เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ – ตอนที่ 234 ภวังค์ฝันของเซ่อเจิ้งหวาง

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

ตอนที่ 234 ภวังค์ฝันของเซ่อเจิ้งหวาง

ภายในห้อง เฟิงอู๋โยวตกอยู่ในอ้อมแขนของจวินมั่วหรันอยู่พักหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกชาทั้งตัว

นางงงเล็กน้อย ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร แต่ทำไมรู้สึกเหมือนร่างกายถูกสูบพลังออกไป

“มีอะไร”

จวินมั่วหรันผละตัวออกมาเล็กน้อย สายตามองเฟิงอู๋โยวที่กำลังพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปาก

“ท่านน้ำหนักตัวมากเกินไป กระหม่อมคิดว่าร่างกระหม่อมจะปริแตกในไม่ช้า” เฟิงหวูโย่วบ่นอุบ

พวกเขากอดกันในท่านี้ ในขณะที่นางตั้งใจซ่อนมะเขือยาวไว้ในเป้ากางเกง ตามหลักแล้ว จวินมั่วหรันต้องสัมผัสมันได้ไม่ใช่หรือ

โดยปกติแล้ว ถ้าเจออะไรที่ไม่ควรแตะต้อง อีกฝ่ายจะถอยห่างทันที

แต่ด้วยความว่า วันนี้มะเขือยาวหักออกเป็นสองท่อน!

นอกจากนี้ จวินมั่วหรันยังรู้ว่าเฟิงอู๋โยวซ่อนบางอย่างไว้ที่เป้ากางเกง แต่เขารู้ความจริงแล้ว ดังนั้นเขาจะเชื่อกลอุบายเงอะงะแบบนี้ได้อย่างไร

“ท่านต้องการใช้ช้อนเงินช่วยตัวเองหรือไม่ กระหม่อมมีสำรองอยู่ในเรือนแพทย์” เฟิงอู๋โยวรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขา จึงเอ่ยถาม

แต่จวินมั่วหรันกลับไม่เล่นด้วย

เขาพูดขึ้นทีละคำ “ไม่ จำ เป็น”

เฟิงอู๋โยวเม้มริมฝีปาก ก่อนพึมพำ “กลั้นให้ตายไปเลย”

“ช่างไม่เกรงใจกันเลยนะ เดี๋ยวนี้”

จวินมั่วหรันอัดอั้น ถ้าเขาไม่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของนาง ป่านนี้เขาไม่อดกลั้นถึงขนาดนี้หรอก

อย่างไรก็ตาม มือของเขายังคงไม่ผละออกจากท้องส่วนล่างของนางเลย และยังส่งพลังปราณอันอบอุ่นอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรเทาอาการปวดท้องของนาง

ทันใดนั้น เฟิงอู๋โยวรู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายของตัวเอง นางกลัวว่าจวินมั่วหรันจะได้กลิ่นเลือด จึงชิงถามเพื่อบ่ายเบี่ยง “ท่านใต้เท้าได้กลิ่นเลือดหรือไม่”

จวินมั่วหรันหัวเราะในใจ เขาจะไม่ได้กลิ่นได้อย่างไร

เขาแค่ไม่อยากทำให้นางลำบากใจเฉยๆ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จวินมั่วหรันก็ส่ายหัว “ช่วงนี้เหมือนข้าเป็นหวัด การรับกลิ่นผิดปกติ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่เป็นไร กระหม่อมแค่อยากจะบอกท่านว่าถ้าได้กลิ่นเลือด ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะก่อนหน้านี้กระหม่อมได้ใช้เลือดสุนัขดำผสมลงไปในธูปเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงมีกลิ่นผิดเพี้ยนไปจากที่ตั้งใจ หวังว่าท่านใต้เท้าจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้”

“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว ขอข้านอนพักสักครู่ก่อนแล้วกัน”

จวินมั่วหรันตอบเสียงแผ่ว แต่ในใจเขากำลังคิดถึงเรื่องแปลกๆ ที่เฟิงอู๋โยวใช้อ้างอยู่

เขาไม่เชื่อเรื่องธูปเลือดสุนัขดำอะไรนั่นแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นจวินมั่วหรันไม่สนใจเรื่องนี้ เฟิงอู๋โยวก็โล่งใจขึ้นมาทัน

จวินโมหรันที่หลับตาแน่น นางจึงไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย เพราะกลัวจะไปรบกวนเขา

