ตอนที่ 247 ไปถามเขาให้รู้เรื่อง / ตอนที่ 248 เซ่อเจิ้งหวางโกรธจัด
ตอนที่ 247 ไปถามเขาให้รู้เรื่อง
ตะเกียงไฟสุกสว่าง ยามพลบค่ำกำลังเข้ามาเยือน
เฟิงอู๋โยวนั่งอยู่หน้ากระจกสัมฤทธิ์ ถอดปิ่นปักผมหยกออก เส้นผมดำเป็นเงายาวสลวยทิ้งตัวร่วงลง
ชิงหลวนยืนอยู่ข้างหลังนาง จ้องมองใบหน้าแดงเรื่อ ดวงตาชุ่มใสของเฟิงอู๋โยวในกระจก “นายหญิงดูดีมากเลยเจ้าค่ะ”
“เร็วเข้า รีบๆ มัดผมให้ข้าหน่อย”
เฟิงอู๋โยวเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรง นางรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวเพราะแทบไม่เคยใส่
ถ้านางพลาดการแสดงของสภาบุหงาที่เต็มไปด้วยผู้คน นางอาจพลาดโ อกาสจัดการเป่ยถางหลีอินไปเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ให้ตายนางก็ไม่มีทางใส่ชุดแบบนี้เดินเตร็ดเตร่ไปข้างนอกหรอก
ที่น่าหงุดหงิดก็คือ เมื่อนางขอให้ชิงหลวนปรับแต่งชุดที่เหมาะกับนาง ชิงหลวนกลับสั่งตัดชุดกระโปรงเอวคอด แหวกอกลึก
ด้วยความเคยชินกับการเป็นผู้ชาย อยู่ๆ ก็มองดูตัวเองเป็นหลุมเป็นบ่อในกระจกสีบรอนซ์ มันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจอย่างยิ่ง
ชิงหลวนพูดอย่างมีความสุขว่า “นายหญิงเจ้าคะ ในที่สุดก็คิดได้แล้วหรือเจ้าคะ ถ้าเซ่อเจิ้งหวางเห็นนายหญิงในชุดนี้ เขาจะตกหลุมรักนายหญิงอย่างแน่นอน”
“หยุดพูดถึงเขาต่อหน้าข้า”
ดวงตาของเฟิงอู๋โยวหรี่ลงเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“นายหญิง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือเจ้าคะ ตอนเย็น ท่านชายจุยเฟิงได้มาที่เรือนแพทย์ เขาบอกว่าเซ่อเจิ้งหวางขังตัวเองอยู่ในเรือนมั่วหรันและดื่มสุราเพียงลำพังเป็นเวลานาน”
“เขา…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ชิงหลวนถอนหายใจด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง “ได้ยินมาว่า…ไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นกับเขา” น้ำเสียงของเฟิงอู๋โยวเจือความกังวล
“ท่านชายจุยเฟิงบอกว่า เซ่อเจิ้งหวางเกือบจะจมน้ำตายที่บ่อน้ำพุอาบแสงจันทร์เจ้าค่ะ โชคดีที่เขาพบและช่วยขึ้นมาได้ทันเวลา” ชิงหลวนพูดขึ้น
เฟิงอู๋โยวไม่เข้าใจ เขากำลังจะแต่งงานกับจี้มั่วจื่อหยวนไม่ใช่หรือ ทำไมถึงต้องขังตัวเองในเรือนมั่วหรันและดื่มจนเมาด้วย
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฟิงอู๋โยวก็ถามขึ้นอย่างช้าๆ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านใต้เท้ากลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่”
ชิงหลวนส่ายหัว “ท่านชายจุยเฟิงบอกว่า เซ่อเจิ้งหวางเอาแต่พูดถึงนายหญิงไม่หยุด และเอาแต่โทษตัวเองและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำจนนายหญิงได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเขาไม่เคยรักใครมาก่อน จึงไม่รู้จักวิธีแสดงความรักกับผู้อื่น”
“จริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอน”
เฟิงอู๋โยวคิดในใจ บางทีในหัวใจคงจวินมั่วหรันอาจมีแต่นางก็เป็นได้
บางทีการมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับจี้มั่วจื่อหยวนในสวนจักรพรรดิเป็นเพียงการละเล่น
ก่อนหน้านี้ นางโกรธจนหน้ามืด และเอาแต่พยายามกันเขาออกไปให้พ้นๆ แต่นางกลับไม่ได้ถามเขาเกี่ยวกับจี้มั่วจื่อหยวนให้รู้เรื่องแบบเป็นการส่วนตัวเลย
ตอนนี้ความโกรธในใจของนางค่อยๆ สงบลง จากนั้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างนางกับจวินมั่วหรันก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ จนนางตระหนักได้ว่าตัวเองอาจเข้าใจจวินมั่วหรันผิดไป
เมื่อคิดได้แบบนี้ นางก็เตรียมจะฉีกเสื้อผ้าบนร่างกายออก
ชิงหลวนหยุดนางเอาไว้ทัน “นายหญิงจะทำอะไรเจ้าคะ”
“ข้าไม่ไปเข้าร่วมการแสดงที่สภาบุหงาแล้ว ข้าจะไปถามเขาให้รู้เรื่อง”
“แต่ท่านชายจุยเฟิงบอกว่า องค์ชายเฉินได้มาพาตัวเซ่อเจิ้งหวางไปชมการแสดงของสภาบุหงาแล้วเจ้าค่ะ ดังนั้นตอนนี้เซ่อเจิ้งหวางไม่น่าจะอยู่ที่เรือนมั่วหรัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงอู๋โยวก็ลุกขึ้นพรวด สวมผ้าคลุมหน้าและเดินออกจากเรือนแพทย์พยากรณ์ไปทันที
คนงานภายในเรือนแพทย์เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ทำไมพวกเขาจำไม่ได้ว่ามีสาวสวยงดงามเช่นนี้มาที่เรือนแพทย์พยากรณ์
ครู่หนึ่ง เทียนหวาง ตี้หู เป่าถ่า เหอเยา ก็นิ่งงันก่อนหันมองหน้ากันอย่างตกตะลึง จากนั้นเลือดกำเดาก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากจมูกของพวกเขา
ส่วนกู่หนานเฟิงที่เอนตัวไปนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องโถงเรือนแพทย์ก็กำลังจ้องมองไปที่แผ่นหลังอันสง่างามของเฟิงอู๋โยวอยู่เช่นกัน
เขาคิดในใจว่าตัวเองควรเร่งพัฒนายาถอนพิษที่สามารถถอนพิษในร่างกายของเฟิงอู๋โยวให้เร็วที่สุด
มิฉะนั้น เฟิงอู๋โยวผู้เลอโฉมดังบุหงาแห่งหุบเขาเซียน แกว่งไปแกว่งมาล่อตาล่อใจอยู่ต่อหน้าจวินมั่วหรันแบบนี้ จวินมั่วหรันจะต้องอกแตกตายแน่นอน
ตอนที่ 248 เซ่อเจิ้งหวางโกรธจัด
ริมฝั่งแม่น้ำเลียบคูเมือง มีแสงไฟวับวามสว่างไสว ผู้คนต่างหลั่งไหลมาชมการแสดงจากเหล่านางฟ้านางสวรรค์จากสภาบุหงากันอย่างเนืองแน่น
โรงเตี๊ยมหลิงเทียนที่สูงสุดในละแวกนั้นถูกจับจองจนเต็มหมด
จากชั้นล่างถึงชั้นบนสุด มีทั้งหมดยี่สิบสองชั้น เต็มไปด้วยผู้คนที่รอชมการแสดงอย่างตื่นเต้น โดยที่พวกเขาต่างพากันชะเง้อหน้าออกนอกหน้าต่าง
สายตาพวกเขามองไปที่เวทีโค้งทรงจันทร์เสี้ยวด้านนอกโรงเตี๊ยมหลิงเทียนอย่างใจจดใจจ่อ เพียงเพื่อรอดูความงามอมตะจากบรรดาสาวงามสะเทือนยุคสมัยจากสภาบุหงา
กลิ่นหอมสุราอวลจรุง ทิวทัศน์แสงไฟทั่วเมืองหลวงงามตา ท้องฟ้ายามราตรีค่อยๆ เข้มขึ้น
เวทีสูงตระหง่าน เสียงระฆังเหง่งหง่าง เสียงกลองลั่นเป็นระยะ โคมไฟทรงดอกไม้ถูกแขวนประดับ กลิ่นเครื่องร่ำแห้งหอม แพร่สะพรั่งทั่วสารทิศ เนรมิตพื้นที่แห่งนี้ราวกับมิติเซียนสวรรค์
ด้านหน้าเวทีมีโต๊ะยาวแกะสลักอย่างวิจิตรตั้งวางอยู่
จวินมั่วหรันนั่งอยู่ตรงกลางพอดี
แต่เขาในตอนนี้แทบยกเปลือกตาไม่ขึ้นแล้ว ทว่ามือกลับยังรินสุราให้ตัวเองอยู่ในภวังค์อันเมามายโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ทั่วทั้งตัวของเขาอาบไปด้วยกลิ่นหึ่งจากสุรา ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงมีรอยฟกช้ำที่ได้มาจากเฟิงอู๋โยวเมื่อวาน
เขาในสภาพเจือแววอันธพาลน้อยๆ ขี้เมานิดๆ ก็ไม่วายทำเอาหัวใจของผู้หญิงหลายพันคนสั่นระทวยได้ไม่แพ้ยามปกติ
ด้านขวามือของเขามีจี้มั่วจื่อหยวนผู้สง่างามสูงส่ง กำลังนั่งยืดตัวตรงอยู่อย่างวางมาด
ตอนนี้ นางกำลังมองจวินมั่วหรันพร้อมกับพูดเสียงแผ่ว “เซ่อเจิ้งหวาง การดื่มสุรามีแต่จะทำร้ายร่างกายของท่าน ดังนั้นโปรดอย่าดื่มจนเกินเลย”
ที่ด้านซ้ายมือของจวินมั่วหรันคือจี้มั่วจื่อเฉิน เขาพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มเช่นกัน “อาหรัน ดื่มให้น้อยหน่อย! คืนนี้ข้าเชิญเจ้ามาเพื่อถ่วงดุลคานอำนาจ หากเจ้าเมาขึ้นมา แล้วพวกหยุนเฟยไป๋หาจังหวะทำเรื่องไม่ดีขึ้นมา แบบนั้นคงเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ”
หยุนเฟยไป๋ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากจวินมั่วหรันกำลังมองจวินมั่วหรันด้วยความสนใจอย่างมาก ดวงตาสีม่วงเข้มของเขาส่องประกายแสงอย่างแปลกประหลาด
“เถาหง รินสุรา”
แม้หยุนเฟยไป๋จะพูดกับเถาหงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ดวงตาสีม่วงกลับจ้องมองไปที่จี้มั่วจื่อหยวนที่ปกคลุมไปด้วยแววโศกเศร้า แต่ก็ยังสง่างามไม่น้อย
จี้มั่วจื่อหยวนสังเกตสายตาอันร้อนแรงของหยุนเฟยไป๋ ทำเอานางหวาดกลัวจนเหงื่อเย็นแตกพลั่ก
นางโน้มตัวไปหาจวินมั่วหรัน ก่อนลดเสียงลง “เซ่อเจิ้งหวาง รบกวนช่วยข้าหน่อย”
จวินมั่วหรันขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างเฉยเมย “มีคนเป็นพันๆ คนในโลกนี้ อย่างข้าจะช่วยอะไรได้”
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น เข็มสีเงินเงาวับก็พุ่งเข้ามาที่จอกสุราของจวินมั่วหรัน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองไปที่หญิงสาวสวมหน้ากากที่แฝงตัวอยู่ในมุมมืดสลัว
ดวงตาของจี้มั่วจื่อหยวนเฉียบคมไม่แพ้กัน นางเห็นเข็มสีเงินยาวประมาณสามนิ้วพาดผ่านจอกสุราของจวินมั่วหรัน นางจึงอุทานด้วยความตกใจ “เซ่อเจิ้งหวาง มีเข็มอยู่ในจอกสุราท่าน!”
จวินมั่วหรันจำเฟิงอู๋โยวได้ในทันที เขาจ้องหน้านางเป็นเวลานาน มวลความโกรธพุ่งขึ้นมากลางอกจนแทบจะระเบิด
ผู้หญิงคนนี้กล้าดีอย่างไรมาแต่งตัวแบบนี้
ปั้ง!
เขาตบฝ่ามือลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดังกึกก้อง ชนิดที่ทำให้ผู้คนรอบๆ คิดว่าเป็นเสียงฟ้าผ่าได้
เมื่อเห็นโต๊ะด้านหน้าถูกทุบจนหัก จี้มั่วจื่อหยวนก็ถึงกับตัวสั่น “เซ่อเจิ้งหวาง ท่านเป็นอะไรของท่าน”
จวินมั่วหรันทำเหมือนไม่ได้ยิน ขณะที่เขากำลังจะยืนขึ้น เฟิงอู๋โยวก็พุ่งเข้ามาหาเขาด้านหน้า
“ท่านใต้เท้า ข้ามีเรื่องจะถาม”
เฟิงอู๋โยวมองเขาอย่างถ่อมตน แม้ว่าในใจนางจะโกรธมากที่เขานั่งกับจี้มั่วจื่อหยวนอย่างเปิดเผย แต่คราวนี้นางต้องถามให้รู้เรื่องว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จวินมั่วหรันลุกขึ้นพรวด จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกและคลุมให้นางโดยไม่สนใจสายตาประหลาดใจของทุกคนที่มองมาแม้แต่น้อย จากนั้นก็โอบเอวเฟิงอู๋โยวด้วยมือข้างหนึ่งก่อนพานางข้ามแม่น้ำคูเมืองมาอีกด้านหนึ่ง
สีหน้าของจี้มั่วจื่อหยวนมืดมนลง แต่นางก็ยังคงนั่งอยู่บนที่นั่งอย่างสง่างาม
จี้มั่วจื่อเฉินตกตะลึงอยู่พักใหญ่กว่าจะได้สติกลับมา “นั่นนางฟ้าจากไหนกัน นางจะต้องเข้าใจผิดผิดว่าอาหรันเป็นข้าอย่างแน่นอน”
หยุนเฟยไป๋ยังจ้องมองที่แผ่นหลังของจวินมั่วหรันด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีสตรีผู้เลอโฉมดั่งธิดาเซียนปรากฏขึ้นมาต่อหน้าผู้คนมากมาย ซ้ำยังสามารถทำให้เซ่อเจิ้งหวางแห่งแคว้นตงลินหลงใหลได้ในทันที”