ตอนที่ 245 ห้ามจวินมั่วหรันเข้าข้างใน / ตอนที่ 246 ปีกกล้าขาแข็ง
ตอนที่ 245 ห้ามจวินมั่วหรันเข้าข้างใน
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางหันกลับมาและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ในตอนแรก นางพยายามหาข้อแก้ตัวให้จวินมั่วหรันมาตลอด ไม่ว่าจี้มั่วจื่อเฉินจะพูดอะไร นางก็เพิกเฉย
แต่เมื่อนางเห็นจวินมั่วหรันกับจี้มั่วจื่อหยวนกอดกัน นางก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไป
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
จี้มั่วจื่อเฉินรีบเดินตามไล่หลังนาง “อู๋โยว รอข้าด้วย”
“ไอ้กีบเท้าหมู[1]!”
เฟิงอู๋โยวเดินไปราวเหมือนบิน ฝีเท้าของนางเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าจี้มั่วจื่อเฉินไม่เข้าใจว่า ‘กีบเท้าหมู’ หมายถึงอะไร แต่เขาสัมผัสได้ว่าเฟิงอู๋โยวอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ครั้นจึงถามขึ้น “เจ้าคงไม่ได้ชอบอาหรันเข้าแล้วใช่หรือไม่”
เฟิงอู๋โยวตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “พูดบ้าๆ! ข้าจะชอบเขาได้อย่างไร จะให้ข้าชอบคนเจ้าชู้หื่นกามที่หลงรักคนอื่นไปเรื่อยกระนั้นหรือ”
จี้มั่วจื่อเฉินแตะจมูกตัวเองอย่างรู้สึกผิด จากนั้นก็พูดขึ้นเพื่อปกป้องจวินมั่วหรันกับตัวเขา “มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ผู้ชายไม่ใช่หรือ ชายผู้มีอำนาจคนไหนไม่มีภรรยาสามคนและนางสนมสี่คนบ้าง นอกจากนี้ เจ้าเคยบอกเองไม่ใช่หรือว่าตัวเองก็ชอบเสพสำราญเช่นกัน”
“คนเจ้าชู้ มีเหตุผลที่ฟังขึ้นด้วยหรือ ข้าจะถามเจ้าไว้อย่าง ถ้านางบำเรอ นางสนมที่อยู่ร่วมเรือนเดียวกันปีนกำแพงออกไปเสพสำราญกับผู้อื่น เจ้ารับได้ใช่หรือไม่”
จี้มั่วจื่อเฉินส่ายหัว “ข้ารับไม่ได้ แต่ว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ถ้าผู้หญิงนอกใจ แบบนั้นเรียกหญิงเสเพล แต่ถ้าผู้ชายมีผู้หญิงคนเดียว ก็จะถูกกล่าวหาว่าไร้น้ำยาหรือมีปัญหาด้านสุขภาพ”
“พูดไม่เข้าท่าก็อย่าพูด”
ดังคำโบราณกล่าวเอาไว้ ‘กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์’
ในที่สุดเฟิงอู๋โยวก็เข้าใจว่าทำไมจวินมั่วหรันกับจี้มั่วจื่อเฉินถึงเป็นเพื่อนกันได้
ที่แท้ลึกๆ แล้วเขาก็เป็นเช่นเดียวกับจี้มั่วจื่อเฉินที่หลงใหลในตัณหา
สิ่งที่น่าขำที่สุดสำหรับนางก็คือ เมื่อครู่นางเกือบจะสารภาพความในใจกับจวินมั่วหรันไปแล้ว
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เขาไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
“อู๋โยว เจ้าโกรธเรื่องอะไรกันแน่”
จี้มั่วจื่อเฉินที่ตามนางมาตลอดทางยังไม่เข้าใจสาเหตุที่ทำให้นางโกรธขึ้นมาฉับพลัน
เฟิงอู๋โยวหันขวับกลับมามองค้อนใส่จี้มั่วจื่อเฉิน “องค์ชายเฉิน จากนี้ไปอย่าโผล่หน้าไปที่เรือนแพทย์ของข้าอีก ข้าไม่อยากรักษาโรคให้เจ้าอีกแล้ว!”
จี้มั่วจื่อเฉินบ่นอุบ “ถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังปฏิเสธว่าไม่ชอบอาหรันอยู่อีก ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิงและทำตัวเป็นผู้หญิงขี้หึง ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะถูกทอดทิ้ง”
“ถ้าเจ้าเป็นผู้ชายของข้า ข้าคงฆ่าเจ้าไปนานแล้ว หรือไม่ก็จะจับเจ้าตอนทิ้งให้สิ้นทายาทสืบสกุลไปเลย”
“ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิง ข้าจะดูแลเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”จี้มั่วจื่อเฉินพูดกึ่งติดตลกกึ่งจริงจัง
สาเหตุหลักที่เขาหลงระเริงไปกับราคะก็เพราะเขายังไม่เจอกับผู้หญิงที่สามารถกุมหัวใจเขาได้
ณ ที่ประตูวังหลวง ขณะที่ฟู่เย่เฉินกำลังจะควบม้ากลับเรือน อยุ่ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างหลัง
เขาหันกลับไปพบว่าเฟิงอู๋โยวกำลังเดินออกมาด้วยความโกรธ เขาจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
เขาขี่ม้าไปข้างหน้าเพื่อขวางทางเฟิงอู๋โยว”อะไรกัน นี่เจ้าทะเลาะกับเซ่อเจิ้งหวางอีกแล้วหรือ”
“หลีกไป”
“ดูเหมือนจะทะเลาะกันจริงๆ”
มุมปากของฟู่เย่เฉินรั้งขึ้น จากนั้นก็ยื่นมือไปหานาง “ไปเถิด ข้าจะพาเจ้าไปที่ไหนสักแห่งเอง”
“ไม่”
เฟิงอู๋โยวอารมณ์ไม่ดี นางแค่ต้องการกลับไปนอนพักผ่อนที่เรือนแพทย์ให้เร็วที่สุด
แต่ฟู่เย่เฉินกลับคว้าข้อมือของนางและดึงนางขึ้นมาทันที “ไม่ต้องกังวล ข้าแค่จะพาเจ้าเที่ยวเฉยๆ”
เฟิงอู๋โยวพยายามดิ้นเพื่อลงจากหลังม้า แต่จากหางตาของนางดันเหลือบเห็นจวินมั่วหรันที่กำลังเดินมาที่ประตูวังหลวงอย่างรวดเร็ว ครั้นแล้วนางจึงคว้าบังเหียนจากฟู่เย่เฉินก่อนควบม้าจากไป
“ช้าๆ หน่อย! ไฉนจึงดุดันจัง”
ตอนนั้นเองที่ฟู่เย่เฉินพบว่าเฟิงอู๋โยวมีความสามารถในการขี่ม้าบนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านในเมืองหลวง
หลังจากสลัดจี้มั่วจื่อเฉินพ้น นางก็ควบม้ามุ่งหน้ากลับไปที่เรือนแพทย์พยากรณ์
“เจ้าดูว้าวุ่นใจ หรือว่าเจ้าพบกับจี้มั่วจื่อหยวนแล้ว”
“…”
เฟิงอู๋โยวไม่ตอบ แต่ทุกครั้งที่นางนึกถึงฉากที่จวินมั่วหรันกับจี้มั่วจื่อหยวนกอดกัน หัวใจของนางก็เต้นรัวด้วยความเจ็บปวด
ฟู่เย่เฉินรู้ดีว่าเฟิงอู๋โยวใส่ใจกับจวินมั่วหรันมาก ดังนั้นนางจึงโกรธจนพูดไม่ออกแบบนี้
เขาควรอาศัยจังหวะนี้ทำคะแนนจากเฟิงอู๋โยว
ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “อย่าโกรธเขาเลย”
ทันทีที่ลงจากหลังม้า นางก็กระโจนเข้าไปในห้องโถงเรือนแพทย์พยากรณ์ทันที มือหยิบกระดาษมาเขียนป้ายอย่างรวดเร็ว ก่อนแปะเอาไว้ที่หน้าประตู ‘ไม่อนุญาตให้เจ้ากีบเท้าหมูจวินมั่วหรันเข้าไป’
เมื่อจวินมั่วหรันตามมาถึง เขาก็เห็นฟู่เย่เฉินควบม้าจากไปอย่างอารมณ์ดี
เฟิงอู๋โยวหันกลับไปมองไปจวินมั่วหรันโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นก็ปิดประตูห้องดังปัง
จวินมั่วหรันรู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจได้ว่าทำไมเฟิงอู๋โยวถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้
เขามองไปที่ป้ายตัวอักษรอันสะดุดตาที่แปะอยู่หน้าด้านประตู ก่อนกระชากมาฉีกทิ้ง
เขาพยายามเปิดประตูที่ปิดแน่นเพื่อเข้าไปคุยกับเฟิงอู๋โยว
“เฟิงอู๋โยว เปิดประตู”
“ไม่”
เฟิงอู๋โยวถือค้อนในมือ จากนั้นก็ตอกตะปูปิดประตูตายจากด้านในทันที
ตอนที่ 246 ปีกกล้าขาแข็ง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จวินมั่วหรันก็ระงับความโกรธในใจลง ก่อนถามขึ้นด้านนอกประตู “ข้าไปทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคือง ขอแค่เจ้าพูดออกมา ข้าจะเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน”
“ได้โปรดกลับไปด้วย”
“เฟิงอู๋โยว นี่เจ้ากำลังข้ามแม่น้ำ พังสะพาน[2]อยู่หรือ”
“ถ้าท่านใต้เท้าไม่พอใจ ก็ถอดตำแหน่งของกระหม่อมออกได้เลย” เฟิงอู๋โยวกำหมัดทาบบานประตูพลางพูดอย่างบูดบึ้ง
“นี่เจ้าเป็นอะไรของเจ้า คิดจะแผงฤทธิ์ก็ควรมีขอบเขตบ้าง”
จวินมั่วหรันระงับความโกรธของเขา เขามองเห็นเฟิงอู๋โยวขึ้นหลังม้าของฟู่เย่เฉินจากระยะไกล เขายังไม่ทันถามนางให้รู้เรื่อง นางก็คิดเองเออเองไปก่อนแล้ว
“ท่านใต้เท้ากำลังคิดว่ากระหม่อมทำตัวไร้เหตุผลใช่หรือไม่ ได้คืบจะเอาศอก พอได้ใจหน่อยก็ทระนงตน ท่านกำลังคิดว่ากระหม่อมเป็นคนแบบนั้นใช่หรือไม่”
“ข้าไม่ได้คิดแบบนั้นกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”
แม้ว่าจวินมั่วหรันจะโกรธ แต่เขาก็ยังพอมีเหตุผลบ้าง
เขาเข้าใจว่า บางคำที่หลุดพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้
เฟิงอู๋โยวพูดตอบกลับ “ท่านอาจไม่รู้ กระหม่อมทำตัวไร้เหตุผลกับท่านแค่คนเดียวเท่านั้น นับจากวันนี้ไปจะไม่มีอีกแล้วเฟิงอู๋โยวผู้ทำตัวไร้เหตุผล
จวินมั่วหรันเป็นคนที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์การเข้าถึงความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองมาก่อน ดังนั้นเมื่อเขาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร
เขาเดินวนไปหน้าประตูห้องอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็พังประตูด้วยมือเปล่า จากนั้นมองเฟิงอู๋โยวที่นอนหันหลังให้เขาอยู่เตียงด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
จวินมั่วหรันรีบเดินไปด้านหน้าเตียง ก่อนถามด้วยเสียงทุ้ม “เฟิงอู๋โยว บอกข้ามา ฟู่เย่เฉินมีดีอะไรจนเจ้าถึงขั้นยอมตัดความสัมพันธ์กับข้า”
“ท่านใต้เท้ากลับไปเถิด กระหม่อมไม่อยากเจอท่านอีก”
“เล่นกับความรู้สึกของข้าแบบนี้ มันทำให้เจ้าภาคภูมิใจนักหรือ”
เฟิงอู๋โยวรู้สึกเศร้าไม่แพ้กัน มือของนางที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้านวมผืนบางกำลังกำจี้แหวนหยกที่จวินมั่วหรันเคยมอบให้อย่างแน่น “ท่านใต้เท้าอยากฆ่ากระหม่อมหรือทรมานกระหม่อมก็ย่อมได้”
“นี่เจ้ากำลังใช้โอกาสจากการที่ข้าไม่สามารถแตะต้องเจ้าได้ เหยียบย่ำความรู้สึกจริงใจของข้าอยู่กระนั้นหรือ”
“ท่านใต้เท้ายังมีความจริงใจอยู่ด้วยหรือ”
ถ้านางไม่เห็นด้วยตาตัวเอง นางคงคิดว่าจวินมั่วหรันเป็นคนจริงใจคนหนึ่งจริงๆ
จวินมั่วหรันกลัวว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้จนเผลอทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงหยุดโต้เถียงกับนางและจากไปด้วยสีหน้าเย็นชา
ทันทีที่เขาจากไป หลิงเทียนฉีกับเฟิงอี้ก็แอบเข้ามาในห้องนอนของเฟิงอู๋โยว
เมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนของนางถูกจวินมั่วหรันพังเข้ามา เฟิงอี้โมโหแทน “เขารังแกเจ้าอีกแล้วหรือ ไปกันเถิด พี่จะพาเจ้าออกไปจากที่นี่เอง!”
หลิงเทียนฉีพูดเสริม “สหายอู๋โยว แคว้นตงหลินไม่ใช่สถานที่ของพวกเรา”
“อู๋โยว แทนที่จะอยู่ถูกทรมานอยู่ที่แคว้นตงหลิน พวกเราไปหาที่อยู่ใหม่ที่แคว้นซีเยว่ไม่ดีกว่าหรือ ไปอยู่กันเป็นฉันพี่น้อง” เฟิงอี้เสนอขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แคว้นซีเยว่ ทำไมอยู่ๆ พี่ใหญ่ถึงอยากไปที่แคว้นซีเยว่” เฟิงอู๋โยวค่อยๆ ลุกขึ้น ก่อนถามเขาด้วยความประหลาดใจ
เฟิงอี้ลังเลเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดอย่างระมัดระวัง “ในชีวิตนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ช่วยเหลือไม่ได้และไร้การควบคุม ข้าเคยสาบานว่าว่าจะซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อแคว้น และเต็มใจรับใช้ประชาชนของแคว้นเป่ยหลี่มาตลอด แต่น่าเสียดายที่หลายๆ อย่างกลับตาลปัตรและไม่เป็นอย่างที่ข้าหวัง”
“พี่หมายความว่าอย่างไร” เฟิงอู๋โยวรู้สึกว่าคำพูดของเฟิงอี้ความหมายอื่นแฝงอยู่ นางจึงหรี่ตามองเขาด้วยสายตาเฉียบคม
“ช่างมันเถิด การมาที่แคว้นตงหลินครั้งนี้ อายุพี่ก็มากขึ้นเรื่อยๆ พี่ตัดสินใจแล้วว่าจะปีกกล้าขาแข็งเดินให้ไกลบินให้สูง”
“ถ้าไปหนีไปใช้ชีวิต เกรงว่าเฟิงจือหลินคงเป็นบ้าตายพอดี”
“อู๋โยว เจ้าอยากจะปีกกล้าขาแข็งจากไปไกลๆ กับพี่หรือไม่” เฟิงอี้เลี่ยงที่จะพูดถึงเฟิงจือหลิน เขามองเฟิงอู๋โยวด้วยสายตาแน่วแน่
เฟิงอู๋โยวจ้องมองจี้แหวนหยกในมืออยู่สักพักใหญ่ๆ
แรกเริ่มเดิมทีนางไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ในแคว้นตงหลินไปตลอด
ตอนนี้จวินมั่วหรันให้คำมั่นสัญญากับจี้มั่วจื่อหยวนเรื่องวันแต่งงานแล้ว ดังนั้นนางไม่มีเหตุผลต้องอยู่ในสถานที่ที่น่าเศร้าแบบนี้ต่อไป
แทนที่จะอยู่ทนดูจวินมั่วหรันกับผู้หญิงอื่น สู้ออกเดินทางท่องโลกไปสักพักไม่ดีกว่าหรือ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ตกลง”
“เดี๋ยวข้าขอตัวไปจัดการก่อน แล้วจะกลับมา”
เฟิงอี้มีความสุขมาก เขาหันไปลากหลิงเทียนฉีและเดินพึมพำออกจากห้องนอน
เฟิงอู๋โยวมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แววกระหายเลือดส่องประกายในดวงตาที่เฉียบคมของนาง “เป่ยถางหลีอิน ความตายของแกกำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
ก่อนออกจากแคว้นตงหลิน นางต้องจัดการกับเป่ยถางหลีอินให้จบก่อน
เป่ยถางหลิอินมอบความตายให้แก่เจ้าของร่างคนเดิม ในเมื่อเฟิงอู๋โยวคนนี้ยึดครองร่างของเจ้าของเดิมได้แล้ว นางจะไม่มีทางปล่อยให้ผู้กระทำความผิดในหายนะครั้งนี้ลอยนวลอย่างแน่นอน
[1]กีบเท้าหมู เป็นคำแสลงใช้เรียกผู้ชายเจ้าชู้
[2]ข้ามแม่น้ำพังสะพาน หมายถึงเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ก็ถีบส่งผู้ช่วยเหลือ