เมื่อช่วงกลางวัน เขาต่อสู้กับเป่ยถางหลงถิงเพื่อนาง ทำให้สูญเสียพลังปราณในร่างกายไม่มาก ดังนั้นไม่แปลกที่เขาจะเหนื่อยและต้องการพักผ่อน

นางห่มผ้าห่มนวมให้เขา ขยับตัวยุกยิกหาตำแหน่งที่สบายที่สุดในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

กลิ่นหอมจางๆ จากเครื่องร่ำแป้งหอมตามร่างกายของเขาช่วยให้การนอนหลับครั้งนี้ผ่อนคลายยิ่งนัก

ช่วงกลางดึก อยู่ๆ เฟิงอู๋โยวก็ได้ยินใครบางคนเรียกชื่อนางไม่หยุด นางลืมตาขึ้นทันที และมองกวาดไปรอบๆ ห้องอันมืดสลัว

“อู๋โยว ไม่ต้องกลัว”

“ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างอ่อนโยน”

“อู๋โยว กอดข้าแน่นๆ”

แล้วอยู่ๆ จวินมั่วหรันก็ละเมอโพล่งพูดขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาเฟิงอู๋โยวตกใจจนเกือบจะเตะเขาตกเตียง

หลังจากนั้นไม่นานก็สังเกตเห็นว่าจวินมั่วหรันยังไม่ตื่น สาเหตุที่เขาละเมอเรียกชื่อนางไม่หยุดก็เป็นเพราะกำลังฝันว่ากำลังทำเรื่องอันน่าตื่นเต้นกับนางในภวังค์ความฝัน

เฟิงอู๋โยว ค่อยๆ ผละตัวออกและจ้องมองสีหน้าของจวินมั่วหรันที่ค่อยๆ ฉายแววใคร่อยากเร้าอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ

ภาพที่เห็นทำเอานางปวดขมับขึ้นมาทันที

นางนึกไม่ออกว่าทำไมจวินมั่วหรันถึงฝันถึงนาง

ในภวังค์ความฝันของเขา นางเป็นผู้ชายใช่หรือไม่

แล้วในภวังค์ความฝันนั้น เขาเข้าใกล้นางด้วยวิธีไหน

ในเวลานั้น จวินมั่วหรันที่จมอยู่ในภวังค์ฝันลึก กำลังเดินตามเสียงของน้ำพุที่ไหลเอื่อยๆ อยู่ท่ามกลางดงหมอกพร่ามัว

เขามองเงาร่างเพรียวบางที่นั่งอยู่ข้างบ่อน้ำพุกลางดงหมอก ทว่าดวงตาของเขากลับไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

หลังจากนั้นไม่นาน เงาร่างเพรียวบางก็หันขวับกลับมา “ท่านใต้เท้า หยุดก่อน!”

รูม่านตาของจวินมั่วหรันหดเกร็งฉับพลัน เขาจ้องมองเงาร่างเพรียวบางที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างเหม่อลอย หัวใจราวกับหยุดเต้น เขาจ้ำอ้าวเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อหมายคว้าร่างนั้นมากอด

เขาไม่เคยคิดว่าเงาร่างเพรียวบางที่เขาเห็นฝันถึงมานับครั้งไม่ถ้วนก็คือร่างของเฟิงอู๋โยว

บางทีนี่อาจเป็นพรหมลิขิตที่กำหนดไว้ก็เป็นได้

จวินมั่วหรันมีความสุขเป็นที่สุด ปลายนิ้วที่แห้งกร้านของเขาสัมผัสแก้มอิ่มน้ำของเฟิงอู๋โยวอย่างเบามือ หางตาและปลายคิ้วของเขาเปี่ยมไปด้วยความรัก

ดวงตาทรงกลีบดอกท้อของนางเบิกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาที่สวยงามใสวาวน่าดึงดูด ทำเอาทั่วทั้งร่างกายของเขาวูบวาบด้วยสารแห่งความสุข

“ท่านให้เท้า ในเมื่อมาที่นี่แล้วทั้งที ไฉนถึงไม่อยู่ต่ออีกหน่อย”

“เจ้ากำลังจะบอกว่า…เจ้าสมยอมกระนั้นหรือ”

“ข้าเคยบอกว่าไม่อยากกระนั้นหรือ” นางเลิกคิ้วอย่างเย้ายวนและโอบแขนรอบคอของเขา

ด้านนอกความฝัน ภายในห้องมืดสลัว

เฟิงอู๋โยวเท้าคางด้วยมือข้างเดียวและจ้องมองจวินมั่วหรันอยู่เป็นเวลานาน

ตอนนี้เขาไม่ได้เรียกชื่อนางถี่เหมือนเมื่อครู่แล้ว

ตอนนี้นางรักษาระยะห่างจากเขา

เพราะกลัวว่าจวินมั่วหรันจะแยกแยะระหว่างความฝันหรือความจริงไม่ออก จนเผลอทำเรื่องอย่างว่ากับนางเข้าจริงๆ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ตัวสั่นขึ้นมา ก่อนรีบพลิกตัวลุกออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เขาออกจากห้องมา จุยเฟิงกับเถี่ยโส่วที่นั่งสังเกตการณ์อยู่บนยอดไม้ก็กระโดดลงมาด้านหน้าของนาง

“แม่ทัพเฟิง ท่านใต้เท้าอยู่ในห้องของเจ้าใช่หรือไม่” จุยเฟิงถามอย่างรู้เท่าทัน เขาแค่ต้องการส่งเสียงเพื่อเตือนจวินมั่วหรันว่าเฟิงอู๋โยวกำลังทำท่าเหมือนจะหาโอกาสหลบหนี

แต่ไม่นึกว่าจวินมั่วหรันยังคงจมอยู่ในภวังค์ฝันอันหอมหวานไม่ยอมตื่น

เฟิงอู๋โยวมุ่งไปที่ห้องด้านใน “เขาหลับสนิทและละเมอพูดตลอดทั้งคืน ข้านอนไม่หลับ”

เถี่ยโส่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ปกติท่านใต้เท้าไม่ค่อยพูดไม่ใช่หรือ”

เฟิงอู๋โยว ผายมือสองข้างพลางยักไหล่ แต่แล้วอยู่ๆ ก็เหมือนนึกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นางจับแขนเสื้อของ จุยเฟิงก่อนพูดขึ้น “ตอนกลางคืนอากาศหนาว อย่าลืมห่มผ้านวมที่ ‘เปียกชุ่ม’ ให้ท่านใต้เท้าด้วย ลมจะได้ไม่โกรกจนท่านใต้เท้าป่วย”

จุยเฟิงเข้าใจสิ่งที่นางต้องการจะสื่อทันที ใบหน้าผุดแววยิ้ม “ท่านใต้เท้าโตขึ้นเยอะเลย ดีจริงๆ!”

เถี่ยโส่ว “แม่ทัพเฟิง เพิ่งเปลี่ยนผ้าน่วมไปไม่ใช่หรือ ทำไมมันถึงสกปรกอีกครั้ง”

“อะแฮ่ม…”

จุยเฟิงไอแห้งๆ ก่อนรีบลากเถี่ยโส่วเข้าไปในห้องด้านในและกระซิบข้างหูเขา “อย่าพูดเสียงดัง! ถ้าท่านใต้เท้าได้ยินเข้า พวกเราเจอดีแน่!”

เถี่ยวโส่วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนย่องตามจุยเฟิงไปที่เตียง

“อู๋โยว…”

ริมฝีปากบางๆ ของจวินมั่วหรันเปล่งเสียงต่ำอันไพเราะ น้ำเสียงช่างเย้ายวนจนทำให้จุยเฟิงกับเถี่ยโส่วสะดุ้งไปพร้อมๆ กัน

“ทำไมข้ารู้สึกว่าท่านใต้เท้ากำลังลวนลามแม่ทัพเฟิงในความฝันอยู่”

เถี่ยโส่วเลิกผ้านวมที่ ‘เปียก’ เป็นดวงๆ ที่เริ่มเย็นออกจากร่างของจวินมั่วหรันอย่างระมัดระวัง พร้อมกับถามจุยเฟิงที่ยืนยิ้มระรื่นอยู่ข้างๆ

“แบบนี้สินะที่เรียกว่า คิดถึงทุกวันแม้ยามหลับฝัน”

ทันทีที่คำพูดจบลง จวินมั่วหรันก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน เขาจ้องมองจุยเฟิงที่ยืนยิ้มกระหยิ่มและเถี่ยโส่วที่ตกใจจนกระโดดถอยหลังออกไป

วินาทีต่อมา จวินมั่วหรันคว้าข้อมือของเถี่ยโส่วทันที จากนั้นก็กระชากด้วยแรงทั้งหมด จับเขากดลงบนเตียง

เถี่ยโส่วกลัวมากจนน้ำตาเล็ด ริมฝีปากก็สั่นระริกไปหมด

แม้ว่าจวินมั่วหรันจะดูแลเขาอย่างดีมาตลอด แม้ว่าในใจของเถี่ยโส่วจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็สามารถอุทิศร่างกายของตัวเองเพื่อผู้มีพระคุณของเขาได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาสูดหายใจลึกและพูดอย่างตะกุกตะกัก “ท่านใต้เท้า พูดตามตรง กระหม่อมยังบริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นท่านใต้เท้าต้องอ่อนโยนกับกระหม่อมหน่อยนะขอรับ”

ทันใดนั้นจวินมั่วหรันก็ตั้งสติกลับมาได้อีกครั้ง ต่อมาก็รู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว “ออกไป”

“ท่านใต้เท้าไม่ต้องการกระหม่อมแล้วใช่หรือไม่” เถี่ยโส่วรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด ครั้งนี้น้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ

จุยเฟิงรีบยกมือปิดปากของเถี่ยโส่วพร้อมพูดกึ่งดุ “หยุดพูดมากเดี๋ยวนี้!”

เถี่ยโส่วหยุดพูดและได้แต่กอดผ้านวม ‘เปียก’ เอาไว้

จวินมั่วหรันเหลือบมองไปที่ผ้านวม ‘เปียก’ ในมือของเถี่ยโส่วด้วยความรู้สึกอับอาย

จุยเฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าปกติ “เรื่องนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ขอท่านใต้เท้าโปรดอย่าใส่ใจ ว่าแต่ท่านใต้เท้าไม่ลองพิจารณารับนางสนมเข้าเรือนสักคนหน่อยหรือขอรับ…แม่ทัพเฟิงค่อนข้างดื้อรั้น แม้ท่านจะหลงใหลเพียงใด เขาก็ไม่ยอม ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ท่านใต้เท้าอาจจะขาดใจเข้าให้จริงๆ ก็เป็นได้นะขอรับ”

“ออกไป”

จวินมั่วหรันรู้สึกแล้วว่าตัวเองไม่สามารถต้านทานมนตร์เสน่ห์อันน่าหลงไหลของเฟิงอู๋โยวได้อีกต่อไป

ดูเหมือนว่าเขาต้องกดดันกู่หนานเฟิงให้หาวิธีกำจัดพิษที่ตกค้างในร่างกายของเฟิงอู๋โยวให้ได้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

เขายกมือก่ายหน้าผากด้วยมือข้างหนึ่ง สายตามองไปที่เตียง ทันใดนั้นเพิ่งจะรู้ตัวว่าเฟิงอู๋โยวหายตัวไปตั้งนานแล้ว

ครั้นแล้วจึงถามจุยเฟิงด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า “เฟิงอู๋โยวอยู่ที่ไหน”

จุยเฟิงตอบด้วยความเคารพ “ดูเหมือนว่าแม่ทัพเฟิงจะออกไปเดินเล่นที่สนามด้านหน้าขอรับ”

กลางดึกแบบนี้ยังมีกะจิตกะใจไปเดินเล่นอีกหรือ

เป็นไปได้ว่านางจะแอบไปหาเฟิงอี้และหลิงเทียนฉีเพื่อจิบสุราพูดคุยกัน

จวินมั่วหรันตบขอบเตียงเพื่อระบายอารมณ์ก่อนลุกพรวด และรีบวิ่งไปที่สนามด้านหน้าราวกับลมฝนกรรโชกก็ไม่ปาน

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

เย้ารักท่านอ๋องเผด็จการ

Status: Ongoing
เพราะ ‘สัมพันธ์ชั่วข้ามคืน’ ทำให้ท่านอ๋องเย็นชาจอมเผด็จการแทบพลิกแผ่นดินตามหาตัวนาง เพื่อ…สังหาร!นิยายโรแมนติก-คอเมดี้ พระเอกสุดโหด นางเอกสุดแซ่บ!เมื่อ เฟิงอู๋โยว หัวหน้าทหารรับจ้างสุดก๋ากั่นทะลุมิติมายังโลกยุคโบราณทั้งยังโดนวางยาปลุกกำหนัดเข้าทางรอดเร่งด่วนเพียงอย่างเดียวก็คือใช้บุรุษช่วยถอนพิษ!ชายหนุ่มมากมายหลายแสนนางไม่เลือกกลับไปพัวพันเข้ากับ จวินมั่วหรัน ท่านอ๋องแคว้นศัตรู ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดสตรีและดุดันเหี้ยมโหดเกินใครแม้จะรอดตัวมาได้เพราะร่างนี้อยู่ในฐานะ ‘บุรุษ’ แต่ด้วยสถานะทหารแคว้นศัตรูทำให้นางต้องกลับมาวนเวียนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งตราบใดที่นางไม่พูด เขาคงไม่รู้กระมังว่านางคือคนในคืนนั้น?เอาเถอะ อย่างนั้นคงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท