหารไป๋หยานซะ !”
นางรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของหยูยี่ หากหยูยี่ไปที่นั่น บางทีไป๋หยานอาจต้องตายจริง ๆ
หยูยี่เม้มปาก เขามองหยุนรั่วซี จากนั้นเขาก็ไม่ได้กล่าวคำใดอีก ชุดสีดำที่ไม่ต่างจากเงาก็ค่อย ๆ เลือนหายไปในท้องฟ้า
ครั้นหยูยี่จากไปได้ไม่นาน หยุนรั่วซีก็เห็นใบหน้าชราของปรมาจารย์หลิงมาปรากฏต่อหน้านาง
ในใจของนางรู้สึกมีความสุข “ปรมาจารย์หลิง ท่านกลับมาแล้ว ข้าเพิ่งได้ยินข่าวของราชาเทพสวรรค์”
“จริงหรือ ?”
ความสุขฉายไปทั่วใบหน้าของปรมาจารย์หลิง ประกายแสงเย็นชาในดวงตาของเขาพลันหายไปพร้อมกับถ้อยคำของหยุนรั่วซี
“จริงสิ”
หยูยี่ไม่หลอกนางแน่
เช่นนั้น ข่าวที่เขานำมาบอกต้องเป็นเรื่องจริง
“ปรมาจารย์หลิง ท่านอย่าได้บังคับราชาเทพสวรรค์เลย หากพระองค์ไม่ต้องการเสด็จกลับมาจริง ๆ ก็ปล่อยพระองค์ไปเถอะ…และ … ” หยุนรั่วซีกัดริมฝีปากของนางเบา ๆ พลางหลบตาลง “ปลิดแตงที่ยังไม่สุกก็ย่อมไม่หวาน หากราชาเทพสวรรค์ไม่มีพระทัยรักข้า ข้าก็ไม่อยากฝืนพระทัยพระองค์”
ปรมาจารย์หลิงไม่สนใจถ้อยคำของหยุนรั่วซี หลังจากได้ยินข่าวของเฟิงลี่เฉิน นัยน์ตาที่ตื่นเต้นของเขาพลันสว่างไสวขึ้น ใบหน้าชราของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข
“เจ้าบอกข้าทีสิว่า ตอนนี้ราชาเทพสวรรค์อยู่ที่ใด ? ข้าจะไปตามหาพระองค์ทันที ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องให้ราชาเทพสวรรค์เสด็จกลับมาที่เทวาคารให้จงได้ !”
ประกายแสงน่ากลัวฉายอยู่ทั่วนัยน์ตาของเขา
หากเขาจำไม่ผิด ไป๋หยานตั้งครรภ์แล้ว และนางก็น่าจะคลอดบุตรโดยไม่มีอุบัติเหตุใด ๆ แล้วด้วย หากแต่เขาไม่รู้ว่าเด็กที่นางให้กำเนิดเป็นชายหรือหญิง หากเป็นบุตรสาวก็ดี แต่หากเป็นบุตรชาย ไป๋หยานก็ต้องมีบุตรสาวอีกคน
และสิ่งที่พวกเขาต้องการทำนั้น ก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากราชาเทพสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท